อุตุเตือนเข้าไทย ใต้อ่วมท่วมหนัก กทม.ฝนกระจาย
ฝนถล่มกรุง น้ำท่วมสูงทำถนนพหลโยธินติดหนัก กรมอุตุฯ เตือน 53 จังหวัดรับมือพายุไซโคลนก่อตัวอ่าวเบงกอล จ่อเข้าไทยเกิดฝนฟ้าคะนองชุดใหญ่กว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ ระบุประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนกลางพ.ค. ช่วงแรกฝนตกต่อเนื่องจนถึงต้นมิ.ย. ก่อนทิ้งช่วงจากปรากฏการณ์เอลนีโญ-ลานีญา และจะกลับมาตกชุกหนาแน่นในเดือนส.ค.-ก.ย. อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คาดปีนี้มีพายุหมุนเขตร้อนเข้าไทย 2 ลูก 3 จังหวัดใต้อ่วมหนัก น้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะที่จ.สุราษฎร์ธานี เร่งช่วยเหลือราษฎร ดอยอินทนนท์ฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก เตือนประชาชนด้านล่างเฝ้าระวัง

ไทยเข้าสู่ฤดูฝนกลางพ.ค.
วันที่ 7 พ.ค. น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยาเตรียมประกาศเข้าสู่ฤดูฝนปี 2565 อย่างเป็นทางการสัปดาห์หน้า เบื้องต้นคาดว่าฤดูฝนปีนี้จะเริ่มต้นช่วงปลายสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพ.ค. และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนต.ค. โดยช่วงแรกฝนจะตกต่อเนื่องจนถึงต้นเดือนมิ.ย. จากนั้นช่วงกลางเดือนมิ.ย.ถึงกลางเดือนก.ค. จะเกิดฝนทิ้งช่วง เป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลณีโญและลานีญา ถัดมาเดือนส.ค.-ก.ย. ฝนจะกลับมาตกชุกหนาแน่น เกิดฝนตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

“ฤดูฝนปีนี้คาดว่าจะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าประเทศไทยจำนวน 2 ลูก โดยมีโอกาสสูงที่จะเคลื่อนผ่านบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือช่วงเดือนส.ค. หรือก.ย. ขณะที่ปริมาณฝนรวมทั้งช่วงฤดูฝนจะสูงกว่าค่าปกติร้อยละ 3 ซึ่งต่ำกว่าปีที่ผ่านมาที่สูงกว่าค่าปกติอยู่ที่ร้อยละ 8” น.ส.ชมภารีกล่าว

น.ส.ชมภารีกล่าวว่าช่วงฤดูร้อนไทยปี 2565 นี้ อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากลักษณะอากาศแปรปรวนและมีฝนตกเป็นระยะๆ จากปรากฏการณ์เอลณีโญและลานีญาที่ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 50-55 ทำให้อากาศไม่ร้อนจัด

อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศแปรปรวน โดยประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งขณะนี้ เกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน และจะเคลื่อนตัวทางทิศเหนือเข้าปกคลุมอ่าวเบงกอลตอนบนในช่วงวันที่ 7-9 พ.ค.

เตือน 53 จว.รับมือไซโคลน
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ “หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง” ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 7 พ.ค.2565 ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่างมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน และจะเคลื่อนตัวทางทิศเหนือเข้าปกคลุมอ่าวเบงกอลตอนบนในช่วงวันที่ 7-9 พ.ค. นี้ ส่งผลให้ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทย อ่าวไทย และทะเลอันดามัน มีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในขณะที่อ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พร้อมเตือน 53 จังหวัดทุกภาค เตรียมรับมือฝนฟ้าคะนองชุดใหญ่ กว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้

บิ๊กป๊อกสั่งผู้ว่าฯรับมือ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เผยว่ากรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ลักษณะอากาศของประเทศไทย ปี 2565 ว่าจะเริ่มต้นฤดูฝนประมาณกลางเดือนพ.ค. สิ้นสุดประมาณกลางเดือนต.ค. ในช่วงเดือนส.ค.และก.ย.จะมีฝนตกชุกหนาแน่น มีโอกาสสูงที่จะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านประเทศไทยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งในบางพื้นที่ จึงสั่งการไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ในฐานะผอ.กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2565 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

น้ำท่วมฉับพลัน 3 จว.ใต้
วันเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานจากสถานการณ์ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกําลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกําลังแรงปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลาง และทะเลอันดามันตอนบน ทําให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยปริมาณฝนที่ตกสะสมทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 5-7 พ.ค. เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ชุมพร สุราษฎร์ธานี รวม 5 อำเภอ 6 ตำบล 11 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 99 ครัวเรือน ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันภาพรวมสถานการณ์ในพื้นที่ระดับน้ำลดลงในทุกจุด ซึ่ง ปภ. จังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว

เร่งช่วย – เจ้าหน้าที่เข้าซ่อมถนนและคอสะพานเพื่อให้ใช้สัญจรได้ชั่วคราว รวมทั้งช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับ ผลกระทบหลังฝนตกหนักจนเกิดน้ำป่าไหลหลากที่บ้านคลองวาย ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 7 พ.ค.

สุราษฎร์ฯอ่วมหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.สุราษฎร์ธานีว่า จากกรณีเกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี อ.วิภาวดี อ.ไชยา และอ.ท่าฉาง รวม 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 130 ครัวเรือน 523 ราย บ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลัง 7 หลัง เสียหายบางส่วน 18 หลัง ถนนในหมู่บ้านชำรุดเสียหาย 25 สาย สะพาน คอสะพานชำรุดเสียหาย 18 แห่งนั้น เจ้าหน้าที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันช่วยยกของขึ้นที่สูง ค้นหาผู้สูญหายและช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม จ.สุราษฎร์ธานี สั่งการอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองด้านล่าง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง จัดเตรียมศูนย์อพยพ เครื่องมือ อุปกรณ์ รถยกสูง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถช่วยเหลือได้ทันที

เช้าวันเดียวกันนี้ ชาวบ้านคลองวาย หมู่ที่ 7 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี เข้าเคลียร์พื้นที่ทำความสะอาดภายในบ้านของตัวเองในสภาพที่มีโคลน ซากขยะ และบ้านพังจากน้ำป่าถล่มเมื่อเที่ยงวานนี้จนเสียหายหนัก ทั้งทรัพย์สิน อุปกรณ์ไฟฟ้า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เสื้อผ้า บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นสภาพบ้านของตนเอง

เร่งช่วยเหลือชาวบ้าน
นายธรณิศวร์ สะโรจน์ ส.จ.เขตอำเภอวิภาวดี กล่าวว่าเกิดฝนตกหนักสะสมติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ ทำให้น้ำสะสมทำเกิดน้ำป่าสูง 3-4 เมตรในบางจุด หนักในรอบหลายปี ด้านนายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีเร่งลงพื้นที่สำรวจความเสียหายโดยสั่งนำเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าปรับพื้นที่และปรับปรุงเส้นทางสัญจรโดยการถมคอสะพานเพื่อให้สัญจรได้ชั่วคราวลดความเดือดร้อนของชาวบ้าน

นายกฯสั่งติดตามใกล้ชิด
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ห่วงใยประชาชน จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้รับทราบรายงานสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ พร้อมกำชับสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยทหารในพื้นที่ ตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ส่วนประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนภัยหย่อมความกดอากาศต่ำที่อาจทวีกำลังเป็นพายุไซโคลนช่วงวันที่ 7-9 พ.ค. นายกฯ ขอให้ประชาชนติดตามการแจ้งเตือนฝนตกหนักจากส่วนราชการอย่างใกล้ชิด ขอให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่คอยช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

ดอยอินทนนท์ฝนตกหนัก
ที่จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ทางอำเภอจอมทอง แจ้งเกิดเหตุน้ำหลาก น้ำท่วมขัง ในพื้นที่หมู่ที่ 1, 2 , 12 และ 13 ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง เนื่องจากมีฝนตกสะสมตลอดคืนวันที่ 6 พ.ค. ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่ำ น้ำหลากท่วมข้ามถนน ทางอำเภอประสานหมวดทางหลวงจอมทองเข้าอำนวยความสะดวก ปิดกั้นการจราจร 1 ช่องทาง และให้อบต.ข่วงเปาขุดลอกทางน้ำเดิมที่มีหญ้ารกให้ไหลสะดวก ทั้งนี้ยังพบในพื้นที่บ้านเรือนประชาชนมีน้ำท่วมขัง เร่งช่วยกันสูบน้ำออกแล้ว คาดว่าภายในวันเดียวกันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติหากไม่มีฝนตกซ้ำ

ในส่วนของอุทยานแห่งชาติดอยอิน ทนนท์ นายเกรียงไกร ไชยพิเศษ หัวหน้าอุทยาน รายงานว่าช่วงเช้าบริเวณน้ำตกแม่กลางมีมวลน้ำจำนวนมาก น้ำเป็นสีข้น และในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีฝนตกและมีเมฆหมอกจำนวนมาก กระทั่งช่วงบ่ายระดับกระแสน้ำที่น้ำตกแม่กลางเข้าสู่สภาวะปกติ ระดับน้ำฝน จุดบริเวณน้ำตกแม่กลางเยอะที่สุด 110 ม.ม. กระแสน้ำป่าจะไหลหลากแบบนี้ตลอดหากมีฝนตกหนักโดยก่อนหน้านั้นเป็นน้ำป่าสะสม ฝากเตือนประชาชนด้านล่างให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากในช่วงนี้

ท่วมหนัก – สภาพถนนพหลโยธิน หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี เกิดน้ำท่วมขังสูงเกือบครึ่งคันรถจน การจราจรติดขัดอย่างหนัก ประชาชนสัญจรด้วยความยากลำบาก หลังมีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เมื่อวันที่ 7 พ.ค.

ฝนถล่มกรุงท่วมรถครึ่งคัน
เวลา 15.00 น. กรุงเทพมหานครเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ อาทิ เขตดอนเมือง สายไหม บางเขน ลาดพร้าว วังทองหลาง บางกะปิ บึงกุ่ม คันนายาว คลองสามวา มีนบุรี สวนหลวง ประเวศ สะพานสูง ขณะที่ ถ.พหลโยธินขาออก หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังฝนตกหนักน้ำท่วมถนน 2 ช่องทางซ้าย สูงเกือบครึ่งคันรถยนต์ การจราจรติดหนักยาวกว่า 2 ก.ม. จักรยานยนต์หลายคันต้องจอดตรงบริเวณสะพานเพื่อรอให้น้ำลด เพราะมีหลายคันที่ฝ่ากระแสน้ำทำให้เครื่องดับ หลังจากเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำส่งผลให้สถานการณ์เริ่มทุเลา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน