ผลเลือดชัด ไม่ใช่‘ผ้าขาว’แตงโม

ยธ.แถลงชี้ของผู้ชาย‘เส้นผม-เศษดิน’ก็มั่ว จงใจทำหลักฐานเท็จ ฮึ่มเอาผิดแก๊งป่วนคดี

ยธ.แถลงสรุปชัด ผลตรวจผ้าขาว มีคราบเลือด ไม่ใช่ของ ‘แตงโม’ ชี้เป็นเลือดผู้ชาย สารพันธุกรรมระบุเป็นชาวยูเรเซียน-อินเดียน ไม่ใช่คนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่เส้นผมบนผ้าก็เป็นของผู้ชาย ส่วนเศษดินและทรายก็ไม่ใช่เศษดินโคลน แต่เป็นแร่ธาตุ ซึ่งก็ไม่ตรงกับแร่ธาตุในแม่น้ำเจ้าพระยา ‘ดีเอสไอ’ ย้ำจนถึงขณะนี้ยังไม่พยานหลักฐานใด บ่งชี้ หรือยืนยันเป็นการฆาตกรรม ฮึ่มเอาผิด แก๊งป่วนคดี สร้างหลักฐานเท็จ เลื่อนลอย ดิสเครดิตเจ้าพนักงาน

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ และโฆษกดีเอสไอ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.สำนักงานสหวิทยาการคดีพิเศษ และคณะพนักงานสืบสวนดีเอสไอ แถลงผลตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ได้รับจากนายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครอง ผู้บริโภค วุฒิสภา และพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา

ว่าที่ร.ต.ธนกฤตกล่าวว่านายสมชาย และพญ.คุณหญิงพรทิพย์ ส่งมอบหีบห่อ อ้างเป็นวัสดุที่เกี่ยวข้องกับคดีแตงโม ภายในหีบห่อเป็นผ้าสีขาว ในเบื้องต้นนำส่งดีเอสไอรับเป็นหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบว่าผ้าดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับคดีแตงโมหรือไม่ และส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยพ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เป็นผู้รับมอบ และตรวจสอบตามที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อสังเกต ผลตรวจพิสูจน์วัตถุพยานที่ได้รับ พบเป็นลักษณะกายภาพของผ้าไม่มีรอยขาด เมื่อเทียบกับผ้าที่ปรากฏในสื่อโซเชี่ยลซึ่งมีรอยขาด

ไม่เกี่ยว‘โม’ – กระทรวงยุติธรรม แถลงผลพิสูจน์ผ้า สีขาวเปื้อนเลือดที่ส.ว.ส่งตรวจสอบ พบว่าไม่ใช่ของดาราสาวแตงโม แต่เป็นคราบเลือดผู้ชายชาวต่างชาติโดยเตรียมเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องกับการสร้างหลักฐานเท็จแล้ว เมื่อวันที่ 11 ก.ค.

เลขาฯ รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่าสำหรับคราบเลือดบนวัตถุพยานที่เป็นประเด็นสำคัญนั้น เป็นเลือดมนุษย์เพศชาย มีสารพันธุกรรมบ่งชี้ว่าเป็นเชื้อชาติยูเรเซียน-อินเดียน และการกระจายตัวของคราบเลือดเป็นการกระจายตัวที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากบาดแผลตามธรรมชาติ แต่เป็นคราบเลือดที่เกิดจากการจงใจทำให้เกิดการกระจายตัวของคราบเลือด ส่วนเส้นผม 2 เส้นบนผ้า เป็นเส้นผมมนุษย์เพศชาย มีสารพันธุกรรมตรงกับสารพันธุกรรมจากคราบเลือดตรวจพบ สำหรับเศษผงที่ปนเปื้อนในผ้า เป็นวัตถุอื่น ไม่ใช่ดิน หรือโคลน

ส่วนพ.ต.ท.พเยาว์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่าดีเอสไอรับเรื่องไว้สืบสวนว่าเป็นกรณีฆาตกรรมหรือไม่ โดยเริ่มตั้งแต่สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานด้านพยานบุคคลที่สอบสวนไปแล้ว 19 ราย และประสานในส่วนที่เกี่ยวข้องการส่งพิสูจน์ต่างๆ จนถึงขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ หรือยืนยันข้อเท็จจริงว่าเป็นการฆาตกรรม โดยเฉพาะเรื่องผ้า ซึ่งตรวจพิสูจน์เบื้องต้นเป็นเลือดมนุษย์ แต่ผลตรวจออกมาไม่ใช่ของแตงโม รวมทั้งเส้นผม เศษดิน และทราย ไม่ใช่เป็นเศษดินโคลน แต่เป็นเศษแร่ และก็ไม่ตรงกับแร่ธาตุในแม่น้ำเจ้าพระยา

รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า สิ่งที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาร้องนั้น เป็นลักษณะคำร้องที่เลื่อนลอย ไม่มีพยานหลักฐาน มีแต่สิ่งที่เชื่อว่า และคิดเอาเองว่า เป็นอย่างนั้น สิ่งที่ร้องเป็นเรื่องดิสเครดิต เจ้าพนักงานสอบสวน ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันใดๆ จะทำให้การสอบสวนเกิดปัญหา โดยเฉพาะการมาร้องทุกข์บุคคลว่าเป็นการฆาตกรรม ถือเป็นการหมิ่นประมาทกล่าวหาให้รับความเสียหาย สามารถใช้สิทธิ์ทางกฎหมายได้

พ.ต.ท.วรณัน โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่าดีเอสไอตรวจสอบหลักฐานทุกอย่าง ไม่ใช่ข้อคิดเห็น แต่มีบุคคลบางกลุ่มพยายามสร้างพยานหลักฐานขึ้น เช่นกรณีนี้ ผ้าถูกส่งมาจากต่างประเทศ เมื่อตรวจสอบชื่อผู้รับ ก็ไม่มีในทะเบียนราษฎร เปิดห่อผ้าพบว่าใกล้เคียงกับของแตงโม แต่มีสิ่งปะปน พยามสร้างคราบเลือดและรอยดินโคลน ซึ่งกลุ่มบุคคลที่พยายามเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงมีความผิดตามกฎหมาย ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ แต่ต้องมีที่มาที่ไป ไม่ใช่หลักฐานเลื่อนลอย

ขณะที่ ผศ.นพ.วรวีร์ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่าในเบื้องต้นเราดูการ กระจายตัวของคราบเลือด ที่สงสัยว่าเป็นคราบเลือดหรือไม่ โดยตรวจพบเป็นคราบเลือด และเป็นของมนุษย์เพศชาย มีพันธุกรรมที่เข้ากันได้กับเชื้อชาติที่ไม่ใช่ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้การกระจายตัวของคราบเลือด เป็นการกระจายตัวที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากบาดแผลตามธรรมชาติ แต่เป็นการจงใจที่ทำให้เกิดการกระจายตัว ส่วนคราบที่สงสัยเป็นดินโคลนนั้น ได้ประสานกรมทรัพยากร ธรณีตรวจสอบ ปรากฏว่าไม่ใช่ดินโคลน แต่เป็นดินแร่ จากการตรวจทั้งหมดเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าหลักฐานไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่เกิดขึ้นจากการสร้างขึ้นมา