‘หม้อแปลง’บึ้ม หนีกันวุ่นเจ็บอีก9

ไฟไหม้ตลาดสำเพ็ง ย่านการค้าเก่าแก่กรุงเทพฯ หนีตายกันอลหม่าน ต้นเพลิงเป็นร้านอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น ขายถุงพลาสติก ตั้งอยู่ริมถนน ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้ลามไปยัง 4 คูหาที่อยู่ข้างกัน พบรถถูกไฟไหม้เสียหาย 5 คัน สาเหตุคาดว่าอาจเกิดจากหม้อแปลงระเบิด พบมีผู้เสียชีวิตคาร้าน 2 ราย ส่งชันสูตร เผยสภาพอนาถ ถูกไฟคลอกหลอมละลายไปกับถุงพลาสติกคล้ายอัดกรอบเลี่ยมพระจนจำไม่ได้ แต่คาดเป็นลูกจ้างชาวเมียนมา อายุ 34 ปี และสาวไทย วัย 52 ปี พนักงานของร้านที่หายตัวไป พบผู้บาดเจ็บอีก 9 ราย สอบถามลูกจ้างร้านที่เกิดเหตุที่วิ่งหนีตายออกมาได้หวุดหวิด เผยหลังจากจนท.การไฟฟ้ามาตรวจสอบและซ่อมแซมสายไฟที่หน้าร้าน พบสายไฟที่หน้าร้านเกิดชอร์ต ก่อนหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่อยู่หน้าร้านระบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แล้วไฟไหม้ร้านและลามไปยังตึกข้างๆ อย่างรวดเร็ว

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 26 มิ.ย. พ.ต.ท.พลวรรษ พรหมศร สว.(สอบสวน) สน.จักรวรรดิ รับแจ้งจากศูนย์วิทยุพระราม 199 เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารเลขที่ 157 บริเวณท่าน้ำราชวงศ์ ถนนราชวงศ์ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสวนมะลิถึงที่เกิดเหตุ ควบคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้จนเหลือกลุ่มควัน และมีข้อมูลจากผู้อยู่ในอาคารเจ้าหน้าที่พบมีผู้เสียชีวิต 1 รายอยู่ในบริเวณดังกล่าว

จากการตรวจสอบเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ของบริษัท ราชวงศ์รุ่งเรือง จำกัด ขายถุงพลาสติก ถุงผ้า และกล่องกระดาษใส่สินค้า โดยเพลิงกำลังลุกไหม้ลามไปประมาณ 6 คูหา เป็นพื้นที่ร้านขายของ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยมี พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.จักรเพชร พลอยเพชรนิล และพ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง รองผบก.น.6 พ.ต.อ.นนท์ นุ่มบุญนำ รรท.ผกก.สน.จักรวรรดิ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.จักรวรรดิ เข้าตรวจสอบ

นอกจากนี้ บริเวณที่เกิดเหตุมีรถยนต์ถูกเผาทำลาย บริเวณหน้าอาคาร 3 ชั้นที่เกิดเพลิงไหม้ 4 คัน จากจุดหน้าตึกที่มีเพลิงไหม้มีหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ไหม้ เสียหาย

ต่อมา เวลา 12.35 น. เพลิงเริ่มสงบลง แต่มีไฟปะทุเป็นระยะ มีเสียงแตกและคล้ายโครงสร้างอาคารบีบอัด ต้องถอยเจ้าหน้าที่ออกมาฉีดน้ำต่ออย่างระมัดระวัง เบื้องต้นการฉีดน้ำกว่า 1 ช.ม. ด้วยแรงหัวจ่ายน้ำประปา 7 หัว สามารถคุมเพลิงได้ แต่มีแรงอัดมหาศาล อาคารเก่าและมีการเก็บของน้ำหนักมาก มีอันตราย อาจเกิดการทรุดตัว และถล่มได้ จึงให้หลีกเลี่ยงบริเวณดังกล่าว ในที่สุดควบคุมเพลิงได้หลังใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง

ด้านน.ส.อาทิตยา โชคกิจมนัสชัย ผอ.เขตสัมพันธวงศ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นสาเหตุเกิดจากหม้อแปลงระเบิดจึงทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ และมีลมแรงจึงทำให้เพลิงพัดลุกไหม้ไปยังอาคารข้างเคียง ประกอบกับมีถังแก๊สตั้งอยู่เพราะเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง จึงทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นเบื้องต้นมีอาคารเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายประมาณ 6 คูหา จากที่ได้รับรายงานมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร อยู่บริเวณดังกล่าว

สำเพ็งไหม้ – เหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ตลาดสำเพ็ง ย่านการค้าเก่าแก่ ของกรุงเทพฯ หลังหม้อแปลงไฟฟ้าริมถนนระเบิดแล้วเกิดไฟลุกลาม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 9 ราย อาคารเสียหาย 4 คูหา เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.








Advertisement

จากนั้นเวลา 15.30 น. น.ส.จิตรา อัฐใจ อายุ 34 ปี ลูกจ้างร้านขายถุงพลาสติก ซึ่งหนีตาย ออกจากอาคารได้อย่างหวุดหวิดให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. มีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาตรวจสอบและซ่อมแซมสายไฟบริเวณดังกล่าว ซึ่งพาดขนานไปกับตัวอาคารบริเวณชั้น 2 ของร้านค้าในละแวกเดียวกันนี้ กระทั่งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเดินทางกลับไป ตนและ ผู้ค้าอีกหลายคนสังเกตเห็นว่า บริเวณสายไฟที่หน้าร้านตน เกิดเสียงดังคล้ายไฟชอร์ตกัน ทีแรกยังวิจารณ์กันอยู่ว่าเจ้าหน้าที่ ไม่พันเก็บสายไฟให้เรียบร้อย หลังจากทำงานเสร็จหรือไม่ สักพักก็มีของเหลวไหลทะลักออกจากหม้อแปลง ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าร้าน ก่อนจะมีเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ทำให้ตนต้องรีบวิ่งข้ามถนนหนีตายไปอยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นแสงเพลิงก็ลุกลามจากหม้อแปลงไฟฟ้าเข้าสู่ตัวอาคารอย่างรวดเร็ว

ต่อมา พนักงานสอบสวนสน.จักรวรรดิ ได้รับการยืนยันพบศพผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย บริเวณภายในตึกที่อยู่ด้านหลังหม้อ แปลงที่เกิดเหตุระเบิด จุดแรกทางขึ้นชั้น 1 พบผู้เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว 1 ราย และจุดที่ 2 บริเวณทางขึ้นชั้นที่ 2 อีก 1 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 9 ราย ส่งตัวไปรักษาที่ร.พ.กลาง แล้ว เบื้องต้นยังไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ ทราบเพียงว่าลูกจ้างเพศชายที่สูญหายชื่อนายเพชรเดือน ยังไม่ทราบนามสกุล อายุ 34 ปี ชาวเมียนมา ส่วนลูกจ้างเพศหญิงชื่อ น.ส.จิรภัทร สุ่มมาก อายุ 52 ปี

ด้านนายรัฐนันท์ กิจติฤดีกุล เจ้าร้านขายถุงพลาสติก กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุมีลูกจ้างโทร.มาบอกว่าที่ร้านเกิดเหตุเพลิงไหม้ รู้สึกตกใจมาก จึงรีบมาที่เกิดเหตุ จนรู้ว่า เป็นหญิงพนักงานบัญชี 1 คน และลูกจ้างชายชาวต่างด้าวในร้าน 1 คน ที่เสียชีวิต

ต่อมาเวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊งและร่วมกตัญญูได้นำร่างของชายชาวเมียนมาที่เสียชีวิต อยู่บริเวณใกล้บันไดหน้าห้องน้ำชั้น 1 ออกมาแล้ว ก่อนจะนำร่างหญิง ออกมาจากชั้น 2 ของอาคารดังกล่าว ทางพนักงานสอบสวนสน.จักรวรรดิ ส่งแพทย์นิติเวช ร.พ.ตำรวจ ชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป

พ.ต.ท.พลวรรษ สว.(สอบสวน) สน. จักรวรรดิ กล่าวภายหลังนำหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าสำรวจพื้นที่เพลิงไหม้ เพื่อดำเนินการกู้ศพผู้เสียชีวิต 2 ราย หลังเกิดเหตุหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดแสงเพลิงลุกลามเข้าภายในตัวอาคาร จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการสำลักควันไฟ จำนวนมาก ซึ่งล่าสุดขณะนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายได้ เนื่องจากสภาพศพถูกพลาสติกที่มีเป็นจำนวนมาก หลอม ละลายห่อหุ้มร่างเอาไว้ทั้งหมด คล้ายกับการเลี่ยมอัดกรอบพระเครื่อง เบื้องต้นจึงมอบร่างในสภาพดังกล่าวส่งให้แพทย์นิติเวช ร.พ.จุฬาฯ ดำเนินการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า ทั้ง 2 รายคือ น.ส.จิราพัช พนักงานแคชเชียร์ของทางร้าน และนายเพชร ลูกจ้างของร้าน ที่สูญหายไปไม่สามารถติดต่อได้หลังเกิดเหตุ

นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า ทางเจ้าของอาคาร ให้ข้อมูลกับทางพนักงานสอบสวน ถึงมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้น่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ส่วนเรื่องหม้อแปลงไฟฟ้าและสายไฟ ที่มักมีการชำรุดบ่อยครั้ง ที่ผ่านมาได้แจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาซ่อมแซมเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ซึ่งทาง เจ้าของอาคารและเจ้าของกิจการในละแวกดังกล่าว ที่ได้รับความเสียหาย อาจมีการปรึกษานักกฎหมายเพื่อดำเนินการฟ้องร้องให้การไฟฟ้าและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับนางมณีวรรณ ศรีสวัสดิ์ ผอ.เขตหนองแขม ผู้บริหารกทม. และผู้บริหารเขตหนองแขม ที่สำนักงานเขตหนองแขมว่า ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ที่ย่านสำเพ็งแล้ว เป็นเรื่องน่าเสียใจที่พบผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 1 ราย จากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าติดอยู่ในอาคาร นี่จึงเป็นจุดสำคัญของพื้นที่ บ้านเรือน อาคารสูง เพราะเมื่อมีเหตุเพลิงไหม้คนมักจะวิ่งหนีขึ้นชั้นบน พอไปถึงอาจจะหาทางออก ไม่ได้ หรือไม่ก็มีลูกกรงหน้าต่างติดอยู่ และข้อสำคัญประการต่อไปคือ หากเป็นตึกสูงเราไม่สามารถใช้รถกระเช้าหรือฉีดน้ำจากภายนอกเพื่อดับไฟได้อย่างแน่นอน ฉะนั้น ตามกฎหมายที่บอกว่าอาคารสูงต้องมีการติดตั้งระบบดับเพลิงสปริงเกลอร์น้ำในอาคารจึงมีความจำเป็น และบ้านเรือนภายในอาคารก็จะต้องมีถังดับเพลิงมือถือติดบ้านไว้ด้วย มีทางเพื่อหนีไฟด้วย

นายชัชชาติกล่าวว่า การเกิดเพลิงไหม้มาจากหลายปัจจัย เช่น สายไฟเก่าชำรุด เชื้อเพลิง แต่ทั้งหมดนี้ทุกจุดก็สามารถเกิดความเสี่ยงไฟไหม้ได้ อย่างเช่นย่านเยาวราชนี้เป็นชุมชนร้านค้าก็จะมีเชื้อเพลิงให้ไฟ ซึ่งจะให้สำนักงานเขตให้ความรู้ประชาชน ออกมาตรการเพื่อให้ทุกบ้านเรือนช่วยกันตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปดูได้ทุกอาคาร อย่างไรก็ตาม กทม.ก็จะออกคู่มือสำหรับประชาชนในการหนีไฟ

“จากนี้ประชาชนต้องดูให้ดี หากเข้าไปที่ไหนแล้วก็ต้องดูทางหนีทีไล่ให้ดี โดยเฉพาะสถานบันเทิง นี่เป็นความสำคัญที่จะต้องมีการซ้อมหนีไฟ เวลาที่หน่วยงานจัดให้ซ้อม อย่าทำเป็นเล่นตลก เดินหัวเราะกัน เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ต้องซ้อมให้รู้ว่าหลับตาแล้วจะไปตรงไหนได้ รวมคนที่ไหน” นายชัชชาติกล่าว

ต่อมาเวลา 16.30 น. นายชัชชาติได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเปิดเผยว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถควบคุมเพลิงไหม้ได้ระดับหนึ่งแล้ว อันตรายกรณีที่อาจเกิดการถล่มของอาคาร เนื่องจากมีการฉีดน้ำ แล้วพื้นอาคารตรงกลางตึกเองก็ยุบไปหมด และต้องดูแต่ละฝั่งที่มีการเพิ่มน้ำหนักเข้าไปจึงต้องจำกัดคนไม่ให้เข้าไปบริเวณดังกล่าว ส่วนสาเหตุเกิดจากหม้อแปลงระเบิดลุกลามเข้าไปด้านในตัวอาคาร ประกอบกับมีสายไฟจำนวนมาก จะสังเกตได้ว่าเหลือแต่สายทองแดงซึ่งเป็นตัวการไฟลุกลาม บังเอิญเชื้อเพลิงในตึกมีพลาสติกจึงทำให้เกิดไฟลุกลามเร็วมาก อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทบทวนหน่วยงานของภาครัฐ ได้แก่ อุปกรณ์หม้อแปลง สายไฟด้านนอก ทางกรุงเทพมหานครมีนโยบายที่ต้องตัดสายทิ้งอยู่แล้ว ต้องรีบเร่งตัดสายที่ไม่ใช้เพราะติดไฟได้ ส่วนภายในอาคารเจ้าของแต่ละแห่งต้องตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ในมาตรฐานที่ดีหรือไม่ อาคารที่มีความเสี่ยงมากขึ้นเป็นอาคารที่มีเชื้อเพลิงภายในจำนวนมาก อาคารใช้เก็บวัตถุไวไฟ

ดูจุดไหม้ – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เข้าตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้จากหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ทำให้ไฟไหม้รถด้านล่างก่อนลามไปติดอาคารพาณิชย์ เสียหาย 4 คูหา ที่ย่านสำเพ็ง ถนนราชวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.

เมื่อถามว่ามีกรณีคนแจ้งว่าเหตุแบบนี้หลายครั้งแล้วจนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าวจะต้องทำอย่างไรนั้น นายชัชชาติกล่าวว่า ทางตนจะประสานกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กรณีดังกล่าวถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ต้องนำไปปรับปรุง และเป็นหน้าที่ที่การไฟฟ้าฯ ต้องช่วยดูด้วย ซึ่งต้องประสานงานอย่างเข้มข้น กรุงเทพ มหานครจะให้แต่ละเขตสำรวจจุดเสี่ยงเพิ่มเติมด้วย และใช้แพลตฟอร์มที่มีช่วยในการแจ้งเหตุ ทั้งนี้ ยืนยันว่ากรุงเทพ มหานครยินดีช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างเต็มที่ และจะหารือกับทางกฟน. หลายเรื่อง อาทิ ไฟดับตามถนน ไฟแสงสว่าง ความปลอดภัยเรื่องหม้อแปลง อย่างกรณีสายสื่อสารอยู่เสาไฟฟ้าปักอยู่ในพื้นที่กทม.ภายในสัปดาห์หน้า

เมื่อถามกรณีของรถที่เสียหาย นายชัชชาติกล่าวว่า อาจต้องแจ้งความกับ เจ้าหน้าที่กรณีมีทรัพย์สินเสียหาย แต่ต้องดูรายละเอียดว่าทางกรุงเทพมหานครจะช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง ส่วนกรณีเกิดเหตุในพื้นที่สำเพ็งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญจะให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนอย่างไรนั้น ต้องมองไปที่อนาคตต้องมองว่ากรณีดังกล่าวถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่เราต้องเอาไปปรับปรุงให้ดีขึ้น หวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำซากอีก ตนเชื่อว่ากฟน.มีศักยภาพที่จะดูแลชีวิตพี่น้องประชาชน ซึ่งจะนำกรณีดังกล่าวร่วมหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบรายงานเกิดเหตุไฟไหม้ย่านตลาดสำเพ็ง แล้ว นายกฯ เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ขอให้ระมัดระวัง อย่าให้เกิดความสูญเสีย พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และได้กำชับให้ทุกคนช่วยกันตรวจสอบระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ในช่วงนี้ที่มีอากาศร้อน อาจทำให้เกิดสาเหตุไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นได้ และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่ง ตรวจสอบ โดยเฉพาะโครงสร้างของอาคาร และความเสียหายอื่นๆ ขอให้ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมกับเร่งเยียวยาตามหลักเกณฑ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน