รมว.ศธ.รุดกระบี่ เยี่ยมญาติเหยื่อ

ตร.แยกขัง ‘ไอ้ต้อย’เสี่ยเจ้าของร้านแต่งรถเมายาฆ่าน.ร.กระบี่ 3 ศพ หลังยังคลั่งอาละวาดทำร้ายเพื่อนร่วมห้องขังกลางดึก เช้ามาสอบปากต่อ รับสารภาพอ้างเมายาจนควบคุมตัวไม่ได้ ญาติเหยื่อทั้ง 3 ศพยังทำใจไม่ได้ที่จู่ๆ ลูกหลานต้องมาตายเพราะขี้ยาคลั่ง ผบช.ภาค 8-รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง ประสานเสียงติงญาติเหล่าคนติดยาอย่าคิดว่าธุระไม่ใช่ ให้แจ้งตร.จับไปบำบัด อย่าปล่อยให้เกิดเหตุสลดก่อน ชี้เมายาทำร้ายคนอื่นอาจตายฟรี เพราะอีกฝ่ายใช้สิทธิ์ป้องกันตามกฎหมายได้

จากเหตุอุกอาจ นายธีรศักดิ์ หรือ ต้อย บุญเรือง อายุ 42 ปี เจ้าของร้านแต่งรถในพื้นที่ ต.พรุเตียว อ.เขาพนม จ.กระบี่ เมายาเสพติดก่อเหตุใช้ปืนยิงนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนพนมเบญจา จ.กระบี่ อายุ 18 ปี จำนวน 3 ราย เป็นชาย 1 ราย และหญิง 2 ราย เสียชีวิต ประกอบด้วย นายนนทพัทธ์ อุดมศรี, น.ส.ณัฐณิชา พันเส้ง และ น.ส.ภัณฑิรา ชูทอง เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อนถูกตำรวจล้อมบ้านจับกุมตัวทันควัน สร้างความเสียใจและหวาดกลัวกับคนรอบข้าง ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 7 ก.ย. พล.ต.ท. อำพล บัวรับพร ผบช.ภาค 8 ไปตรวจเยี่ยมข้าราชการ ที่บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมเผยถึงกรณีนายธีรศักดิ์เมายาเสพติด ก่อเหตุฆ่าเด็กนักเรียน ม.6 ถึง 3 ศพว่า ผู้เสพต้องเอาไปบำบัดรักษาให้หาย ขณะนี้ดำเนินการอยู่นับหมื่นคน แต่ยังไม่หมด เพราะเป็นปัญหาที่แก้ยากต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกคน อย่าคิดว่าไม่สนใจ เพราะคนข้างบ้านที่ติดยามันต้องมาเกี่ยวพันกับญาติพี่น้องเรา

“อยากจะบอกว่าคนติดยาที่ไปก่อเหตุฆ่าเด็ก 3 คน เหมือนกันว่าเกี่ยวพันกับเราแน่นอน อยากให้ทุกคนช่วยแจ้งตำรวจให้ไปเอาตัวไปรักษาบำบัด มาตรการของ ผบ.ตร.เน้นเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดยาและขยายผลกับผู้ที่จำหน่าย เพราะฉะนั้นทุกคนในชุมชนต้องมีส่วนร่วม จะบอกว่าธุระไม่ใช่ อย่างเช่นที่เกิดที่ ต.พรุเตียว อ.เขาพนม จ.กระบี่ มันทำให้ญาติพี่น้องเสียใจมาก แล้วจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับเราได้อย่างไร จึงขอฝากทุกคนให้เป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ด้วย” ผบช.ภาค 8 กล่าว

พล.ต.ท.อำพลยังกล่าวอีกว่า ปัญหายาเสพติดในกลุ่มญาติพี่น้องนั้นสำคัญ เมื่อติดยาควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาดำเนินการ ไม่ใช่พาไปซ่อนเมื่อตำรวจเข้าตรวจจับ อย่างนี้ถือว่าไม่ให้ความร่วมมือ หลานคนที่ติดยาทำร้ายครอบครัว พ่อฆ่าลูกที่ติดยา พี่ฆ่าน้องเพราะติดยา ลูกตายพ่อติดคุก ส่วนกรณีนายธีรศักดิ์ นอกจากจะดำเนินคดีแล้วยังสอบสวนขยายผลถึงขบวนการค้าว่าเกี่ยวโยงกันอย่างไร แต่สำหรับนายธีรศักดิ์นั้นถือว่าเป็นผู้เสพเท่านั้น

วันเดียวกัน ตำรวจ สภ.เขาพนม เบิกตัวนายธีรศักดิ์จากห้องขังเดียวมาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา นายธีรศักดิ์เกิดคลุ้มคลั่งอาละวาดทำร้ายผู้ต้องขังรายอื่นที่ถูกคุมตัวอยู่ด้วยกัน เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ อ้างสาเหตุมาจากยาเสพติด จนควบคุมตัวเองไม่ได้ ก่อนคุมตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดกระบี่ในวันที่ 8 ก.ย. โดยไม่นำตัวไปชี้จุดที่เกิดเหตุทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเกรงเรื่องความปลอดภัยของผู้ต้องหา

ด้าน นายสุชาติ พันเส้ง อายุ 41 ปี บิดา น.ส.ณัฐณิชา หนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในส่วนของคดีความนั้นให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ มองว่าการกระทำดังกล่าวโหดร้ายมากเกินความเป็นคนไปแล้ว ส่วนปัญหายาเสพติดถือว่าระบาดหนักมาก อยากให้ภาครัฐปราบปรามอย่างจริงจัง และหลายปีแล้วที่ไม่เคยปราบปรามได้สำเร็จ








Advertisement

นางศรศรี ฟุ่งเฟื้อง อายุ 41 ปี มารดาของน.ส.ณัฐณิชา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วด้วย อยากให้ถึงขั้นประหารชีวิตไปเลย ส่วนตัวรู้จักกับผู้ลงมือ แต่ลูกสาวไม่ได้รู้จักกันไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ขณะที่ น.ส.อาภาพร อินทรวิจิตร อายุ 40 ปี มารดาของ น.ส.ภัณฑิรา ผู้เสียชีวิตอีกราย เผยว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะมีคนมายิงน้องจนเสียชีวิตได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จัก หรือมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน อยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ด้าน นางสุดา อุดมศรี อายุ 65 ปี ยายของนายนนทพัทธ์ ผู้เสียชีวิตรายที่ 3 เผยว่า ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นความสูญเสียอย่างหนัก เพราะเลี้ยงหลานมาตั้งแต่เกิด เนื่องจากแม่ของน้องป่วยเป็นโรคโลหิตจางต้องรักษาตัวมาตลอดและสามีได้แยกทางกับลูกสาว ก่อนจะมีสามีใหม่ หลานเป็นคนตั้งใจเรียน มีความฝันอยากเป็นครูพละและอยากเป็นตำรวจ เคยไปเรียนโรงเรียนดาวนายร้อยที่ จ.สงขลา ได้ 2 ปี ก่อนจะย้ายกลับมาบ้าน เนื่องจากแม่น้องไม่สบายและเสียชีวิตเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารโรงเรียนพนมเบญจา นำโดย นายเอกราช กลิ่นคล้าย ผอ., นางบงกศ อาษา, นางจุลัยวรรณ ชนะกุล, นายวิทวัส จันทร์สุรีวงค์ และนางอนัญญา แก้วเกตุ รองผอ. ร่วมกับคณะครูและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 และ 6/4 ร่วมรดน้ำศพนักเรียนทั้ง 3 คน พร้อมประพันธ์บทกลอนไว้อาลัย 3 นักเรียน โดยมีผู้เข้ามาแสดงความเสียใจ พร้อมเรียกร้องให้ลงโทษผู้ก่อเหตุอย่างถึงที่สุดจำนวนมาก

ส่วนที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) น.ส. ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนพนมเบญจา ที่เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายคลั่งยาเสพติดยิงเสียชีวิต 3 ราย นับว่าเป็นความสูญเสียทรัพยากรคนดี และคนเก่งของประเทศ เป็นลูกหลานที่เป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่ และผู้ปกครอง

“เบื้องต้นดิฉันสั่งการไปยังสํานักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) กระบี่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้การช่วยเหลือในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง จากเหตุการณ์ดังกล่าว นับว่าเป็นความสูญเสียที่ไม่สามารถวัดหรือประเมินค่าได้ แต่เป็นเครื่องตอกย้ำให้พวกเราทุกคนต้องร่วมกันทุกวิถีทางในปกป้อง และดูแลลูกหลานของเราให้มีความปลอดภัยสูงสุด โดยในวันที่ 9 ก.ย.นี้ ดิฉันจะลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ และจะเข้าไปให้กำลังใจครอบครัวนักเรียนทั้ง 3 ราย” น.ส.ตรีนุชกล่าว

ด้านนายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. กล่าวว่า มองว่าเหตุการณ์นี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยาเสพติดแพร่ระบาดมากขึ้น ขอให้ทางสถานศึกษาต้องดูแลเด็กอย่างเข้มงวด และสถานศึกษาต้องเข้าไปสร้างความเข้าใจกับเด็ก เพื่อให้เด็กเกิดความเชื่อมั่น เดินไปในทางที่ถูก และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย

วันเดียวกัน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็นกรณีเดียวกันว่า ไม่อยากให้ญาติเป็นนักโทษประหาร…! ญาติ…เมายาบ้า หลอน อาละวาดทำร้าย ฆ่าคนอื่น ถูกจับติดคุกแน่…ข่าวเมื่อวานยิงนักเรียน 3 ศพ โทษสูงสุดคือประหาร ญาติพี่น้องที่ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาติดยาอาละวาดได้อย่างไร อัยการแขวงมีข้อแนะนำ

กฎหมายยาเสพติดเดิมเมื่อถูกจับกุม เรื่องเสพยาเสพติดจะมีกระบวนการส่งเข้าฟื้นฟูบำบัดรักษา โดยไม่ต้องส่งตัวเข้าเรือนจำและเมื่อเข้ารับการบำบัดรักษาโดยมีคณะกรรมการฟื้นฟูดูแลจนผ่านปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคำสั่งที่กำหนดไว้ครบถ้วนแล้วถือว่าการฟื้นฟูได้ผล รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวงจะออกคำสั่งยุติการดำเนินคดี ได้โอกาสกลับไปเป็นคนดีของครอบครัว ได้ญาติที่อดยาบำบัดรักษาแล้วกลับบ้าน มีโอกาสกลับเป็นคนดีสู่ครอบครัว

กฎหมายยาเสพติดที่ออกใหม่ก็เช่นเดียวกันเมื่อถูกจับกุม เสพยาเสพติดสามารถแจ้งความสมัครใจเข้าฟื้นฟูบำบัดรักษาได้แทนการดำเนินคดีส่งตัวไปฟ้องศาล ญาติพี่น้องมีทางเลือกนะครับ หลายท่านอยู่ในอาการ เอาคนติดยาไม่อยู่ คนติดยาอาละวาด ขอให้เรียกตำรวจจับเองเลยครับ แล้วแจ้งขอให้เข้าสมัครใจบำบัดรักษาฟื้นฟูได้เพื่อให้ภาครัฐเข้ามาช่วยให้อดยา ให้กลับมาเป็นคนดีของครอบครัว ไม่ต้องถูกดำเนินคดี เมายา หลอนยาเสพติดไปทำร้ายคนอื่นอาจตายฟรี เพราะเขาใช้สิทธิ์ป้องกันตามกฎหมายได้ เราจะไม่ได้ญาติกลับบ้านนะครับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน