ตำรวจบก.น.3 รวบแล้ว 8 นักเรียนก่อเหตุยิง-ใช้มีดฟันคู่อริบาดเจ็บ 2 ราย อุกอาจกลางเมืองกรุง บริเวณปากซอยรามอินทรา 113-115 หลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความให้เบาะแส ตำรวจ เผยเคยมีเรื่องสมัยอยู่โรงเรียนมัธยมเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุขี่จยย.สวนทางกัน แก๊งอริ มากัน 8 คนทั้งไล่ยิง-ขวานฟันจนมือซ้าย เอ็นขาดไป 1 ราย ตร.คุมส่งสหวิชาชีพสอบปากคำ ก่อนดำเนินคดีข้อหาหนักพยายามฆ่า

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ก.ค. พล.ต.ต.พลฑิต ไชยรส ผบก.น.3 พร้อม พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม รองผบก.น.3, พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี, พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ ผกก.สส.บก.น.3, พ.ต.ท.จำนงค์ ประสพสุขมั่งมี รองผกก.สส.สน.มีนบุรี และตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี จับเยาวชนชายอายุ 15-17 ปี จำนวน 8 คน พร้อมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 ม.ม. สิ่งเทียมอาวุธปืน (บีบีกัน) ขวาน มีดปลายตัด และรถจักรยานยนต์ 4 คัน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.ค. เกิดเหตุวัยรุ่น ไล่ทำร้ายกันบริเวณถนนรามอินทรา 113-115 แขวงและเขตมีนบุรี และต่อมาช่วงเย็นวันที่ 2 ก.ค. นายฟ้า (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และนายแฮงค์ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เข้าพบพนักงานสอบสวนแจ้งความหลังจากถูกคู่อริรุมทำร้าย ถูกขวานฟันเข้าที่มือข้างซ้ายเอ็นขาด 2 เส้น

จับแก๊งน.ร. – พล.ต.ต.พลฑิต ไชยรส ผบก.น.3 พร้อมเจ้าหน้าที่แถลงข่าวจับกุมเยาวชนอายุ 15-17 ปี จำนวน 8 คน พร้อมอาวุธปืน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. หลังก่อเหตุขี่รถ ไล่ทำร้ายคู่อริต่างสถาบันวัย 16 ปีรวม 2 คนบาดเจ็บสาหัส บริเวณถนนรามอินทรา ซอย 113-115 เขตมีนบุรี

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายฟ้าและนายแฮงค์กลับจากเรียนที่สถาบันอาชีวะแห่งหนึ่งย่านฉลองกรุง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่บ้านพักในซอยรามอินทรา 109 ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกมา โดยนายแฮงค์เป็นผู้ขี่และนายฟ้านั่งซ้อนท้าย เมื่อมาถึงปากซอยรามอินทรา 109 ขี่รถจักรยานยนต์สวนทางกับกลุ่มอริที่เคยเรียนที่เดียวกันสมัยมัธยม ศึกษาตอนต้น โดยฝั่งคู่อริมาด้วยกัน 8 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 4 คัน จากนั้นกลุ่มคู่อริ ขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาก่อเหตุรุมทำร้าย โดยนายแฮงค์และนายฟ้าพยายามหนี แต่ถูกฝั่งของคู่อริซึ่งมี นายปู (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เป็นคนใช้อาวุธขวานฟันเข้าที่มือของนายฟ้าที่พยายามยกมือขึ้นป้องกันตัวเอง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเยาวชนทั้ง 8 คน พร้อมของกลางมาสอบปากคำพร้อมอัยการและสหวิชาชีพ ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า, ร่วมกัน มีอาวุธปืนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน