เหตุการณ์ดังปี63 ปืนลั่นฟังไม่ขึ้น ยื่น1ล.ได้ประกัน

จำคุก ‘ผู้กองบอย’ 20ปี จ่อยิงดับเมียคาบ้านย่านแฮปปี้แลนด์เมื่อปี 63 ศาลอาญาพิเคราะห์อ้างไม่ขึ้นผู้ตายแย่งปืนไปยิงตัวดับเอง ชี้จำเลยมีความชำนาญในการใช้ปืนมากกว่า ระบุทะเลาะกันเรื่องหึงหวงแล้วยังถือปืนตามไปหา เชื่อว่าใช้ปืนจ่อศีรษะขู่บังคับให้เชื่อฟังจนเกิดเหตุ พร้อมให้ชดใช้ครอบครัวเหยื่อ 7.2 แสน ด้านครอบครัวเหยื่อพอใจคำตัดสิน จ่อฟ้องแพ่งต่อ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2353/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.อ.ทรงกลด หรือ บอย บุญส่ง อายุ 31 ปี อดีตรอง สว.สส.สน.วังทองหลาง เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อ วันที่ 20 มิ.ย. 2563 เวลากลางคืน จำเลยมีเจตนาใช้อาวุธปืนพก ขนาด .45 หมายเลขทะเบียน กท.54289016 อาวุธปืนของจำเลยตามกฎหมาย จ่อกดไปที่ศีรษะของน.ส.พิมชฎาพร หรือ นิ่ม ภูแย้มใสย์ ผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาที่ไม่จดทะเบียนสมรสของจำเลยเพื่อข่มขู่

โดยย่อมเล็งเห็นได้ว่า หากกระสุนปืนลั่นออกมาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นเหตุให้มือของผู้ตายไปถูกอาวุธปืน ดังกล่าว และทำให้อาวุธปืนดังกล่าวลั่นออกมา 1 นัด เป็นเหตุให้กระสุนดังกล่าวถูกที่ศีรษะของผู้ตายบริเวณขมับข้างซ้าย โดยจำเลยให้การปฏิเสธทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณา เหตุเกิดภายในทาวน์เฮาส์ เลขที่ 128 แยก 7 หมู่บ้านเสนาวิลล่า ถนนแฮปปี้แลนด์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ขอให้ลงโทษจำเลยความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ระหว่างการพิจารณาคดีจำเลยได้รับการประกันตัว โดยศาลตีราคาประกัน 5 แสนบาท

ช่วงเช้าวันนี้อัยการโจทก์ นางทองใส ภูคงน้ำ มารดา น.ส.พิมชฎาพรผู้ตาย และนายสมัย ภูคงน้ำ น้าชายเดินทางมาฟังคำพิพากษา ส่วน ร.ต.อ.ทรงกลด จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมกับทนายความ มารดา และบุตรสาวที่เกิดกับผู้ตาย

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่โจทก์ และจำเลยนำสืบแล้ว มีประเด็นพิจารณาว่า จำเลยฆ่าผู้ตายตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า พ.ต.ท.สำรวย แสนสม พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว เบิกความว่า วันเกิดเหตุสอบคำให้การจำเลยเบื้องต้นจำเลยให้การว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยกลับมาที่บ้านเกิดเหตุ ผู้ตายเปิดประตูบ้านและไปนอนต่อ จำเลยนั่งดื่มเบียร์และดูรายการโทรทัศน์ไปด้วย รายงานการปฏิบัติหน้าที่ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วขึ้นไปนอนที่ห้องนอน ชั้นบน มีปากเสียงกับผู้ตาย จำเลยนอนหลับไป ต่อมาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจึงลงไปดู พบ ผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย หลังจากนั้นจำเลยให้การใหม่ว่า ขณะที่ผู้ตายลงมาที่ชั้นล่าง จำเลยถืออาวุธปืนลงมา ผู้ตายเข้าแย่งอาวุธปืนแล้วปืนลั่นถูกผู้ตาย จากการสอบสวนรวบรวมหลักฐาน เห็นว่า ผู้ตายมิได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย แต่เกิดจากการกระทำของจำเลยจึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น

ขณะที่ นางทองใส โจทก์ร่วมมารดา ผู้ตาย เบิกความว่า ผู้ตายเคยโทรศัพท์บอกว่ามีปัญหาในครอบครัว จำเลยไปคบหากับหญิงอื่นและมีพี่เลี้ยงบุตรของผู้ตายโทรศัพท์บอกว่า ผู้ตายกับจำเลยมีปัญหาทะเลาะ ตบตีกันเป็นประจำ จากการสอบถามจำเลยทราบว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับบุตร ผู้ตายจะพาบุตรกลับบ้าน แต่จำเลยไม่ยินยอม เวลาประมาณตี 1 ผู้ตายส่งข้อความทางแอพพลิเคชั่นไลน์ไปหาพยานทำนองว่า รู้สึกเครียดมาก ไม่ต้องการให้จำเลยกลับบ้าน อยากอยู่คนเดียว

คุก 20 ปี – ร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง หรือ ผู้กองบอยž อดีตรองสว.สส.สน.วังทองหลาง เข้าฟังคำพิพากษาคดียิง น.ส.พิมชฎาพร ภูแย้มใสย์ ภรรยาเสียชีวิต โดยศาลจำคุก 20 ปี ก่อนให้ประกันตัว ที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ขณะเกิดเหตุมีเพียงแต่จำเลยกับผู้ตายอยู่ในที่เกิดเหตุเท่านั้น ไม่มีประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์จึงต้องรับฟังพยานแวดล้อมกรณีอื่นประกอบ ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ร่วมและ พี่เลี้ยงบุตรว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายมีปัญหาในครอบครัว เนื่องจากจำเลยมีภรรยาอีกคน ผู้ตายหึงหวงมากจึงทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจำ เจือสมกับคำเบิกความของจำเลย

น่าเชื่อว่าในวันเกิดเหตุ ผู้ตายมีอาการน้อยใจหึงหวง เนื่องจากจำเลยยังไปคบหากับภรรยาอีกเป็นสาเหตุให้ทะเลาะกัน ผู้ตายไม่ต้องการที่จะพูดคุยปรับความเข้าใจกับจำเลยในขณะนั้น จึงได้พยายามหลีกหนีจำเลย แต่จำเลยยังคงตามผู้ตายไปอีกไม่ยับยั้งจิตใจ เพื่อหาโอกาสอื่นพูดคุยปรับความเข้าใจกันในฐานะภรรยา พฤติการณ์ที่จำเลยถีบประตูห้องนอนเข้าไปหาผู้ตาย ถืออาวุธปืนเดินตามผู้ตายไป บ่งชี้ว่าในขณะนั้นจำเลยโกรธผู้ตายเป็นอย่างมากที่ผู้ตายไม่ยอมเชื่อฟัง จำเลยถืออาวุธปืนของกลางไปเพื่อบังคับข่มขู่ผู้ตายให้เกิดความกลัวเชื่อฟังจำเลย และให้ผู้ตายกลับไปนอนในห้องนอนเดิมตามความต้องการของจำเลย

ทั้งได้ความจากคำเบิกความของแพทย์ ผู้ตรวจชันสูตรพลิกศพผู้ตายว่า จากการตรวจพิสูจน์ศพผู้ตายพบรอยกระสุนปืนเข้าทางขมับข้างช้าย แผลฉีกขาดขอบคล้ายแฉกรูปดาว คราบเขม่าติดอยู่ที่บาดแผล ลักษณะยิงประชิดปากกระบอกปืนกดกับผิวหนัง และร.ต.อ.ธนัฐ ศรีวิเศษ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เป็นพยานเบิกความว่า ตรวจเขม่าดินปืนที่เก็บจากมือของจำเลยและผู้ตาย พบธาตุสำคัญที่มาจากการยิงปืนที่หลังมือขวาของจำเลยและผู้ตาย เชื่อได้ว่าบุคคลทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิงปืน โดยจำเลยใช้มือขวาถืออาวุธปืนของกลางจ่อเล็งไปที่ขมับข้างซ้ายของผู้ตายในลักษณะประชิด ปากกระบอกปืนกดกับผิวหนังเพื่อบังคับข่มขู่ ผู้ตายด้วยอารมณ์โกรธผู้ตายที่เกิดขึ้นใน ขณะนั้น และผู้ตายใช้มือขวาจับอาวุธปืนเป็นเหตุให้ปืนลั่น

ขณะที่จำเลยให้การขัดแย้งแตกต่างกัน เอาความแน่นอนไม่ได้ มีข้อพิรุธน่าระแวงสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่จำเลยเบิกความหรือไม่ แม้จำเลยจะเบิกความอ้างว่า เหตุที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนไม่ตรงกันนั้น เนื่องจากจำเลยยังมีความเครียดสับสน มึนงงกับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ไม่ได้สลับซับซ้อนที่ยากแก่การจดจำแต่ประการใด ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง

ประกอบกับเมื่อเปรียบเทียบผู้ตายซึ่งเป็นผู้หญิงกับจำเลยซึ่งเป็นผู้ชายและเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีความรู้ความชำนาญในการใช้อาวุธปืนดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป โอกาสที่ผู้ตายจะเข้าแย่งอาวุธปืนที่จำเลยถืออยู่แล้วดึงอาวุธปืนมาจ่อที่ศีรษะตนเอง และใช้นิ้วสอดเข้าไปในโกร่งไกปืนแล้วเหนี่ยวไกปืนในขณะที่แย่งอาวุธปืนกันตามที่จำเลยอ้างย่อมเป็นไปได้ยาก จำเลยซึ่งเป็นตำรวจย่อมมีความรู้ความชำนาญในการใช้อาวุธปืนเป็นอย่างดี น่าเชื่อว่าจำเลยมีเวลาพอที่จะเซฟห้ามไกปืนที่อยู่ด้านซ้ายของตัวปืนโดยใช้นิ้วหัวแม่มือข้างขวาได้ทัน แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กระทำเช่นนั้น และหากผู้ตายต้องการฆ่าตัวตายด้วยเหตุหึงหวงจำเลยจริง ผู้ตายสามารถหาโอกาสอื่นขณะที่จำเลยไม่อยู่ก็สามารถที่จะกระทำได้โดยง่าย แต่ผู้ตายก็ไม่ได้กระทำ

และที่จำเลยเบิกความอ้างว่า สาเหตุที่จำเลยถืออาวุธปืนของกลางไปด้วยขณะเดินตามผู้ตายไปที่เกิดเหตุ เนื่องจากได้ยินเสียงดังโครม จำเลยคิดว่ามีเหตุร้ายนั้น จำเลย ก็ไม่เคยให้การไว้เช่นนั้นต่อพนักงานสอบสวน น่าเชื่อว่าเป็นการคิดปรุงแต่งขึ้นมาใหม่ จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังเช่นกัน พยานหลักฐานของจำเลยที่นำสืบมาล้วนแต่มีข้อพิรุธ ไม่สมเหตุสมผล จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้ จำเลยมีเจตนาฆ่า ผู้ตาย โดยจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการ กระทำนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา 59

พิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ลงโทษจำคุก 20 ปี และชดใช้ค่าเสียหาย 720,000 บาท ริบอาวุธปืนของกลาง

ต่อมาในช่วงบ่ายภายหลังฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกัน 1 ล้านบาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไข

ภายหลังฟังคำพิพากษา นางทองใส ภูคงน้ำ มารดาผู้ตาย เผยว่า รู้สึกพอใจคำพิพากษาศาลตัดสินจำคุก 20 ปี และค่าชดเชยที่ศาลให้รวม 7.2 แสนบาท สำหรับ ผู้กองบอยไม่รู้จะพูดอย่างไรบางครั้งก็ให้อภัย แต่บางครั้งยังโกรธอยู่ที่มาทำกับลูกสาว แต่หลังเกิดเหตุมาช่วยเหลือเรื่องเงินค่าทำศพอยู่บ้าง ขณะที่หลานสาวนั้นอยู่กับแม่เลี้ยงของผู้กองบอยรับไปดูแลอยู่ แต่ได้แจ้งบอกไปแล้วว่าหากมีปัญหาให้เอามาให้ตนเลี้ยง เพราะจริงๆ อยากจะเอามาเลี้ยงดูเองเช่นกัน

ด้านนายสมัย ภูคงน้ำ น้าชายของผู้ตาย กล่าวว่า พอใจที่ศาลได้ให้ความยุติธรรม ขอขอบคุณพนักงานสอบสวนศาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด แต่เรื่องค่าสินไหมทดแทนที่ทางเราได้ขอไปครั้งแรกจำนวน 6 ล้านบาทนั้น ศาลท่านพิจารณาให้เกือบ 800,000 บาท ยังไม่ค่อยพอใจ แต่เคารพน้อมรับเพราะศาลท่านคงใช้ดุลพินิจพิจารณาแล้ว ถือว่าในส่วนของคดีอาญาเราพอใจแล้ว หลังจากนี้จะขอคัดถ่ายคำพิพากษาเพื่อมาศึกษา เพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินการอุทธรณ์เรียกค่าชดเชยทางแพ่งต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน