1กค.แก๊สหุงต้มขยับอีก คุมค่าขนส่ง‘เดลิเวอรี่’

เรียกถกด่วนทีมเศรษฐกิจ รมว.พลังงาน-คลัง-แบงก์ชาติ เครียดควานหามาตรการลดผลกระทบน้ำมันพุ่ง สินค้าพาเหรดแพง ให้คลังจัดทำ รายละเอียดชงครม.สัปดาห์หน้า ให้ทันใช้ก.ค.นี้ ปลัดพลังงานยันตรึงดีเซลที่ 35 บาทถึงสิ้นมิ.ย. เร่งถกโรงกลั่นแก้น้ำมันพุ่ง ชี้ถ้าจำเป็นต้องกู้เพิ่มนอกเหนือจากพ.ร.ก.เงินกู้ก็ต้องทำเพื่ออุ้มเศรษฐกิจ กบง.ถกจ่อขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม แอลพีจีอีกถังละ 1 บาท ดีเดย์ 1 ก.ค. ส่งผลให้ ถัง 15 ก.ก. ปรับขึ้นเป็น 378 บาท ผู้ประกอบการ ลอบขึ้นราคาสินค้าคุมราคาแล้วกว่า 200 รายการ รมว.พาณิชย์คุมเดลิเวอรี่ ตรึงค่าขนส่งต่อ แจงสินค้าหลายรายการราคาลดลงแล้ว ทั้งข้าว-น้ำปลา-ซีอิ๊ว-ปูน ขอผู้ประกอบการ เจียดกำไรส่งออกทดแทนขึ้นราคา สพฐ.ถกแก้ขึ้นค่ารถส่งนักเรียน

บิ๊กตู่’จวกลอบขึ้นราคาสินค้า
เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 14 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนห่วงใยประชาชนทุกคน ทั้งเรื่องพลังงาน อาหาร และปัจจัยสำคัญในการอุปโภคบริโภค ซึ่งได้มอบหมายให้ติดตามความก้าวหน้า ทุกวัน วันนี้สั่งการให้ติดตามเรื่องราคาสินค้าที่มีบางรายการปรับขึ้นราคานอกกรอบจากที่ควบคุมอยู่ หรือสินค้าบางรายการขึ้นราคาแล้วสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน โดยตอนนี้มีการประกาศสินค้าควบคุมแล้วกว่า 200 รายการ ขณะเดียวกันมีสินค้าบางรายการ ที่รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศให้ควบคุมราคา แต่ปรับขึ้นราคาล่วงหน้าก่อน ซึ่งแบบนี้บางครั้ง ก็เกินไป เพราะมันยังไม่ใช่เวลา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีสินค้าบางรายการที่ราคาตก ตอนนี้จึงมาปรับราคาเพื่อหากำไรชดเชยในช่วงที่ราคาตก แต่อยากขอให้ทุกคนช่วยกัน เพราะเวลานี้มีความเดือดร้อนด้วยกันทุกคน ถ้าใครได้ประโยชน์ฝ่ายเดียวมาเรื่อยๆ ตนคิดว่า แบบนี้มันไม่ใช่ เพราะเศรษฐกิจตกทุกระดับ ทั้งเศรษฐกิจระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง ตนเข้าใจและจะพยายามบริหารงานทุกอย่างให้ดีที่สุด

นอกจากนี้ กรณีที่มีการพูดถึงในช่วงหลายวัน ที่ผ่านมาในเรื่องค่าการกลั่นน้ำมัน การแก้ปัญหา พลังงาน และการปรับให้ราคาพลังงานถูกลงนั้น สิ่งแรกที่ต้องไปดู คือเรื่องราคาพลังงานของไทยกับของประเทศเพื่อนบ้านว่ามีความ แตกต่างกันหรือไม่ เพราะอะไร และเรามีน้ำมัน ต้นทุนหรือน้ำมันดิบมากน้อยเพียงใด จากนั้นจึงคิดว่าจะหาต้นทุนพลังงานมาจากที่ไหน รวมถึงคิดเรื่องการกำหนดค่าต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มีกลไกกำหนดอยู่แล้วในการควบคุมราคาน้ำมันโลก ขณะที่ตนกำลังหาทางว่าจะทำอย่างไรในการเพิ่มแหล่งพลังงานให้มากขึ้น จะเป็นแหล่งบนบกหรือไม่ และถ้าไม่พอ ต้องหาแหล่งในทะเลอีกด้วยหรือไม่ ซึ่งทั้งหมด อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับเขตแดนอยู่ด้วย จึงมอบหมาย ให้ไปศึกษาว่าพอทำอะไรได้บ้างหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรยังเป็นสิ่งที่เราต้องดำเนินการหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม มิฉะนั้นวันหน้า เราจะต้องเดือดร้อนแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ซักขึ้นค่ากลั่นน้ำมัน 8 บาท
“ในที่ประชุมครม. มีการพูดคุยและชี้แจงเรื่องค่าการกลั่นน้ำมันแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนให้ความสนใจในเรื่องนี้ว่า การที่มีคนระบุว่าค่าการกลั่นน้ำมันขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 8 บาทต่อลิตร โดยผมได้สอบถามเรื่องนี้ด้วยว่ามันมาจากไหน แต่ยังไม่มีคำตอบว่าตัวเลข 8 บาทนี้มาจากไหน เพราะเท่าที่ตัวเลขในตอนนี้ก็ยังไม่ถึง และที่มีคนบอกว่าถ้าให้ลดค่าการกลั่นมาอยู่ที่ 5 บาทต่อลิตร แล้วคิดว่า จะทำให้ราคาน้ำมันลดลง 5 บาทนั้น ผมเห็นว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะมันยังพันไปถึงเรื่อง อื่นๆ เนื่องจากมีกฎหมายควบคุมและคุ้มครองผู้ประกอบการด้วย เพราะต้นทุนการผลิต ไม่ได้มีแค่เรื่องน้ำมัน แต่ยังมีธุรกิจอีกหลายอย่าง ที่เกี่ยวเนื่องกัน ทั้งนี้กระทรวงพลังงาน จะชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อไป จึงขอให้ฟังเขาชี้แจง เพราะเขาพยายามบริหารงานหามรุ่งหามค่ำกันอยู่ในตอนนี้ ทุกคนต้องพยายาม หาวิธีการและมาตรการที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม เราคงต้องอยู่ในสภาวะนี้ไปอีกนานพอสมควร ถ้าสถานการณ์ในต่างประเทศยังเป็นอย่างนี้อยู่ เพราะเราอยู่ในห่วงโซ่ของเขาทั้งหมด ดังนั้นต้องสร้างดุลภาพตรงนี้ให้ได้ ทั้งเรื่องการค้าขาย เรื่องพลังงาน และเรื่องอะไรต่างๆ เหล่านี้ ทุกคนรู้สถานการณ์ในตอนนี้อยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เล็งกู้เงินประคองศก.
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่า กระทรวงการคลัง กระทรวง พลังงาน สภาพัฒน์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างหารือมาตรการดูแลค่าครองชีพประชาชน เพื่อให้ทันกับมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานที่จะทยอย สิ้นสุดในเดือนมิ.ย.-ก.ค.นี้

ส่วนแนวทางการดำเนินมาตรการคนละครึ่ง เฟส 5 เบื้องต้นกระทรวงการคลังยังไม่มีการรายงานเข้ามา ซึ่งหากจำเป็นต้องกระตุ้นการใช้จ่ายต่อเนื่องก็มีโครงการอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่อาจเรียกว่าโครงการอย่างอื่นให้ตรงกับประชาชนกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ต้องดูภาพรวมให้ครบทุกมิติ เพราะทุกมาตรการที่ออกมา เป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องประคับประคอง ประเทศไทยให้พ้นวิกฤต

ทั้งนี้ มองว่าหากจำเป็นต้องกู้เงินก้อนใหม่นอกเหนือจากพ.ร.ก.เงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาท ก็ต้องทำ โดยรัฐบาลไม่ได้ลังเลว่าจะกู้หรือ ไม่กู้ แต่จะดูว่าเหมาะหรือไม่เหมาะเป็นหลัก เหมือนช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ที่รัฐบาลจำเป็น ต้องกู้มา

ปลื้มแห่ซื้อพันธบัตรเกลี้ยง
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมครม. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงการออกพันธบัตร รัฐบาลวงเงินหมื่นล้านบาทว่า สามารถจำหน่าย ได้หมดภายใน 40 นาที แสดงให้เห็นว่าคนไทย มีเงินออมอยู่เยอะ เพียงแต่ไม่มีสภาพคล่อง ในการใช้จ่ายในประเทศ เงินกู้ที่ผ่านมา 1.5 ล้านล้านบาทเป็นการกู้เงินในประเทศ ต่อไปจึงต้องลดการกู้เงินภายในประเทศ ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดี ที่พันธบัตรจำหน่ายได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังพูดถึงการแก้ปัญหาการจำหน่าย สลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาว่า ตอนนี้เรามาถูกทางแล้วที่จำหน่ายผ่านทางออนไลน์ อยากให้ทำต่อไป และยืนยันสิ่งที่รัฐบาลทำ ไม่ได้เลียนแบบใคร 5 เสือไม่ได้มีมานานแล้ว

ส่วนนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์แสดงความเห็นว่า เป็นห่วงเรื่องอัตราดอกเบี้ย เพราะสังคมไทยเป็นสังคมเงินผ่อน กลัวว่าชาวบ้านจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน ยิ่งถ้าเลิกอุ้มแล้วประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน น่าเห็นใจ จึงต้องมาดูแล

จี้จัดแผนรับหลังเงินกู้หมด
ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย สอบถามเรื่องค่ากลั่นน้ำมันว่าเป็นอย่างไร โดยนายสุพัฒนพงษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงานชี้แจงว่า ค่ากลั่นน้ำมันเป็นวิธีคิดแบบคณิตศาสตร์ แต่การนำค่ากลั่นในช่วงโควิด ที่น้ำมันราคามาถูก เหมือนกับคนป่วยในห้องไอซียูแล้วมาเทียบกับปัจจุบันที่ราคาน้ำมันแพงเพราะสงครามรัสเซีย-ยูเครน พอไปเทียบราคาต่ำสุดเลยดูเหมือนว่าแพง แล้วจะมาบอกว่า ปล้นประชาชนไม่ได้

ขณะที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวเสริมว่า การชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ อยากให้ใช้เป็นภาษาชาวบ้านที่เขาบอกค่ากลั่นราคา 8-10 บาท ให้ลดมาเหลือ 5 บาท แบบนี้ชาวบ้านได้ประโยชน์ อยากให้ชี้แจงเช่นนี้ได้หรือไม่ ทำให้นาย สุพัฒนพงษ์ตอบว่า “วันเสาร์ 18 มิ.ย.นี้ ผมจะชี้แจงในรายการคุยเรื่องบ้าน คุยเรื่องเมือง คุยทุกเรื่องจากรัฐมนตรีทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย 92.5 เมกะเฮิร์ตซ์ แล้วจะใส่เสื้อม่อฮ่อมให้เป็นบ้านๆ เลย” ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากที่ประชุมครม.

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 15 มิ.ย.จะไปคุยกับกระทรวงการคลังว่าช่วยเหลืออย่างไรได้สำหรับคนระดับกลาง ระดับล่าง ขณะที่คนระดับบนเขาเสียภาษีมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ช่วยอะไร พล.อ.ประยุทธ์จึงพูดขึ้นว่า “เรามีงบประมาณจำกัด เดี๋ยวคงมาคุยกันว่า จะเอาอย่างไร เพราะเงินกู้ก็ใกล้จะหมดแล้ว ต้องเตรียมแผนรับความเสี่ยงเอาไว้ด้วย”

ยันตรึงดีเซล 35 บาทถึงสิ้นมิ.ย.
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันโลกทั้งราคาน้ำมันดิบดูไบ และน้ำมันสำเร็จรูปพุ่งสูงขึ้น โดยวานนี้น้ำมันดิบอยู่ที่ 115 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาดีเซลอยู่ที่ 170 ดอลลาร์/บาร์เรล

“ราคาน้ำมันที่วันนี้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 34.94 หรือ 35 บาท/ลิตร นั้น เป็นราคาที่ควรปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว แต่เมื่อดูสถานการณ์ก็เห็นว่าพอจะยืดช่วยประชาชนได้ จึงดึงราคามาถึงเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. สำหรับการขึ้นราคาน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ คงจะตรึงตัวอยู่ที่ 35 บาท/ลิตร หากราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกยังคงอยู่ที่ประมาณนี้ ไม่พุ่งขึ้นไปถึง 180-190 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบ ไม่ขึ้นไปถึง 120 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งกระทรวง พลังงาน จะมอนิเตอร์ราคาจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.นี้” นายกุลิศกล่าว

ส่วนจะมีการขยับเพดานน้ำมันดีเซลขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 38 บาท/ลิตร หรือเป็นราคาคนละครึ่งของน้ำมันดีเซลจริงที่ 45 บาท/ลิตรนั้น นายกุลิศกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน ในตลาดโลกว่าจะขยับขึ้นต่อหรือไม่ และการเจรจาโรงกลั่นในการลดค่าการกลั่นน้ำมัน รวมถึงมาตรการในการดูแลของรัฐบาล หากการ หารือมาตรการต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ในสัปดาห์หน้า จะเสนอมาตรการแก่ครม. ส่วนเรื่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือเช่นกัน โดยคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าหรือก่อนสิ้นเดือนมิ.ย.นี้จะได้คำตอบ เนื่องจาก สิ้นเดือนนี้กองทุนจะติดลบถึง 1 แสนล้านบาทแล้ว ซึ่งต้องแก้ปัญหานี้ต่อไป โดยจะพยายามยื้อไว้ที่ 34.94 บาท/ลิตร จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ส่วนเดือนก.ค. จะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมา เพราะหลายมาตรการที่ช่วยประชาชนอยู่จะหมดวันที่ 30 มิ.ย. ถึงประมาณกลางเดือนก.ค.

ทีมเศรษฐกิจถกเครียด
เวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ที่กระทรวงการคลัง นายสุพัฒนพงษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ได้เรียกรัฐมนตรีและหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ประชุมด่วน ประกอบด้วย นายอาคม รมว.คลัง, นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวง การคลัง, นายพรชัย ฐีระเวช ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) นายกุลิศ ปลัดกระทรวงพลังงาน และผู้บริหารหน่วยงานด้านพลังงานอีกหลายหน่วยงาน และผู้บริหารจาก ธปท.ที่มาแทนผู้ว่าการ ธปท. นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวมถึงนายทศพร ศิริสัมพันธ์ อดีตเลขาฯ สศช. ที่ปัจจุบันนั่งเป็น ทีมที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

ให้คลังทำแผนสู้ของแพง
ทั้งนี้ การประชุมผ่านไป 1 ชั่วโมง จนถึงเวลาประมาณ 19.00 น. ที่ประชุมได้ให้ระดับเจ้าหน้าที่และผู้บริหารระดับเล็กออกจาก ห้องประชุม โดยมีเหลือแต่ผู้บริหารระดับสูงแต่ละหน่วยงานประชุมเท่านั้น โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด ในการหามาตรการ ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง สินค้าแพง ค่าครองชีพแพง รวมถึง การแก้หาทางแก้ไขปัญหากองทุนน้ำมันที่มีสถานะติดลบใกล้ถึง 1 แสนล้านบาท แต่ยังไม่สามารถกู้เงิน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องได้ เนื่องจากไม่มีสถาบันการเงินไหนให้กู้ เพราะกองทุนไม่มีความสามารถการชำระหนี้คืนได้ที่ชัดเจน

กระทั่งเวลา 19.30 น. การประชุมเสร็จ สิ้นลง นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ได้ข้อสรุปเบื้องต้นเรื่อง มาตรการดูแลประชาชนจากผลกระทบราคาน้ำมันและสินค้าแพงแล้ว หลังจากนี้ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำรายละเอียด เพื่อเสนอ หลักการให้ ครม.เห็นชอบในสัปดาห์หน้า เพื่อให้มาตรการมีผลใช้ทันเดือนก.ค.นี้

จ่อขึ้นแก๊สหุงต้มอีกถัง 1 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เป็นประธาน วันที่ 15 มิ.ย. จะมีการพิจารณาหลายประเด็น ทั้งเรื่องราคาน้ำมัน ไฟฟ้า แก๊สธรรมชาติ และแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่า กบง.กำลังพิจารณาปรับราคาแก๊สหุงต้มเดือนก.ค. ขึ้นอีก 1 บาท/กิโลกรัม (ก.ก.) ส่งผลให้แก๊สหุงต้มขนาดถัง 15 ก.ก. จะเพิ่มขึ้นเป็น 378 บาท/ถัง 15 ก.ก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 363 บาท/ถัง 15 ก.ก. ขณะที่ต้นทุนจริงขณะนี้อยู่ที่ 450 บาท/ถัง 15 ก.ก. มีผลวันที่ 1 ก.ค.2565

ทั้งนี้ เพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังอุดหนุนอยู่ โดยปัจจุบันบัญชีแอลพีจีติดลบถึง 36,515 ล้านบาท ซึ่งจะใช้โมเดลเดียวกับที่ขึ้นเดือนเม.ย.-มิ.ย.2565 ส่วนเดือนถัดไปจะปรับอีกหรือไม่ ต้องรอดูสถานการณ์ตลาดโลกและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้ง

รายงานข่าวระบุว่า ที่ผ่านมา แก๊สหุงต้มปรับขึ้นมาแล้ว 3 ครั้ง ใน 3 เดือน คือ เดิมตรึงราคาไว้ที่ 318 บาท/ถัง 15 ก.ก. เดือนเม.ย.ปรับขึ้นเป็น 333 บาท/ถัง 15 ก.ก. เดือนพ.ค. ปรับขึ้นเป็น 348 บาท/ถัง 15 ก.ก. และเดือนมิ.ย. ปรับขึ้นเป็น 363 บาท/ถัง 15 ก.ก.

หาช่องกม.อุดหนุนพลังงาน
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังกำลังศึกษา ข้อกฎหมายเพื่อหาเงินมาอุดหนุนราคาพลังงาน อย่างสุดความสามารถ ซึ่งมีความเป็นไปได้ ในการใช้อำนาจ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ตามมาตรา 14 โดยต้องพิจารณากฎหมายอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิด ช่องว่างถูกโรงกลั่นฟ้องร้องได้ เพราะตลาดน้ำมัน เป็นตลาดเสรี

รายงานข่าวระบุว่า กระทรวงพลังงาน จะเข้าไปเก็บกำไรส่วนเกินจากหน้าโรงกลั่นน้ำมัน หรือเรียกว่า ภาษีลาภลอย หรือ Windfall Tax เพื่อนำไปใส่ในกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีการสอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกา และอัยการสูงสุดและได้คำตอบมาแล้ว เบื้องต้นจะใช้มาตรการ 14 ตามพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันฯ ดำเนินการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน เดือนนี้

ขบ.ลุ้นคูปองลดดีเซล
ขณะที่ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร ซึ่งเต็มเพดานราคาที่คณะกรรมการ บริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำหนดไว้ จนเป็นผลให้ผู้ประกอบการที่ให้บริการวิ่งรถระหว่างจังหวัดได้รับผลกระทบ นั้น เบื้องต้น ทาง ขบ. ได้เสนอแนวทางการช่วยเหลือ ในลักษณะของคูปองส่วนลดราคาน้ำมันดีเซล 2 บาทต่อลิตร ไปยังกระทรวงคมนาคม โดยกระทรวงคมนาคม จะเป็นผู้เสนอไปยังกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาร่วมกันต่อไป

แก้เอกชนขึ้นตั๋วรถส่งนักเรียน
ส่วนกรณีผู้ประกอบการรถรับ-ส่งนักเรียนหลายจังหวัดเตรียมขึ้นราคารับ-ส่งนักเรียน หลังราคาน้ำมัน เพิ่มสูงขึ้นมากจากเดิม ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการขาดทุน โดยส่วนใหญ่จะขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรับส่งนักเรียนจากเดิมเดือนละ 100-200 บาทต่อเดือนนั้น

นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตระหนักถึงผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนและผู้ปกครอง ซึ่งกรณีนี้หากมีช่องทางจะหารือกับผู้ประกอบการ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแนวทางแก้ปัญหาต่อไป

สั่งเดลิเวอรี่ตรึงค่าขนส่ง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการดูแลราคาสินค้าและบริการว่า กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) พยายามเข้าไปกำกับราคาสินค้าและบริการให้กระทบผู้บริโภคน้อยที่สุด โดยขณะนี้มีหลายรายการเริ่มปรับลดราคาลงในช่วงเดือนพ.ค. เช่น ข้าวหอมมะลิ ราคาลดลง 22%, ข้าวขาว 100% บรรจุถุง 5 ก.ก. ลดลง 28%, ปลาทูน่ากระป๋อง ลดลง 2%, ซอสหอยนางรม ลดลง 6%, ซีอิ๊วดำ ลดลง 10%, น้ำปลา ลดลง 20% และปูนซีเมนต์ ลดลง 5%

ส่วนค่าขนส่งแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ผู้บริโภคนิยมใช้ในการสั่งซื้ออาหาร เดลิเวอรี่นั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ได้ปรับขึ้นค่าบริการ เนื่องจากพณ.ได้ขอความร่วมมือให้ตรึงราคาค่าขนส่งไปก่อน ส่วนสินค้า รายการไหนมีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นมากจริงก็จะขอความร่วมมือไปก่อนให้ตรึงราคา ให้นานที่สุด และอย่าให้ของขาด แต่หากตรึง ต่อไปไม่ไหวจริงๆ ก็จะอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาได้ แต่ให้ขึ้นน้อยที่สุด

ด้าน ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) เปิดเผยถึงมาตรการดูแลราคาสินค้าและบริการ ในช่วงที่ราคาน้ำมันดีเซลมีการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องล่าสุดราคาลิตรละ 34.94 บาท ว่าจากการวิเคราะห์พบว่าราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้นจากลิตรละ 30 บาท เป็นลิตรละ 35 บาท ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น 14% และหากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นไปอยู่ที่ลิตรละ 40 บาท จะทำให้ต้นทุนขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น 28% จะกระทบต่อเนื่องไปยังต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการในอัตราที่ไม่เท่ากันแล้วแต่ชนิดสินค้า โดย คน.ทยอยหารือร่วมกับผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นหลายรายการอย่างต่อเนื่องเพื่อขอรับทราบภาวะต้นทุน และขอความร่วมมือให้ตรึงราคา ออกไปก่อนให้นานที่สุด เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และปลากระป๋อง รวมทั้งขอให้ผลิตให้เพียงพอกับความต้องการเพื่อป้องกันปัญหาสินค้าขาดแคลน

ขอปันกำไรส่งออกอุ้ม
“คน.ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ผลิตสินค้าหลายรายการช่วยบริหารจัดการต้นทุนภายในด้วยการลดกำไรจากการขายสินค้าลง หรือบางรายการที่ไม่มีกำไรแล้วขอให้นำกำไ รจากการส่งออกสินค้าชนิดนั้นเข้ามาอุดหนุนเฉลี่ยกันไป หรือให้ผู้ผลิตเฉลี่ยกำไรจากสินค้าตัวอื่นมาช่วย เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถตรึงราคาสินค้ารายการที่จำเป็นต่อไปได้โดยที่ไม่ปรับขึ้นราคา โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและปลากระป๋อง พบว่ามีการผลิตเพื่อขาย ในประเทศ และมีการส่งออกไปจำหน่าย ในต่างประเทศด้วย สำหรับภาพรวมสินค้าอุปโภคบริโภคขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคา” ร.ต.จักรากล่าว

สิบล้อขึ้นขนส่งอีก 10%
ด้านนายสมคิด กิ่งกรดกลาง นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน เผยว่า หลังจากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางสมาคมจำเป็นต้องปรบขึ้นค่าขนส่งสินขึ้นอีกเฉลี่ย 5-10% มาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ปรับขึ้นค่าขนส่งอีก 10% เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนจากค่าน้ำมันที่แพงขึ้นไม่ไหว เมื่อน้ำมันพุ่งถึงลิตรละ 35.36 บาท ซึ่งถือเป็นวิกฤตหนักสุดในรอบ 20 ปีตั้งแต่ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้ามา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน