จากกรณีคนร้ายลอบวางระเบิดและเผาร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ร้านมินิบิ๊กซี และปั๊มน้ำมัน พร้อมๆ กันในพื้นที่จ.ปัตตานี 2 จุด ยะลา 6 จุด และนราธิวาส 9 จุด รวม 17 จุด เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 16 ส.ค.ต่อเนื่องวันที่ 17 ส.ค. ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. กลุ่มบีอาร์เอ็นออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ยอมรับเป็นฝ่ายก่อเหตุความรุนแรงในการโจมตีสัญลักษณ์ของอำนาจทุนนิยมรัฐไทยที่เข้ามาทำลายระบบเศรษฐกิจชุมชนปฏิบัติในครั้งนี้ พร้อมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จากเหตุการณ์ที่กองกำลังบีอาร์เอ็นโจมตีสัญลักษณ์ของอำนาจทุนนิยมรัฐไทย แม้การเสียชีวิตดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย อันเนื่องมาจากทางหน่วยปฏิบัติการที่ลงมือได้เชิญให้พนักงานและลูกค้าผู้บริสุทธิ์ทุกท่านออกจากจุดเกิดเหตุแล้ว เหตุดังกล่าวทำให้ประชาชนเสียชีวิต ทางกองกำลัง BRN ขอน้อมรับความผิดพลาดดังกล่าวอย่างสุดใจ

การโจมตีดังกล่าวเป็นการโจมตีเพื่อทำลายอำนาจทุนนิยมที่กำลังระบาดอย่างหนักในปัตตานี ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจรายเดียวที่กำลังจะทำลายระบบเศรษฐกิจของชุมชน ทำให้ร้านค้าชุมชนจำนวนมากที่ต้องปิดตัวลง

ทั้งนี้ร้านสะดวกซื้อดังกล่าวยังหลอกลวงผู้บริโภค การกระทำดังกล่าวถือเป็นการบ่อนทำลายเจ้าของภาษีอย่างรุนแรง และการกระทำดังกล่าวในปัจจุบันมีรัฐบาลและกองทัพ สยามไทยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ที่ปั๊มน้ำมันปตท.ปาเสมัส ต.สุไหงโก-ลก เจ้าหน้าที่ชุด EOD พบศพนายมะษาริช มามะ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103/1 หมู่ 3 ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นลูกค้าที่เข้าไปซื้อสินค้าในร้านเซเว่นฯ ในช่วงเวลาเกิดเหตุเสียชีวิตอยู่ภายในร้าน จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 7 ราย

วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมคณะผู้บริหารพรรค เดินทางลงพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องจากเกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

ให้กำลังใจ – คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย นำคณะ ผู้บริหารพรรค และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ยะลา และปัตตานี ลงพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ เยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่จากเหตุการณ์วางเพลิง และระเบิด 17 จุด เมื่อวันที่ 18 ส.ค.

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานกว่า 18 ปี เป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายของรัฐที่ไม่เข้าใจในวัฒนธรรม และไม่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ในพื้นที่ ที่มีความละเอียดอ่อน ซับซ้อน และเชื่อมโยงกันในหลายมิติ ทั้งในเชิงวัฒนธรรม และโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเหตุการณ์ล่าสุดมีการระเบิดตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ชายแดนใต้ 17 จุด เป็นสิ่งที่ผู้ก่อความไม่สงบส่งสัญญาณไปยังผู้มีอำนาจอย่างชัดเจน ดังนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหา จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ

“พรรคไทยไทยสร้างไทยจึงมีนโยบายสร้างสันติภาพด้วยมือประชาชน เพื่อให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดรับกับวิถีอัตลักษณ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เน้นเศรษฐกิจนำการเมือง และการทหาร โดยน้อมนำพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาปฏิบัติ พร้อมทั้งปรับปรุงกฎหมายพิเศษ ทั้งกฎอัยการศึก และพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ 2548 ที่ประกาศใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพ.ศ.2551 ให้มีความเป็นธรรม และมีมาตรฐานที่ชัดเจน ซึ่งต้องการให้นำกระบวนการยุติธรรมทางอาญาปกติมาใช้บังคับแทนกฎหมายพิเศษดังกล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน