สะเก็ดปลิวบ้านไทยพัง หนีลงหลุมหลบภัยวุ่น

บินรบพม่ายังถล่มแหลก ระเบิดตกลงคาวงข้าวในหมู่บ้านกะเหรี่ยง ตายทันที 3 ศพ เจ็บอีก 3 คน เผยคนตายมีบัตรประชาชนไทย ฝ่ายความมั่นคงแจงวุ่นเป็นคน 2 สัญชาติ ฝ่ายกะเหรี่ยงขอข้ามแม่น้ำเมยนำคนเจ็บส่งร.พ. เผยมีผู้อพยพคืนก่อนอีก 92 คน ขณะที่ชาวบ้านฝั่งไทยผวาหนัก เสียงระเบิด-กระสุนถล่มหนัก สะเก็ดระเบิดทำบ้านพังเสียหาย 3 หลัง ผบ.กกล.นเรศวร ระบุแค่การสู้รบในประเทศ ไม่มีการรุกล้ำน่านฟ้าไทยอีก เพราะเตือนแล้ว ด้านทูตนอกแถวชี้ไม่ใช่เพื่อนแล้วแต่เป็นพ่อ น.ต.ศิธาเตือนคำนึงถึงจิตใจคนไทยด้วย

วันที่ 2 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความ คืบหน้าสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารพม่าและชนกลุ่มน้อยริมแนวชายแดนไทย-พม่า ด้านอ.พบพระ จ.ตาก หลังจากเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. เกิดกรณีเครื่องบินมิก 29 บินข้ามาในน่านฟ้าไทย พร้อมโจมตีฐานกองกำลังชนกลุ่มน้อย และมีกระสุน-ระเบิด ถล่มเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย มีรถยนต์เสียหาย ประชาชนต้องหลบในหลุมหลบภัยด้วยความหวาดระแวง

ความคืบหน้าผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา เครื่องบินโจมตีของกองทัพพม่า จำนวน 1 ลำ คาดว่าน่าจะเป็น MIG – 29 SE หรือ มิก 29 ทิ้งระเบิดโจมตี 1 ลูก ในบริเวณพื้นที่ บ.ทิบาโบ ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 300-400 ม. ด้านตรงข้ามบ.หมื่นฤาชัย ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก ระเบิดตกกลางวงกินข้าวบ้านผู้ใหญ่บ้าน ฝั่งพม่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย

โดยเจ้าหน้าที่ไทยในหมู่บ้านหมื่นฤาชัย ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก รับแจ้งมีเหตุระเบิดจากเครื่องบินรบทหารพม่าไม่ทราบชนิด ตกใส่กลางบ้านของนายจอราโด้ ผู้ใหญ่บ้าน ที่หมู่บ้านทิบาโบ จ.เมียวดี ประเทศพม่า มีผู้บาดเจ็บ 3 คน และเสียชีวิต 3 ราย ขณะที่ทั้งหมดกำลังนั่งทานอาหารกันในบ้าน ต่อมาประสานมายังฝั่งประเทศไทย ขอผ่อนปรนนำคนเจ็บ 3 คน โดยสารเรือข้ามแม่น้ำเมยมาส่งในฝั่งไทย เพื่อส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไทยยินยอมให้ข้ามฝั่งมาได้ ส่วนผู้เสียชีวิตได้นำศพไว้ฝั่งพม่าเพื่อทำพิธีศพตามประเพณีต่อไป

เจ้าหน้าที่ไทยแจ้งว่า ผู้เสียชีวิต 3 ราย มีเอกสารของทางการไทยออกให้ มีบัตรประชาชนไทย 1 คน บัตรพื้นที่สูง 1 คน และบัตร 10 ปี 1 คน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีทั้งหมด 3 คน พบบัตรประจำตัวประชาชนไทย 1 คน บัตรพื้นที่สูง 1 คน อีก 1 คนไม่ทราบ ก่อนเกิดเหตุ มีเครื่องบินรบมิก-29 ของทหารเมียนมา บินปฏิบัติการโจมตีฝ่ายต่อต้านทางอากาศ จนมีระเบิดตกลงใส่กลางหลังคาบ้าน ขณะที่ทุกคนในบ้านรวมกลุ่มกันทานอาหารอยู่

พล.ต.ประสาน แสงศิริรักษ์ ผบ.กกล.นเรศวร ตรวจเยี่ยมทหาร และตรวจสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.พบพระ จ.ตาก โดยจุดแรกได้เดินทางไปยังกองร้อยทหารราบที่ 1413 ฐานบ้านมอเกอร์ไทย ต.วาเล่ย์ เพื่อดูการสู้รบฝั่งเมียนมา จากนั้นเดินทางไปยังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 จุด มีผู้ลี้ภัยสงคราม ประมาณ 470 คน ที่บ้านวาเล่ย์ใหม่ และบ้านมอเกอร์ไทย จากนั้นร่วมกับนายสมพงษ์ ฟุ้งทวีวงศ์ นายอำเภอพบพระ จ.ตาก และกิ่งกาชาด อ.พบพระ มอบข้าวสาร อาหารแห้ง ให้กับผู้ลี้ภัยเพื่อให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม

พล.ต.ประสานกล่าวว่า ยังคงมีการสู้รบในประเทศเพื่อนบ้าน และไม่มีการใช้เครื่องบินรบล้ำน่านฟ้าไทย เพราะทางไทยได้ประสานไปแล้วทั้งในระดับสูง และระดับท้องถิ่น นอกจากนี้กำชับให้ทหารดูแลประชาชนอย่างดี ส่วนผู้ลี้ภัยที่ข้าม มานั้น บางส่วนขอกลับไปแล้ว ในจุดที่ไม่มีการสู้รบ เพราะเป็นห่วงบ้านเรือน และทรัพย์สินในฝั่งพม่า

ยังเดือด – ชาวกะเหรี่ยงในเมียนมาอพยพหนีภัยสงครามกลางดึกเข้ามา อ.พบพระ จ.ตาก หลังกองทัพเมียนมาส่งเครื่องบินรบยิงระเบิดโจมตีกองกำลังเคเอ็นยู แต่พลาดเป้าตกใส่ชาวบ้านตาย 3 ศพ พบผู้เสียชีวิตถือบัตรที่ทางการไทยออกให้ เมื่อ 2 ก.ค.

โดยเมื่อค่ำวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ยังมีราษฎรพม่า 92 คน เป็นชาย 10 คน เป็นหญิง 34 คน เป็น ด.ช. 30 คน และเป็น ด.ญ. 18 คน อพยพข้ามแม่น้ำเมยเข้ามายังฝั่งไทย โดยหน่วยร่วมกับจนท.ฝ่ายปกครอง อ.พบพระ และหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เข้า อำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือในการนำเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว บริเวณวัดบ้านหมื่นฤาชัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนผลกระทบหลังมีการใช้เครื่องบินรบของทหารพม่า บินทิ้งระเบิดในหมู่บ้านทิบาโบนั้น จุดทิ้งระเบิดอยู่ห่างแนวชายแดนไทย-เมียนมาเพียง 400 เมตร ส่งผลทำให้สะเก็ดลูกระเบิดลอยข้ามชายแดนมาตกที่กลางหมู่บ้านหมื่นฤาชัย ฝั่งประเทศ ไทย ทำให้มีบ้านเรือนถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายเป็นรูสะเก็ดระเบิด 3 หลังคาเรือน ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บ แต่ก็สร้างความหวาดกลัวไปทั่วหมู่บ้านฝั่งไทย เนื่องจากเสียง ระเบิดดังราวแผ่นดินไหว ชาวบ้านหลายครอบครัวต้องหนีลงหลุมหลบภัย ล่าสุดทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 กองกำลังนเรศวร พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ จังหวัดตาก นำกำลังเข้าไปตรึงทั่วพื้นที่แนวชายแดนในหมู่บ้านหมื่น ฤาชัย หลังเหนือน่านฟ้าชายแดนจังหวัดตากยังพบเสียงเครื่องบินรบเมียนมาบินมาวนเวียนตรวจการณ์เหนือแนวชายแดนไทย-เมียนมาอยู่ตลอดเวลาและคาดว่าตลอดทั้งวันนี้จะมีการใช้เครื่องบินรบบินโจมตีทางอากาศเพื่อถล่มพื้นที่เป้าหมายของทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูที่ยังคงปักหลักยิงต่อสู้กับทหารเมียนมากันอย่างดุเดือดนาน 7 วันจนสถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น

ต่อมาเวลา 14.00 น. สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนยังทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยทหารพม่ายิงลูกระเบิด ค.120 ม.ม. หลายลูก สกัดแนวรบของทหารกะเหรี่ยง ที่ยังคงตั้งแนวปะทะอยู่รอบฐานทหารพม่า ฐานอูเกรทะ นอกจากนี้ทหารพม่ายังใช้เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ลำเลียงอาวุธเป็นลูกระเบิดและกระสุนปืนสงครามจำนวนมากและกำลังพลไปส่งที่ฐานใหญ่ ฐานทีตาแหล่ บ้านวาเล่ย์ใหม่ จังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านวาเล่ย์เหนือ อ.พบพระ จ.ตาก ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เครื่องบินรบแบบ MIG-29 SE จำนวน 1 ลำ ได้บินเลียบแนวชายแดนไทย-พม่า พร้อมยิงจรวดโจมตีที่บริเวณแนวสะพานพื้นที่ดอยแดง อำเภอ ซูการี เขตประเทศพม่า ห่างแนวชายแดนเพียง 1 กิโลเมตร และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 อ.พบพระ จ.ตาก โดยเสียงระเบิด ดังข้ามมาถึงฝั่งไทยจนชาวบ้านฝั่งไทยขวัญผวากับเสียงระเบิดที่ดังกึกก้องกึ่งราวกับแผ่นดินไหว

รายงานข่าวจากกองทัพ ระบุถึงกรณีมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน เสียชีวิต 3 ราย จากเหตุถูกระเบิดจากเครื่องบินรบทหารพม่าในฝั่งประเทศเมียนมา และถูกนำตัวข้ามมารักษาตัวที่ฝั่งไทย โดยพบว่าบางคนมีเอกสารของทางการไทยออกให้ และมีบัตรประชาชนไทยว่าเป็นบุคคลสองสัญชาติจำนวนหนึ่งที่ถือสองสัญชาติไทยและสัญชาติพม่า ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ในการแก้ไขปัญหาในเรื่องของบุคคลสองสัญชาติ

ทั้งนี้จะเร่งสอบสวนว่าผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษาเป็นคนพม่าหรือคนไทย ส่วนกรณีรถยนต์ในฝั่งไทยถูกสะเก็ดระเบิดจากฝั่งพม่า หากเป็นจริงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องรับผิดชอบตรวจสอบ แต่ยังไม่มีรายงานว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

ด้านนายรัศม์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว และอดีตเอกอัครราชทูตไทยหลายประเทศ เขียนบทความวิจารณ์ กรณีท่าทีของกองทัพไทยต่อเหตุการณ์ความมั่นคงชายแดน โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ชี้แจงของนายกรัฐมนตรีไทย โดยระบุว่า แบบนี้ไม่ใช่เพื่อนแล้ว แต่คือพ่อครับ

พอเห็นผู้บริหารรัฐบาลออกมาแถลงเรื่องเครื่องบินรบพม่าที่รุกล้ำดินแดนไทยอย่างโจ่งแจ้ง ว่าไม่เป็นไร เรื่องเล็ก เขาแค่มาตีวงตั้งหลักเฉยๆ อย่าไปทำให้เป็น เรื่องใหญ่ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดเรื่องนี้ ต่ออีก ก็ไม่รู้ว่าใครแนะนำให้พูดแบบนั้น เพราะคำพูดที่ออกมานั้นมันเท่ากับเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าทางการไทยได้ยินยอม รู้เห็นเป็นใจให้ทหารพม่าใช้ดินแดนและอธิปไตยของไทยเพื่อเป็นฐานเข้าโจมตีชนกลุ่มน้อยในพม่านั่นเอง

ก่อนหน้านี้ทางโฆษก ทอ.ก็แถลงเองว่าได้ติดตามตลอดและเห็นในจอเรดาร์แล้วว่าบินวนอยู่ ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าบริเวณดังกล่าวนั้นกำลังมีการสู้รบ ถ้ายังปล่อยให้เครื่องบินรบทหารพม่าเข้ามาในเขตไทยได้อีก และให้เขามีเวลาพอเหลือเฟือที่จะบินอ้อมตีโค้งกลับลำสบายๆ ก่อนที่จะค่อยส่งเครื่องบินของเราขึ้นไป (ซึ่งป่านนั้นเขาก็บินไปลิบแล้ว)

เมื่อรวมกับคำพูดที่ออกมาจากปากของผู้บริหารรัฐบาลเอง มันก็ยากที่จะมองเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากคือการยอมรับว่าประเทศไทยกำลังร่วมมือกับเผด็จการทหารพม่าในการปราบปรามเข่นฆ่าชนกลุ่มน้อย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทั่วโลกประณามขณะนี้ และอาจมีผลให้ไทยต้องตกเป็นจำเลยร่วมกับเผด็จการทหารพม่าด้วย

และป่านนี้สถานทูตต่างๆ ในไทยเขาคงประมวลคำพูดและสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เพื่อรายงานให้ประเทศของตนทราบแล้ว ลองคิด ดูว่าการที่ไทยถูกรุกล้ำอธิปไตยด้วยเครื่องบินรบพม่าอย่างชัดแจ้งและจงใจแน่นอน (เพราะบินวนนานแล้ว) และยังเข้ามาสร้างความเสียหายในดินแดนไทย (มีรายงานรถชาวบ้านถูกยิงที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ ลูกเด็ก เล็กแดงต้องหลบหนีกันจ้าละหวั่น)

แถมยังจะมีผลทำให้ไทยตกเป็นจำเลยของโลกในการร่วมมือกับเผด็จการทหารพม่าในการเข่นฆ่าประชาชนคนกลุ่มน้อย แต่ยังมีผู้บริหารรัฐบาลออกมาบอกสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย คนแบบนี้ยังสมควรเป็นผู้บริหารอีกไหม? และถ้าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องเล็กสำหรับเขา พม่าไม่ใช่เพื่อนแล้วครับ แต่คือพ่อ

ด้าน น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรค พรรคไทยสร้างไทย อดีตนักบินเอฟ 16 โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า กรณีเครื่องบินรบพม่าบินรุกล้ำน่านฟ้าไทย อย่างน้อยรัฐบาลไทยต้องให้ความสำคัญกับ 3 ส่วนหลักคือ 1.ความรู้สึกมั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะรักษาอธิปไตยของไทย และดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนได้ ทั้งทางกายภาพ และ สภาพจิตใจ เรื่องนี้รัฐบาลไทยสอบตก!! ควรชี้แจงใหม่ให้ประชาชนมั่นใจอีกครั้ง

2.ท่าทีต่อหลักมนุษยธรรม ในการใช้ยุทโธปกรณ์ทางการทหาร เพื่อปราบปรามชนกลุ่มน้อย เนื่องจากการแถลงในลักษณะยินยอมให้รุกล้ำน่านฟ้าไทย เพื่อปฏิบัติการทางทหาร เท่ากับเรามีส่วนรู้เห็นในการกระทำดังกล่าว เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่รัฐบาลไทยพยายามไม่พูดถึง ควรรีบชี้แจงโดยด่วน

3.ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านกรณี เครื่องบินรบรุกล้ำน่านฟ้าในครั้งนี้ รัฐบาลรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ดี ซึ่งมันอาจจะดีเกินไป จนทำให้ประชาชนหมดความเชื่อมั่นต่อข้อที่ 1 และ 2 รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับทั้ง 3 ส่วน โดยต้องให้ความสำคัญกับ “ความรู้สึกของคนไทย” ให้มากกว่านี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน