ตามที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 5 เชียงใหม่ หรือ ดีเอสไอ หลังพบการหลอกคนลงทุนแชร์ลูกโซ่ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท คาดมี ผู้เสียหายตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้านบาท จากนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี่ หรือสกุลเงินดิจิทัล และเป็นผู้ชักชวนให้คนเข้ามาลงทุน โดยมีการตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อเปิดรับสมัครสมาชิกเข้ามาลงทุนในคริปโต ซึ่งช่วงแรกมีการจ่ายเงินปันผลตามที่ตกลงไว้ แต่สุดท้ายก็ประสบปัญหาไม่ได้เงินปันผล นั้น

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. พล.ต.ต.รณชัย จินดามุข ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ผบก.สอท.3 นำชุดสืบสวนบช.สอท.สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ปปง.เข้าตรวจยึดทรัพย์สินของนายกิติกร อินต๊ะ ซีอีโอบริษัท พี มายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป ซึ่งตั้งอยู่ที่อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นตรวจยึดรถยนต์หรู 5 คัน ประกอบด้วย รถปอร์เช่ ลัมโบร์กินี บีเอ็มดับเบิลยู เฟอร์รารี่ เบนท์ลีย์ นาฬิกาหรู บ้าน ที่ดิน เเละอายัดบัญชีกว่า 10 บัญชี รวมเป็นเงิน 101 ล้านบาท ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่พบนายกิติกรและผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ในบ้านดังกล่าว

ทั้งนี้จากแนวทางสืบสวนพบว่าบริษัทดังกล่าวก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2562 มีนายกิติกรจดเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด พี มายเนอร์ คริปโตเคอเรนซี่ กรุ๊ป ใช้ทุนจดทะเบียน 500,000 บาท ประกอบกิจการบริการรับจ้างออกเเบบพัฒนาเว็บไซต์ รับจดทะเบียนชื่อโดเมน มีหุ้นส่วนด้วยกัน 3 คน ประกอบด้วยนายกิติกร เเฟนสาว และพี่ชาย

พล.ต.ต.รณชัยกล่าวว่า ขบวนการนี้จะสร้างภาพให้ตัวเองมีความเป็นนักธุรกิจ เป็นที่สังคมยอมรับ เเสดงตัวเป็นผู้ร่ำรวย โชว์เงินทอง สิ่งของต่างๆ เเบรนด์เนมว่ามีได้เพราะประกอบธุรกิจนี้ รวมถึงมีการบริจาคหลายๆ อย่างให้หน่วยงานรัฐด้วย ทำให้ผู้คนเกิดความศรัทธาเเละมั่นใจในตัวของนายกิติกร ว่าธุรกิจที่ทำมาร่ำรวยจริงๆ ถ้าอยากจะรวยมาคุยกัน มีเเนวทาง ทำธุรกิจให้ พอมีคนสนใจลงทุนด้วย กิติกรก็จะชวนให้ลงทุน อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนของตำรวจสอท. ทราบว่า ตั้งเเต่วันที่ 1 ม.ค.2565 จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียหายลงทุน ค่อนข้างเยอะ บางคนลงคนเดียวถึง 54 ล้านบาท ขณะนี้มีผู้เสียหายในระบบจำนวน 380 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน