1มิย.พุ่ง363บาทต่อถัง กองทุนเจ๊งแล้ว8หมื่นล. จี้ฟันกักตุนสต๊อกปาล์ม

กระอักหนัก วันนี้ดีเซลขึ้นอีก 1 บาท พุ่งแตะลิตร 33 บาท ส่วนเบนซินทุกชนิดยังคงราคาเดิม บอร์ดกองทุนน้ำมันแจงผลพวงจากน้ำมันโลกผันผวน เศรษฐกิจดิ่ง-มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะที่แก๊สหุงต้มแอลพีจีพุ่งด้วย ตั้งแต่ 1 มิ.ย. ปรับอีก 15 บาท จาก 348 เป็น 363 บาทต่อถัง 15 กิโล กองทุนน้ำมันเจ๊งสะสมแล้วกว่า 8.1 หมื่นล้าน คลังชี้คิดให้รอบคอบ ออกกฎหมายพิเศษใช้กู้อุ้มกองทุนน้ำมัน ด้านครม.ไฟเขียวเพิ่มด่านสะเดา สงขลา เป็นจุดขนน้ำมันปาล์มไปที่ด่านหนองคาย ส่งต่อไปลาว ตามที่ลาวร้องขอ จากที่ต้องขนผ่านด่านทางน้ำที่กรุงเทพฯ เพียงที่เดียว เข้มลอบ-กักตุนสต๊อกปาล์ม

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผอ.สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติเห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศขึ้น 1 บาท/ลิตร จาก 31.94 บาท/ลิตร เป็น 32.94 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. เป็นต้นไป โดยรัฐยังเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่งตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิน 35 บาท/ลิตร ตามเพดานที่กำหนดไว้

นายวิศักดิ์กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดีเซลครั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังผันผวนต่อเนื่อง จากหลายปัจจัยที่เกิดกับประเทศขนาดใหญ่ทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 149.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ 138 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยเฉพาะมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐที่ลดลง ประกอบกับประเทศจีนเตรียมการเปิดประเทศ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันดิบช่วงสัปดาห์หน้ายังคงมีราคาสูง หากไม่มีปัจจัยที่มีนัยสำคัญเกิดขึ้น การปรับราคาดังกล่าวจึงเป็นการทยอยปรับขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อ ค่าครองชีพของประชาชนมากนัก ซึ่งวันที่ 6 มิ.ย. กบน.จะพิจารณาทบทวนราคาดีเซลประจำสัปดาห์อีกครั้ง โดยจะคำนึงถึงราคาน้ำมันตลาดโลกเป็นปัจจัยหลัก และฐานะกองทุนเป็นองค์ประกอบ และหลังจากเดือนมิ.ย.นโยบายจะเป็นอย่างไร ต้องมาพิจารณาหารือกันอีกครั้ง

ส่วนการประมาณการฐานะกองทุน ณ วันที่ 29 พ.ค.2565 ติดลบ 81,395 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 45,968 ล้านบาท และบัญชีแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 35,427 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นการปรับอัตราดีเซลขึ้นครั้งนี้ ช่วยลดภาระการอุดหนุนของกองทุนประมาณ 60 ล้านบาทต่อวัน คิดเป็น 1,800 ล้านบาทต่อเดือน ช่วยเสริมสภาพคล่องให้กองทุนสามารถดูแลราคาขายปลีกดีเซลในประเทศได้นานขึ้น

สำหรับความคืบหน้าการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพื่อมาอุดหนุนราคาน้ำมันเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้สถาบันการเงินได้นำปัจจัยต่างๆ รวมถึงการปรับขึ้นราคาดีเซลแต่ละครั้งที่มีส่วนเสริมสภาพคล่องกองทุนให้ดีขึ้น ช่วยลดภาระการชดเชยของกองทุน เป็นข้อมูลด้านบวกในการวิเคราะห์การบริหารความเสี่ยง รวมถึงเงื่อนไขและรายละเอียดการกู้ที่สถาบันการเงินจะนำไปประกอบการพิจารณา

ทั้งนี้ กบน.ได้พิจารณาปรับราคาน้ำมันดีเซลครั้งแรกตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2565 เป็นต้นมา อยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อลิตร และจะทยอยปรับขึ้น-ลงตามสถานการณ์เป็นรายสัปดาห์ รวมทั้งขยายมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลรอบ 2 โดยปรับลดอัตราภาษีลง 5 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.-20 ก.ค.2565 คิดเป็นฐานภาษีที่ลดจริงสำหรับดีเซล บี 5 อยู่ที่ 4.65 บาทต่อลิตร ซึ่งไม่ได้นำไปลดราคาหน้าสถานีน้ำมันทันที เพราะต้องนำมาช่วยกองทุนพยุงราคาดีเซลให้อยู่ในราคาที่เหมาะสมได้นานขึ้น

นอกจากนี้ วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป ราคาแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) ยังทยอยปรับขึ้นอีกกิโลกรัม (ก.ก.) ละ 1 บาท ส่งผลให้ราคา แอลพีจีขนาดถัง 15 ก.ก. จะปรับขึ้น 15 บาท ไปอยู่ที่ 363 บาท จากเดือนพ.ค.อยู่ที่ 348 บาท ซึ่งเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องจากเดือนเม.ย.อยู่ที่ 333 บาทต่อถัง 15 ก.ก.

ด้านนางแพตริเซีย มงคลวนิช ผอ. สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า สบน.ไม่มีหน้าที่ หรือบทบาทในการดำเนินการกู้เงินให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการขออนุมัติกู้ยืมเงินของ สกนช. เพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง รักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ วงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่จะต้องดำเนินการกู้เงินเองทั้งสิ้น

ทั้งนี้ หน้าที่เดียวของ สบน. เกี่ยวกับการกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง คือ บรรจุแผนการกู้เงินใส่ในแผนบริหารหนี้สาธารณะ ปีงบประมาณ 2565 ซึ่งได้มีการบรรจุลงไปในแผนเรียบร้อยแล้ว โดย ณ สิ้นปีงบประมาณ 2565 หากทุกหน่วยงานสามารถกู้เงินได้ตามแผน สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศจะอยู่ที่ 61.46% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 62.76% เนื่องจากมีการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลงมา แต่ก็เป็นไปได้ที่หนี้จะลดลงกว่าคาดการณ์ เพราะหน่วยงานอาจจะกู้เงินไม่ได้ตามแผน ส่วนปีงบประมาณ 2566 คาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ระดับ 62.47% ค่อยๆ ทยอยปรับขึ้น ไม่ได้ขึ้นแบบเร่งตัว เนื่องจากไม่มีกฎหมายกู้เงินพิเศษใหญ่ๆ ออกมาแล้ว

“รัฐบาลยังมีช่องว่างในการกู้เงินได้ และสบน.มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้เสมอ แต่การกู้เงินโดยการออกกฎหมายพิเศษนั้น หากจะดำเนินการถือเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาในหลายมิติ ดูทั้งความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต และที่สำคัญที่สุด คือเหตุผลและความจำเป็นเร่งด่วน ว่าจะเอาเงินไปใช้ทำอะไร โดยพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินพิเศษนั้น จะต้องเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะเลือกดำเนินการขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศไทยในช่วง 5 ปีจากนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ตามนโยบายของคลังก็ต้องมีการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประเทศในอนาคต หากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังไม่สามารถกู้เงินได้ ก็ยังมีช่องทางที่กฎหมายกำหนดให้ทำได้ คือ รัฐบาลจัดงบประมาณชดเชย โดยสำนักงบประมาณ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะวางแผนชดเชยอย่างไร” นาง แพตริเซียกล่าว

วันเดียวกัน พีทีที สเตชั่น และบางจาก ประกาศปรับราคาขายปลีก กลุ่มดีเซลทุกชนิดขึ้น 1 บาทต่อลิตร จาก 31.94 บาท ส่งผลให้ราคาดีเซล บี7 บี10 และบี20 ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 32.94 บาท ส่วนดีเซลพรีเมียม บี7 ปรับขึ้นราคาอีก 2 บาทต่อลิตร จาก 42.36 บาท ไปอยู่ที่ 44.36 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป

ขณะที่กลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ราคาต่อลิตรทุกชนิดคงเดิม โดยเบนซินอยู่ที่ 51.26 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 43.85 บาท, อี20 อยู่ที่ 42.74 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 43.58 บาท และอี85 อยู่ที่ 36.74 บาท ส่วนพรีเมียมแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 49.34 บาท

ที่ทำเนียบรัฐบาล ในการประชุมครม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รายงานต่อที่ประชุมว่า จากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งมาตรการของอินโดนีเซีย ที่ได้มีการประกาศห้ามส่งออกน้ำมันปาล์ม ส่งผลทำให้ราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มภายในประเทศ มีความผันผวนค่อนข้างสูง คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้มอบหมาย ให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน ติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งขอให้กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ร่วมกับกระทรวงพลังงาน เร่งสำรวจและรายงานสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ปริมาณความต้องการใช้และการส่งออกให้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์ โดยใช้กลไกบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์มแบบยืดหยุ่น เพื่อไม่ให้กระทบกับราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรได้รับและไม่กระทบกับ ผู้บริโภค จากราคาน้ำมันปาล์มขวด ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้ง มอบหมาย พณ.ให้กำกับดูแล และเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องปุ๋ยราคาแพง และมอบหมายกระทรวงเกษตรฯ ติดตาม กำกับ ตรวจสอบเรื่องเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันและต้นกล้าพันธุ์ปาล์มน้ำมันปลอม

ต่อมา น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.ว่า ครม.อนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้น้ำมันปาล์มและ แฟรกชั่นของน้ำมันปาล์มฯ (ฉบับที่ 2) ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มด่านนำผ่าน (ทางบก) คือ ด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา เป็นจุดเริ่มต้นนำผ่านมาจากมาเลเซีย ไปยังจุดสิ้นสุดที่ด่านศุลกากรหนองคาย เพื่อนำผ่านน้ำมันปาล์มและแฟรกชั่นของน้ำมันปาล์ม เพื่อการบริโภคอย่างเดียว ไปยังสปป.ลาว ปริมาณไม่เกิน 5,000 ตันต่อปี โดยต้องมีหนังสือรับรองที่พณ. เป็นผู้ออกให้ และผู้นำผ่านน้ำมันปาล์มฯ ต้องแจ้งให้ พณ.ทราบก่อนอย่างน้อย 1 เดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย กับ สปป.ลาว ตามที่สปป.ลาว ร้องขอให้รัฐบาลไทย พิจารณาทบทวนกำหนดด่านนำ ผ่านน้ำมันปาล์ม ที่ต้องนำผ่านด่านทางน้ำ ที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพฯ เท่านั้น

วันเดียวกัน ที่สถานีรับส่งผู้โดยสาร จ.กำแพงเพชร จากวิกฤตน้ำมันพุ่งสูงขึ้นคาดว่าจะขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบว่ารถสองแถวแต่ละคันเงียบเหงามีผู้โดยสารเบาบาง โดยคนขับรถบางคนบอกว่ามีผู้โดยสารรอขึ้นรถเพียงคนเดียวเท่านั้น

นายสิทธิชัย มีนรินทร์ อายุ 50 ปี คนขับรถสองแถว เปิดเผยว่า ขณะนี้เตรียมรับมือกับราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น จากที่น้ำมันแพงอยู่แล้วและผู้โดยสารน้อยลง โดยมีความจำเป็นต้องขอขึ้นราคาค่าโดยสารเช่นกัน หวังว่า ผู้โดยสารจะเข้าใจ เพราะแบกรับภาระค่าน้ำมันไม่ไหว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน