อธิบดีรุดงานศพเหยื่อ ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด‘มอเตอร์เวย์’ระทึกซ้ำด่านเก็บเงินหลังคาล่ม

ระทึกอีก! หลังคาด่านเก็บเงินมอเตอร์เวย์ ช่วงบางปะกงพังถล่ม หลังโดนพายุฝนกระหน่ำโชคดีไร้เหตุสยองซ้ำรอยสะพานกลับรถพระราม 2 ที่ร่วงทับรถพังยับหลายคัน ดับ 2 ศพ กรมทางหลวงตั้งกรรมการสอบตรวจสอบทั้ง 2 เหตุ ชี้เหตุพระราม 2 สะพานสร้างมาเกือบ 30 ปี ต้องซ่อมบำรุงใหญ่กำหนดเสร็จสิ้นเดือนนี้ โดยไม่ได้ปิดการจราจรด้านล่าง คาดอาจจะกระทบจากการเจาะสกัดพื้นเพื่อเทปูนใหม่ เร่งตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริง พร้อมดูแลเยียวยาผู้บาดเจ็บเสียชีวิตและชดใช้ค่ารถที่เสียหาย เหล่าผู้รอดชีวิตเล่านาที เฉียดตายระทึก

ทล.เร่งสอบสะพานถล่ม
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีอุบัติเหตุคานสะพานลอยกลับรถ ก.ม.34 ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ใกล้กับโรงพยาบาลวิภาราม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หล่นทับรถยนต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม สั่งการด่วนให้อธิบดีกรมทางหลวง พร้อมด้วยผู้อำนวยการศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) และผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสมุทรสาคร ร่วมลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจสอบ และหาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากการลงพื้นที่ พบว่าเหตุเกิดในวันที่ 31 ก.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. ถนนพระราม 2 ตอน สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน-นาโคก ที่ ก.ม.34 บริเวณโครงการปรับปรุงสะพานกลับรถบริเวณใกล้กับโรงพยาบาลวิภาราม ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่คุมงานและคนงานอยู่ระหว่างการเตรียมความเรียบร้อยพื้นที่เพื่อเทพื้นสะพานใหม่ หลังทุบพื้นสะพานช่วงที่ชำรุดเสียหายออกแล้ว คานสะพานลอยตัวริมสุดร่วงหล่นลงมาทับรถยนต์ที่สัญจรบนถนนพระราม 2 เป็นเหตุให้มีรถได้รับความเสียหายจำนวน 3 คัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้บาดเจ็บ 2 ราย (ประชาชนในรถเกิดเหตุ เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย และเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย) เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ทั้งนี้ได้ปิดช่องจราจรช่องทางหลัก (ขาเข้า) โดยให้วิ่งทางคู่ขนานแทน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ทาง

“กรมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว ผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เบื้องต้นตั้งกรรมการตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง วิเคราะห์สาเหตุที่เกิดขึ้นโดยมีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ สภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ให้รายงานผลภายใน 14 วัน และให้ระงับการซ่อมแซมโครงสร้างสะพานกลับรถนี้ รวมทั้งปิดการจราจรช่องทางหลักขาเข้าไว้ก่อน จนกว่าจะมีความมั่นใจในความปลอดภัย และได้สั่งการให้ตรวจสอบ ขั้นตอนการทำงาน วัสดุชิ้นส่วนงานก่อสร้าง เครื่องมือเครื่องจักร และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้มีความพร้อม” นายสราวุธกล่าว

ถล่มทับรถ – สภาพสะพานกลับรถ ถนนพระราม 2 จ.สมุทรสาคร หลังคานคอนกรีตพังถล่มทับรถยนต์ที่วิ่งผ่าน พังเสียหายยับ 2 คัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย กรมทางหลวงเร่งสอบสวนสาเหตุ พร้อมขอโทษและชดใช้แก่ผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 31 ก.ค.

จ่อฟันหากพบบกพร่อง
อธิบดี ทล. กล่าวอีกว่า หากพบว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ กรมจะดำเนินการลงโทษทางวินัยและความผิดทางละเมิด เพื่อชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งส่วนใดส่วนหนึ่งของการก่อสร้างไม่พร้อม ไม่ปลอดภัย ให้หยุดงานก่อสร้างทันที โดยเน้นย้ำให้ใช้มาตรการความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างอย่างสูงสุด ซึ่งมีกว่า 200 โครงการ ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันและไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หรือผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อประชาชนผู้ใช้ทางขึ้นอีก ทั้งนี้กรมทางหลวงพร้อมที่จะรับผิดชอบเยียวยาให้กับผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่ และขออภัยประชาชนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้

“กรมมีความเข้มมาตรการในกรณีที่เป็นงานจ้างเหมา โดยผู้รับเหมารายใดไม่ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนด จะมีการสั่งหยุดงานเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้มีความพร้อมเพื่อดำเนินงานต่อได้ โครงการดังกล่าวไม่ได้อยู่ในส่วนหนึ่งของมอเตอร์เวย์ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว เพราะบริเวณที่เกิดเหตุเป็นเพียงสะพานเกือกม้ากลับรถ แต่การก่อสร้างมอเตอร์เวย์จะดำเนินการก่อสร้างเป็นทางยกระดับ นอกจากนี้ในพื้นที่เกิดเหตุผู้ที่ดำเนินการซ่อมแซมสะพานคือศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) ของกรมทางหลวง เป็นงานที่กรมดำเนินการรับผิดชอบเองไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนผู้รับเหมา” นายสราวุธกล่าว

ส่วนแนวทางการเยียวยา เบื้องต้นกรมมอบหมายให้ผู้อำนวยการศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) ประสานงานติดต่อกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและครอบครัว ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยทางกรมเป็นผู้ชดเชยค่ารักษาพยาบาลและการสวดอภิธรรมศพรับเป็นเจ้าภาพตลอดทั้งงาน ส่วนเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้มีเงินกองทุนสวัสดิการการช่วยเหลือ เช่น ในกรณีมีผู้เสียชีวิตโดยครอบครัวของผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือ จำนวน 30,000 บาท ส่วนผู้ที่บาดเจ็บได้รับเงินช่วยเหลือประมาณ 10,000-30,000 บาท ปัจจุบันกรมมีเงินกองทุนร่วมบริจาคกับเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงที่ประสบอุบัติเหตุระหว่างการทำงานส่วนหนึ่ง ส่วนประชาชนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อชดเชยและเยียวยาวงเงินเท่าไรและดำเนินการในลักษณะใดได้บ้าง

เผยอายุเก่า 30 ปี
สำหรับสะพานกลับรถบนทางหลวงหมายเลข 35 หรือถนนพระราม 2 ที่ ก.ม.34 (สะพานกลับรถบริเวณใกล้ ร.พ.วิภาราม) ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2536 ใช้งานมาเป็นระยะเวลานานเกือบ 30 ปี มีความจำเป็นต้องบูรณะซ่อมแซมสะพาน โดยเริ่มเข้าซ่อมแซมสะพานตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา กำหนดแล้วเสร็จในเดือนส.ค. ประกอบด้วยการทุบรื้อพื้นสะพานและเปลี่ยนพื้นใหม่ จำนวน 2 ช่วง งานสกัดโครงสร้างสะพานที่เสียหาย ส่วนที่อยู่บนคานคอนกรีตอัดแรง รวมทั้งบริเวณพื้นที่ส่วนของทางขึ้นทางลง เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะใช้งานได้อย่างแข็งแรงปลอดภัย เพิ่มประสิทธิภาพในการกลับรถขาเข้าบนถนนพระราม 2

“ที่ผ่านมากรมทางหลวงได้เน้นย้ำเรื่องมาตรการความปลอดภัยในระหว่างการก่อสร้างอย่างสูงสุด เพื่อไม่ให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่กรมทางหลวงจะต้องทบทวนและพิจารณามาตรการเสริมความปลอดภัยด้านต่างๆ เพิ่มเติมมากขึ้นในทุกมิติ เพื่อให้เกิดความมั่นใจก่อนจะเริ่มงานโครงการต่อไป” อธิบดี ทล. กล่าว

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้รับรายงานจากโครงการก่อสร้างของศูนย์สะพานปทุมธานี ในเบื้องต้นเกิดอุบัติเหตุคานสะพานลอยกลับรถ ก.ม.34 ถนนพระราม 2 ที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซมโครงสร้างหล่นทับรถที่วิ่งผ่านมา ได้รับความเสียหาย 3 คัน ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมทางหลวง (ทล.) ได้ลงพื้นที่เพื่อควบคุมเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว

วันเดียวกัน ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. รายงานสภาพการจราจร ถ.พระราม 2 ก.ม.35 ขาเข้า (จุดเบี่ยงเข้าคู่ขนาน) เมื่อเวลา 08.30 น. การจราจรติดขัด ยานพาหนะเคลื่อนตัวได้สลับหยุดนิ่ง ท้ายแถวยาวกว่า 6 กิโลเมตร

ย้อนเหตุสยองพระราม 2
สำหรับเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งเกิดเหตุสะพานกลับรถหน้าโรงพยาบาลวิภาราม ก.ม.ที่ 34 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ที่อยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุง พังถล่มลงมาทับรถยนต์ที่สัญจรอยู่บนถนนพระราม 2 ช่องทางด่วน ขาเข้ากรุงเทพฯ มีรถยนต์ได้รับความเสียหายหลายคัน อีกทั้งยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย จึงรีบรายงานให้ พ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ทราบพร้อมกับประสาน พ.ต.ท. ภานุพงศ์ ภาวะบุตร สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

จุดที่เกิดเหตุเป็นบริเวณใต้สะพาน (เกือกม้า) กลับรถพอดี พบรถยนต์เชฟโรเลต ทะเบียน ชธ 6271 กรุงเทพมหานคร ถูกแผ่นปูนความยาวกว่า 10 เมตร น้ำหนักราวๆ 5 ตัน หล่นลงมาทับไว้ทั้งคันจนรถขาดท่อน ทำให้น.ส.สุวรรณี รักท้วม คนนั่งข้างฝั่งซ้ายเสียชีวิตติดอยู่ภายใน ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังมีรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ ทะเบียน 3ฒธ 5940 กรุงเทพมหานคร ด้านหน้ารถถูกแผ่นปูนทับไว้ โชคดีที่คนขับและผู้อาศัยมาในรถปลอดภัยทั้งหมด

นอกจากนี้ยังมีคนงานที่กำลังทำงานซ่อมแซมอยู่บนสะพานกลับรถตกลงมาพร้อมกับแผ่นปูนบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน ส่งรักษาที่ร.พ.สมุทรสาคร แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิต 1 คน พร้อมกันนั้นยังมีรถที่ได้รับความเสียหายอีก 1 คัน เป็นรถบรรทุกน้ำมันดีเซลที่ไปลงน้ำมันให้กับลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสะเทือนขวัญให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังส่งผลทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร ส่วนรถยนต์ที่ถูกแผ่นปูนทับไว้นั้น หลังจากที่ได้ใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนานเกือบ 1 ชั่วโมง เพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากรถได้แล้วต้องประสานรถเครนให้มายกแผ่นปูนออก

ผู้รอดเล่านาทีระทึก
น.ส.ทิพานันท์ ศรีรางวัล อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/6 ม.8 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์กระบะคันที่ถูกแผ่นปูนหล่นลงมาทับหน้ารถเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุครอบครัวมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวม 5 คน กำลังขับรถกลับบ้านหลังจากไปขายของเล่นที่วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม ตลอดทางมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และรถขับแบบช้าๆ ชะลอตัว กระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุจู่ๆ มีแผ่นปูนหล่นลงมาใส่รถยนต์เก๋งกับรถของตน โชคดีที่รถตนนั้นถูกเพียงแค่ด้านหน้ารถและคนในรถปลอดภัยทั้งหมด เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดกลัวให้ทุกคนในรถเป็นอย่างมาก ไม่เคยคาดคิดว่าจะมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้

นายสุวรรณ ทวีผล อายุ 60 ปี อดีต ผอ.ร.ร.เบญจมราชูทิศ จังหวัดจันทบุรี ที่ขับรถตามหลังมาเล่าถึงนาทีระทึกว่า ขับรถกลับจากไปงานกีฬาเยาวชนแห่งชาติที่ จ.พัทลุง มาด้วยกันทั้งหมด 5 คน ต้องเรียกได้ว่าเฉียดตายเพราะอยู่ห่างจากรถที่เกิดเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังเกิดเหตุรีบลงไปช่วยกันพาคนขับรถยนต์เก๋งออกมา ส่วนคนนั่งข้างเสียชีวิตไม่สามารถนำออกมาได้

ขณะที่คนขับรถบรรทุกน้ำมัน เล่าว่า ขับรถมาตามถนนพระราม 2 ช่วงที่ลอดใต้สะพานกลับรถไม่มีอะไรผิดปกติ เห็นมีแต่คนทำงานซ่อมแซมสะพานอยู่ด้านบน แต่พอคล้อยหลังนิดเดียวรู้สึกเหมือนว่าด้านหลังรถโดนวัตถุบางอย่างกระแทกอย่างแรงจนสะเทือนไปทั้งคัน อีกทั้งยังได้ยินเสียงดังโครมจึงจอดรถแล้วหันกลับไปมอง เห็นรถยนต์เก๋งที่ขับตามหลังมาถูกแผ่นปูนหล่นมาทับใส่ทั้งคัน

ญาติเชิญวิญญาณคนตาย
หลังเกิดเหตุ นายณรงค์ รักร้อย ผวจ.สมุทรสาคร พร้อม นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผวจ.สมุทรสาคร และผู้ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งหาสาเหตุและรายงานให้ทราบต่อไป ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมดนั้นจะได้เข้าเยี่ยมต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับสะพานกลับรถ ที่เกิดเหตุเริ่มปิดซ่อมบำรุงตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. เนื่องจากมีอายุการใช้งานมานานและเคยเกิดไฟไหม้ขึ้นบนสะพานจากรถบรรทุกน้ำมันระเบิด อีกทั้งยังมีปริมาณรถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้สะพานกลับรถเป็นจำนวนมาก ทำให้โครงสร้างส่วนบน (พื้นสะพาน) ชำรุดเสียหายจนเหล็กเส้นโผล่ ทั้งนี้ กรมทางหลวง โดยศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) ดำเนินการซ่อมแซมและบูรณะโครงสร้างสะพานที่ชำรุดเสียหายให้ใช้งานได้ตามปกติ เพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยให้กับผู้ใช้เส้นทาง โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ส.ค. นี้

นายสุชาติ รักท้วม อาของ น.ส.สุวรรณี หรือ อ้อ รักท้วม หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายนั่งโดยสารมากับรถเก๋งเชฟโรเลต มีเพื่อน ผู้หญิงเป็นคนขับ ก่อนหน้านั้นผู้ตายโทรศัพท์มาหาพ่อกับแม่ว่าอยากกินอะไรมั้ย แต่แม่มีลางสังหรณ์ระบุเพียงว่าให้รีบกลับบ้าน ก่อนที่เพื่อนผู้หญิงจะโทรศัพท์มาว่าเกิดอุบัติเหตุ ตนก็รีบขับรถไปที่เกิดเหตุทันที ตอนนี้ครอบครัวยังคงเสียใจมาก เพราะผู้ตายและพี่สาวเป็นเสาหลักของครอบครัว โดยผู้ตายเคยทำงานที่การประปานครหลวงคอยทำงาน ส่งเงินให้ตลอด เมื่อช่วงเช้าทางญาติทำเอกสารรับศพจาก สภ.เมืองสมุทรสาคร ก่อนมารอรับร่างออกจาก ร.พ.ตำรวจ ในช่วงบ่ายของวันนี้ แล้วนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดไทร แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง ต่อไป

ต่อมาเวลา 11.30 น. ญาติของ น.ส.สุวรรณี รักท้วม อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตอยู่ในรถเก๋ง นิมนต์พระสงฆ์ไปประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณบริเวณใต้สะพานที่เกิดเหตุ ท่ามกลางสายฝนที่ยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยญาติ ผู้เสียชีวิตมีอาการเศร้าโศกเสียใจ นำมือลูบรูปของผู้เสียชีวิตตลอดเวลา และไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

อธิบดีทล.ร่วมงานศพเหยื่อ
เย็นวันเดียวกัน นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดี ทล. เดินทางมาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรม พร้อมพูดคุยและแสดงความเสียใจกับญาติของ น.ส.สุวรรณี รักท้วม อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตที่อยู่ในรถเก๋ง พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมเผยว่า พูดคุยกับญาติของผู้เสียชีวิต กรมทางหลวงจะดูแลค่าเสียหายอย่างเต็มที่ และจะออกค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพทั้งหมด รวมถึงเงินเยียวยา โดยให้ทางญาติของผู้เสียชีวิตกลับไปคิดและมาพูดคุยกันอีกครั้งว่าจะช่วยเหลือกันอย่างไร ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายจะติดต่อขอชดเชยค่ารักษาพยาบาลและทรัพย์สินที่เสียหาย ซึ่งกรมทางหลวงจะออกให้ทั้งหมด

“ส่วนการเยียวยาผู้เสียชีวิต ที่เป็นพนักงานราชการของกรมทางหลวง มีระเบียบในการเยียวยา เบื้องต้นจะได้รับเงินเยียวยา 70% ของเงินเดือนเป็นระยะเวลา 10 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 1,300,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บรายอื่นที่เป็นพนักงานเช่นเดียวกัน จะมีการชดเชยเป็นรายวัน ซึ่งกรมทางหลวงมีหลักเกณฑ์ อยู่แล้ว” นายสราวุธกล่าว

ตร.สอบพยานแล้ว 10 ปาก
เวลา 12.00 น. น.ส.ปรียานันท์ ลิขิตศานต์ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน มอบหมายให้ทีมเฉพาะกิจกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมพูดคุยกับเจ้าของงานว่า ปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวะอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปี 2554 กำหนดไว้ว่า การทำงานทั้งหมดต้องมีความปลอดภัย ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแล และปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เกี่ยวข้องกับกฎกระทรวงเรื่องการก่อสร้าง โดยปกติแล้วเน้นย้ำในการดูแลงานก่อสร้าง เหตุไฟไหม้ และสารเคมี เพราะเป็นเหตุที่เกิดบ่อย

“เราได้นัดหมายช่างก่อสร้าง และกรมทางหลวง เพื่อมาหารือว่าการก่อสร้างดังกล่าวได้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยหรือไม่ เบื้องต้นพบว่ามีการกำหนดเขตก่อสร้าง และมีป้ายการก่อสร้างแสดงไว้ ทั้งนี้ ตัวกฎหมายกำหนดว่า หากส่วนราชการทำตามมาตรฐานแต่ไม่มีผลบังคับใช้ จะมีการหารือกันภายในระหว่างหน่วยงานรัฐ เว้นแต่เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบการคุมงานครั้งนี้ กระทรวงแรงงาน จึงจะสามารถเอาผิดตามกฎหมายได้” ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการฯ กล่าว

น.ส.ปรียานันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับการช่วยเหลือเยียวยานั้น สำนักงานประกันสังคมจะตรวจสอบสิทธิ์ทั้งคนเจ็บและผู้เสียชีวิต ว่าประกอบอาชีพใด เพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพ ตามที่กองทุนเงินทดแทน และกองทุนประกันสังคม กำหนดไว้

ด้าน พ.ต.ท.ภาณุพงศ์ ภาวะบุตร สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตำรวจได้สอบปากคำคนงานที่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมด 10 คนเรียบร้อยแล้ว ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ จากนี้พนักงานสอบสวนจะเรียกสอบปากคำหัวหน้าผู้ควบคุมงานและวิศวกร เพิ่มเติม และต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามารวบรวมรายละเอียดต่างๆ เพื่อสรุปหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย อีกครั้ง

ถล่มซ้ำ – หลังคาด่านเก็บค่าผ่านทาง ถนนมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 ตู้เก็บเงินค่าธรรมเนียมตู้ที่ 1 และ 2 ด่านบางปะกง (ขาเข้า) ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ยุบตัวลงมา พังเสียหายทั้งแถบ โชคดีไม่มี ผู้ได้รับอันตราย เมื่อวันที่ 1 ส.ค.

ระทึกซ้ำหลังคามอเตอร์เวย์ถล่ม
ต่อมาเวลา 10.34 น. เกิดเหตุพายุพัดทำให้หลังคาซุ้มด่านเก็บเงินทางด่วนถล่ม ต.ท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พบซุ้มด่านเก็บเงินถล่มพังโค่นลงมาในช่องเก็บเงินที่ 1 หลังจากนั้นทางกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง รายงานอุบัติเหตุบนทางหลวงพิเศษ หมายเลข 7 โดยเนื่องจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ เป็นเหตุให้หลังคาช่องเก็บค่าผ่านทาง ตู้เก็บเงินที่ 1 และ 2 ไดัพังลงมา บริเวณด่านบางปะกง 2 ต.ท่าสะอ้าน

นายบุญเพิ่ม เรียงไธสง ผู้อำนวยการฝ่ายจัดเก็บเงินค่าผ่านทาง เผยว่า เนื่องจากฝนตกหนักลมแรงทำให้หลังคาร่วงลงมาตอนนี้กำลังให้ฝ่ายวิศวกรรมรวบรวมข้อมูลอยู่ เบื้องต้นดำเนินการถอดหลังคาที่พังถล่มลงมาเพื่อจะได้กลับมาให้บริการประชาชนได้ตามปกติ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในการรื้อถอน สำหรับโครงสร้างยืนยันว่าได้ตามมาตรฐานการก่อสร้าง ซึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้ฝนตกแรงมาก แต่ยังโชคดีที่ในระหว่างเกิดเหตุไม่มีพนักงานหรือประชาชนใช้บริการอยู่ เบื้องต้นในขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพื้นที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ล่าสุดเปิด ช่องทางเพื่อให้ประชาชนใช้บริการได้เพียง 1 ช่องทาง ทำให้การจราจรติดสะสม

ด้านนายศักดิ์สยาม เผยว่า ได้รับรายงานจากกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ถึงอุบัติเหตุบนทางหลวงพิเศษ หมายเลข 7 ดังนี้ เมื่อเวลา 10.34 น. วันที่ 1 ส.ค. เกิดฝนตกหนัก เป็นเหตุให้หลังคาช่องเก็บค่าผ่านทาง ตู้เก็บเงินที่ 1 และ 2 ด่านบางปะกง 2 พังลงมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด และเบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และไม่มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย แต่มีทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหาย (หลังคาตู้เก็บเงินที่ 1 และ 2) สำหรับสภาพทางจุดเกิดเหตุ ถนนคอนกรีต 6 ช่องทาง (เข้าระบบ 3 ช่องทาง ออกจากระบบ 3 ช่องทาง) ทางตรง สภาพทางดี ไม่มีหลุมบ่อ

“เบื้องต้นอธิบดี ทล. ได้สั่งการให้ รองอธิบดี ทล. และรองผู้อำนวยการมอเตอร์เวย์ ลงพื้นที่แก้ไขปัญหา และสอบสวนข้อเท็จจริงเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงพานทอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางปะกง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายบำรุงรักษาทรัพย์สินเข้าถึงจุดเกิดเหตุ หลังได้รับแจ้งจากด่านบางปะกง 2 เมื่อเวลา 10.35 น. เข้าถึงจุด เวลา 10.45 น. (ใช้เวลา 10 นาที) ตั้งกรวยปิดพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เวลา 10.50 น. (ใช้เวลา 5 นาที)” นายศักดิ์สยามกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน