อุตุฯเตือน‘ฝน’ใต้หนักอีกรอบ
สุราษฎร์ฯ ดับแล้ว 1 พิษฝนตกหนัก เผยเป็นหนุ่มพม่าขี่รถจักรยานยนต์ข้ามท่อระบายน้ำคอนกรีต จนถูกน้ำซัดหายเสียชีวิต ผู้ว่าฯ สั่งเฝ้าระวังเตรียมอพยพตลอด 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ทหารระดมกำลังซ่อมแซมบ้านเรือน เผยได้รับผลกระทบแล้ว 3 อำเภอ ส่วนที่ห้วยยอด จ.ตรัง พายุถล่มต้นไม้โค่นทับปิกอัพพังยับ โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ กรมอุตุฯ เตือนอีกฝนหนักภาคใต้ 9-10 พ.ค.นี้ จากอิทธิพลพายุอ่าวเบงกอล ให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

วันที่ 8 พ.ค. ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวเบงกอล ฉบับที่ 5 ระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น. พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลาง มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 11.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 90.0 องศาตะวันออก กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลนในวันนี้ (8 พ.ค. 65) มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวขึ้นไปปกคลุมอ่าวเบงกอลตอนบนในช่วงวันที่ 9-10 พ.ค. 65 พายุนี้จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย แต่จะทำให้ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทย อ่าวไทย และทะเลอันดามัน มีกำลังปานกลาง ถึงค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากในบริเวณภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในขณะที่อ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

น้ำป่าซัด – ชาวบ้านช่วยกันกู้รถกระบะ ถูกน้ำป่าซัดลอยมาจากบ้านของประชาชน ในพื้นที่ ต.ปากฉลุย อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ขณะที่ฝนยังคงตกในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดจากอิทธิพลพายุไซโคลน เมื่อวันที่ 8 พ.ค.

ที่จ.สุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี รับรายงานจากปภ.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากตั้งแต่วันที่ 6-8 พ.ค. ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.วิภาวดี อ.ไชยา และอ.ท่าฉาง รวม 3 ตำบล 10 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 328 ครัวเรือน 1,065 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อนายไซ้ ช้าน อายุ 30 ปี เป็นชาวพม่าที่สูญหาย เนื่องจากถูกกระแสน้ำพัดขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ข้ามหลังท่อระบายน้ำคอนกรีต

มีบ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลัง 11 หลัง เสียหายบางส่วน 29 หลัง ถนนในหมู่บ้านชำรุดเสียหาย 25 สาย สะพาน/คอสะพานชำรุดเสียหาย 18 แห่ง/ท่อระบายน้ำ 1 แห่ง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซ่อมแซมถนนและคอสะพานที่ชำรุดเสียหาย ขณะนี้รถยนต์สามารถสัญจรไป-มา ได้แล้ว สถานการณ์ปัจจุบันยังมีฝนตกเล็กน้อย ปริมาณน้ำฝนสะสม 24 ช.ม.ที่ผ่านมา มากที่สุดอบต.ปากฉลุย อำเภอท่าฉาง วัดได้ 82 ม.ม. ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง

ทางด้านการให้ความช่วยเหลือฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อาสาสมัคร กู้ชีพ/กู้ภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันช่วยยกของขึ้นที่สูง ค้นหาผู้สูญหาย และได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติม

นายวิชวุทย์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองด้านล่าง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับจัดเตรียมศูนย์อพยพ เครื่องมือ อุปกรณ์ รถยกสูง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันที รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรในพื้นที่ ไม่ขับรถผ่านทางน้ำข้าม หรือลงไปในพื้นที่น้ำท่วมเพื่อป้องกันการสูญเสีย และให้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามระเบียบทางราชการโดยเร็วต่อไป

วันเดียวกัน กำลังพลจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46 และกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหาราบที่ 25 ร่วมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าพื้นที่ 3 อำเภอช่วยชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ต.ปากหมาก อ.ไชยา และต.ปากฉลุย อ.ท่าฉาง เพื่อสำรวจเพื่อวางสะพานข้ามคลองหลังน้ำซัดคอสะพานขาดและขนย้ายสิ่งของ ตลอดจนเอาสิ่งขีดขวางทางน้ำออก

ด้านพ.อ.ตวงทิพย์ ติณเวช ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46 สุราษฎร์ธานี ร่วมกับผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านในพื้นที่ สำรวจพื้นที่บริเวณบ้านท่าไม้แดง หมู่ที่ 3 ต. ปากหมาก อ.ไชยา โดยการนำรถแบ๊กโฮมาปรับพื้นที่คอสะพานที่ถูกน้ำป่าไหลหลากกัดเซาะจนไม่สามารถที่จะสัญจรผ่านไปมาได้เพื่อเตรียมวางสะพานข้ามคลองดังกล่าว เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางสายหลักในหมู่บ้านเส้นทางสายบ้านท่าไม้แดงไชยา เชื่อมต่อปากฉลุยอำเภอท่าฉางที่ชาวบ้านได้ใช้ร่วมกันเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้ชั่วคราวจนกว่าจะมีการปรับพื้นที่ให้เป็นปกติ

สำหรับในส่วนของกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 25 ได้จัดกำลังพลจำนวน 12 นาย ลงพื้นที่หมู่ที่.4,5,6 ต.ปากฉลุย ร่วมกับนายอำเภอท่าฉาง ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น มอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัย เคลื่อนย้ายต้นไม้ที่หักโค่นล้มออกจากพื้นที่ ช่วยทำความสะอาดบ้านเรือน และนำกิ่งไม้หรือวัชพืชที่ขวางทางน้ำซึ่งติดอยู่บริเวณท่อบล็อกเพื่อให้มวลน้ำไหลได้อย่างสะดวก

ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ช่วง 2 วันที่ผ่านมา เกิดฝนตกติดต่อกันแต่ไม่หนักมาก หลังกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนซึ่งสภาพอากาศมีฝนตกทั่วเกือบทั้งจังหวัด และมีฝนหนักบางแห่ง ทำให้ระดับน้ำตามลำคลองต่างๆ เริ่มเอ่อล้นตลิ่ง โดยทางจังหวัดได้แจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวังมวลน้ำสะสมจากฝนที่ตกในพื้นที่ต้นน้ำมาโดยตลอด ขณะรายงานมีท้องฟ้ามืดครึ้ม

ส่วนที่สะพานแขวนคลองท่าหา ต้นน้ำที่ไหลลงลำน้ำท่าดี หุบเขาคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด ซึ่งเป็นต้นน้ำจากเทือกเขาหลวงระดับน้ำยังปกติ อย่างไรก็ตามพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงรองรับน้ำได้

โค่นทับรถ – พายุซัดต้นอโศกขนาดใหญ่ โค่นลงมาทับรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ พังเสียหาย ขณะที่เจ้าของนำมาจอดระหว่างร่วมพิธีศพในวัดลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 พ.ค.

ที่วัดลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เกิดลมพายุกระหน่ำพัดต้นอโศก ขนาดใหญ่ภายในวัด โค่นทับรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีบรอนซ์ทอง ของผู้มาร่วมงานของผู้เสียชีวิตที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพอยู่ภายในวัด โดยจอดไว้ใต้โคนต้น ทำให้ต้นอโศกล้มฟาดลงบนรถอย่างจัง สภาพกระบะหลังยุบลงไปทั้งกระบะ และส่วนอื่นๆ ของตัวรถ แต่โชคดีที่เหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงทรัพย์สินซึ่งเป็นรถยนต์กระบะคันดังกล่าวเสียหายเท่านั้น โดยเบื้องต้นมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 50,000-70,000 บาท ก่อนที่จะมีการนำเลื่อยยนต์มาตัดแต่งต้นไม้ที่ล้ม

นายประเทือง หนูเกิด หรือโกดำ หมูย่าง อายุ 50 ปี เพื่อนสนิทเจ้าของรถ เล่าว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ตนกำลังนอนเฝ้างานศพบิดา อยู่ในที่ศาลาจัดงาน จู่ๆ เกิดลมพายุแรงแต่ไม่มีฝนตก ซึ่งเมื่อได้ยินเสียงดัง แต่ไม่กล้ามาดูเพราะว่ามันดึกแล้ว จนช่วงเช้าออกมาดูก็เห็นต้นอโศกล้มใส่รถกระบะคันดังกล่าว จนกระบะได้รับความเสียหาย ต้นไม้หักเป็นท่อนๆ ซึ่งรถคันดังกล่าวนั้นเป็นของเพื่อนตนที่มาช่วยงานศพ ซึ่งจากการตรวจสอบต้นไม้นั้นก็พบว่าภายในไม้นั้นผุพังพร้อมที่จะล้มอยู่แล้ว ซึ่งตอนกลางวันก็มีรถจอดมาที่งานศพหลายคัน ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูซึ่งโชคดีมากที่ภายในรถ ไม่มีใครไม่อย่างนั้นคงอาจจะเกิดเหตุสลดตามมา เพราะปกติเพื่อนของตนคนนี้จะนอนพักในรถ แต่โชคดีที่ตอนเกิดเหตุไม่ได้นอนอยู่ในรถ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน