ผักชี-กะหล่ำปลี ขยับขึ้นถ้วนหน้า กองทุนน้ำมันเป๋ ติดลบแสนล้าน

พิษของแพงเดือดร้อนยันคนตาย ทั้งโลง ดอกไม้จันทน์ ดอกไม้สด อุปกรณ์ประกอบพิธีตั้งขบวนพาเหรดขึ้นราคา จ่อทะลุ ‘แสนล้าน’ เงินติดลบกองทุนน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งแล้วแน่นอน รถขนส่งเอกชนและรถร่วม บขส.เลิกวิ่งเพิ่มอีกเป็น 35 บริษัท ใน 186 เส้นทาง แจ้งเตือน ผู้โดยสารเช็กตารางเดินรถ โฆษกรัฐบาลย้ำข้าวสารบรรจุถุงไม่ปรับราคา แต่ร้านค้าเผยข้าวกระสอบขึ้นนำไปก่อนแล้วกระสอบละ 100 ถ่านหุงข้าวก็ปรับแล้วเหตุไม้-น้ำมันแพงทำต้นทุนสูงขึ้น

รัฐย้ำข้าวถุงไม่ขยับ
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามการประชุมหารือระหว่างกรมการค้าภายในกับสมาคม ผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และผู้ประกอบการข้าวสารบรรจุถุงรายใหญ่ในตลาดเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยยืนยันไม่ได้มีการหารือเพื่อจะปรับราคาจำหน่ายข้าวถุง โดยราคาวัตถุดิบในขณะนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อราคาจำหน่ายเท่าใดนัก ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นขณะนี้มาจากค่าขนส่งเป็นหลัก

แต่เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับความ เดือดร้อนจากสถานการณ์ในขณะนี้ สมาคมและสมาชิกได้ให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายในตรึงราคาจำหน่ายข้าวถุงไว้ ซึ่ง นายกฯ รับทราบผลการหารือดังกล่าว พร้อมแสดงความห่วงใยประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าหลายรายการที่เตรียมปรับสูงขึ้น ซึ่งมีสาเหตุจากค่าขนส่งที่สูงขึ้นเป็นหลัก โดยได้กำชับให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ติดตามสถานการณ์ราคาข้าวถุงและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ จากผลการประชุมหารือยืนยันแล้วว่าข้าวสารบรรจุถุงยังไม่ได้ปรับขึ้นราคา แต่ผู้ประกอบการบางรายชี้แจงว่าอาจมีการปรับกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการแต่ละรายบ้าง เช่น ลดจำนวนความถี่ หรือส่วนลดทางการค้า ซึ่งแต่ละรายจะบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์ของตนเอง ทั้งนี้ หากประชาชนผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม พบว่ามีการขึ้นราคาข้าวถุงสูงเกินสมควร หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านปริมาณและคุณภาพ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร.1569

“นายกฯ ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชน และห่วงใยประชาชนทุกคนที่อาจได้รับ ผลกระทบจากราคาสินค้าหลายรายการที่เตรียมปรับสูงขึ้นในขณะนี้ นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า ร่วมกันกำกับดูแลราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด โดยให้มีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการสินค้า เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนจะไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบด้านราคา และช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและควบคุมได้ ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาผ่านการดำเนินการตามมาตรการต่างๆ เพื่อดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

กองทุนน้ำมันติดลบแสนล.
รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ได้รับการยืนยันฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุดติดลบทะลุ 1 แสนล้านเป็นที่แน่นอนแล้ว นับเป็นการติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง จากสัปดาห์ก่อนติดลบ 96,598 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ฝ่ายการเงินกำลังคำนวณตัวเลขทางบัญชี และจะมีการเผยแพร่บนเว็บไซต์ของ กองทุนอย่างเป็นทางการภายใน 1-2 วันนี้ โดยขณะนี้กองทุนอุดหนุนราคาดีเซลอยู่ที่ 10.91 บาท/ลิตร เพื่อตรึงราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกินเพดาน 35 บาท/ลิตร หากไม่มีการอุดหนุนเลยราคาดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ 45.85 บาท/ลิตร แต่ถือเป็นการอุดหนุนลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่ 11 บาทกว่า/ลิตร ขณะที่กองทุนมีเงินฝากที่เป็นสภาพคล่องเหลือประมาณ 3,000 ล้านบาท

วันเดียวกัน สมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทยเผยว่า ตามที่สมาคมแถลงเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ผู้ประกอบการขนส่งเอกชนและรถร่วม บขส. จำนวน 27 บริษัท จะลดเที่ยววิ่งลงร้อยละ 80 ใน 143 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ ล่าสุดมี ผู้ประกอบการขนส่งและรถร่วม บขส.ติดต่อมาที่สมาคมว่า มีความประสงค์จะลดเที่ยววิ่งลงเช่นเดียวกันเพิ่มเติมอีก เช่น บริษัท พันทิพย์ (1970) จำกัด จำนวน 10 เส้นทาง และบริษัท พิเชษฐ์ขนส่ง จำกัด จำนวน 2 เส้นทาง ส่งผลให้ขณะนี้มี ผู้ประกอบการขนส่งและรถร่วม บขส.แจ้งลดเที่ยววิ่งรวมทั้งสิ้น 35 บริษัท ใน 186 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ สมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทยขอแจ้งไปยังประชาชนที่ใช้บริการในเส้นทางของบริษัทดังกล่าวสามารถตรวจสอบเที่ยววิ่งในแต่ละวันทางเว็บไซต์ของทุกบริษัท พร้อมขออภัยในความไม่สะดวก

ด้านกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รายงานการสำรวจราคาสินค้าในตลาดสด พื้นที่กรุงเทพฯ วันที่ 24 มิ.ย. เปรียบเทียบกับวันที่ 23 มิ.ย. พบสินค้าหลายรายการปรับราคาสูงขึ้น คือ ผักชีคัด ปรับขึ้น 10 บาทต่อก.ก. เป็น 120-130 บาทต่อก.ก., ผักชีคละ ปรับขึ้น 10 บาทต่อก.ก. เป็น 100-110 บาทต่อก.ก. กะหล่ำปลีคัด ปรับเพิ่มขึ้น 5 บาทต่อก.ก. เป็น 40-45 บาทต่อก.ก., กะหล่ำปลีคละ ปรับขึ้น 5 บาทต่อก.ก. เป็น 30-35 บาทต่อก.ก. เนื่องจากมีพายุฝนสลับกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดในพื้นที่แหล่งเพาะปลูก ส่งผลให้ผลผลิตบางส่วนได้รับความเสียหาย ผลผลิตจึงออกสู่ตลาดลดลง ในขณะที่ความต้องการบริโภคยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

ไรเดอร์ครวญแทบไม่เหลือเงิน
นายประพันธ์ จันปิง อายุ 38 ปี ขับรถส่งอาหาร หรือไรเดอร์ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เผยว่า ขณะนี้จากราคาน้ำมันแพงขึ้นกระทบมาก ถึงราคาน้ำมันจะปรับลดลงมาเพียงเล็กน้อยได้ไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ได้ช่วยเหลือรายได้เพิ่ม ยังคงมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าครองชีพที่ปรับขึ้น เนื่องจากสินค้าปรับราคาสูงขึ้นทุกชนิด แต่ละวันก่อนราคาน้ำมันจะแพงหูฉี่แบบนี้ มีค่าใช้จ่ายเพียง 200 บาท การเติมน้ำมัน 170 บาทเต็มถัง วิ่งได้ตามจำนวนลูกค้าในแต่ละวัน มาตอนนี้ต้องเติม 300 กว่าบาท แถมลูกค้าสั่งลดลงไป จากที่เคยสั่งโดยเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 50 ออร์เดอร์ขึ้นไป มาตอนนี้จะได้ 10 ออร์เดอร์ ก็ลำบาก เพราะคนลดค่าใช้จ่ายลงไป เพราะอาหารต้องปรับราคาเพราะต้นทุนวัตถุดิบปรับเพิ่มทุกชนิด ลูกค้าที่สั่งอาหาร 2-5 อย่าง หรือจะรวมกลุ่มสั่งไปรับประทานเยอะ มาตอนนี้เหลือเพียง 1-2 อย่างเท่านั้น ยอดออร์เดอร์ที่เยอะหายไปเยอะมาก

“ขับรถวิ่งส่งอาหารยังใช้เวลา 12 ชั่วโมงเหมือนเดิม วิ่งเป็นกะ เช้า บ่าย และเย็น จากรายได้ที่เคยมีสัปดาห์ละ 5-6 พันบาท หักค่าน้ำค่าใช้จ่ายประจำวันเหลือ 3-4 พันบาท แต่มาตอนนี้ลูกค้าหาย ออร์เดอร์ที่ปังหดไปเหลือ 10 กว่ารายต่อวัน หักค่าใช้จ่ายประจำวันตอนนี้เหลือ 1 พันกว่าบาทต่อสัปดาห์ ต้องผ่อนชำระค่ารถจักรยานยนต์เดือนละ 3 พันกว่าบาท แต่โชคดีไม่เสียค่าเช่าบ้านหอพัก ส่วนค่าใช้จ่ายประจำวันที่เคยไม่เกิน 200 บาท ตอนนี้ 300 บาทยังเอาไม่อยู่ ยิ่งเพื่อนไรเดอร์ด้วยกันที่กระทบหนักมากๆ มีครอบครัว มีลูกตอนนี้เดือดร้อนหนักมากเพราะรายได้ลด รายจ่ายกลับเพิ่ม บางคนชักหน้าไม่ถึงหลัง ตอนนี้อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือให้ราคาน้ำมันลดลง” หนุ่มไรเดอร์ครวญ

ราคาพุ่ง – บรรยากาศการซื้อข้าวสารในร้านอำนวยค้าข้าว เทศบาลนครขอนแก่น โดยที่ราคาข้าวขนาดกระสอบ 45 ก.ก. ปรับขึ้นจาก 1,250 บาท เป็นกระสอบละ 1,350 บาท จนผู้บริโภคเปลี่ยนมาซื้อเป็นแบบชั่งกิโล เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.

ข้าวกระสอบแพงอีก 100
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจการจำหน่ายข้าวสารในเขตเทศบาลนครขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังจากมีกระแสข่าวข้าวสารเตรียมขยับขึ้นราคาอีก 30 บาทต่อถุงน้ำหนัก 5 ก.ก. ขณะที่ทางสมาคมผู้ค้าข้าวออกมาชี้แจงว่าไม่ได้ปรับราคา โดยได้เข้าสำรวจราคาจำหน่ายข้าวสารที่ร้านอำนวยค้าขาว ถ.หน้าเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ร้านขายข้าวสารที่มีประชาชนมาซื้อข้าวสารอย่างไม่ขาดสาย ทางร้านติดป้ายราคาขายไว้ที่กระสอบข้าวแต่ละชนิดอย่างชัดเจน

นางอำนวย มาซา อายุ 60 ปี เจ้าของร้านเผยว่า ร้านไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคม ผู้ค้าข้าว แต่พอจะรู้ว่าการขึ้นราคาข้าวสารนั้นมาจากสาเหตุใดบ้าง อาจเป็นเพราะน้ำมันที่ปรับขึ้นราคา มีส่วนที่ทำให้ข้าวสารมีการปรับราคาขึ้น อีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่ผู้ค้าข้าวส่งออกข้าวหอมมะลิได้มากขึ้น เพราะเท่าที่ทราบโดยเฉพาะประเทศยูเครนที่มีผลกระทบจากสงคราม ได้มีการสั่งซื้อข้าวจากประเทศไทยจำนวนมากด้วย

“วันนี้เงียบ ไม่ได้ขายดีเหมือนเมื่อก่อน ตามเศรษฐกิจปัจจุบัน เพราะลูกค้าที่มาซื้อข้าวบางส่วนซื้อไปไว้ใช้ในครัวเรือน บางส่วนซื้อไปขายต่อ แต่ช่วงนี้การค้าขายยังไม่ดี คนซื้อน้อยลง ด้านราคาข้าวช่วงนี้มีการปรับราคาขึ้น โดยก่อนเดือนพ.ค. ข้าวสารขนาดกระสอบ 45 ก.ก. กระสอบละ 1,250 บาท ปรับขึ้นมาเป็นกระสอบละ 1,350 บาท แต่ลูกค้าที่เคยมาซื้อก็กลับมาซื้อเหมือนเดิม จากนั้นข้าวปรับราคาขึ้นมาเรื่อยๆ ตลอดตั้งแต่ต้นเดือน สาเหตุที่ปรับราคาขึ้นเพราะสาเหตุโรงสีปรับขึ้นเนื่องจากส่งออก ต่างประเทศได้เยอะ และราคาน้ำมันที่แพงขึ้นมีส่วนอย่างมาก เพราะค่าขนส่งปรับอย่างอื่นก็ต้องปรับราคาขึ้นตามกลไกการตลาด พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปซื้อน้อยลงจากเดิมเคยซื้อเป็นกระสอบตอนนี้ซื้อทีละ 5-10 ก.ก. คนก็ไม่ค่อยมีเงิน” นางอำนวยกล่าว

ไส้กรอกอีกสานก็กระทบ
ขณะเดียวกัน ร้านค้าปลีกที่จำหน่ายข้าวสารในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ พบว่าข้าวสารบางชนิด เช่น ข้าวเจ้าหอมมะลิคัดพิเศษ และข้าวเหนียวใหม่คัดพิเศษ ปรับขึ้นราคากิโลกรัมละ 6 บาทแล้ว แต่ข้าวชนิดอื่นเช่นข้าวหอมมะลิที่ 2 ข้าวตราแห้ง ข้าวซ้อมมือ และข้าวกล้องยังขายราคาเดิม คือ กิโลกรัมละ 22-25 บาท จากการสอบถามนางขันทอง นิกรรัมย์ แม่ค้าขายปลีกข้าวสารในตลาดสดเทศบาล บอกว่า ทั้งข้าวสารเจ้าหอมมะลิคัดพิเศษและข้าวสารเหนียวคัดพิเศษ ปรับขึ้นราคาจากเดิมกิโลกรัมละ 6 บาท มาได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว จากก่อนหน้านี้กิโลกรัมละ 29 บาท ตอนนี้ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 35 บาท

เวลาที่ผู้ประกอบการค้าส่งข้าวสารจะปรับขึ้นราคาจะไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อน พ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อมาขายต่อจำเป็นต้องซื้อในราคาที่ปรับขึ้นตามที่ผู้ประกอบการบอก เมื่อนำมาขายต่อต้องปรับขึ้นราคาด้วยเช่นกันเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุน แต่ยอมรับว่าถึงแม้รัฐประกาศจะปรับขึ้นราคาข้าวสารอีกต้นเดือน ก.ค.นี้ คงไม่มีเงินที่จะซื้อกันตุนไว้ขายได้ ทำได้แค่ซื้อในปริมาณที่น้อยลงกว่าเดิมตามกำลังต้นทุน ตอนนี้ต้นทุนก็สูงขึ้นเป็นอย่างมาแต่ยอดขายหรือกำไรกลับลดลงเกือบเท่าตัว อยากวอนให้รัฐบาลได้หามาตรการควบคุมราคาข้าวสารด้วย เพราะหากปรับขึ้นอีกคนที่ได้รับผลกระทบก็คือประชาชน

ขณะที่นางขวัญ นามพุทรา แม่ค้าขายไส้กรอกอีกสาน บอกว่า ข้าวสารก็เป็นวัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้ทำไส้กรอกอีสานด้วย หากมีการปรับขึ้นราคาต้องได้รับผลกระทบแน่นอน แต่จำเป็นต้องซื้อเพราะไม่งั้นก็ทำไส้กรอกขายไม่ได้ คงต้องซื้อวันต่อวันเพราะไม่มีทุนที่จะซื้อตุนเอาไว้ เพราะทุนวันนี้ยอดขายไส้กรอกลดลงอยู่แล้ว แต่ต้นทุนในการซื้อวัตถุดิบกลับสูงขึ้น ก็อยากวอนให้รัฐบาลดูแลช่วยเหลือประชาชนด้วย

ถ่านหุงข้าวก็ปรับแล้ว
นายสุเชฏฐ์ จันผุด อายุ 56 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ผู้ประกอบอาชีพเผาถ่านขายมานานกว่า 3 ปีแล้ว เผยว่า มีเตาเผาถ่านทั้งหมด 4 เตา ปกติจะผลิตส่งไปขายยุ้งในกรุงเทพฯ เดือนละประมาณ 300 กระสอบ แต่ขณะนี้ลดกำลังการผลิตลงเหลือประมาณเดือนละ 100 กระสอบเท่านั้น เนื่องจากปีกไม้ยางพาราปรับราคาสูงขึ้นมาก ประกอบกับน้ำมันสำหรับเลื่อยไม้มีราคาแพงทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แม้ความต้องการใช้ถ่านของประชาชนในขณะนี้จะเพิ่มสูงขึ้นมากทั่วประเทศ เพราะหลายคนต้องการประหยัดค่าแก๊สหุงต้ม หลังจากที่มีการปรับราคาสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แล้วหันมาใช้เตาอั้งโล่และวิธีการอื่นๆ ในการปรุงอาหารแทน

ล่าสุดถ่านไม้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้นแล้วเช่นกัน จากเดิมกระสอบละ 380 บาท เป็น กระสอบละ 400 บาท หรือเพิ่มขึ้นกระสอบละ 20 บาท จากปัญหาที่ปีกไม้ยางพารามีการปรับราคาสูงขึ้นเป็นตันละกว่า 1,000 บาท และราคายังมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา และไม้ 1 ตัน ผลิตถ่านไม้ได้ประมาณ 3 กระสอบเท่านั้น แถมยังต้องจ่ายค่าแรงให้คนงานอีกกระสอบละ 75 บาท ทำให้การเผาถ่านขายไม่คุ้มทุน อีกทั้งในการส่งไปขายที่กรุงเทพฯ แต่ละครั้งต้องมีปริมาณอย่างน้อย 300 กระสอบขึ้นไป เพื่อให้คุ้มกับค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะค่าน้ำมันที่ยังคงมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เมื่อรายได้ไม่คุ้มทุนจำต้องหยุดการ ส่งถ่านไม้ไปยังกรุงเทพฯ และต้องลดการผลิตถ่านไม้ลงเหลือแค่เดือนละ 100 กระสอบ แล้วเอาในส่วนนี้มาแบ่งขายปลีกในจังหวัดตรัง และใกล้เคียงแทน เพราะความต้องการใช้ถ่านไม้ของประชาชนในพื้นที่มีมากเช่นเดียวกัน โดยใช้วิธีการ แบ่งขายถ่านไม้เป็นกระสอบ กระสอบละประมาณ 10 กิโลกรัม ขายในราคากระสอบละ 140 บาท และยังจัดถ่านไม้ใส่ถุงส่งขายปลีกตามร้านค้าและหน้าบ้านราคาถุงละ 30 บาท เพื่อให้ประชาชนได้ใช้กัน เป็นการ ส่งเสริมการประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ในยุคที่ราคาพลังงานทุกอย่างพุ่งสูงขึ้นรายวันเช่นนี้ ส่วนเศษถ่านไม้จะเอาไปส่งขายให้กับโรงงานผลิตถ่านอัดแท่งในราคากระสอบละ 20 บาท” นายสุเชฏฐ์กล่าว

โลงจ่อขึ้น – ร้านขายโลงศพรายใหญ่ในเมืองตรัง โอดสินค้าเกี่ยวกับพิธีศพปรับขึ้น ทุกชนิด ทั้งแผ่นไม้ ดอกไม้สด ดอกไม้จันทน์ ผ้าขาว และอุปกรณ์อื่นๆ จนทำให้แบกรับต้นทุน ไม่ไหว เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.

ราคาโลงอั้นไม่อยู่
นายเกียรติวิทย์ เอียดนุ่น เจ้าของร้านกุ้งควนหาญ ถนนโคกขัน ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ร้านจำหน่ายโลงศพแบบครบวงจรรายใหญ่ เผยว่า ตอนนี้กำลังจ่อปรับขึ้นราคาโลงศพ เนื่องจากแผ่นไม้ ทั้งไม้สัก ไม้ยางนา และไม้เทียม ต่างปรับขึ้นราคาไปอีกแผ่นละ 10 บาท ส่วนดอกไม้สดปรับขึ้นจากกำละ 190 บาท เป็น 300-320 บาท หรือเกือบเท่าตัว เช่นเดียวกับดอกไม้จันทน์ช่อประธานปรับขึ้นอีกช่อละ 10 บาท รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ ก็มีการปรับขึ้นราคาทุกอย่าง

แต่ช่วงนี้ยังคงขายโลงศพและรับจัดพวงหรีดในราคาเดิม ไม่ลดปริมาณหรือคุณภาพ เพราะไม่อยากซ้ำเติมประชาชน ผู้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ยังต้องมาเจอกับพิษน้ำมันแพง ทำให้ข้าวของทุกอย่างฉวยโอกาสขึ้นราคา แต่โลงศพยืนยันยังไม่ขึ้นราคา เพราะเจ้าของนำรายได้ในส่วนอื่นมาชดเชย เพื่อรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมัน หากมีการลดราคาน้ำมันลงก็ไม่ขึ้นราคา แต่หากราคาน้ำมันยังเพิ่มสูงขึ้นและสินค้าทุกอย่างแพงขึ้นอาจจะปรับขึ้นอีก 100-300 บาท เพื่อให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน