เดือนนี้ต้องมีข้อสรุป ขอนแก่นขอขึ้นมื้อน.ร. ไข่เป็ดขยับฟอง4.70บ.

กองทุนน้ำมันติดลบทะลุ 110,917 ล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นน้ำมัน 72,534 ล้าน และแก๊สหุงต้มแอลพีจี 38,383 ล้าน ยันอุ้มดีเซลลิตรละ 3.06 บาท คงราคาขายลิตรละ 34.94 บาท ตามเพดานสูงสุดไม่เกิน 35 บาทต่อถึงก.ย. ทั้งที่ราคาจริงพุ่งไปที่ลิตรละ 38 บาทแล้ว ปลัดพลังงานแจง 3 แนวทางหาแหล่งเงินโปะกองทุนน้ำมัน กู้ 50%, เก็บเงินเข้ากองทุน 25-30% และขอ 6 โรงกลั่นปันกำไร ได้ข้อสรุปสัปดาห์สุดท้ายเดือนนี้แน่ ไม่งั้นกองทุนไปต่อไม่ได้ ไข่เป็ดขึ้นราคาอีก 10 สตางค์ ขยับเป็นฟองละ 4.70 บาทแล้ว ผู้ค้าไก่ตลาดเมืองสงขลา แห่ปรับราคาไก่ต่อตัวกิโลละ 45-50 บาท เป็น 80 บาท ยันต้อง ขึ้นราคาตามสินค้าอื่น เทศบาลขอนแก่นขอ งบประมาณมื้อกลางวันนักเรียนเพิ่มจากคนละ 21 บาท เป็น 25-30 บาท โอดจ่ายของแพงตามไม่ไหว

เปิดเว็บฟังความเห็นขึ้นค่าไฟ
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ล่าสุดจะมีการประชุมหารือปรับขึ้นค่าเอฟที ค่าไฟฟ้า เป็น 5 บาทในเดือนก.ย.นี้ โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวสั้นๆ ว่า ให้ถามนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแทน

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้ กกพ. เตรียมเปิดรับฟังความเห็นแนวทางการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) งวดใหม่เดือนก.ย.- ธ.ค.2565 ผ่านทางเว็บไซต์ www.erc.or.th เป็นครั้งแรก จากปกติจะรอให้ทาง กกพ. พิจารณาประกาศค่าเอฟทีงวดใหม่ก่อน เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่เป็นตัวแปรสำคัญ จึงได้จัดทำกรณีศึกษา 3 แนวทาง เพื่อรับฟังความเห็น และนำข้อสรุปให้บอร์ดกกพ.พิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย คาดว่าจะประกาศค่าเอฟทีงวดใหม่ได้ภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้ ถึงต้นเดือนส.ค.นี้ ได้แก่

กรณีแรก เรียกเก็บค่าเอฟทีงวดใหม่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย เป็นการเพิ่มขึ้นตามการประมาณการต้นทุนค่าเชื้อเพลิง (เอฟเอซี) เดือนก.ย.-ธ.ค. ที่เกิดขึ้นจริง 93.43 สตางค์ต่อหน่วย กรณีที่สอง เรียกเก็บค่าเอฟทีงวดใหม่ 139.13 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นตามเอฟเอซี เดือนก.ย.-ธ.ค. บวกกับยอดต้นทุนค่าไฟสะสมงวดที่ผ่านมา (เอเอฟ) จำนวน 83,010 ล้านบาท มาเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้า ภายใน 1 ปี ทยอยปรับ 3 งวด งวดละ 45.70 สตางค์ต่อหน่วย และกรณีที่ 3 เรียกเก็บค่าเอฟทีงวดใหม่ 116.28 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นตามเอฟเอซี บวกกับเงินเอเอฟ จำนวน 83,010 ล้านบาท มาเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าภายใน 2 ปี ทยอยปรับ 6 งวด งวดละ 22.85 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งการพิจารณาต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลกระทบค่าใช้จ่ายของประชาชน และความมั่นคงทางด้านไฟฟ้าในระยะยาวมาประกอบด้วย เพราะปัจจุบันนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเกือบแสนล้านบาทแล้ว

กองทุนติดลบทะลุ 1.1 แสนล้าน
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการกู้เงินของ สกนช.ว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ระหว่างดำเนินการกู้เงินเพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องกองทุนที่ปัจจุบันติดลบแล้วกว่า 110,917 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่การกู้เงินล่าช้ามาตลอด เนื่องจากต้องดูให้รอบคอบในประเด็นกฎหมายต่างๆ เพราะว่าไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ คาดว่าภายในเดือนก.ค.นี้ จะดำเนินการเรียบร้อย เพราะถ้าเกินกว่านี้ การติดลบอาจจะทะลุเกินไป และกองทุนจะไม่สามารถดำเนินการได้

3 แนวโปะกองทุนเดินหน้าต่อ
สำหรับการเสริมสภาพคล่องกองทุนที่ติดลบ คาดว่าจะมีแหล่งเงินมาจาก 3 แนวทาง 1.การกู้ยืมเงินในสัดส่วน 50% 2.เงินเก็บเข้ากองทุน รวมถึงเงินที่ใช้บริหารหนี้ต่างๆ ในสัดส่วน 25-30% และ 3.ขอความร่วมมือจาก 6 โรงกลั่นน้ำมัน โดยที่ผ่านมาอาจล่าช้าในขั้นตอนการดำเนินงาน เพราะการที่โรงกลั่นจะให้เงินกองทุน ต้องตรวจสอบกระบวนการว่าทำได้หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อดำเนินการแล้วต้องไม่เป็นความผิดกฎหมายเพราะกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

“เรื่องการกู้เงินและการเก็บเงินจากโรงกลั่นมีทางออกแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนก.ค.นี้ โดยสัดส่วนที่ประมาณการราว 100% จะเท่ากับเงินที่ติดลบอยู่อย่างน้อย 100,000 ล้านบาท ถือเป็นการประมาณการสัดส่วนตัวเลขเท่านั้น ยังไม่ใช่จำนวนเงินที่แท้จริง” นายกุลิศกล่าว

อุ้มดีเซลอยู่ลิตรละ 3.06 บาท
ส่วนภาษีลาภลอย อาจต้องดูกันยาวๆ ในเรื่องของการออกพระราชกำหนด ดังนั้น กระทรวงพลังงานจะทำงานในเรื่องของความร่วมมือกันมากกว่า เบื้องต้นจะใช้กฎหมายตามพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในการดำเนินการว่าหากมีการส่งเงินเข้ามาจะติดกฎหมายข้อไหนอย่างไรหรือไม่ ราว 20-25%

ขณะที่ นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) วันเดียวกัน ไม่มีการพิจารณาการปรับราคาน้ำมันดีเซล เนื่องจากความผันผวนราคาน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ยังดำเนินการได้ ทำให้ราคาขายปลีกยังคงอยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร

ทั้งนี้ ล่าสุด ณ วันที่ 10 ก.ค.2565 ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ติดลบ 110,917 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 72,534 ล้านบาท และบัญชีแก๊สหุงต้ม (แอลพีจี) 38,383 ล้านบาท ขณะที่กองทุนอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 3.06 บาท จากราคาจริงควรอยู่ที่ 38 บาทต่อลิตร

ไข่เป็ดปรับขยับฟอง 4.70 บาท
ด้านสมาคมผู้เลี้ยงเป็ดไข่ประกาศปรับขึ้นราคาไข่เป็ด ณ หน้าฟาร์มเกษตรกรขึ้นอีก 10 สตางค์ต่อฟอง เป็นฟองละ 4.70 บาทด้วย

ที่สำนักงานเทศบาลนครขอนแก่น นาย ธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้ เงินอุดหนุนรายหัวตามโครงการอาหารกลางวันสำหรับเด็กนักเรียน ซึ่งเทศบาลได้รับจากทางรัฐบาล ประกอบด้วย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 11 ศูนย์ โดยเทศบาลตั้งงบประมาณ 21 บาทต่อคนต่อวัน จำนวน 500 คน เป็นเงิน 2,572,500 บาท และนักเรียนระดับอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษา 11 โรงเรียนในสังกัด เทศบาลตั้งงบประมาณ 21 บาทต่อคนต่อวัน จำนวน 5,579 คน เป็นเงิน 23,431,800 บาท ขณะที่การจัดสรรงบจากจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ ที่ส่งให้กับเทศบาล มีเพียง 5,347 คน เป็นเงิน 22,457,400 บาท ซึ่งไม่เพียงพอ ทำให้ต้องนำเงินรายได้ตั้งงบประมาณสมทบ เพื่อให้บริหารจัดการงบประมาณให้กับเด็กๆ ในความรับผิดชอบตามโครงการอาหารกลางวัน รวมแล้วประมาณ 6,100 คน

กระทบน.ร. – ต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารแพงขึ้นทุกอย่าง จนกระทบเมนูอาหารกลางวันของนักเรียนร.ร.เทศบาลนครขอนแก่น ที่ต้องจัดเมนูรายวันเพื่อให้ได้กินอิ่ม และถูกหลักโภชนาการ โดยนายกเทศมนตรีวอนรัฐเพิ่มเงินอุดหนุนด่วน เมื่อวันที่ 11 ก.ค.

ขอนแก่นขอเพิ่มงบอาหารน.ร.
“ในภาวะต้นทุนด้านวัตถุดิบที่แพงขึ้น เงินอุดหนุนหัวละ 21 บาท ซึ่งได้รับการจัดสรรมาจากสำนักงบประมาณในภาพรวมยังขาดอีกประมาณ 200 คน ยิ่งเครื่องปรุงก็ทยอยปรับขึ้นราคาจึงเป็นภาระแก่ทางโรงเรียนในการจัดอาหารกลางวันให้เด็กภายใต้มาตรฐานเดิม ซึ่งต้องใช้เงินรายได้เทศบาลเข้าไปสนับสนุนเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับประทานอาหารภายใต้มาตรฐานเดียวกัน แต่ถ้าจะให้ได้มาตรฐานที่ดีในภาวการณ์ปัจจุบัน ควรเพิ่มการอุดหนุนเป็นหัวละ 25-30 บาท แต่ถ้ายังเป็นในระดับแบบนี้เทศบาลคงแบกรับได้อีกไม่เกิน 1 ปี” นายธีระศักดิ์กล่าว

ตลาดสงขลาขึ้นราคาไก่อีก
ที่ตลาดทรัพย์สินพลาซ่า อ.เมือง จ.สงขลา บรรดาผู้ค้าไก่ได้ปรับขึ้นราคาจากเดิมต่อตัวก.ก.ละ 45-50 บาท เป็น 80 บาท เนื้อไก่จาก ก.ก.ละ 80 บาท เป็น 100 บาท ขาติดสะโพก จากก.ก.ละ 80 บาท เป็น 100 บาท โดยระบุว่าตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด ทำให้ปริมาณการขายไก่สดลดลง โดยเฉพาะช่วงนี้ราคาสินค้าต่างๆ ปรับราคาสูงขึ้นเกือบทุกชนิด ส่งผลทำให้เนื้อไก่ต้องปรับราคาตามราคาสินค้าอื่นๆ ไล่หลังกันมา โดยผู้ค้าได้ลดจำนวนการสั่งไก่เข้ามาขาย จากวันละ 100-200 ตัว เหลือเพียงวันละ 60-70 ตัว บางทียังขายไม่หมด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน