สส.หญิงจวก‘ชัยวุฒิ’ผิดจริยธรรม เจ้าตัวโต้มโน-ระวังถูกฟ้องกลับ เสี่ยโจ้มาตามนัดขยี้‘สันติ’ปมอีอีซี ‘บิ๊กตู่’เย้ยเพื่อไทยหัวขาดไปแล้ว

ศึกซักฟอกวันที่สอง ฝ่ายค้านถล่ม 3 ป. แตะ‘บิ๊กป้อม’ เจอส.ส. พปชร.รุมประท้วงพรึบ ‘บิ๊กตู่’ ติงชื่อยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน เย้ยกลับเพื่อไทยหัวขาดไปแล้ว ‘บิ๊กป๊อก’ เสียงแข็ง ไม่ต่อสัญญาขยายประปาปทุมธานี-รังสิตแน่นอน ส.ส.หญิงเพื่อไทย ปูด ‘ชัยวุฒิ’ ยกหญิงอื่นเยี่ยงภรรยา ขัดมาตรฐานจริยธรรมรุนแรง รมว.ดีอีเอสซัดกลับ มโนไปเอง ‘ยุทธพงศ์’ ขย้ำ ‘สันติ’ ส่อทุจริตท่อส่งน้ำ อีอีซี ‘จุรินทร์-จุติ-นิพนธ์’น่วมถูกขยี้ปล่อยทุจริต เอื้อประโยชน์พวกพ้อง ‘สาธิต’ ยอมรับ ส.ส.ปชป.บางคนจะโหวตคว่ำ ‘จุติ’

‘บิ๊กตู่’สวน‘โทนี่’ปากมีไว้พูด
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางถึงอาคารรัฐสภา เพื่อเข้าร่วมประชุมการพิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล เป็นวันที่สอง ด้วยท่าทีสบายใจ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ วู้ดซัม ระบุนายกฯชอบพูดถึงเขาตลอด เพราะมีเขาอยู่ในใจใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ชี้ไปที่ปากพร้อมกล่าวว่า “ปากเขามีไว้พูด ทุกคนก็พูดได้หมดแหละ”

ต่อข้อถามว่าพอใจภาพรวมการอภิปรายและชี้แจงของรัฐมนตรีในวันแรกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ดี เมื่อถามว่าวันนี้ นายกฯ มีหมัดเด็ดอะไรที่จะชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่มีมั้ง หมัดเด็ดอะไรละ ไม่ได้ชกมวย”

‘หนู’ชี้ขี้หมากองเดียวแค่หยอก
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวกรณี นายทักษิณระบุยอมรับแพ้พนันเรื่องที่เคยพูดว่าวัคซีน 100 ล้านโดส 100 บาทเอาขี้หมากองเดียว สิ้นปีนี้ไม่มี 100 ล้านโดสฉีดประชาชน แต่ให้นายอนุทินเตรียมขี้หมาไว้เยอะหน่อย จะเอาไปอุดรูรั่วบนหลังคารัฐสภาที่บริษัทของนายอนุทินสร้างว่า ตนบอกว่าจะเอาขี้หมาไปทิ้ง ไม่ได้เอาไปฝาก หยอกกันนิด หยอกกันหน่อย ไม่มีปัญหา การเมืองจะไปซีเรียสอะไรมากมาย ตอนที่ท่านหยอกมาก็หยอกมาด้วยการ เปรียบเปรยเช่นนี้เหมือนกัน เราก็ตอบกันไปตอบกันมาไม่มีอะไร ไม่ใช่สาระสำคัญและตนจะกล้าหรือ ที่จะนำไปให้ ก็ไม่มี ตนไม่ได้ตั้งใจจะไปสวนอะไรท่านอยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเคารพกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกลายเป็นปัญหาในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ หากพรรคฝ่ายตรงข้ามเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและไม่เอาพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วม นายอนุทินกล่าวว่า “ก็ไม่ได้คิดจะไปร่วมอยู่แล้ว เราทำอนาคตตามหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด มั่นใจว่าผู้สมัครของพรรคแสดงให้ประชาชนเห็นว่านโยบายต่างๆ ของพรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำ”

ค้านแก้กฎกระทรวง – นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รับหนังสือ ร้องเรียนจากขบวนการสหกรณ์ทั่วประเทศและสันนิบาตสหกรณ์ฯ และสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ที่ให้ชะลอการพิจารณาปรับแก้กฎกระทรวงการบริหารจัดการและการกำกับดูแลทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ เมื่อ 20 ก.ค. ที่รัฐสภา

‘ชลน่าน’มั่นใจปชช.รอรับกลับบ้าน
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณี นายทักษิณประกาศจะกลับไทยว่า ไม่ทราบว่าจะใช้กลไกไหน ไม่สามารถตอบได้ แต่คนที่ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ เป็นเสรีภาพที่จะกลับบ้านเกิดเมืองนอน ต้องไปดูข้อกฎหมาย ถ้าต้องคดี เขาย่อมกลับมาสู้คดีหากมีกระบวนการที่เป็นธรรม ใครๆ ก็อยากกลับ

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้คุยกับนายทักษิณ หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่เคย การประกาศจะกลับบ้าน นายทักษิณก็พูดตลอดเวลา เพราะเป็นบ้านเกิดเมืองนอน นายทักษิณมีความจำเป็นที่ต้องเสมือนลี้ภัยการเมืองไปต่างประเทศ “ไม่มีใครอยากไปอยู่หรอก ทุกคนอยากกลับบ้านเกิดเมืองนอน เพียงแต่บ้านเกิดเมืองนอนให้ความเป็นธรรมกับบุคคลทุกฝ่ายหรือไม่ อันนี้จำเป็นและสำคัญที่สุด” เมื่อถามว่าถ้านายทักษิณกลับมา พรรคเพื่อไทยพร้อมต้อนรับหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า อย่าว่าแต่พรรคเพื่อไทยเลย ประชาชนคนไทยมากกว่าค่อนประเทศก็ยินดีต้อนรับท่าน

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่แปลกที่ นพ.ชลน่านจะไม่รู้ว่าควรใช้กลไกใดในการกลับมา เพราะรู้อยู่แก่ใจว่านายทักษิณเป็นนักโทษหนีคดี ดังนั้นหนทางเดียวเท่านั้น คือการกลับมาต่อสู้คดีในประเทศ จึงเฉไฉไปว่านายทักษิณเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองจึงมีสิทธิตามกฎหมาย ส่วนความมั่นใจว่าประชาชนค่อนประเทศพร้อมต้อนรับนายทักษิณนั้น คงเป็นความรู้สึกของนพ.ชลน่านและพรรค เพื่อไทยเพียงฝ่ายเดียว เพราะเชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่เห็นธาตุแท้ของนายทักษิณแล้ว

‘วิษณุ’ย้ำถ้าคว่ำตู่ครม.ไปหมด
ที่รัฐสภา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงขั้นตอนตามกฎหมายหากมีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้รับเสียงโหวตไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ 477 คนว่า ถ้าโหวตแล้วรัฐมนตรีคนนั้นได้รับเสียงไม่ไว้วางใจมากกว่า 239 ก็พ้นจากตำแหน่งทันทีโดยอัตโนมัติ นี่คือพูดเฉพาะเสียงที่ไม่ไว้วางใจ แต่เสียงที่ไว้วางใจจะมีเท่าไหร่นั้นเอาไว้เป็นประเด็นการเมือง เอาไว้นินทากันเอง แต่ในทางกฎหมายไม่ได้เกิดผลอะไร

ต่อข้อถามว่าหากบุคคลที่ได้รับเสียงไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งเป็นนายกฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพ้นไปทั้งหมดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯ ก็ต้องพ้น แต่นายกฯ จะไปเจออีกมาตราหนึ่งที่ว่านายกฯ พ้นด้วยสาเหตุอะไร ตาย ลาออก หรือพ้นสภาพ ซึ่งครม. ก็จะสิ้นสุดลง เพียงแต่ทั้งคณะต้องรักษาการต่อไป รวมถึงนายกฯ ด้วย จนกว่าจะมีการแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่ แล้วนายกฯ คนใหม่ตั้งครม. แล้วครม.ใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเสร็จ เมื่อถามว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไรหากนายกฯ ถูกลงมติไม่ไว้วางใจ นายวิษณุกล่าวว่า อยู่ที่ประธานสภา ต้องเรียกประชุมรัฐสภา แต่เมื่อไหร่ก็แล้วแต่

ปชป.รับบางคนไม่โหวตให้‘จุติ’
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตลงมติการอภิปราย ไม่ไว้วางใจของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ในพรรคคงจะเป็นเอกภาพอยู่แล้ว ต้องลงคะแนนโหวตใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจจะมีบางคนที่โหวตไม่เป็นไปตามมติของพรรค ยอมรับว่ามีสมาชิกพรรคบางคนไม่โหวตให้นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีรัฐมนตรีของพรรคถูกโหวตคว่ำ จะมีผลต่อรัฐบาลหรือไม่ นายสาธิตกล่าวว่า เรื่องนี้พูดยาก ขึ้นอยู่กับ นายกฯ ที่จะพิจารณา เมื่อถามว่าหมายถึง นายกฯ สามารถพิจารณาปรับออกได้ใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า เป็นอำนาจนายกฯ แต่ตนคิดว่าอาจจะกระทบกับพรรคร่วมรัฐบาล

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ (พธม.) กล่าวว่า พรรคเล็กส่วนมากที่คุยกัน ไม่ได้โหวตตามรัฐบาล ส่วนมากคือโหวตตามความเป็นจริง จากข้อมูลของฝ่ายค้านและการตอบชี้แจงของรัฐมนตรี ซึ่งข้อมูลของพรรคก้าวไกลที่อภิปราย นายจุติ มีถึง 17 ประเด็น ขอฟัง คำตอบว่าจะชี้แจงได้หรือไม่ ส่วนที่มีข่าวลือว่า พรรคเล็กต่อรองรับเงิน 2 ล้านจากรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากมีจริงก็ต้องมีการขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมา ยืนยันตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน

‘สุชาติ’เคลียร์แผลหุ้น-เก็บส่วย
สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล 11 คน ระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. ลงมติวันที่ 23 ก.ค. ซึ่งฝ่ายค้านจัดลำดับการอภิปรายไม่ได้วางใจ ดังนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

ช่วงดึกวันที่ 19 ก.ค. นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย อภิปรายนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ว่า ปล่อยให้แรงงานลักลอบเข้าเมืองในช่วง โควิด-19 ระบาด มีการไปเก็บส่วย จ่ายให้นายหน้า นำเข้ามาไปส่งให้บริษัทพรรคพวกรัฐมนตรี หนึ่งในบริษัทพรรคพวกอยู่ใน จ.ชลบุรี พร้อมกล่าวหารัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเก็บค่านายหน้าแรงงานไปต่างประเทศ 3 พันบาทต่อคน และยังอนุมัติเงินประกันสังคมไปให้บริษัทพวกพ้องที่ชื่อ “สอภอ” ซึ่งเป็นนักปั่นหุ้นและฟอกเงิน โดยภรรยานายสุชาติร่วมถือหุ้นในบริษัทด้วย ตนจะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ

นายสุชาติชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวข้องการซื้อ ขายหุ้น กองทุนประกันสังคมจะอนุมัติให้ใครล้วนผ่านการพิจารณาจากบอร์ด และปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นของตนและครอบครัว โอนมอบทรัพย์สินให้ผู้จัดการบริหารไปเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญ หุ้นที่มีอยู่ไม่เกิน 5% ยังอยู่เท่าเดิม ส่วนการเป็นกรรมการ ผู้จัดการของคู่สมรสนั้น เป็นก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง ไม่ผิดกฎหมาย ยืนยันไม่มีการเก็บส่วย ไม่มีการเก็บหัวคิว เรื่องการส่งแรงงานไปต่างประเทศ ก็เป็นไปตามระเบียบ

ขย่ม‘จุติ’ส่อกินรวบบ้านกคช.
จากนั้นนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่า นายจุติเข้ารับตำแหน่งปี 2562 เริ่มตั้งคนของตัวเองมานั่งบอร์ดการเคหะแห่งชาติ (กคช.) แต่มีคนหนึ่งที่ไม่ชอบมาพากล อักษรย่อ นายจรร. มีประวัติโชกโชนเป็นนักปั่นหุ้น นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์มาหลายบริษัท เป็นคนใกล้ชิดชนิดที่ว่าอยากได้เท่าไรบอกมาพี่จัดให้ สนิทกันตั้งแต่นายจุติเป็น รมว.ไอซีที เมื่อปี 2553 นายจรร.เป็นที่ปรึกษา ขณะนั้นโครงการฉาวโฉ่คือการไปพัวพันการทุจริต 3 จี

โควิด-19 ระบาดรัฐมนตรีและพวกปิ๊ง ไอเดีย ไม่อยากสร้างบ้านขายให้ผู้มีรายได้น้อย เปลี่ยนมาสร้างให้เช่าชื่อโครงการเคหะสุขประชา กลัวโครงการไม่ผ่านแอบอ้างทำถวายเป็นพระราชกุศล จะเปิด 2 หมื่นยูนิต ทุกๆวันที่ 28 ก.ค. เป็นเวลา 5 ปี จนครบ 1 แสนยูนิต ได้ทำเรื่องขอไปถึงสำนักพระราชวังหรือยัง แผนกินเหนือเมฆส่อกินรวบและกินยาวผ่านการรวบรวมขุมทรัพย์ทั้งหมดของกคช.มาไว้ที่บริษัทลูกแห่งเดียว เพื่อรับงานได้ทั้งหมด ตั้งแต่รับเหมาก่อสร้างไปจนถึงการดูแลผลประโยชน์เก็บค่าเช่า ดันเข้าตลาดหุ้น ให้ตัวเองหรือเครือข่ายถือหุ้นและหาประโยชน์ได้ แม้จะหมดวาระรัฐมนตรีไปแล้ว

นายจุติชี้แจงว่า หากจะยื่นเรื่องที่ผิดปกติให้ ป.ป.ช. ตนสนับสนุน ยินยอมให้ตรวจสอบตนเต็มที่ แต่ไม่ยอมให้ใครมาบิดเบือนข้อเท็จจริงจนทำให้รัฐบาลเสียหาย ยืนยันไม่เคยแอบอ้างสถาบัน ส่วนการทำโครงการสร้างที่อยู่อาศัยให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยนั้นเป็นไปด้วยความโปร่งใส

‘ณัฐชา’จับมือกลุ่ม16สอยพ้นรมต.
จากนั้นนายณัฐชาให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้นำเอกสารข้อมูลโครงการเคหะสุขประชาที่ได้ชี้แจงในสภาให้กลุ่ม 16 ดู ซึ่งนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า จะนำเรื่องนี้หารือกับสมาชิกกลุ่ม 16 เพราะต้องลงมติไปในทิศทางเดียวกันว่าจะไม่ไว้วางใจ งดออกเสียง หรือไปในทิศทางใด โดยตนขอให้ไม่ไว้วางใจ เพื่อให้นายจุติหลุดจากตำแหน่ง และยุติโครงการทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่ากลุ่ม 16 จะลงมติไปในทิศทางไหน นายณัฐชากล่าวว่า นายพิเชษฐเห็นด้วยที่จะไม่ไว้วางใจ เพราะเรื่องนี้เป็นการทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม ก็อยากโหวตไม่ไว้วางใจ ทั้ง 2 คนจึงต้องไปคุยกับ 14 คนในกลุ่มให้รู้เรื่องในวันนี้

เมื่อถามว่า นอกจากกลุ่ม 16 จะมีคนร่วมโหวตไม่ไว้วางใจนายจุติด้วยหรือไม่ นาย ณัฐชากล่าวว่า หลังจากอภิปรายแล้ว ก็รับสายจากพรรคประชาธิปัตย์หลายคน คนที่โทร.มาก็ชื่นชมให้กำลังใจ และบอกว่าบางข้อมูลเขารู้แค่ผิวเผิน เพิ่งจะรู้ลึก เพิ่งจะถึงบางอ้อ และที่หนักไปกว่านั้นคือพี่น้องจากกคช.ส่งข้อมูลมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊กหรือในไลน์ บอกว่ากล้ำกลืนฝืนทนอยู่นานที่ต้องทำงานแบบโดนบีบบังคับ ทั้ง 2 เหตุการณ์นี้คิดว่านายจุติอาจต้องเตรียมไปเก็บของในกระทรวงดีกว่า

‘ชัยวุฒิ’ขอปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ขณะที่นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปรายนายชัยวุฒิ ธนาคมา นุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า ปล่อยปละละเลยไม่แก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ปล่อยให้ประชาชนเสี่ยงภัย เสี่ยงสูญเสียทรัพย์สิน ทำลายระบบเศรษฐกิจ ไม่รู้ว่าปล่อยปละละเลยหรือรู้เห็นเป็นใจให้ทำ ทั้งที่มูลค่าเสียหายต่อปีเป็นหลักแสนล้าน

นายชัยวุฒิชี้แจงว่า ทุกประเทศที่มีอินเตอร์เน็ตก็มีปัญหาเช่นกัน ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามเร่งแก้ปัญหา มีการตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ดูแล ยอมรับว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาใหญ่ มีเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก บางคนสูญเงินหลายล้านจนหมดเนื้อหมดตัว ก็สงสารแต่ไม่คิดว่าจะโดนหลอกได้ขนาดนี้ ทั้งที่ทำงานมีเงินหลายล้านบาท แต่กลับถูกหลอกได้ ตนอยากจับกุมดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นตอร์ให้ได้ ถ้าอยู่ในประเทศไทยไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ไปอยู่ในประเทศ เพื่อนบ้าน เรายังประสานกับทางกัมพูชาเพื่อจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ

ทั้งนี้ เหลือสมาชิกที่จะอภิปรายนายชัยวุฒิอีก 2 คน แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แจ้งว่าจะไปอภิปรายวันที่ 20 ก.ค

‘ประเสริฐ’ขุดถุงมือยางขยี้‘จุรินทร์’
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี วันที่ 20 ก.ค. เป็นวันที่สอง เริ่มเวลา 08.30 น. มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาทำหน้าที่ประธาน โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เรื่องการทุจริตถุงมือยางภาค 2 ว่า พล.อ. ประยุทธ์รู้เรื่องการทุจริตองค์การคลังสินค้า (อคส.) ทราบดีมีความเสียหายในวงเงิน 2 พันล้านบาท แต่ปากว่าตาขยิบ รู้ว่านายจุรินทร์เกี่ยวข้องแต่ไม่กล้าปลดเพราะกลัวกระทบสถานะนายกฯ ขณะที่นายจุรินทร์รู้เห็นเป็นใจกับการทุจริต เนื่องจากเป็นบุคคลใกล้ชิดไม่อายัดเงินในบัญชีให้ทันต่อสถานการณ์ ปล่อยกลุ่มผู้ทุจริตนำเงิน 2 พันล้านบาทไปฟอกเงิน สืบเนื่องจากบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ที่อคส.สั่งซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 1.12 แสนล้านบาท ไม่มีการส่งมอบ วันนี้ยกเลิกสัญญาขณะที่บริษัทได้รับเงินมัดจำไปแล้ว 2 พันล้านบาท

เส้นทางฟอกเงินหลังบริษัทการ์เดียนฯ ได้รับโอนจากอคส.แล้วมีการสร้างบัญชีม้ากระจายเงินสดไปยังบัญชีต่างๆ 1.8 พันล้านบาท รวมถึงบริษัท RN ของเกาหลีใต้ 301 ล้านบาท เมื่อเงินบินกลับไทยไปเข้ากระเป๋าใคร อาจมาที่กระทรวงแถวสนามบินน้ำ ริมเจ้าพระยาหรือไม่ นายจุรินทร์ไม่สั่งอายัดความเสียหาย แต่ทอดเวลาให้มีการฟอกเงินอย่างลอยนวล ไม่ต้องตอบว่าไม่ได้รับไม่เกี่ยวข้อง แต่พฤติกรรมบ่งบอกเงินต้องตกอยู่ในมือผู้มีอิทธิพลทางการเมืองแน่นอน เพราะเกือบ 2 ปี เงินยังไม่กลับคืน ขอให้ป.ป.ช. สอบสวนพล.อ.ประยุทธ์ และนายจุรินทร์อีกครั้ง โดยจะนำเส้นทางการเงินไปยื่นให้

‘อู๊ดด้า’แจงฟันทั้งแพ่ง-อาญา-วินัย
นายจุรินทร์ชี้แจงว่า ฉายหนังเก่าที่กว่า 90% เคยพูดมาแล้ว เพียงแต่มาเติมว่าตั้งแต่วันที่อภิปรายครั้งก่อนจนถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า ที่ว่าตนไม่กล้าจัดการประธานบอร์ดอคส. ไม่เป็นความจริง ที่ป.ป.ช.ไต่สวน เพราะอคส. แจ้งป.ป.ช. ที่กล่าวหาว่าตนไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่จริงทั้งในที่ลับที่แจ้ง ตนไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้

ภารกิจของ อคส.ต้องทวงเงินคืนมีเงิน 3 ก้อน 1.ทุจริตจำนำข้าว 2.ทุจริตถุงมือยาง 2 พันล้านพร้อมดอกเบี้ย และ 3.ทุจริตมันสำปะหลัง คู่แฝดทุจริตจำนำข้าวนั่นเอง กรณีทุจริตถุงถือยาง 2 พันล้าน ผอ.อคส.คนใหม่ทราบและได้แจ้งให้ตนทราบ วันเดียวกัน นายกฯ มีคำสั่งย้ายอดีตรักษาการ อคส.ไปสำนักนายกฯ ทันที แบบนี้เรียกว่านายกฯ ละเลยอย่างไร จากนั้นผอ.อคส.ตั้งกรรมการตรวจสอบ ไปแจ้งความกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เมื่อ 18 ก.ย.2563 เพื่ออายัดเงินทันที และแจ้งป.ป.ช.ด้วย ซึ่งมีมติ 29 ต.ค.2563 อายัดเงิน และชี้มูลความผิด 3 ราย คืออดีตรักษาการผอ.อคส. และ เจ้าหน้าที่ 2 ราย

เรื่องการละเมิดตนตั้งกรรมการสอบว่าใครต้องรับผิดชอบกี่บาท ผลการสอบออกมาแล้วว่าผู้ที่ต้องชดใช้เงินนี้มี 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เจตนาทำให้รัฐเสียหาย 4 ราย ต้องชดใช้คนละ 400.8 ล้านบาท ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่กรรมการชี้ว่าผิดทางวินัย 3 ราย และประธานบอร์ด ส่วนกลุ่มที่ประมาทเลินเล่อร้ายแรงมี 3 ราย ต้องชดใช้คนละ 133.6 ล้านบาท ซึ่งส่งไปยังกระทรวงการคลังแล้ว การไต่สวนของป.ป.ช.กำลังจะเข้าสู่การพิจารณา ทั้งหมดเราดำเนินการทั้ง 3 ด้านแล้ว ทั้งความผิดทางแพ่ง อาญา และวินัย ที่กล่าวหาว่าตนปล่อยปละละเลยไม่เป็นความจริง

ก.ก.ซัด‘นิพนธ์’ออกโฉนดฉาว
เวลา 09.50 น. นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปราย ไม่ไว้วางใจนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ถึงการออกเอกสารสิทธิโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ที่ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ให้นายทุน นักธุรกิจ ว่า โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายการออกโฉนดที่ดินทำกินให้ชาวบ้าน แต่ถูกนายนิพนธ์ปู้ยี่ปู้ยำ ส่อทุจริตหลายแห่ง เช่น ที่เกาะนุ้ยนอก เกาะกลางทะเล จ.กระบี่ มีการออกโฉนดพื้นที่ที่ไม่เคยมีการใช้ประโยชน์ ขัดหลักเกณฑ์ห้ามออกโฉนด แต่ไปสร้างหลักฐานเท็จสร้างร่องรอยการใช้ประโยชน์ที่ดินปลอมๆ เพื่อออกโฉนดให้ ผอ.ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นข่าวจึงเพิกถอน แต่ไม่มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาเจ้าหน้าที่กลุ่มเดิมไปออกโฉนดแบบผิดหลักเกณฑ์ให้กลุ่มนายทุนที่ เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา เมื่อมี.ค.2565 บางคนได้โฉนดคนเดียว 20 แปลง และการออกโฉนดที่หาด นาใต้ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา วันเดียว 27 แปลง เป็นชายหาดสวยงามมาก ให้นายทุน นักธุรกิจ เจ้าของโรงแรม ไม่ใช่คนในพื้นที่ บางคนยังเป็นนอมินีที่ถือครองที่ดินแทนผู้สมัคร ส.ส.พังงา สมัยหน้าพรรคสีฟ้า และอีกคนคือน้องสาวของนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อดีตอัยการสูงสุด ที่เป็นผู้สั่งไม่ฟ้องนายนิพนธ์ในคดีรถซ่อมบำรุงทาง

ด้านนายนิพนธ์ชี้แจงว่า ข้อมูลมโนคิดเองทั้งนั้นและเป็นข้อมูลเก่า รายชื่อที่ผู้อภิปรายกล่าวอ้างตนไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา การออกเอกสารสิทธิบนเกาะนุ้ยนอก สั่งการให้กรมที่ดินดำเนินการตามกฎหมายทั้งทางวินัยและอาญาตั้งแต่ธ.ค.2564 จึงไม่ได้ละเลย คณะกรรมการสอบสวนมีมติเพิกถอนโฉนดเลขที่ 12360 และให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง 4 ราย ออกจากราชการไว้ก่อน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการสามัญประจำจังหวัด (อ.ก.พ.) ของกรมที่ดิน

‘ศักดิ์สยาม’โต้ปมเขากระโดง
เวลา 11.45 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงกรณีที่มีสมาชิกอภิปรายปัญหาข้อพิพาทที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ว่า ปัญหาที่ดินเขากระโดงเกิดขึ้นมายาวนาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์ของกรมที่ดินและรฟท. ยืนยันว่าตนไม่เคยแทรกแซงการทำงานของหน่วยงานภายใต้กระทรวงคมนาคม กำชับให้รฟท. ต้องทำ ทุกอย่างภายใต้หลักกฎหมาย และหลัก ธรรมาภิบาล ยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ตนเป็นเพียงผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ ทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ตามขั้นตอนกฎหมาย

ในหนังสือสั่งการตนได้ลงนามให้รฟท. ติดตามความก้าวหน้า และการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ให้ปฏิบัติด้วยความเท่าเทียมเสมอภาค โปร่งใส และในฐานะที่รฟท.เป็นหน่วยงานของรัฐ การที่จะให้รฟท. ไปฟ้องร้องประชาชนที่มีเอกสารสิทธิที่ออกโดยชอบจากหน่วยงานรัฐ ถือว่าไม่เป็นธรรมต่อประชาชน แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการคือพิสูจน์สิทธิ์ ซึ่งขณะนี้ รฟท.เชื่อว่าการออกเอกสารสิทธิของกรมที่ดินมีความคลาดเคลื่อน ทำให้รฟท.มีคำร้องไปที่ศาลปกครองเพื่อวินิจฉัย ขอให้ทุกท่านพึงระวังในการวิจารณ์ว่าอาจก้าวล่วงหรือละเมิดอำนาจศาล ท่านต้องให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม

ในการอภิปรายของสมาชิกมีการพาดพิงนายชัย ชิดชอบ บิดาของตน ว่าจริงๆ แล้วเคยไปเช่าที่ดิน ซึ่งยอมรับว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของรฟท.จริง แต่เป็นคนละแปลงกับที่ดินเลขที่ 3466 ที่สมาชิกหยิบยกมา ยืนยันว่า ไม่มีการถ่วงเวลาในที่ดินของนายเอ รฟท. ดำเนินการตามกระบวนการทุกขั้นตอน คือต้องมีการสืบทรัพย์สินของนายเอ มีการตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ซึ่งรฟท. ต้องรอ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมบังคับคดี ไม่มีการละเว้นหรือเลือกปฏิบัติกับใคร

ไร้ฮั้วประมูล-งบบุรีรัมย์ตามเกณฑ์
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ส่วนการขายหุ้นหจก.บุรีเจริญ ของตน ที่ผู้อภิปรายกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าเป็นการซื้อขายปลอม เพื่อให้ตนได้ประโยชน์ในโครงการของกระทรวงคมนาคม เรื่องนี้มีการซื้อขายกันจริงกับนายศุภวัฒน์ เพื่อนของตน ตั้งแต่ 16 ม.ค.2561 มีการโอนเงินเสร็จเรียบร้อย มีหลักฐานยืนยันจากธนาคาร โดยโอนเงิน 3 ครั้ง คือ 2 ส.ค.2560, 5 ก.ย.2560, 5 ม.ค.2561 รวม 119 ล้านบาท และมีการจัดการเรื่องการเปลี่ยนหนังสือรับรองจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2561 แสดงให้เห็นว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ หจก.บุรีเจริญ อีกเลย ดังนั้น หจก.บุรีเจริญ จะไปดำเนินกิจกรรมหรือธุรกรรมอะไรก็เป็นเรื่องของเขา

ส่วนทำไมการซื้อขายหุ้นไม่ยื่นหลักฐานไปที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้านั้น เป็นไปตามหลักเกณฑ์ กรณีเดียวที่ต้องยื่นคือการเพิ่มทุนจดใหม่ นอกจากนั้นไม่ต้องยื่น ส่วนเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นเป็นเรื่องส่วนตัวของตนว่าจะนำไปใช้อะไร ส่วนที่ไม่มีการรายงานเป็นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. เพราะกิจกรรม ทุกอย่างเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้าสู่ตำแหน่ง คือก่อนวันที่ 5 พ.ค.2562 ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

สำหรับโครงการต่างๆ ของกระทรวง คมนาคมนั้น ยืนยันว่าไม่มีการฮั้วประมูล ตนได้ให้นโยบายกับข้าราชการให้ปฏิบัติงานเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี หลักธรรมาภิบาล และต้องรับฟังความเห็นของประชาชน การฮั้วประมูลจึงเป็นไปไม่ได้ ส่วนการกล่าวหาว่ากระทรวงคมนาคม จัดงบกรมทางหลวงชนบทไป จ.บุรีรัมย์ มากผิดปกตินั้น ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีเรื่องการสั่งการว่างบต้องไปลงตรงไหน

‘โจ้’มาตามนัดขย้ำ‘สันติ’เรื่องอีอีซี
ต่อมาเวลา 12.40 น. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กรณีส่อทุจริตโครงการบริหารและดำเนินงานระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (ท่อส่งน้ำอีอีซี) ของกรมธนารักษ์ ว่า มีใบเสร็จทุจริตโครงการนี้ นายสันติมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะเป็นประธานกรรมการที่ราชพัสดุเห็นชอบใช้วิธีคัดเลือกบริษัทเอกชนมาดำเนินโครงการ แทนวิธีเปิดประมูลทั่วไป เพื่อหนีพ.ร.บ.ร่วมทุน เป็นการคัดเลือกโดยไม่โปร่งใส เชิญแค่ 5 บริษัทเอกชนมาคัดเลือก ไม่เชิญบริษัทเอกชนใหญ่ๆ ที่มีประสบการณ์เรื่องระบบส่งน้ำโดยตรงมาคัดเลือกด้วย เป็นการเอื้อประโยชน์ช่วยเอกชนบางราย

นายสันติชี้แจงขั้นตอนการประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ที่บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ชนะประมูล วงเงิน 25,693.08 ล้านบาท ครั้งที่สอง เป็นไปอย่างโปร่งใส อยากให้นายยุทธพงศ์คิดย้อนกลับไปว่า 30 ปีที่ผ่านมานั้นบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์วอเตอร์ ให้ผลตอบแทนกับรัฐบาลจนถึงวันนี้ ยังไม่ถึง 600 ล้านบาท ท่านพยายามให้ยกเลิก และเปิดประมูลใหม่ ถามว่าหากเปิดประมูลใหม่แล้วมียื่นข้อเสนอมาเหมือนครั้งแรกคือ 9 พันล้านบาทนั้น ท่านจะรับผิดชอบเงินของรัฐที่ขาดหายไปอย่างไร

จากนั้น นายยุทธพงศ์ได้ลุกขึ้นกดดันให้นายสันติตอบคำถามประเด็นที่กรมธนารักษ์ไม่เปิดประมูลทั่วไป นายสันติตอบโต้ว่า“ผมถามจริงๆ เถอะ ว่านายยุทธพงศ์รู้ข้อมูลเรื่องผลตอบแทนของรัฐในรอบแรกมากกว่าผมได้อย่างไร ว่าจะมี 40 หรือ 60 แสดงว่าคงมีอะไรสักอย่าง หรือมีใครไปรับงานมาจาก อีสท์วอเตอร์หรือไม่ ผมต้องทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของรัฐ และสัญญายังไม่ได้เซ็น ทำไมจะมากล่าวหาผมแบบนี้ ทำไมนายยุทธพงศ์ถึงเอนเอียงเข้า ข้างอีสท์วอเตอร์ได้มากขนาดนี้”

ช่วงที่นายสันติชี้แจง มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น ทำให้นายสันติต้องหยุดการชี้แจงชั่วครู่ และสมาชิกต่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา คนที่ 1 ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้แจ้งว่า ไม่ต้องตกใจ เสียงดังกล่าวเกิดจากปัญหาน้ำ นายสันติจึงอภิปรายต่อ

พท.จวกรมว.ดีอีเอสอุ้มบัดดี้
จากนั้น นายวันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส. ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส เกี่ยวกับพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (PDPA) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ดี แต่รมว.ดีอีเอส นำมาใช้ขณะที่ยังไม่มีความพร้อม เอื้อประโยชน์ให้บัดดี้ หมายถึง เพื่อน คนสนิท พวกพ้อง โดยเซ็นแต่งตั้งที่ปรึกษา 7 ท่าน หนึ่งในนั้นคือเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ ชั้น ม.1 ที่สำคัญเป็นผู้บริหารเจ้าของบริษัทไอที และที่ปรึกษาท่านนี้ยังไปเป็นกรรมการในสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เมื่อกฎหมาย PDPAไม่พร้อมก็ต้องมีการ ประชาสัมพันธ์ โดยตั้งงบไว้ 220 ล้านบาท แต่มีการประมูลได้ที่ 219 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีการล็อกสเป๊กศูนย์ดิจิทัลชุมชน เอื้อประโยชน์พวกพ้อง เริ่มจากปี 2563 สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ทำสัญญากับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) จัดทำศูนย์ดิจิทัลชุมชน มีการเซ็นสัญญา 250 ศูนย์ วงเงิน 277 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยัง ไม่เสร็จมบูรณ์ ต่อมาปี 2564 ตั้งงบอีก 500 ล้านบาท เพื่อจะตั้งอีก 500 แห่ง

สิ่งที่แปลกประหลาด คือในทีโออาร์ไม่ระบุว่าต้องเป็นของใหม่ และยังระบุด้วยว่าให้ใช้เวลา 15 วัน เพื่อให้ได้ศูนย์ในกลุ่มแรก 250 ศูนย์ จึงมีเพียงผู้รับเหมาเก่าเท่านั้นที่จะเปิดรับตรงนี้ได้ และวันนี้ควรมี 750 ศูนย์ ทั่วประเทศ แต่เรามีเพียง 500 ศูนย์ ถามว่าเงิน 250 ล้านบาท หายไปไหน ทีโออาร์รอบ 2 ก็มีการบิดการประมูล โดยมี 4 บริษัทเข้าร่วมประมูล ซึ่ง 3 ใน 4 บริษัท เป็นเอกสารจากธนาคารเดียวกัน และ 2 ใน 4 บริษัท มีเลขต่อกัน ชี้ชัดว่าท่านเอื้อประโยชน์ผู้รับเหมาเก่า เพื่อให้ได้งานใน 250 ศูนย์แรก

เดือด – น.ส. ชนก จันทาทอง ส.ส. หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ ด้วยข้อ กล่าวหาเกี่ยวกับ จริยธรรม ท่ามกลางการประท้วงเดือดจากส.ส.รัฐบาล ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 20 ก.ค.

‘ชนก’ปูดเชิดชูหญิงอื่นเยี่ยงภรรยา
เวลา 15.50 น. น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายชัยวุฒิ มีพฤติการณ์จงใจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีความประพฤติเสื่อมเสียต่อศีลธรรมอันดี ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยทำร้ายจิตใจภรรยาของตัวเองอย่างแสนสาหัส จนภรรยาต้องออกมาโพสต์ข้อความตัดพ้อ ตนพูดในฐานะหัวอกแม่คนหนึ่ง และพูดในฐานะที่เป็นเพื่อนภรรยานายชัยวุฒิ ซึ่งเป็นส.ส.ด้วย ตนมั่นใจว่าเพื่อนสมาชิกอยากได้ข้อมูลจากตน เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะไว้วางใจนายชัยวุฒิหรือไม่

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ออกประกาศประมวลจริยธรรมของข้าราชการทางการเมืองปี 2564 เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2564 ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมที่สูงมาก ไม่ว่าจะ คู่สมรสหรือบุคคลข้างกายต้องใช้มาตรฐานทางจริยธรรมนี้เช่นกัน ซึ่งนายชัยวุฒิกระทำขัดข้อ 10 ฝ่าฝืนจริยธรรมและทำร้ายจิตใจภรรยาอย่างแสนสาหัส

ขณะอภิปราย ส.ส.หญิง พรรคพลังประชารัฐและฝ่ายรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะที่นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธาน ปล่อยให้พูด เพราะเนื้อหาจะส่งผล กระทบเป็นตราบาปกับบุตรของรัฐมนตรี ทำให้ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและพรรค พลังประชารัฐ ประท้วงตอบโต้ไปมา

ขัดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง
น.ส.ชนกอภิปรายต่อว่า ตราบาปที่เพื่อนสมาชิกได้กล่าวอ้างนั้น ตนไม่ได้เป็นคนทำ ตนก็เป็นแม่ เป็นภรรยา เป็นเพื่อนของภรรยารัฐมนตรีชัยวุฒิเช่นกัน พฤติกรรมของรัฐมนตรีที่ตนกล่าวอ้างมาทั้งหมด ในที่สุดทราบว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้มีการหย่าร้างกับภรรยา จากนั้นได้เปิดรูปนายชัยวุฒิที่ ถ่ายร่วมกับบุคคลกลุ่มหนึ่ง โดยเบลอหน้า ทุกคนยกเว้นนายชัยวุฒิ

ทำให้เกิดการประท้วงอีก ในที่สุดประธานสภาวินิจฉัยว่าแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเสื่อมเสียต่อจริยธรรมอันดี แต่ไม่ต้องลงในรายละเอียดไปถึงบุคคลอื่น ถ้าท่านจะสรุปสั้นๆ คิดว่าทุกคนคงเข้าใจแล้ว ขออย่าพาดพิงถึงบุคคลที่สามอีก

น.ส.ชนกอภิปรายว่า นายชัยวุฒิมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี ตนอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอื้อประโยชน์ในกระทรวงที่รัฐมนตรีบริหารอยู่หรือไม่ จึงไม่สามารถไว้วางใจนายชัยวุฒิได้จริงๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ อดีตภรรยานายชัยวุฒิ ได้มาร่วมประชุมในสภา แต่ช่วงที่มีการอภิปรายเนื้อหาที่โดนพาดพิง ได้ลุกออกนอกห้องประชุม

‘ชัยวุฒิ’อัดมโน-ระวังมีคดีติดตัว
นายชัยวุฒิ ชี้แจงว่า ขอบคุณเพื่อนสมาชิก ทุกคนที่ให้เกียรติตน ได้ช่วยกันประท้วงและมีการควบคุมการอภิปราย จริงๆ ตนไม่ได้ประสงค์ให้มีการปิดกั้น อยากให้พูดให้หมด รูปภาพจะเปิดก็เปิดไปเถอะของมันไม่จริงมันก็ไม่มีอะไร ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวคิดว่าการอภิปรายในประเด็นเรื่องแบบนี้ไปไกลไปหน่อย ตนว่ามาตรฐานมันต่ำ มีเรื่องให้พูดตั้งเยอะ

“ผมคิดว่าคนที่ให้ข้อมูลท่านพูดรื่องนี้ไม่ได้หวังดีกับท่าน เพราะนอกจากภาพที่ไม่ดีจะติดตัวไปแล้ว จะมีคดีติดตัวด้วย คดีหมิ่นประมาท ไปฟังคนโน้นคนนี้ว่ามา มโนไปอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วเอามาพูดในสภา ข้อเท็จจริงไม่มี สุดท้ายก็ไปสู้กันที่ศาล ไม่ใช่ผมฟ้อง แต่คนที่เสียหายเขาฟ้อง ทุกคนถ้ารู้จักผม จะรู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร คุณไม่รู้จักผมกก็อย่ามาอภิปรายในเรื่องส่วนตัวผมไปฟังคนโน้นคนนี้พูดมาแล้วเอามาพูดมันไม่ใช่” นายชัยวุฒิกล่าว

ส่วนเรื่องงาน คนที่คุณพูดทั้งหมด เพื่อนตน คนที่มาช่วยงานตน ทีมงานที่ปรึกษา เลขาฯ บางคนมาช่วยไม่ได้มีเงินเดือน เป็นเพื่อนว่างๆ ก็มาช่วยกันคิด ช่วยกันทำงานพัฒนางานในกระทรวงให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่ทำได้จนกว่าจะมีการทุจริต ก็ไปฟ้องป.ป.ช.ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช่มาอภิปรายพูดเหมือนทำความผิดทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย การอภิปรายทั้งหมด ไม่ได้มีข้อเท็จจริง ที่เป็นความเสียหายต่อการทำงานของตน

เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างดิจิทัลชุมชน เป็นเรื่องในปี 2563-2564 เป็นเรื่องที่เกิดก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง และไม่ได้มีความ เสียหาย หรือมีการฟ้องร้อง แต่ตนจะตรวจสอบดูว่าได้แก้ไขอย่างไรไปบ้าง

ด้านน.ส.ชนก ลุกขึ้นประท้วงให้นาย ชัยวุฒิตอบให้ตรงประเด็น และจี้ถามว่า “เมื่อสักครู่ดิฉันยังอภิปรายไม่จบด้วยซ้ำ หาก นายชัยวุฒิ บริสุทธิ์ใจจริง ไม่กังวลจริง ท่านหย่าทำไม”

‘ธีรัจชัย’ฉะ’ป้อม’-พปชร.ประท้วงยิบ
ต่อมาเวลา 16.50 น.นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอกล่าวหาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำตนเป็นแบบอย่างหลีกเลี่ยงกฎหมายป้องกันและปราบปรามทุจริต ใช้อำนาจแทรกแซงป.ป.ช. กรมศุลกากรให้พ้นจากคดีแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน ที่ใครๆ ก็อยากรู้นาฬิกาหรู 20 เรือนที่พล.อ.ประวิตรใส่เป็นของตัวเองหรือยืมเพื่อนมา อยากให้ป.ป.ช. ฟื้นการพิจารณาคดีนี้

หลังนายธีรัจชัยอภิปรายได้ไม่กี่นาที ถูกส.ส.พลังประชารัฐรุมประท้วงตลอดเวลาว่า อภิปรายในสิ่งที่ป.ป.ช.ลงมติตัดสินไปแล้ว ไม่ควรเอามาพูดอีก ทำให้การอภิปรายติดขัดอยู่ตลอดเวลา แต่นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมอนุญาตให้พูดต่อได้ ปรากฏว่า การอภิปรายของนายธีรัจชัยกลับเน้นแต่การยกเหตุผลมาแย้งมติป.ป.ช. ที่ลงมติว่าพล.อ.ประวิตรไม่มีความผิดกรณีนาฬิกายืมเพื่อน จนส.ส.พลังประชารัฐขึ้นมาประท้วงกันถี่ยิบว่าอภิปรายนอกประเด็น และนายศุภชัยเตือนหลายครั้งให้รีบเข้าประเด็นว่า อย่าขี่ม้าเลียบค่าย แต่นายธีรัจชัยยังอภิปรายรูปแบบเดิม นายศุภชัยจึงกล่าวว่า ขอเตือนครั้งสุดท้าย ถ้ายังพูดนอกประเด็น จะให้ยุติอภิปราย

ด้านพล.อ.ประวิตร ลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า ข้อกล่าวหาของผู้อภิปรายในเรื่องนาฬิกาทั้งหมด ตนไม่สามารถที่จะตอบได้ เพราะไม่อาจกล่าวล่วงไปในเรื่องของ ป.ป.ช.ได้ ส่วนเรื่องที่ตนจะมีเพื่อนดีสักคน ของคุณคงไม่เคยมี ตนมีเพื่อนดี คบกันมาตั้งแต่ชั้นประถม ลูกสาวเขาก็เหมือนลูกตน แล้วเรื่องของปฏิวัติ ตนก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง

พล.อ.ประวิตรพูดอมยิ้มพร้อมกับผายมือไปทางพล.อ.ประยุทธ์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมบอกว่า “นี่ครับคนปฏิวัติ ท่านนายกฯ คนเดียว ท่านอนุพงษ์ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง คุณก็เอาผมไปเกี่ยวข้อง เฮ่อ ผมยังไม่รู้เลยว่าปฏิวัติ เมื่อไหร่ 3 ป. 3 เปอ อะไร พูดไปเรื่อย เอาเรื่องจริงเข้ามาดีกว่า” ด้านพล.อ.ประยุทธ์ได้ยิ้มและยกมือรับ ท่ามกลางเสียงฮือฮาของที่ประชุม

คนนี้ – พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงฝ่ายค้าน โดยตอนหนึ่งระบุว่าคนปฏิวัติคือคนนี้ พร้อมกับผายมือไปทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ซึ่งได้ชูมือตอบรับ เรียกเสียงเฮฮาที่รัฐสภา เมื่อ 20 ก.ค.

‘บิ๊กตู่’เย้ยพท.หัวขาดไปแล้ว
หลังจากนั้น นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติด ว่า ยิ่งรัฐบาลอยู่นานยาเสพติดยิ่งถูกลง หาได้ง่ายยิ่งกว่าหาซื้อไอศกรีม พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร ปล่อยให้บ้านเราเป็นทางผ่านยา หรือคนมีสีคอยอำนวยความสะดวก การจับกุมก็มีเงินทอนในหลายรูปแบบ มีผลประโยชน์จากการยึดทรัพย์ มีการคัดของดีๆ เอาไว้ให้พวกพ้อง สินบนนำจับไปไม่ถึงลูกน้อง

พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า เรื่องยาเสพติดรัฐบาลเห็นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เสนอร่างพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดปี 2564 ทำอนุบัญญัติหรือกฎหมายลูกยังไม่แล้วเสร็จ ก็เร่งรัดหน่วยงานดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ไปพลางก่อน ส่วนผู้บังคับบัญชาไม่เคยคิดจะอมรายได้ของผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจที่จับยาเสพติดได้ สมมติมีการอมเราต้องตัดสินกันอย่างเฉียบขาด

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่า ย้ำว่าเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของรัฐบาลนี้ ดำเนินการ ทุกขั้นตอนทั้งปราบปราม ฟื้นฟู และนำเข้าสู่สังคม วันนี้พยายามทำอย่างเต็มที่ นึกถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจกี่แสนคนที่อยู่ชายแดน ทำหน้าที่ทุกอย่าง ทั้งยาเสพติดและป้องกันสิ่งผิดกฎหมาย ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรเลยอย่างที่ว่า คิดผิดแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่มีโอกาสมานั่งสบายๆ แบบนี้

“ที่จริงผมพยายามระงับอารมณ์เต็มที่ พูดจากันมา 2 วัน ท่านบอกใช้เวลามากเกินไป จ้องแต่จะเล่นงานรัฐบาลเยอะๆ วันนี้รัฐบาลไม่มีโอกาสจะตอบแล้ว นั่นคือเทคนิคของท่าน ผมรู้ ฉะนั้นผมจะใช้เวลาให้น้อยที่สุด มีอยู่คำนึงผมติดค้างตั้งแต่วันแรก ท่านกล่าวว่าท่านจะทำลายนั่งร้านรัฐบาล และเด็ดหัว คำพูดอย่างนี้ควรใช้ในสภาหรือไม่ วันนี้ท่านว่าผมมีนั่งร้าน ผมนั่งอยู่บนนั่งร้านเพราะผมเป็นหัว ท่านก็มีนั่งร้านของท่าน แต่ท่านไม่มีหัว หัวขาดไปแล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

‘บิ๊กป๊อก’ลั่นไม่ต่อสัญญาประปา
นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปรายพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ส่อเอื้อผลประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง สมรู้ร่วมคิดจัดฉากเอื้อประโยชน์เอกชนเพียงรายเดียว ในการต่อสัญญาโครงการน้ำประปาปทุมธานี-รังสิต ไปอีก 20 ปี หลังสิ้นสุดสัญญาวันที่ 14 ต.ค.2566 ซึ่งรัฐมีความเสี่ยงที่จะเสียหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ถ้าท่านยังไม่ยับยั้งกระบวนการดังกล่าว ท่านจะถูกกล่าวหาว่ากินแม้กระทั่งน้ำประปา

พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจงว่า ตนยังไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลงการกระทำตามสัญญานี่เลยล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ยังเห็นชอบให้กปภ.ทำเองเมื่อสิ้นสุดสัญญา โครงการนี้ที่ผ่านมาซื้อประปาแพงแล้วไปขายถูก ถ้าเขาส่งเรื่องไปที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ตนก็จะตามไปต่อต้านที่นั่น และจะไม่มีการนำเข้าครม. โครงการนี้ไม่มีการให้ต่อสัญญาแน่นอน ดังนั้นจะมากล่าวหาตนไม่ได้ หรือกล่าวหาว่ารู้เห็นเป็นใจนั้นเป็นเท็จหมด

ของบริจาค – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เดินทางมาดูการคัดแยกสิ่งของบริจาคเตรียมส่งต่อไปยังผู้ขาดแคลน โดยมีนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกระจกเงา ให้คำอธิบาย ที่มูลนิธิกระจกเงา ซ.วิภาวดีฯ 62 เมื่อวันที่ 20 ก.ค.

ก้าวไกล-เพื่อไทยรุมเขย่า‘3 ป.’
เวลา 19.40 น. นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ พร้อมนำเครื่อง จีที 200 ดีไอวาย ราคา 20 บาท มาโชว์ และระบุว่า คุณภาพไม่ต่างจากที่กองทัพบกซื้อเครื่องละ 9 แสนบาท จัดซื้อ 12 สัญญา จำนวน 757 เครื่อง รวมเป็นเงิน 682 ล้านบาท ราคาแพงสุด เครื่องละ 1.2 ล้านบาท ทุกคนรู้ว่า พล.อ. อนุพงษ์ และพล.อ.ประวิตร เป็นคนเซ็นอนุมัติให้จัดซื้อ และมีพล.อ.ประยุทธ์ แทรกมาในสัญญาที่ 11 ในสมัยที่เป็นผู้บัญชาการ ทหารบก (ผบ.ทบ.)

ทั้ง 3 คนเมินเฉยที่จะตรวจสอบการจัดซื้อของที่ไม่ได้คุณภาพ ส่วนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (ตร.) และป.ป.ช. ยังพึ่งพาไม่ได้ เพราะมีเด็กของ 3 ป. มาดำรงตำแหน่ง จนชี้มูลความผิดไปที่ 22 นายทหารที่ทำหน้าที่ตรวจรับให้กลายเป็นแพะรับบาป

โดยบริษัท AVIA SATCOM ตัวแทนนำเข้าจีที 200 ผู้ถือหุ้นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับกองทัพอากาศ พล.อ.ประวิตร และเครือข่ายเตรียมทหารรุ่น 6 (ตท.6) แต่ 3 ป. กลับเล่นบทเหยื่อ บอกว่าตัวเองถูกหลอก แต่กลับประเคนโครงการของกองทัพให้บริษัทนี้ โดยไม่เปิดประมูล เช่น บริษัท เอวิเอ ซินเนอยี จำกัด ได้งานจากกองทัพอากาศตั้งแต่ปี 2557-2565 ไป 221 โครงการ รวมมูลค่า 2,410 ล้านบาท รวมมูลค่าทุกโครงการคิดเป็นเงินประมาณ 8,000 ล้านบาท แบบนี้เรียกว่า ฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อน ส่วนประชาชนทำได้เพียงสาปแช่ง จึงขอให้พวกท่านไม่ไปดี และไม่ไปสู่สุคติ

จากนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ ไร้ความสามารถในการเป็นผู้นำ 8 ปีที่บริหารประเทศเป็น 8 ปีแห่งการสูญเสีย แก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว ทำให้คนไทยเป็นหนี้ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาแพง จึงถือเป็นวิกฤตตัวผู้นำอย่างแท้จริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน