จมต่อหน้าเพื่อน สลด3เด็กอุบล แอ่งน้ำวนดูด! อุตุเตือนมรสุม
สลดหมอหนุ่มจมทะเลดับ ลงไปเล่นน้ำทะเลสวนสน ระยอง ถูกคลื่นซัดจมหาย เพื่อนรีบลงไปงมร่างขึ้นมา พยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่สิ้นใจไปแล้ว ที่พิบูลมังสาหาร อุบลฯ เด็กม.1 จมน้ำดับ 3 ศพ หลังชวนกันไปกินข้าวป่าริมน้ำ คนแรกว่ายน้ำไม่เป็น พลัดตกลงไปในน้ำ เพื่อน 2 คนเห็นจึงกระโดดลงไปช่วย แต่ถูกกระแสน้ำพัดเข้าไปในแอ่งน้ำวนจนเสียชีวิตทั้งหมด อีกรายหนุ่มพิมาย โคราช ขี่จยย.ฝ่าสายน้ำ ถูกน้ำซัดจมดับคาท่อระบายน้ำ กรมอุตุฯเตือนมรสุม ฝนกระหน่ำทั่วประเทศ ระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน หลังมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งทุกภาคของประเทศ ทะเลใต้ทั้งอันดามันและอ่าวไทยคลื่นสูง 4 เมตร ขอชาวเรืองดออกจากฝั่ง

พิษพายุ – สภาพบ้านเรือนในอ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ถูกลมกระโชกแรง หรือ ‘ลมหัวด้วน’ พัดกระหน่ำหนักจนพังเสียหายหลายหมู่บ้าน นอกจากนั้นยังทำให้สวนผลไม้ทั้งทุเรียน-มังคุดเสียหายด้วย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.
อุตุเตือนภัยมรสุม-ฝนเททั่วปท.
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุฯ ว่า ช่วงวันที่ 13-14 ก.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศ ไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ประเทศ ไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ ไว้ด้วย
จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้ 13 ก.ค. ภาคเหนือ จ.เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง และกาญจนบุรี, ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
และภาคใต้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

จมห้วย – เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วย ดึงรถเก๋งโตโยต้า วีออส ทะเบียนกรุงเทพฯ ขึ้นจากลำห้วยวังโพน ต.เขวาไร่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ภายในรถพบศพ 2 ผัวเมีย คาดขับรถฝ่าฝนแล้วเกิด ไถลปีนคันดินตกลำห้วย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.
ทะเลคลื่นสูง 4 เมตร
ส่วนวันที่ 14 ก.ค. ภาคเหนือ จ.พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองบัว ลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ มหาสารคาม นครราชสีมา และบุรีรัมย์
ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี, ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด และภาคใต้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขณะที่อ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 14 ก.ค. ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

หมอจมทะเล – นพ.ศักดิพล เหรียญธีระศักดิ์ อายุ 46 ปี แพทย์ร.พ.สำโรงการแพทย์ ถูกคลื่นแรงซัดจมหายขณะลงเล่นน้ำทะเลหาดสวนสน จ.ระยอง เพื่อนๆ พยายามปั๊มหัวใจ ช่วยแต่เสียชีวิตในที่สุด เมื่อวันที่ 13 ก.ค.
หมอหนุ่มจมทะเลสวนสนดับ
ที่จ.ระยอง พ.ต.ท.สากล คำยิ่งยง สว.สภ.เพ ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนจมทะเล ที่หาดสวนสน ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง จึงประสานแพทย์เวร ร.พ.ระยอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศล เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบนักท่องเที่ยวกำลังนำร่างผู้ชายขึ้นมาจากทะเล เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าไปช่วย พยายามปั๊มหัวใจอยู่ 10 นาที แต่ยังไม่ได้ตอบสนอง จึงรีบนำตัวส่ง ร.พ.ระยอง แต่เสียชีวิตลงในที่สุด
จากการสอบสวนเพื่อนให้การว่า ผู้เสียชีวิต คือ นพ.ศักดิพล เหรียญธีระศักดิ์ อายุ 46 ปี อยู่ร.พ.สำโรงการแพทย์ เพิ่งขับรถยนต์มาจาก กทม.มาถึงเพียงไม่กี่ชั่วโมง แล้วได้ลงเล่นน้ำกับเพื่อน เล่นอยู่สักพักก็พากันขึ้นมาบนฝั่ง แล้วต่อมาก็ลงไปเล่นน้ำอีก จนกระทั่งถูกคลื่นทะเลที่กำลังลมแรงซัดหายไป พอเพื่อนบนฝั่งเห็นจึงรีบลงไปช่วยนำร่างขึ้นมาได้ แต่อยู่ในสภาพหมดสติ พยายามช่วยปั๊มหัวใจ แต่ยังไม่ตอบสนอง และเสียชีวิตในที่สุด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ทางญาติผู้เสียชีวิตทราบแล้ว ส่วนสาเหตุคาดว่าผู้เสียชีวิตคงจะต้านแรงคลื่นไม่ไหว คงจะหมดแรงจนจมลงในทะเล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงขอฝากเตือนนักท่องเที่ยว ตามชายหาดต่างๆ ควรระมัดระวัง และเตือนบุตรหลาน หากพบคลื่นลมแรงไม่ควรลงเล่นเด็ดขาด
แอ่งน้ำวนกลืนเด็กอุบลฯดับ3
ที่จ.อุบลราชธานี ร.ต.อ.ทองพัน พันธ์นวยนนท์ รองสว.สอบสวน สภ.นาโพธิ์ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งจากนายบุญมา สมผิว กู้ชีพ อบต.ไร่ใต้ ว่ามีเด็กที่ชวนกันไปเล่นน้ำในลำน้ำโดมใหญ่ บริเวณหาดทรายทอง ตั้งอยู่บ้านผักกะย่า หมู่ 2 ต.ไร่ใต้ อ.พิบูลมังสาหาร จมน้ำหายไป 3 คน จึงประสานแจ้งขอหน่วยประดาน้ำชุดกระเบน มูลนิธิการกุศลจีตัมเกาะอุบลราชธานี หน่วยกู้ภัยศิษย์กระจี้กง และแพทย์จากโรงพยาบาลประจำอำเภอพิบูลมังสาหารเข้าช่วยเหลือ
จุดเกิดเหตุเป็นคุ้งน้ำที่เป็นแอ่งน้ำวน และมีกระแสนน้ำไหลเชี่ยวจากน้ำฝนของพายุที่ตกลงมาในพื้นที่ต่อเนื่อง ชุดประดาน้ำต้องใช้ความระมัดวังในการลงดำหานานเกือบ 1 ชั่วโมง ก็พบร่างของ ด.ช.ศุภชัย บัวใหญ่ อายุ 13 ปี จมอยู่ในแอ่งน้ำวนใกล้ตลิ่งที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นรกทึบ ซึ่งจุดนี้ชาวบ้านเรียกว่า วังใหญ่ เป็นที่ตั้งของดอนปู่ตาของลำน้ำ

จมสลด 3 – เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันงมร่างเด็กชายวัย 13 ปี รวม 3 คน ที่ถูกกระแสน้ำเชี่ยวจากพายุพัดเข้าแอ่งน้ำวนลำโดมใหญ่จมน้ำเสียชีวิต ที่บริเวณหาดทรายทอง ต.ไร่ใต้ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 13 ก.ค.
ต่อมาประดาน้ำชุดกระเบน ก็มาพบร่าง ด.ช.อภินันท์ คำสุข อายุ 13 ปี และร่าง ด.ช.ทนง ทองเหลือง อายุ 13 ปี ทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนในตำบลไร่ใต้ มีภูมิลำเนาอยู่ในหมู่บ้านใกล้บ้านผักกะย่าที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างการดำค้นหา ก็มีเสียงร่ำไห้ระงมของญาติเด็กที่เสียชีวิต ซึ่งมารอดูการค้นหาช่วยเหลือ
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มเด็กทั้งหญิงและชายประมาณ 12 คน ซึ่งเป็นเพื่อนเรียนหนังสืออยู่ชั้นเดียวกัน ได้ชวนกันมากินข้าวป่าที่หาดทรายทอง ริมแม่น้ำลำโดมใหญ่ ของตำบลไร่ใต้ และบางส่วนก็ได้ลงเล่นน้ำอยู่ริมหาดด้านเหนือถนัดขึ้นไปประมาณ 20-30 เมตร พอเห็นเพื่อนที่ว่ายน้ำไม่เป็นพลัดตกลงไปในน้ำหลังจากก้มล้างหน้า เด็กชายอีก 2 คนก็ว่ายน้ำลงไปช่วยเหลือก่อนทั้งหมดถูกกระแสน้ำพัดเข้าสู่แอ่งน้ำวนจนเสียชีวิตทั้งหมด หลังแพทย์ชันสูตรพลิกศพ ญาติไม่ได้ติดใจสงสัยสาเหตุการเสียชีวิต ได้มอบศพให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีในวันเดียวกัน
สำหรับจุดที่เกิดเหตุบริเวณวังใหญ่ ของลำน้ำโดมใหญ่แห่งนี้ เมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุกลืนชีวิตของเด็กชาย 2 คนที่มาเล่นน้ำ และผู้ใหญ่ที่เป็นชายฉกรรจ์ผิดหวังเรื่องความรักกระโดดลงจากสะพานข้ามลำน้ำในบริเวณดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้วรวม 3 ศพ
น้ำซัดหนุ่มพิมายดับ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.พิมาย ได้รับแจ้งมีคนถูกกระแสน้ำพัดจมน้ำเสียชีวิต บริเวณถนนกลางหมู่บ้าน บ้านตะปัน ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา รุดไปตรวจสอบ พร้อมหน่วยกู้ภัยฮุก 31 พิมาย พบรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จมอยู่ในท่อระบายน้ำ แต่ไม่พบคนขับ
จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุ การณ์ เล่าว่า หลังจากมีฝนตกลงมาติดต่อกันหลายวัน และตกหนักหลายชั่วโมง ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำได้ไหลหลากจากพื้นที่สูง ผ่านเข้ามาบนถนนของหมู่บ้าน ระดับน้ำท่วมสูง 30-40 ซ.ม. ทำให้รถขนาดเล็กสัญจรผ่านไปมาไม่ได้ ระยะทางยาว 200 เมตร แต่ในระหว่างนั้น นายจักรพงศ์ ระบือพิณ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104/1 หมู่ 4 ต.รังกาใหญ่ ผู้ตายได้ขี่รถจักรยาน ยนต์ ผ่านกระแสน้ำมา ทำให้ถูกน้ำซัดรถจมน้ำ ก่อนที่รถจะตกลงไปในท่อระบายน้ำ และผู้ตายก็ถูกน้ำซัดเข้าไปในร่องระบายน้ำจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่ชัดเจนต่อไป

พิษถนนลื่น – รถบรรทุกน้ำมันแหกโค้งจากถนนลื่นพลิกคว่ำ ทำให้นายบุญชอบ พึ่งสระน้อย อายุ 58 ปี คนขับเสียชีวิตติดอยู่ในรถ น้ำมันดีเซลกว่าหมื่นลิตรไหลออกมานองถนนราชสีมา-กบินทร์บุรี บริเวณโค้งวัดปอแดง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 13 ก.ค.
ฝนถล่มบัวใหญ่-ซัดถนนขาด
ส่วนที่อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ได้ เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องติดต่อกันนานหลายชั่วโมง จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้เกิดมวลน้ำสะสมไหลเชี่ยวทะลักมาตามคลองน้ำ บ้านโนนทอง ต.ด่านช้าง โดยมวลน้ำบางส่วนได้กัดเซาะบริเวณขอบทางและคอสะพานถนนทางหลวงหมายเลข 202 บัวใหญ่-ชัยภูมิ มวลน้ำยังได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ติดริมคลองน้ำ ต้องช่วยกันขนสิ่งของมีค่าขึ้นไว้ในที่สูง พร้อมอพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัย นอกจากนี้มวลน้ำได้กัดเซาะผิวถนนเส้นทางระหว่างบ้านหนองเม็ก-บ้านหนองบัวสะอาด จนถนนทรุดตัวได้รับความเสียหาย รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์การบริหารส่วนตำบลด่านช้าง ต้องนำแผงเหล็กมากั้น ขอความร่วมมือประชาชนงดใช้เส้นทางก่อนชั่วคราว
เมืองจันท์ต้นยางโค่นทับรถ
ส่วนที่ของจันทบุรี จากเหตพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง เมื่อคืนวันที่ 12 ก.ค. โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ อ.เมือง ส่งผลให้มีต้นไม้ขนาดใหญ่ และเสาไฟฟ้า โค่นล้มลงมาขวางถนน และทับรถยนต์
ของประชาชนที่กำลังสัญจรผ่านเส้นทาง ได้รับความเสียหาย บนถนนท่าหลวง บริเวณริมกำแพงวัดจันทนาราม ต.จันท นิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี หลังเกิดเหตุ กำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยจันทบุรี พร้อมเลื่อยยนต์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือผู้ที่ประสบเหตุ
เบื้องต้นพบรถเก๋ง เชฟโรเลต สีบรอนซ์ ทะเบียน กท-677 จันทบุรี ถูกต้นยางอินเดียขนาดใหญ่อายุกว่า 70 ปี ที่โดนแรงลมพายุพัดโค่นล้มทับทั้งคัน ส่วนคนขับและผู้โดยสารภายในรถไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดเหตุขึ้น จากการตรวจสอบต้นไม้ดังกล่าว พบว่าเปลือกของต้นยางอินเดียขึ้นห่อหุ้มโอบเสาไฟฟ้าทั้งต้น โดยตรงส่วนกลางลำต้น ยังมีหม้อมิเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งอยู่ให้เห็น ขณะที่ส่วนปลาย มีสายไฟฟ้า เชื่อมต่อกับเสาไฟฟ้าใกล้เคียง คล้ายกับต้นไม้เป็นเสาไฟฟ้าอีกต้นหนึ่ง ต่อมาทางกู้ภัยได้ประสานให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจันทบุรี มาตัดกระแสไฟฟ้า และนำต้นยางอินเดียและเศษซากเสาไฟฟ้า ออกจากถนน ส่วนรถยนต์เก๋งคันที่ประสบเหตุ ตรวจสอบพบที่บริเวณหลังคา ได้รับความเสียหาย แต่ยังขับต่อไปได้
จากการสอบถาม นายเสริมศักดิ์ แก้วบัวเคน อายุ 41 ปี เจ้าของรถ เล่าเหตุการณ์ว่า ขณะเกิดเหตุพร้อมภรรยากำลังขับรถเดินทางไปสวนผลไม้ ที่ ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ขณะนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนักและลมพัดกระโชกแรง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ จู่ๆ ต้นไม้ข้างทางล้มโค่นล้มลงมาทับรถพอดี ซึ่งทำให้ตนเองและภรรยาตกใจมาก เพราะกิ่งและใบของต้นยางอินเดียคลุมรถทั้งคัน จนมองอะไรไม่เห็น เมื่อตั้งสติได้แล้ว จึงรีบพากันออกมาจากรถ และแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือดังกล่าว

ลอยคอ – 7 ชีวิตลูกเรือโชคมนัสนันท์ 1 ต้องเกาะทุ่นประมงลอยคอรอความช่วยเหลืออยู่กลางทะเลนาน 9 ชั่วโมง หลังถูกคลื่นลมแรงซัดเรือล่ม บริเวณหน้าเกาะกูด จ.ตราด ศรชล.ภาค 1 ส่งเรือไปช่วยกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด เมื่อวันที่ 13 ก.ค.
ตราดช่วยเรือประมงถูกพายุซัด
ด้านศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) โดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดตราด (ศรชล.จว.ตร.) ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล (ศรชล.) ได้ประสานหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.เกาะกูด),อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง และ ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลเกาะช้าง (ศรภ.เกาะช้าง) ร่วมบูรณาการตรวจสอบ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลังจากได้รับแจ้งว่า เรือประมง โชคมนัสนันท์ 1 ขนาด 6-7 ตันกรอส จมลงบริเวณหน้าเกาะกูด ต.เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด และมีลูกเรือชาวไทยและกัมพูชา รวม 7 คนเกาะทุ่นลอยคออยู่กลางทะเล
ศรชล.ตร.ได้ประสาน ศรชล.ภาค 1 และ มชด.นำเรือ ต.227 ออกไปช่วยเหลือ และนำผู้ประสบภัยทั้งหมดกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย นำส่ง ร.พ.คลองใหญ่ โดยทุกคนอยู่ในอาการอ่อนเพลียจากการลอยคอเกาะทุ่นประมงในทะเลนานเกือบ 9 ช.ม. ตั้งแต่เกิดเหตุเวลา 23.30 น. วันที่ 12 ก.ค. โดยจะประสานเจ้าของเรือต่อไป
นายมานพ เหลืองอ่อน เจ้าท่าสาขาตราด ได้แจ้งเตือนเรือประมงขนาดเล็กที่ต่ำกว่า 10 ตันกรอสขอให้งดออกทำการประมงในระยะนี้ ส่วนเรือใหญ่ยังออกทำประมงได้ แต่ต้องตรวจสอบสภาพภูมิอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยาก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจะเดินทางด้วยความปลอดภัย ส่วนเรือโดยสารขนาดเล็กที่ข้ามไปยังหมู่เกาะต่างๆ รวมเรือสปีดโบ๊ตด้วย ขอให้งดออกเดินทางไปจนถึงวันที่ 14 ก.ค.