ยอดขายพุ่ง แห่ซื้อคาร์ซีต รับกฎหมายใหม่ รมว.พาณิชย์สั่งผู้จำหน่าย ‘คาร์ซีต’ ให้แจ้งราคาขายมายังกรมการค้าภายในป้องกันฉวยโอกาสขึ้นราคา ขอห้างค้าปลีกใหญ่ ทั้งแม็คโคร โลตัส บิ๊กซี นำเข้าคาร์ซีต ราคาถูกมาขายเป็นทางเลือกให้ประชาชน เตรียมเปิดห้างจัดโปรลดราคาคาร์ซีต แจงเร่งแก้ต้นทุน ปาล์มขวดพุ่ง 76 บาท ตั้งคณะอนุกรรมการดูแล ให้พาณิชย์จังหวัดรายงานสต๊อกทุก 7 วัน ด้านกระทรวงคลังเล็งกู้โปะคนละครึ่งเฟส 5 โปรยยาหอมได้ใช้เร็วๆ นี้ รอประเมินจัดเก็บรายได้เม.ย.ก่อน ขณะที่เจ๊เกียว-สมาคม รถโดยสาร ยื่นอธิบดีขนส่งทางบก หากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้น 1.12 บาทต่อลิตร ขอปรับขึ้นค่าตั๋ว 1 สตางค์ต่อก.ม.

จากกรณี พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.นี้ โดยมีใจความสำคัญ ให้ผู้ที่อยู่ในรถยนต์ ต้องรัดเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลา ในขณะขับรถยนต์ โดยเฉพาะคนโดยสาร ที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือ “คาร์ซีต” โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 5 ก.ย.นี้ ต่อมา วันที่ 10 พ.ค. กรมการค้าภายใน (คน.) กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ได้เรียกห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง ที่จำหน่าย “คาร์ซีต” มาหารือ โดยสั่งห้ามปรับขึ้นราคาโดยเด็ดขาด หลังประชาชนร้องเรียนว่ามีร้านค้า บางแห่งฉวยขึ้นราคา ตามข่าวที่เสนอมานั้น

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้สำรวจร้านขายคาร์ซีตมือสองย่านก.ม.8 รามอินทรา อาทิ ร้าน Penguin คาร์ซีต รถเข็นเด็ก ของใช้เด็กมือสอง คนขายบอกยอดขายดีขึ้นมาก และ ยังไม่ได้ขึ้นราคา เพราะคนซื้อส่วนใหญ่รู้ข้อมูล ราคาเป็นอย่างดี โดยร้านเป็นของมือสอง ราคา จะถูกกว่าของใหม่ จึงเป็นที่สนใจของลูกค้าจำนวนมาก

รายงานข่าวจากบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า สินค้าในกลุ่มเด็ก ประเภท คาร์ซีต มีการปรับขึ้นก่อนหน้านี้ในบางรุ่น และบางแบรนด์ ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่เข้ามาแล้วปรับฐานราคาเลย เพราะต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น และปัจจัยจากทางด้านอื่นๆ ที่ทำให้ต้องปรับราคาสินค้าขึ้นอีกด้วย โดยปัจจุบันราคาเริ่มต้นที่ 2,990-30,000 บาท แต่ขณะนี้ทางห้างมีการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นอยู่ และสินค้าคาร์ซีตได้เข้าร่วมโปรโมชั่นด้วย ทำให้มีการลดราคาอยู่ที่ 20-30% แล้วแต่แบรนด์ นอกจากนี้ กำลังมีการพิจารณาว่าจะจัดกิจกรรม โปรโมชั่นพิเศษสำหรับสินค้าคาร์ซีตโดยเฉพาะ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้บริโภค ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม หลังจาก มีข้อกฎหมายที่เตรียมจะมีผลบังคับให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ต้องใช้คาร์ซีต ส่งผลให้ยอดขายช่วงเดือนเม.ย. และพ.ค.มีการเติบโตขึ้นมาก

ขณะที่รายงานข่าวจากห้างค้าปลีก กล่าวว่า ราคาคาร์ซีตมีหลายราคาในห้างสรรพสินค้า เริ่มตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหมื่นบาท ซึ่งขึ้นกับวัสดุ ฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมถึงทั้งแบบผลิตในประเทศ และนำเข้าจากหลายประเทศ ซึ่งสินค้านำเข้ามีเรื่องภาษีนำเข้าที่ทำ ให้ราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตามช่วงนี้ห้างส่วนใหญ่ จะมีการจัดโปรโมชั่น ทำให้สินค้าบางแบรนด์บางรุ่นมีราคาถูกลง

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ห้ามปรับขึ้นราคา คาร์ซีต โดยเด็ดขาด และถ้ามีการขอปรับราคาเพราะต้นทุนนำเข้าสูงขึ้นหรือเหตุอื่น ต้องขออนุญาตคน.ก่อน และขอความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าที่มีศักยภาพ เช่น แม็คโคร โลตัส และบิ๊กซี ให้ช่วย นำเข้าคาร์ซีตราคาประหยัดมาจำหน่ายใน ประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคปฏิบัติตามกฎหมายต่อไป

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า จากนี้ไปจะติดตามการจำหน่ายในแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างใกล้ชิด แจ้งไปแล้วว่าห้ามแก้ไขหรือปรับราคาขึ้น หากมีการฉวยโอกาส ตรวจพบจะดำเนินคดีตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ ถือว่าเข้าข่ายค้ากำไรเกินควร โทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้บริโภคพบข้อสงสัยว่าจะเป็นการค้ากำไรเกินควร ขอให้ช่วยแจ้งสายด่วนกระทรวงพาณิชย์ 1569 เพื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป ขณะนี้ เท่าที่ติดตามราคาคาร์ซีตในตลาด จากการสำรวจของพาณิชย์จังหวัดและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง พบว่าราคามีความแตกต่างกันมากตามคุณภาพรูปแบบต้นทุนนำเข้า ตกเฉลี่ยประมาณ 1,500-30,000 บาท ซึ่งแตกต่าง กันมาก จะต้องมีการดำเนินการติดตาม โดยใกล้ชิดต่อไป

“พณ.ได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องแจ้งราคาจำหน่ายมายัง คน.ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ดูแลราคาจำหน่ายที่เป็นธรรมต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีเวลาเตรียมตัวและกระทรวงพาณิชย์เป็นปลายทางของสถานการณ์ด้านราคา ก็จะได้ประสานงานเรื่องสินค้าได้มาตรฐานราคาย่อมเยานำเข้ามาให้เป็นทางเลือก และโอกาสของประชาชนไม่ให้เป็นภาระ” นายจุรินทร์กล่าว








Advertisement

ส่วนผลการประชุมคณะอนุกรรมการ เพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ด้านการตลาดในวันเดียวกัน นายจุรินทร์กล่าวว่า จากราคาผลปาล์มที่สูงขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มขวดสูงขึ้นด้วย ซึ่งตามโครงสร้างต้นทุนจะต้องอยู่ขวดละ 76 บาท แต่ คน.ร่วมกับ ผู้ประกอบการทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันบริหารจัดการ ทำให้ปรับราคาขายปลีกลง เหลือ 65-68 บาท/ขวด เท่านั้น และเพื่อให้การบริหารจัดการผลปาล์มดิบของเกษตรกร การผลิตน้ำมันปาล์มดิบของโรงสกัด และโรงงาน ผลิตน้ำมันปาล์มรีไฟน์เข้าสู่ภาวะสมดุล ไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนสำหรับบริโภค และมีเสถียรภาพด้านราคาเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงสกัด ที่ประชุมมีมติตั้งอนุกรรมการ 3 ฝ่ายประกอบด้วย

1.หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ พณ. กรมศุลกากร กรมพัฒนาพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน 2.ตัวแทนเกษตรกร และ 3.ตัวแทน ผู้ประกอบการ อาทิ สมาคมโรงงานสกัดน้ำมัน ปาล์ม และสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ซึ่งจะนำ เสนอมติที่ประชุมเสนอให้ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ซึ่งชุด กนป. มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานต่อไป

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมมีมติให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสต๊อกและรายงานสต๊อกน้ำมันปาล์มให้อนุกรรมการชุดนี้รับทราบทุก 7 วัน นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบอยู่ประมาณ 180,000 ตัน ถึง 200,000 ตัน โดยในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. 2565 (4 เดือน) มีผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดแล้ว 5.75 ล้านตัน มากที่สุดในเดือนมี.ค. จำนวน 1.82 ล้านตัน สำหรับผลผลิตปาล์มน้ำมันในระยะต่อไป มีแนวโน้มลดลง ในเดือนพ.ค. จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวน 1.70 ล้านตัน

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังอยู่ระหว่างพิจารณาออกมาตรการคนละครึ่งเฟส 5 ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง โดยคาดว่าไม่นานนี้จะได้เห็น ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด โดยเฉพาะการจัดการงบประมาณมาอุดหนุนโครงการ ซึ่งต้องขอประเมินการจัดเก็บรายได้ และดูผล กระทบต่อฐานะการคลัง ให้ชัดเจนอีกครั้ง

ทั้งนี้ การใช้เงินในโครงการคนละครึ่งเฟส 5 จะมาจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้ เหลือ 70,000 ล้านบาท จะเพียงพอ และจำเป็นต้องมีการกู้มาใช้เพิ่มเติมหรือไม่ ต้องขอประเมิน การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือนเม.ย. ที่จะมีความชัดเจนหลังวันที่ 15 พ.ค.นี้ จึงจะเห็นแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ทั้งปี 2565 ถ้าเกินเป้า ก็ยังมีช่องว่างในการทำนโยบายอยู่

นายกฤษฎากล่าวว่า ส่วนเรื่องการต่ออายุภาษีดีเซล ขณะนี้ยังเหลือเวลาพิจารณาถึง วันที่ 20 พ.ค. ซึ่งนโยบายช่วยเหลือมีแน่นอน ทั้งการขยายอายุลดภาษีดีเซลออกไป หรือจะลด ภาษีเพิ่มเติม ส่วนจะเลือกใช้แนวทางใดบ้าง ต้องขอพิจารณาอีกครั้ง ให้รอดู ซึ่งการลดภาษีดีเซลอีกก็ทำได้ และยืนยันว่าไม่กระทบกับฐานะการคลังทั้งปี

ที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสาร ประจำทางไทย นางสุจินดา เชิดชัย หรือ “เจ๊เกียว” นายกสมาคม ผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร เจ้าของอู่รถเชิดชัยและบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด และผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางเข้าพบ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีขบ. เพื่อยื่นข้อเสนอให้พิจารณาทบทวน การนำประกาศกรม ตามมติคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลาง เมื่อปี 2555 ที่ประกาศใช้โครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล เพื่อใช้พิจารณาปรับขึ้นหรือลดอัตราค่าโดยสาร โดยกำหนดว่า หากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นถึง 1.12 บาทต่อลิตร จะปรับค่าโดยสารขึ้น 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร

นายจิรุตม์กล่าวว่า ทางขบ. จะนำข้อ เรียกร้องดังกล่าวไปเสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง อีกครั้งภายในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาปรับค่าโดยสารต่อไป

นอกจากนี้ ขบ.จะช่วยลดมาตรการด้าน ค่าใช้จ่าย เช่น การใช้บัตรคูปองส่วนลดค่าน้ำมัน ดีเซล 2 บาทต่อลิตร หรือ 60 ลิตรต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน ใช้งบประมาณ 3,300 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1,100 ล้านบาทต่อเดือน โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมรถทั้ง 3 ประเภท ประกอบด้วย รถโดยสารประจำทางและไม่ประจำประทาง (รถ30) รวมทั้งรถบรรทุกไม่ประจำทาง ซึ่งกรมอยู่ระหว่างเตรียมเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อประสานงานกับกระทรวงคลังและกระทรวงพลังงานพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไป

นายจิรุตม์กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องของการ ช่วยเหลือเบื้องต้น ขบ.จะประสานกับ บขส.เพื่อพิจารณาปรับรถค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง (ค่าขา) เพื่อลดต้นทุนในการเดินรถในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง รวมทั้งจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่ต้องการประสงค์ให้แจ้งหยุดใช้รถชั่วคราว โดยจะระงับการดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี เพื่อนำป้ายทะเบียนรถออกชั่วคราว หากกลับมาให้บริการจะดำเนินการ กลับมาให้บริการตามเดิม ทั้งนี้ ขบ.เตรียมประสานสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการลดค่าประกันภัย โดยปรับจากค่าประกันภัย 1 คันต่อ 1 ปี เป็นค่าประกันแบบรายหัวแทน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน