นัดถกใหญ่วันนี้ หาเงินโปะไม่ได้ ตรึงราคาน้ำมัน ถึงกย.-ป่วนแน่ อ่วมก๊าซหุงต้ม ขึ้นอีกโลละบาท

กองทุนน้ำมันติดลบทะลุแสนล้านแล้ว กบน.นัดถกใหญ่วันนี้หาเงินมาโปะ หลังอุ้มดีเซลลิตรละ 11 บาท ไม่ให้ทะยานแตะ 46 บาทต่อลิตร บางจากพร้อมถกภาครัฐร่วมหาทางออก หนุนใช้ E20 แทนแก๊สโซฮอล์ รัฐบาลหนุนใช้ไม้มีค่าเป็นหลักประกัน เงินกู้ พบชาวบ้าน-ชุมชนนำต้นสัก-พะยูง-มะค่า-ตะเคียน ยื่นแบงก์แล้วแสนกว่าต้น ได้เงินกว่าร้อยล้านบาท คนยากไร้แห่ขอรับบริจาคโลงศพหลังเจอมรสุมพิษเศรษฐกิจตกต่ำ เจ้าของร้านขายโลงศพร่วมบริจาคถือว่าร่วมทำบุญทั้งที่ตนเองประสบปัญหาวัสดุประกอบโลงราคาสูงขึ้นจนต้องขยับราคาจากที่ขายมานานกว่า 10 ปี แม่ค้าส้มตำโอดหมู ไก่ ปลาแห่ขึ้นราคา จำเป็นต้องขายราคาเดิมแต่ชิ้นเล็กลงจนลูกค้าหดหาย ผักชี-กะหล่ำปลีพุ่งอีก ก.ก.ละ 5-10 บาท ก๊าซหุงต้มด้วย

ชาวบ้านขอรับบริจาคโลง
วันที่ 26 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ ร้านทำโลงศพภายในบริเวณวัดแจ้งใน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีรถจากมูลนิธิฮุก 31 นครราชสีมา มาติดต่อขอรับบริจาคโลงศพเพื่อนำไปให้ชาวบ้านผู้ยากไร้ที่มาติดต่อขอรับบริจาคโลงศพผ่านมูลนิธิฮุก 31 นครราชสีมา โดยในช่วงที่ผ่านมามีประชาชนติดต่อขอรับบริจาคเพิ่มมากขึ้นหลังจากเกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนมีรายได้น้อย ไม่มีเงินเพียงพอซื้อโลงศพ

นายวิบูลย์ แดงอิทธิภัค อายุ 68 ปี เจ้าของร้านขายโลงศพ เปิดเผยว่าในช่วงที่ผ่านมามีคนมาติดต่อขอรับบริจาคโลงศพเพิ่มมากขึ้น มีทั้งติดต่อผ่านมูลนิธิฮุก 31 และมาติดต่อที่ร้านโดยตรง มีชาวบ้านมาขอรับบริจาคแทบทุกวัน ตนก็ให้ไปเพราะคิดว่าทุกวันนี้เงินหายากและถือว่าเป็นการทำบุญ ทั้งนี้จากปัญหาราคาสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นรวมไปถึงวัสดุที่นำมาประกอบโลงศพก็ราคาสูงขึ้นตามทุกอย่าง ทั้งไม้ต่อ โลง สี และอุปกรณ์ตกแต่งโลง ต้องปรับราคาโลงจากเดิมขายราคา 1,100 บาท มากว่า 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 1,200 บาท ปรับขึ้นมา 100 บาท เนื่องจากทนรับกับราคาวัสดุที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว

แม่ค้าโอดของแพง-ลูกค้าหด
ที่จ.มหาสารคาม นางเครือ มาดวังแสง แม่ค้าจำหน่ายอาหารอีสาน เผยว่าประกอบอาชีพขายอาหารอีสานจำพวกส้มตำ ไก่ย่าง หมูย่าง ปลาดุกย่าง และอีกหลายอย่าง โดยทุกวันจะบรรทุกใส่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกจำหน่ายตามจุดต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ก่อนหน้านั้นหลังหักต้นทุนออกก็พอมีกำไรเหลือบ้าง แต่หลังจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วัตถุดิบ ไก่สด โครงไก่ เนื้อหมู ที่นำมาประกอบอาหารจำหน่ายปรับราคาขึ้นสูงมาก อาทิ โครงไก่เดิมก.ก.ละ 25-30 บาท ปรับราคาขึ้นเป็น 40-50 บาท ชิ้นส่วนไก่ ปีก น่อง ขา สะโพก เดิม ก.ก. ละ 65-70 บาท ปรับขึ้นเป็น 98 บาท หมูสามชั้นเดิม ก.ก.ละ 160 บาท ปรับขึ้นเป็น 200 บาท เป็นต้น หากจะปรับราคาขายขึ้นก็เห็นใจลูกค้าส่วนใหญ่ซึ่งเป็นขาประจำ ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจะอยู่รอดได้ จึงใช้วิธีเลือกวัตถุดิบชิ้นเล็กลง อาทิ ไก่ เลือกชิ้นที่เล็กลงมาย่างขายในราคา 30 บาทเท่าเดิม รวมทั้งปลาดุกย่างตัวเล็กลงมาย่างขาย ตัวละ 20 บาท ราคาเดิม ถูกลูกค้าตำหนิว่าชิ้นเล็กเกินไป หลายรายเลือกดูแล้วก็ ไม่ซื้อเพราะไม่พอใจ ทำให้ช่วงนี้ขายของยากมากเพราะลูกค้าหด ขอวิงวอนภาครัฐช่วยควบคุมราคาหมูและไก่ด้วย ในกลุ่มแม่ค้าพูดคุยกันว่าหากสถานการณ์ราคาสินค้ายังสูงอยู่อย่างนี้จะพิจารณาถึงการเลือกตั้งสมัยหน้า

ผักชี-กะหล่ำปลีพุ่งอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสำรวจราคาสินค้าในตลาดสดพื้นที่กรุงเทพมหานคร ของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ 24 มิ.ย. เปรียบเทียบกับวันที่ 23 มิ.ย. 2565 พบว่าสินค้าหลายรายการปรับราคาสูงขึ้น คือ ผักชีคัด ปรับขึ้น 10 บาท/ก.ก. เป็น 120-130 บาท/ก.ก., ผักชีคละ ปรับขึ้น 10 บาท/ก.ก. เป็น 100-110 บาท/ก.ก. กะหล่ำปลีคัด ปรับเพิ่มขึ้น 5 บาท/ก.ก. เป็น 40-45 บาท/ก.ก., กะหล่ำปลีคละ ปรับขึ้น 5 บาท/ก.ก. เป็น 30 – 35 บาท/ก.ก. เนื่องจากมีพายุฝนสลับกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดในพื้นที่แหล่งเพาะปลูก ผลผลิตบางส่วนเสียหาย ออกสู่ตลาดลดลง ในขณะที่ความต้องการบริโภคยังมีต่อเนื่อง

กองทุนน้ำมันติดลบแสนล.
รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้ได้รับการยืนยันฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุดติดลบทะลุ 1 แสนล้านบาทแล้ว นับเป็นการติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง จากสัปดาห์ก่อนติดลบ 96,598 ล้านบาท ขณะนี้ฝ่ายการเงินกำลังคำนวณตัวเลขทางบัญชีและจะเผยแพร่บนเว็บไซต์ของกองทุนอย่างเป็นทางการภายใน 1-2 วันนี้ โดยขณะนี้กองทุนอุดหนุนราคาดีเซลอยู่ที่ 10.91 บาท/ลิตร เพื่อตรึงราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกินเพดาน 35 บาท/ลิตร หากไม่มีการอุดหนุนราคาดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ 45.85 บาท/ลิตร แต่ถือเป็นการอุดหนุนลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่ 11 บาทกว่า/ลิตร ขณะที่กองทุนมีเงินฝากที่เป็นสภาพคล่องเหลือประมาณ 3,000 ล้านบาท

บางจากพร้อมร่วมมือภาครัฐ
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP กล่าวถึงประเด็นที่รัฐบาล โดยกระทรวงพลังงานขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันให้นำส่งกำไรค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล การจัดเก็บค่าการกลั่นน้ำมันเบนซิน โรงแยกก๊าซ เพื่อเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า ขณะนี้ภาครัฐอยู่ระหว่างการหารือกันว่าจะมีข้อสรุปอย่างไรในกรณีที่จะขอความร่วมมือกับกลุ่มโรงกลั่น หรือจะออกกฎหมายมาบังคับอย่างไร แต่พร้อมร่วมมือกับภาครัฐภายใต้กรอบของกฎหมายและการค้าเสรี เนื่องจากบางจากเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องชี้แจงผู้ถือหุ้นให้ได้ กรณีที่เกิดขึ้นมาจากผลกระทบระดับโลก อยากให้มีมาตรการเข้ามาดูแลในระยะยาวมากกว่า

หนุนใช้ E20 แทนแก๊สโซฮอล์
“ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมาจากการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของรัสเซียที่หายไป 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้น้ำมันในคลังของยุโรปอยู่ต่ำสุดในรอบ 14 ปี และฝั่งอเมริกาอยู่ต่ำสุดในรอบ 16 ปี บางจากติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เบื้องต้นหารือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผลักดันการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานแทนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลิตได้เองในประเทศ อีกทั้งราคาเพียง 25-26 บาท/ลิตร เทียบกับน้ำมันเบนซินที่ต้องนำเข้ามาผสมอยู่ที่ 34-35 บาท/ลิตร คาดว่าจะช่วยลดราคาน้ำมันลงได้ 80 สตางค์ ถึง 1 บาท/ลิตร เพราะการผสมเอทานอลทุก 10% จะประหยัดลง 1 บาท เป็นทางออกหนึ่งในช่วงน้ำมันแพง”

คาดปลายปีราคาน้ำมันพุ่ง
นายชัยวัฒน์กล่าวด้วยว่าขณะที่สถานการณ์ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกคาดว่ายังทรงตัวในระดับสูง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อาจปรับตัวลงมาเล็กน้อย ส่วนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 170 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ในช่วงฤดูหนาวของยุโรปและสหรัฐอเมริกาปลายปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล และ LPG และหากสงครามยังยืดเยื้อคาดว่าราคาน้ำมันดีเซลมีโอกาสแตะ 200 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

นายชัยวัฒน์กล่าวถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 ว่ายังไม่สามารถบอกได้ แต่ถ้าดูจากกำลังการกลั่นแล้วสูงกว่าไตรมาส 1/2565 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเล็กน้อย ขณะที่กำลังการกลั่นของบางจากในปัจจุบันอยู่ในระดับ 122,000 – 123,000 บาร์เรล/วัน มีกำลังการกลั่นอยู่ที่ 102 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนภาพรวมในปี 2565 คาดว่าจะรักษาระดับการกลั่นได้ที่ 122,000 บาร์เรล/วัน

ก๊าซหุงต้มขึ้นอีกถังละ 15 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่าราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เตรียมปรับราคาขึ้นอีกก.ก. ละ 1 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 ก.ก. จากปัจจุบันอยู่ที่ 378 บาท ปรับขึ้นอีก 15 บาท เป็น 393 บาท/ถัง มีผลวันที่ 1 ก.ค.นี้ ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน โดยรัฐยังช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาท/คน/ 3 เดือน มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.2565

นอกจากนี้ยังต้องติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ในวันที่ 27 มิ.ย. ว่าจะมีแนวทางจัดหาเงินจากแหล่งใดมาใช้อุดหนุนราคาพลังงาน เมื่อกองทุนมีสถานะติดลบเกิน 1 แสนล้านบาท ประกอบกับยังไม่มีเงินกู้จากสถาบันการเงินเข้ามาในระบบเพราะอยู่ระหว่างการเจรจา ขณะที่การขอความร่วมมือโรงกลั่นนำส่งเงินส่วนเกินจากกำไรเข้ากองทุนก็ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน

หนุนปลูกไม้มีค่าประกันเงินกู้
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบายปลูกไม้มีค่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสามารถใช้เป็นหลักประกันกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่าเดินหน้าให้ความรู้กับผู้นำและผู้บริหารกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับไม้ยืนต้นที่มีค่า อาทิ สัก พะยูง มะค่า ตะเคียนทอง กฤษณา เหลืองปรีดี กัลปพฤกษ์ นางพญาเสือโคร่ง จำปีสิรินธร ให้ใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ขณะนี้มีเกษตรกรและประชาชนสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ค. 2565 ระบุว่า สถิติการจดทะเบียนการนำต้นไม้มาเป็นหลักประกัน มีทั้งสิ้น 1.46 แสนต้น เป็นจำนวนเงินค้ำประกันกว่า 137 ล้านบาท แบ่งเป็นยื่นกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 318 ต้น จำนวนเงินค้ำประกันกว่า 3 ล้านบาท ยื่นกับธนาคารกรุงไทย จำนวน 23,000 ต้น จำนวนเงินค้ำประกัน 128 ล้านบาท และ ยื่นกับพิโกไฟแนนซ์ จำนวน 1.2 แสนต้น จำนวนเงินค้ำประกัน 6 ล้านบาท รวมต้นไม้ที่นำมาเป็นหลักประกัน เช่น สัก มะขาม มะเกลือ ยอป่า มะม่วง ไม้แดง ยาง ประดู่ป่า ประดู่บ้าน มะหาด พะยอม เต็ง ตะแบกนา มะขามเทศ ตะกู พฤกษ์ ทุเรียน ขนุน” น.ส.รัชดากล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเกษตรกรและประชาชนปลูกไม้ยืนต้น มีค่า เพราะนอกจากจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวแล้ว ผู้ปลูกยังใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อ ขอกู้เงิน ทำให้เข้าถึงสินเชื่อที่มีกฎหมายรองรับชัดเจน อีกทั้งส่งผลดีต่อสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น ขณะนี้มีผู้ปลูกไม้มีค่าบนที่ดินของตนเองมากขึ้นหลังทราบว่านำมาใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อเพื่อต่อยอดธุรกิจหรือใช้สอยในชีวิตประจำวันได้โดยไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร.0-2547-4944

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน