เผยมีอำนาจโยกย้าย-ยุบสภาได้ ฝ่ายค้านรุกต่อ-จี้นายกฯลาออก ร่างพรบ.งบ66ฉลุยสภาวาระสาม

ศาลรธน.มติเอกฉันท์ รับวินิจฉัยคำร้องฝ่ายค้าน ปมวาระนายกฯ 8 ปี พร้อมมีมติ 5 ต่อ 4 สั่ง ‘บิ๊กตู่’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยให้ส่งคำชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน ‘บิ๊กป้อม’ ผงาดนั่งรักษาการนายกฯ ตามคิว ‘วิษณุ’ ระบุมีอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย-ยุบสภา ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ ยังทำงานต่อในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ฝ่ายค้าน-ม็อบรุมยี้ ‘ประวิตร’ บี้ ‘ตู่’ ลาออก เปิดทางรัฐสภาเลือกนายกฯ คนใหม่ ก้าวไกลขอศาลเร่งตัดสินใน 1 เดือน ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ ระทึก ศาลรธน.นัด 14 ก.ย. ชี้ชะตาหลุดรมช.มหาดไทยหรือไม่ คดีไม่จ่ายค่ารถซ่อมบำรุงทางให้เอกชน สภาโหวตผ่าน พ.ร.บ.งบฯ วาระ 3 แล้ว

ศาลรธน.ถกด่วน 8 ปี‘บิ๊กตู่’
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กทม. มีการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาเรื่องการจะรับ หรือไม่รับ กรณีประธานรัฐสภา ส่งคำร้องของ 172 ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่หรือไม่ โดยครบวาระวันที่ 23 ส.ค.2565 หรือไม่ และขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าศาลจะมี คำวินิจฉัย

โดยบริเวณสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีการวางแผงเหล็กกั้น พร้อมปิดป้ายกระดาษเขตอำนาจศาล เพื่อรักษาความปลอดภัย โดยรอบอาคาร พร้อมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสน.ทุ่งสองห้อง ตรวจดูความเรียบร้อยภายในศาล

มติรับคำร้อง-สั่งพักงานนายกฯ
สำหรับผลการประชุม ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (9) จึงมีมติเอกฉันท์รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย ให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ ได้รับสำเนาคำร้อง

ส่วนคำขอของผู้ร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัตินายกฯ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องจึงมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2565 จนกว่าศาลจะมี คำวินิจฉัย

สำหรับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 เสียงที่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบด้วย นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ์, นายจิรนิติ หะวานนท์, นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายนภดล เทพพิทักษ์ ส่วน 4 คนที่เห็นว่าไม่ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ คือ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม, นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายปัญญา อุดชาชน

นัด 14 ก.ย.ชี้ชะตา‘นิพนธ์’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังได้พิจารณาคำร้องกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 177 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรี ของนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบ มาตรา 160(6) และ มาตรา 98(8) หรือไม่ กรณีกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้พ้นจากนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา จากการถูก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่า มีความผิดคดีไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน มูลค่า 50 ล้านบาท ให้แก่เอกชนเมื่อ ปี 2556

ศาลรัฐธรรมนูญอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดนัดแถลง ด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติ และอ่าน คำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง ในวันที่ 14 ก.ย.2565 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ที่ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ

‘บิ๊กป้อม’รักษาการแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ ตาม คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 237/2563 เรื่องมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกฯ และปฏิบัติราชการแทนนายกฯ ในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มี ผู้ดำรงตำแหน่ง

คำสั่งสำนักนายกฯระบุว่า ในกรณีที่ นายกฯ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกฯ ตามลำดับ ดังนี้ 1.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 2.นายวิษณุ เครืองาม 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 4.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ 5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย 6.นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย-ยุบสภา
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงขั้นตอนการดำเนินการหลังมีมติศาลรัฐธรรมนูญว่า ศาลจะส่งเรื่องให้ผู้ถูกร้องคือนายกฯ ให้การหรือชี้แจงภายใน 15 วัน นับแต่ 24 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องทำคำชี้แจง ได้ยินว่าทีมกฎหมายของพล.อ.ประยุทธ์ทำคำชี้แจงไว้แล้ว ส่วนจะยื่นอย่างไรและเมื่อไร ไม่ทราบ

ระหว่างนี้รองนายกฯ ตามลำดับที่เรียงไว้คือ พล.อ.ประวิตร จะรักษาการแทนโดยอัตโนมัติ เรื่องนี้ได้ชี้แจงในที่ประชุม ครม.ไปเมื่อ 23 ส.ค. และครม.จะอยู่ตามปกติ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้พ้นเพียงแต่หยุด ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในอดีตเหมือน นายกฯ ลาไปเมืองนอก หรือป่วย จะถือว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็น รมว.กลาโหม (กห.) อยู่อีกตำแหน่ง เมื่อนับจำนวน ครม.แล้วยังไม่เกิน 36 คน พล.อ.ประยุทธ์ จึงยังปฏิบัติหน้าที่ รมว.กลาโหมได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ารักษาการนายกฯ มีอำนาจเต็มเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เหมือนกับนายกฯ ทุกอย่าง ต่อข้อถามว่ามีอำนาจยุบสภาหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ทำได้ แต่จะไปทำทำไม ทำได้เหมือนายกฯ ทุกอย่าง” ส่วนหากยุบสภาต้องจัดการ เลือกตั้งใหม่ภายในกี่วันนั้น นายวิษณุกล่าวว่า 45-60 วัน

เผย‘2ป.’ไม่ตื่นเต้นอะไร
ต่อข้อถามว่าพล.อ.ประวิตร มีสิทธิ์ปฏิเสธการรักษาการนายกฯ ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ได้ หากป่วยและไม่รับ ก็เป็นธรรมดา จึงต้องเรียงลำดับรองนายกฯ ไว้ 6 คน ลองคิดดูหากท่านหกล้มคนอื่นก็ต้องมาเป็นแทน เมื่อถามว่านายวิษณุพร้อมเป็นรักษาการนายกฯ หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่พร้อม ตนหนักกว่าพล.อ.ประวิตรอีก หากรองนายกฯ ทั้ง 6 คน ไม่สามารถทำหน้าที่รักษาการนายกฯ แทนได้ ครม.จะเลือกรัฐมนตรีคนหนึ่งขึ้นมาแทน

“เมื่อสักครู่ผมได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านระบุว่า ระหว่างนี้จะไม่มา ทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า แต่จะไปปฏิบัติหน้าที่ ที่กระทรวงกลาโหม และในการประชุมครม.ท่านสามารถเข้าประชุมในฐานะรมว.กลาโหมได้ เมื่อสักครู่ผมยังได้คุยโทรศัพท์กับพล.อ.ประวิตร ซึ่งพล.อ.ประวิตร บอกว่าจะไม่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่บนตึกไทยคู่ฟ้า จากการพูดคุยกับ ทั้งสองคนไม่มีใครตื่นเต้นตกใจอะไร” นายวิษณุ กล่าว

งานสุดท้าย – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประชุมสั่งงานผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์จากบ้านพัก ร.1 รอ. เมื่อเช้าวันที่ 24 ส.ค. ซึ่งเป็นงานสุดท้ายก่อนศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ในตอนบ่าย

‘ประยุทธ์’เก็บตัวบ้านพัก
เช้าวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นไปอย่างเงียบเหงา ท่ามกลางการจับตาไปที่การประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ แต่ปฏิบัติงานและ สั่งราชการที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 ทม.รอ.) โดยเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน การประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ และเสร็จสิ้นการประชุมเวลา 10.45 น.

ด้านทำเนียบรัฐบาลมีการเข้มงวดการ เข้าออกของบุคคล พร้อมวางกำลังเจ้าหน้าที่โดยรอบ เตรียมพร้อมรถดับเพลิงหากมีเหตุฉุกเฉิน ส่วนการจราจรรอบทำเนียบรัฐบาล มีการปิดถนนพิษณุโลกช่วงแยกพาณิชยการ ถึงแยกสวนมิสกวัน ช่วงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เปิดให้สัญจรเฉพาะช่องทางหลัก 2 ช่องทางคู่ขนานยังคงวางแนวตู้คอนเทนเนอร์และวางรั้วลวดหนาม

ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี หรือ PMOC โพสต์เมื่อเวลา 04.50 น. ทุกช่องทางทั้งบนเพจเฟซบุ๊ก ยูทูบ และทวิตเตอร์ เป็นคลิปวิดีโอผลงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ช่วง 8 ปี ความยาว 3.28 นาที ท่ามกลางกระแสกดดันให้นายกฯ ลาออก โดยมีเนื้อหา #8ปีที่เปลี่ยนไป #รัฐบาลของคนไทย #แตกต่าง #ไม่แตกแยก ไม่ว่าวันนี้จะเป็นอย่างไร 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทย ของเรา เปลี่ยนไปมากมายแล้ว มุ่งมั่นแก้ไขทุกปัญหาในอดีต #มั่นคง #มั่งคั่ง #ยังยืน ตอกเสาหลัก 3 รากฐานไทย

จับตาเก้าอี้รมว.กลาโหม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง พร้อมมีคำสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมา บรรยากาศที่บ้านพักของพล.อ.ประยุทธ์ ประตูรั้วบ้านปิดสนิท โดยไม่มีใครเข้าพบ ด้านพล.อ.ประวิตร ปฏิบัติภารกิจส่วนตัวอยู่ที่ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายใน ร.1 ทม.รอ. โดยช่วงเที่ยงมีเพียง น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จากพรรคพลังประชารัฐ ที่เข้าพบส่วนตัว

ส่วนความเคลื่อนไหวของคณะทำงานนายกฯ บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือเก็บเอกสารหรือของใช้ส่วนตัว ของพล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่พล.อ.ประวิตรจะยัง คงใช้ห้องทำงานเดิมที่ชั้น 5 บนตึกบัญชาการ 1

ขณะเดียวกัน ในวันที่ 25 ส.ค. เวลา 13.30 น. มีกำหนดการประชุมสภากลาโหม ต้องจับตาว่าพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรมว.กลาโหม จะเป็นประธานในการประชุมตามวาระงานเดิม หรือมอบหมายให้พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ปฏิบัติหน้าที่แทน

รักษาการนายกฯลุยงาน
เย็นวันเดียวกัน สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกฯ ได้แจ้งวาระงานประจำ วันพฤหัสบดีที่ 25 ส.ค. อย่างเป็นทางการ โดยเวลา 10.00 น.วันที่ 25 ส.ค. พล.อ.ประวิตร รักษาราชการแทนนายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารระบบการ เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 (ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์) ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เขตพญาไท กรุงเทพฯ ซึ่งมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าร่วมด้วย

เวลา 16.00 น. นายฮุซัยน์ บรอฮีม ฏอฮา เลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประวิตร ในโอกาสเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อมาแจ้งยกเลิกให้เหตุผลว่า เลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม เลื่อนกำหนดมาเยือนไทย เนื่องจากมรปัญหาสุขภาพ

ในวันที่ 26 ส.ค.เดิม พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดเดินทางไปจ.สงขลา เพื่อเป็นประธาน ในพิธีบรรจุอัฐิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้มอบหมายนายวิษณุ ไปปฏิบัติหน้าที่แทน

นอกจากนี้ ต้องจับตาดูถึงการพิจารณา แต่งตั้งโยกย้ายสำคัญที่ยังไม่ได้มีการลงนามคือในส่วนของบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารและบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสูงซึ่งในวันที่ 29 ส.ค.นี้ มีกำหนดการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ทำเนียบรัฐบาล

โฆษกรัฐ’แจง-‘ตู่’วอนเคารพศาล
เวลา 16.00 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์เคารพผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ โดยจะหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.เป็นต้นไปจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัย โดยจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ ในตำแหน่งรมว.กลาโหมต่อไปตามปกติ โดยในระหว่างนี้ พล.อ.ประวิตรจะปฏิบัติหน้าที่ รักษาการแทน และปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับครม. โดยมิได้มีผลกระทบอย่างใดต่อการบริหารประเทศ และการปฏิบัติงานของข้าราชการ หรือการดำเนินนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาล

“พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ประชาชนเคารพในผลการพิจารณาของศาล และหลีกเลี่ยง การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของศาล เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เชื่อมั่นในกฎหมาย และหลักนิติธรรมของบ้านเมือง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคม และช่วยให้ประเทศชาติสงบสุข” นายอนุชากล่าว

‘ดอน’มั่นใจไม่กระทบเอเปก
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบต่อการประชุมเอเปกในเดือนพ.ย.นี้ว่า อยู่ที่เวลา และเรื่องราวถัดจากนี้ไป หากเคลียร์ออกมาชัดเจนก่อนเดือนพ.ย. ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร รักษาการ หรือพล.อ.ประยุทธ์ เคลียร์แล้วกลับมาก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามว่า จะส่งผลกระทบความน่าเชื่อถือ ต่อนานาชาติ หรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในทุกประเทศ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการภายใน เป็นไปตาม กฎหมาย และวิถีทาง ก็พยายามเดินหน้าต่อไป

ต่อข้อถามว่า รู้สึกตกใจต่อมติของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติ หน้าที่หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ไม่ตกใจ เพราะรับทราบเรื่องนี้จากสื่ออื่นๆ ล่วงหน้าหมดแล้ว ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ครม.ก็พูดกันเมื่อวันที่ 23 ส.ค. โดยมีการรายงานให้ทราบว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อถามว่า แสดงว่า ครม.รู้ล่วงหน้าแล้วใช่หรือไม่ นายดอนกล่าวว่า รู้ล่วงหน้า ในมุมที่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรตามลำดับ 1-2-3 ดังนั้น ทุกคนใน ครม.ได้รับฟัง ด้วยกันทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า พล.อ.ประวิตร จะได้รับความเชื่อมั่นจากต่างประเทศหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ไม่เห็นมีปัญหา ที่ผ่านมา ก็ไม่มีปัญหา เพราะเวลา พล.อ.ประวิตร เป็นผู้แทนของพล.อ.ประยุทธ์ หรือไปในนามของรองนายกรัฐมนตรี มีภารกิจรองนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับการต้อนรับและประสบความสำเร็จ ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง

‘เจษฎ์’แนะรมว.กห.พักร้อน
นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษา คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวว่า มติของศาลรัฐธรรมนูญทำให้สถานการณ์ทางการเมือง การชุมนุมนอกสภาและบรรยากาศในสภา ผ่อนปรนความขัดแย้ง แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยหรือคำชี้ขาดต้องพิจารณาว่า การนำผลพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเบื้องต้น ไปตีความ และทำให้กลายเป็นการราดน้ำมันเข้ากองไฟหรือไม่

“กรณีที่ศาลรับคำร้องและให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หากไม่ชัดเจนว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่ ในตำแหน่งใด คือ นายกฯ เท่านั้น หรือนายกฯ และรมว.กลาโหม อาจมีคนให้ความเห็นและตีความต่อว่า เมื่อตำแหน่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ตำแหน่งรมว.กลาโหม ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือยังรักษาการได้ หากเกิดกรณีดังกล่าวความรู้สึกของสังคมอาจไม่ยอมรับและการชุมนุมเรียกร้อง เพื่อไล่นายกฯ ยังคงเกิดขึ้นได้ เพื่อให้สถานการณ์ขัดแย้ง ในปัจจุบันคลี่คลายได้จริง พล.อ.ประยุทธ์ ควรพักร้อน เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาพิจารณา 1 เดือน การพักร้อนในช่วงดังกล่าว อาจเป็นทางออก” นายเจษฎ์กล่าว

ไว้อาลัยตู่ – ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมใจแต่งชุดสีดำ เพื่อไว้อาลัยให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังดำรงตำแหน่งนายกฯเกิน 8 ปี กลายเป็นนายกฯเถื่อน ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.

พท.-ก.ก.แต่งดำไว้ทุกข์ผู้นำเถื่อน
เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ประธานเปิดโอกาสให้สมาชิกหารือปัญหาความ เดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่

โดยในห้องประชุมพบว่าส.ส.ของพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ส่วนใหญ่แต่งกายชุดดำ อาทิ พรรคเพื่อไทย นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี ส่วนพรรคก้าวไกล เช่น นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เป็นต้น เพื่อไว้อาลัย ไว้ทุกข์ให้พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากมองว่าเป็นนายกฯ เถื่อน เพราะอยู่ในวาระครบ 8 ปีแล้ว

จี้ตู่ลาออก – นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับพิจารณาเรื่องวาระนายกฯ 8 ปี และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่รัฐสภา

ฝ่ายค้านจี้ประกาศลาออก
เวลา 14.55 น. ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน แถลงว่าพรรคร่วมฝ่ายค้าน และประชาชนขอชื่นชมในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เราเห็นว่าตำแหน่งนายกฯ มีความสำคัญต่อการบริหารบ้านเมือง ฉะนั้น การทำหน้าที่ระหว่างอยู่ในข้อสงสัยก็ควรต้องหยุด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย

เรายืนยันในเจตนารมณ์เรื่องการพ้น จากนายกฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่ เที่ยงคืนวันที่ 23 ส.ค.2565 ไปแล้ว ส่งผลถึงความเป็นครม.ทั้งคณะพ้นไปด้วย

ข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือศาลสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ แต่ความเป็นครม. และความเป็นนายกฯ ยังอยู่ แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ แต่ในเมื่อข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ เพื่อที่ทุกอย่างจะจบไปด้วยดี ช่วงที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะมีผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน คือ พล.อ.ประวิตร แต่สิ่งที่พรรคร่วมมีความเห็นตรงกันว่าจะเป็นทางออกประเทศคือ พล.อ.ประยุทธ์ควรประกาศลาออก เพื่อเข้าสู่กระบวนการสรรหา และเลือกนายกฯ ได้โดยเร็ว ซึ่งเชื่อว่ารัฐสภาพร้อมทำหน้าที่

เปิดทางรัฐสภาเลือกคนใหม่
“ถ้าท่านลาออกกระบวนการเลือกนายกฯ จะเร็วขึ้น เราจะได้นายกฯ คนใหม่ และจะช่วย ลดภาระหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเกิดความสวยงาม และเชื่อว่าประชาชนจะชื่นชอบแนวทางนี้” นพ.ชลน่านกล่าว

ช่วงที่มีนายกฯ รักษาการ ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำหน้าที่ของนายกฯ รักษาการให้ถึงที่สุด ว่าสิ่งที่ทำชอบธรรมหรือไม่ ทั้งเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย การอนุมัติงบที่ไม่เหมาะสม ส่วนการแสดงออกในช่วงที่ยังไม่มีคำวินิจฉัย เราจะแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไปเรื่อยๆ เช่นวันนี้ที่เราแต่งกายชุดดำ เพื่อไว้อาลัยให้คนที่ฝ่าฝืนความรู้สึกประชาชน เราจะเรียกร้องไปยังพล.อ.ประยุทธ์ และนายกฯ รักษาการ แต่เราจะไม่กระทำการในลักษณะละเมิดอำนาจศาล ซึ่งจะทำอยู่ในกรอบ

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นรมว.กลาโหม คิดเห็นอย่างไร นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นไปตามกฎหมาย แต่มีความชอบธรรม ความสง่างาม และเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ควรต้องพิจารณา และควรแสดงออกซึ่งความรับผิดชอบ เพราะตำแหน่งยังติดตัวท่าน เมื่อท่านไปนั่งประชุมครม. คนอื่นๆ ยังเรียกว่านายกฯ

ก้าวไกลขอศาลตัดสินใน1เดือน
ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงว่า ส่วนตัวกังวลเรื่องสุญญากาศ ในการบริหารประเทศ และภาวะการเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของนายกฯ รักษาการ เพราะประชาชน กำลังเดือดร้อนจากหลายปัญหา รวมถึงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศต้องการนายกฯ ที่มีความฉับไวกระฉับกระเฉง แต่การที่เป็นเช่นนี้ เหมือนพายเรือในอ่างของระบอบประยุทธ์ ซึ่งไม่ตอบโจทย์ประเทศ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว เพราะกระบวนการวินิจฉัยไม่มีอะไรซับซ้อน น่าจะตัดสินได้เร็วกว่า 1 เดือน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ได้หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า คิดว่าไม่ได้ เพราะจาก พล.อ.ประยุทธ์ เป็น พล.อ.ประวิตร เหมือนพายเรือในอ่าง เราต้องกลับมามีนายกฯ ที่ยึดโยงประชาชนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า พูดแบบตรงไปตรงมาความรู้สึกแรกน่าจะยินดีกับ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน แต่ความ โชคร้ายของเรื่องนี้คือตัวเลือกต่อไปที่มา รักษาการแทนเป็น พล.อ.ประวิตร ไม่คิดว่า พล.อ.ประวิตรจะสามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ เพราะทั้ง 2 คนมีบทบาทสำคัญ ในการทำให้ประเทศเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยไม่ควรมีตัวเลือกแค่ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ประเทศเราไม่น่าจะหมดหวังเช่นนั้น

‘ชัชชาติ’ขอเป็นผู้ว่าฯครบเทอม
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่การใช้อำนาจนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นเครือข่ายของ “3 ป.” รวมถึง พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์ การที่มีรักษาการนายกฯ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และภายใต้สถานการณ์การเมืองที่มีความ ไม่แน่นอน ทางออกที่ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม คือการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน ไม่ใช่การชะลอการสูญเสียอำนาจ หรือพยายามยื้ออำนาจให้นานที่สุด เพื่อประโยชน์ ของตนเองและพวกพ้อง

ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์กรณีเป็น 1 ในรายชื่อแคนดิเดต นายกฯ พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันหากต้องมีการเลือกนายกฯ คนใหม่ พร้อมเสนอชื่อคนที่อยู่ในบัญชีพรรคสู้ว่า ตนพร้อมเป็นผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด เพราะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง และมีภารกิจที่สัญญากับประชาชนไว้เยอะ

“ขณะนี้สิ่งที่ทำอยู่ก็ดี แต่ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกเยอะ คงต้องปฏิเสธตำแหน่งนายกฯ ออกไป แม้ในระยะยาวก็ยังจะขอทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. เพราะผู้ว่าฯ มีระยะเวลาทำงานยาวถึง 4 ปี พร้อมยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” นายชัชชาติกล่าว

14 องค์กรนักศึกษาแถลงขับไล่
ก่อนมีการประชุมศาลรัฐธรรมนูญ ผู้แทนองค์กรนักศึกษา 14 องค์กรมหาวิทยาลัย ทั่วประเทศ ได้ร่วมลงนามในแถลงการณ์ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตําแหน่งนายกฯ โดยระบุว่า ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมาย สูงสุดในการปกครองประเทศ นายกฯ จะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ทําให้พล.อ.ประยุทธ์ จักต้องสิ้นสภาพ ความเป็นนายกฯ ภายในวันที่ 23 ส.ค.2565 และไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าอย่างไร จะเกิดสภาวะสุญญากาศทางการเมืองอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ต้องคืนอธิปไตยให้กับประชาชน โดยทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนการชุมนุมของคณะหลอมรวมประชาชน นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งจัดกิจกรรม ‘หยุด! 8 ปี ประยุทธ์’ ที่ลานคนเมือง ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.นั้น เมื่อกลางดึก วันที่ 23 ส.ค. นายจตุพรขึ้นกล่าวบนเวที นัดหมายชุมนุมอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 28 ส.ค. แต่ระหว่างนี้ถ้ามีสถานการณ์เร่งด่วนคณะจะแถลงข่าวนัดหมายโดยทันที รอจนกว่า คนจะพอ ถ้าไม่พอก็ไม่เคลื่อน ได้เวลาใช่เมื่อไร ค่อยปฏิบัติการ

ม็อบยังไล่ – รถของกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขับตระเวนรอบพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 24 ส.ค.

ม็อบราษฎร-คนแดงไม่เอา‘2ป.’
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณแยกนางเลิ้ง ว่า ตั้งแต่เวลา 14.45 น. กลุ่มคนแดงปฏิวัติ นำโดย นายวรเวช เปรมกมล นัดชุมนุมกดดันขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ และประกาศ ไม่เอาพล.อ.ประวิตร ไม่เอารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร เพราะทางออกคือการเลือกตั้ง โดยระหว่างรอผลประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ แกนนำผู้ชุมนุมปราศรัยโจมตีการทำงานตลอด 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตำรวจเข้ามาเจรจาขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมไม่ให้ชุมนุม ปิดเส้นทางจราจร จนเกิดถกเถียงกันเล็กน้อย

ด้านเจ้าหน้าที่วางแผงเหล็กและลวดหนามขวางถนนพิษณุโลกไว้ 2 ชั้น ตั้งแต่แยกนางเลิ้ง หน้าร.ร.ราชวินิตมัธยม เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ และนำตู้คอนเทนเนอร์ขวางไว้อีกชั้น โดยมีรถจีโน่ จอดสแตนด์บาย ขณะที่ตำรวจจากบก.น.1 ยืนตรึงกำลังทุกจุดรอบทำเนียบรัฐบาล ส่วนการจราจรโดยรอบทำเนียบรัฐบาลได้ปิดถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกนางเลิ้ง ถึงแยกสวนมิสกวัน ถนนพระราม 5, ปิดตั้งแต่แยกพาณิชยการ บริเวณศาลกรมหลวงชุมพรฯ และปิดบริเวณสะพานเทวกรรม ถึงสะพานอรทัย แต่ถนนราชดำเนิน ยังเปิดให้สัญจรได้ โดยวาง ตู้คอนเทนเนอร์ไว้บางจุดเพื่อเตรียมพร้อม

เวลา 16.30 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มราษฎรไล่ตู่ และกลุ่ม คนแดงปฏิวัติ พร้อมแนวร่วม ให้มวลชนตั้งขบวนเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้รถยนต์พร้อมเครื่องกระจายเสียง และรถจักรยานยนต์ ใช้เส้นทางถนนราชดำเนินกลาง มุ่งหน้าแยกผ่านฟ้าฯ เข้าสู่ ถนนนครสวรรค์

ยังไล่ต่อ – ผู้ชุมนุมปาสีแสดงสัญลักษณ์ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แยกนางเลิ้งใกล้ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ภาพขวา พล.อ.ประยุทธ์ประชุมสั่งงานผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากบ้านพัก ร.1 รอ. ตอนเช้าวันที่ 24 ส.ค. ก่อนศาลรธน. จะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯในช่วงบ่าย

นักศึกษามธ.จัดเวทีปราศรัย
เวลา 16.30.น. ที่ใต้อาคาร SC1 ภายใน ม.ธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี กลุ่มนักศึกษามธ. ที่ใช้ชื่อว่าพรรคคนธรรม ศาสตร์ จัดเวทีปราศรัยในโอกาส 24 ส.ค.2565 ประยุทธ์ครบ 8 ปี โดยมีนักศึกษาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 100 คน ขณะที่ชุดตำรวจสายสืบ สภ.คลองหลวง และเจ้าหน้าที่ มธ.สังเกตการณ์ ไฮไลต์สำคัญคือการให้นักศึกษาเขียนข้อความถึง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ในแผ่นโปสเตอร์ผ้าขนาดใหญ่ ด้านนักศึกษาที่มาปราศรัยได้พูดถึงสวัสดิการภายในมหาวิทยาลัยด้วย

นายเกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ สมาชิกกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวว่า เราไม่ได้สู้กับตัวคนแต่เราต่อสู้กับกลไกต่างๆ ที่เป็นมรดกคสช. เพื่อสุดท้ายคนที่มาจากการเลือกตั้งจะได้ชนะสักที ตอนนี้เลิกคิดถึงเรื่องการทำรัฐประหารไปเลยเพราะเขาทำรัฐประหาร เงียบไปแล้ว ด้วยการวางกลไกต่างๆ เอาไว้มากมาย ต่อจากนี้เราจะกดดันให้นักการเมืองต่างๆ เสนอการปฏิรูปที่เราพยายามเรียกร้องมาโดยตลอดต่อไป

ภท.จ่อเปิดตัวผู้สมัครสงขลา
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ในวันที่ 28 ส.ค. เวลา 16.00 น. ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จ.สงขลา การเลือกตั้งปี 2562 จ.สงขลา มี ส.ส. 8 เขต พรรคภูมิใจไทยได้ 1 เขต ซึ่งปีนี้ การแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญทำให้ จ.สงขลา มีเพิ่มอีก 1 เขต รวม 9 เขต ดังนั้น ยุทธศาสตร์พรรคในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดฝั่งอ่าวไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคจะประกาศนโยบายเพิ่มเติม ในส่วนของ เป้าหมายที่จะได้ส.ส.ภาคใต้ทั้งหมด ตามที่นางนาที รัชกิจประการ แกนนำดูแลพื้นที่ภาคใต้ ระบุว่าจะได้ 20 ที่นั่ง บวกลบ ซึ่งในส่วนของจ.สงขลา คาดว่าจะได้มากกว่า 1 เขต

“วันนี้การทำงานของส.ส. และรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ภาคใต้ พี่น้องชาว สงขลาเห็นเป็นที่ประจักษ์ ทั้งด้านสาธารณสุข คมนาคม และการท่องเที่ยว จึงมั่นใจว่า ชาวสงสงขลาจะเปิดใจต้อนรับพรรคภูมิใจไทย มากกว่า 1 ที่นั่ง” นายณัฏฐ์ชนนกล่าว

‘วิษณุ’แจงขั้นตอนกฎหมายลูก
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า สำหรับร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.นั้น เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ตอบกลับมาว่าไม่ติดใจอะไร ก็เป็นกรณีที่จะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ข้อบังคับการประชุมรัฐสภานั้น ให้รัฐสภาเก็บเอาไว้ 3 วัน อย่าเพิ่งส่งมาให้รัฐบาล เพื่อว่าในระหว่าง 3 วันนี้ จะมีใครไปยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเพิ่งเริ่มนับหนึ่งในวันที่ 24 ส.ค. หลังจากเก็บไว้ 3 วันแล้วจึงส่งมาให้รัฐบาล แต่ในความ เป็นจริง รัฐสภาสามารถเก็บไว้เกินกว่า 3 วันได้ เนื่องจากจะต้องเสียเวลาในการจัดพิมพ์

เมื่อรัฐสภาส่งร่างดังกล่าวมาถึงรัฐบาล รัฐบาลจะเก็บไว้อีก 5 วัน ซึ่งถือเป็นภาคบังคับก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เผื่อมีใคร จะยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และเมื่อรัฐบาลเก็บไว้ครบ 5 วันแล้ว สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในวันที่ 6 หรือ 7 หรือ 8 นั้น แต่ต้องไม่เกิน 20 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าพล.อ.ประวิตร สามารถเป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ ซึ่งไม่แปลก

งบ66ฉลุย-รัฐบาลสัญญาใช้คุ้มค่า
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ในวันที่ 5 เริ่มพิจารณาตั้งแต่ 13.00 น. กระทั่งเวลา 22.40 น. ที่ประชุมพิจารณาในวาระ 2 ครบทั้ง 40 มาตรา และลงมติในวาระ 3 โดยเห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ด้วยคะแนน 258 ต่อ 180 งดออกเสียง 3 และไม่ลงคะแนน 1 เสียง ถือว่าที่ประชุมให้ความเห็นชอบ และจะส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไปยังวุฒิสภา เพื่อพิจารณาภายใน 20 วัน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะผู้แทนรัฐบาล กล่าวว่า ขอบคุณที่ให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ที่ถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายต่างๆ เพื่อให้ประเทศมั่นคง ประชาชนเป็นสุข ลดความเหลื่อมล้ำ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ส่วนข้อห่วงใยและข้อเสนอแนะของสมาชิก รัฐบาลจะนำไปประกอบการพิจารณาของหน่วยงานรับงบ เพื่อให้ประชาชน ได้รับประโยชน์มากที่สุด รัฐบาลจะนำความเห็นของคณะกรรมาธิการไปปรับปรุง เพื่อจัดสรรทรัพยากรให้มีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์กับประเทศต่อไป

จากนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ที่ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม สั่งปิดประชุมเวลา 22.54 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน