ทั้ง‘ลาดพร้าว-ประเวศ’ คลองเปรมฯก็ล้นแล้ว พิษฝนถล่ม-ถนนทรุด ‘แจ้งวัฒนะ’ติดอัมพาต เตือนหนักต่อถึง16กย.

ชัชชาติระบุห่วง 3 คลองวิกฤต ทั้งเปรมประชากร ลาดพร้าว และประเวศบุรีรมย์ สั่งสูบออกระบายด่วน เผยไม่เปิดประตูน้ำเพราะเจ้าพระยาหนุนสูง โต้ถูกวางยา เชื่อข้าราชการ กทม.ช่วยเต็มที่ พร้อมรุดตรวจสอบเหตุน้ำท่วมที่จอดรถใต้ดินคอนโดฯ ย่านสะพานใหม่ จมเก๋ง 3 คัน มีเบนซ์ป้ายแดงด้วย ขณะที่ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนทรุด เผยเป็นจุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู เจาะถนนร้อยสาย แต่พอฝนหนักเลยทรุด สั่งผู้รับเหมาเร่งแก้ไข ด้านยิ่งลักษณ์โพสต์เฟซบุ๊กสอนมวยรัฐบาลเร่งระบายน้ำ เสียดายโครงการบริหารจัดการน้ำทำไม่เสร็จ ไม่เช่นนั้นไม่กระทบขนาดนี้ เผยพยากรณ์อากาศฝนยังตกหนักทั่วประเทศถึง 16 ก.ย. พิษร่องมรสุม กรมชลฯ ยันไม่ซ้ำปี 54 เขื่อนยังรับน้ำได้อีกมาก

เตือนฝนหนักถึง 16 ก.ย.
วันที่ 11 ก.ย. คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทก ภัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ลุ่มน้ำมูน บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำและจุดฟันหลอ อ.วารินชำราบ และ อ.เมือง จ.อุบล ราชธานี ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่จะ เกิดขึ้น โดยมีกรมชล ประทาน กรมทรัพยากรน้ำ หน่วยทางทหาร และหน่วยงานต่างๆ เข้ามาติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และกระสอบทรายบริเวณดังกล่าว เพื่อป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป

สภาพอากาศ การคาดการณ์สภาพอากาศในช่วงวันที่ 10-13 ก.ย. ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศ ไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก

ส่วนช่วงวันที่ 14-16 ก.ย. ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศ ไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้

สถานการณ์น้ำท่วม ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกําลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นโดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ในระหว่างวันที่ 4-10 ก.ย. ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ชุมชนเมืองและพื้นที่เกษตรกรรมในพื้นที่ 16 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร อุบลราชธานี จันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ลพบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และสุพรรณบุรี

ยันหมุ่ยฟ้าไม่กระทบไทย
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาอัพเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น “หมุ่ยฟ้า (MUIFA)” พายุโซนร้อน “หมุ่ยฟ้า” ทางตะวันออกของเกาะไต้หวัน ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่น กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ เข้าใกล้เกาะไต้หวัน พายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานยังคงมีสถาน การณ์น้ำท่วม 11 จังหวัด รวม 39 อำเภอ 182 ตำบล 884 หมู่บ้าน แยกเป็นอิทธิพลจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนบน และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลัง แรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง โดยตั้งแต่วันที่ 4-10 ก.ย.มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 28 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ ลำปาง ลำพูน พะเยา สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สมุทรปราการ สุพรรณบุรี อุทัยธานี ปทุมธานี นนทบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และ ตรัง รวม 57 อำเภอ 109 ตำบล 398 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,227 ครัวเรือน








Advertisement

แจงเขื่อนพร้อมรับน้ำอื้อ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชล ประทาน เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในปีนี้แตกต่างจากปี 2554 โดยช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2554 พายุได้เข้ามาแล้ว 5 ลูก ขณะนั้นน้ำในเขื่อน 4 เขื่อนหลัก คือ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน ป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณรวมกันกว่า 2 หมื่นล้านลบ.ม. รับน้ำได้อีก 3 พันล้านลบ.ม. แต่ปี 2565 ยังไม่มีพายุเลย มีหย่อมความกดอากาศต่ำ 3 ครั้ง น้ำใน 4 เขื่อนหลัก มีรวมกัน 1.3 หมื่นล้านลบ.ม. ยังสามารถรับน้ำได้อีกหมื่นกว่าลบ.ม. หลังจากนี้ถ้าไปดูปี 2554 มีพายุเข้ามาอีก 3 ลูก แต่หลังจากนี้ของปี 2565 ยังไม่มีพายุ จึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่น่าเกิดความกังวลมากมาย เพียงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถานการณ์น้ำจากกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด

นายประพิศกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมชล ประทานทุกคน และสถานีสูบน้ำได้ทำงานอย่างเต็มที่ แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณฝน ได้เตรียมพร้อมทั้งเครื่องไม้เครื่องไม้ และการเผชิญเหตุ โดยในส่วนของ จ.ปทุมธานี สถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ใช้บานระบายควบคู่ไปกับการสูบน้ำออกจากคลองรังสิต และน้ำลดลงเรื่อยๆ โดยลำดับ

“น้ำที่ผ่านไปปทุมธานีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นน้ำฝนล้วนๆ มีปริมาณฝนตกกว่า 140 มิลลิเมตร มีปริมาณน้ำ 16 ล้านลบ.ม. ลงคลองรังสิต ขณะที่คลองรังสิตสามารถระบายได้วันละ 6 ล้านลบ.ม. ปริมาณฝนตกเกินกว่าความจุคลอง กรมชลประทานได้บริหารน้ำออกไปนอกเมืองออกแม่น้ำบางปะกงลงอ่าวไทย” นายประพิศกล่าว

หนีน้ำ – ชาวบ้านในซอยโชคดี 4 ช่วงระหว่างพหลโยธิน 50-52 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. ถูกน้ำท่วมหนักทะลักเข้าไปตัวบ้าน เจ้าของต้องขนเสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย เมื่อวันที่ 11 ก.ย.

3 คลองกรุงยังวิกฤต
ที่สำนักงานเขตบางเขน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในกทม.ว่า ปัจจุบันคลองที่อยู่ในระดับวิกฤต มี 3 คลอง ได้แก่คลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว และคลองประเวศบุรีรมย์ ซึ่งต้องใช้เวลาในการสูบออก ซึ่งที่ผ่านมามีฝนตกหนักเกิน 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงทุกวัน ทำให้ยังคงมีน้ำท่วมอยู่ประมาณ 10 จุด เช่นสุขุมวิท 71 ทองหล่อ เป็นต้น และบางส่วนที่สามารถระบายได้เร็ว โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตามถนนสายหลักแห้งหมดแล้ว ยกเว้นจุดพหลโยธินที่อยู่ติดคลอง ซึ่งต้องเร่งระบายน้ำออก ควบคู่ไปกับการดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตามเขตบางเขน หลักสี่ สายไหม ดอนเมือง ลาดกระบัง จะเร่งตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้พักอาศัยริมคลองที่ไม่สามารถพักในบ้านได้

ทั้งนี้เขตบางเขน ฝั่งรามอินทราเลขคี่ยังสามารถระบายน้ำออกที่คลองลาดพร้าวได้ ส่วนแยกบางเขน รวมถึงพหลโยธินช่วงต่อกับถนนตัดใหม่ที่มาจากทางถนนสุขาภิบาล 5 ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่ ส่วนพื้นที่เขตดอนเมือง ระดับน้ำในคลองเปรมประชากรน้ำยังสูงอยู่ ทำให้กระทบชาวบ้านริมคลองเปรมประชากรด้านบน เพราะทางเข้าชุมชนเป็นทางเดิน ทำให้รถไม่สามารถสัญจรเข้าไปได้ ต้องใช้เรือ จึงได้ก็ประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกรมชลประทาน ที่ดูแลน้ำในภาพรวม ขณะที่ฝั่งปทุมธานี ฝั่งแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา แลกเปลี่ยนข้อมูลและจัดสรรทรัพยากรต่างๆ เช่น ปั๊มน้ำ เป็นต้น ส่วนเขตสายไหมยังดี ที่พอมีถนนให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่อยู่ริม คลองได้

สำหรับน้ำเหนือกับน้ำหนุน ไม่ได้มีปัจจัยอะไรมาก เพราะน้ำเจ้าพระยาจะสูงกว่าคลองสายหลักอยู่แล้ว แต่อาจจะมีน้ำจากฝั่งปทุม ธานีที่อยู่ในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ดังนั้นจึงต้องดันน้ำจากในคลองรังสิตฯ ออกสู่เจ้าพระยาให้เร็วที่สุด ซึ่งไม่ว่าจะน้ำเหนือหรือน้ำหนุน ขออย่าให้ล้นคันกั้นน้ำ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับที่รับมือได้ ยกเว้นจุดฟันหลอบางจุด

เผยน้ำท่วมขัง 20 จุด
นายชัชชาติกล่าวด้วยว่า สิ่งที่กังวลที่สุดคือ ปริมาณน้ำฝนที่เต็มคลองและคลองที่ยังระบายน้ำได้ช้า อนาคตจะลงทุนเครื่องสูบน้ำมากขึ้น เเละต้องเปลี่ยนแนวคิดจากการก่อสร้างอุโมงค์ยักษ์ มาเน้นเรื่องการปรับปรุงคุณภาพคลอง ขณะเดียวกันปัจจุบันจะเร่งลอกท่อระบายน้ำ และปรับปรุงประสิทธิภาพการสูบน้ำในพื้นที่ย่อยๆ ตามชุมชน โดยเร่งนำเครื่องสูบน้ำเข้าไปให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามยืนยันว่าจากเหตุการณ์น้ำท่วม ตนและคณะทำงานรับฟังความคิดเห็น คำแนะนำจากทุกคน อะไรที่ทำได้ตามคำแนะนำ จะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งยินดีรับฟังเสมอ

ขณะที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ ใน รอบ 24 ชั่วโมง ฝนตกปานกลางถึงหนัก ปริมาณฝนรวมสูงสุดที่จุดวัดคลองแสนแสบ-คลองตัน เขตวัฒนา 114 ม.ม. จุดวัดสำนักงานเขตพระโขนง 86.0 ม.ม. จุดวัดประตูระบายน้ำคลองสามวา เขตคลองสามวา 85.0 ม.ม. จุดวัดซอยสะพานขวา เขตบางซื่อ 84.5 ม.ม. ส่งผลให้มีน้ำท่วมขัง 20 จุด ดังนี้ 1.หน้ามรภ.พระนคร-วงเวียนบางเขน ถ.แจ้งวัฒนะ เขตบางเขน 2.แยกมิตรสัมพันธ์-แยกอโศก ถ.เพชรบุรี เขตห้วยขวาง 3.ถ.ประชาสุข ตลอดสาย เขตดินแดง 4.ซ.นวมินทร์ 36-58 ถ.นวมินทร์ เขตบึงกุ่ม 5.ซ.นวมินทร์71-99 ถ.นวมินทร์ เขตบึงกุ่ม 6.คลองประปา-แยก บางโพธิ์ ถ.ประชาราษฎร์ 2 เขตบางซื่อ 7.หน้าหมอชิตใหม่ ถ.กำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร 8.เกษมราษฎร์-ซ.แสนสบาย ถ.พระราม 4 เขตคลองเตย 9.ท้ายซ.สุขุมวิท 42-สุขุมวิท ถ.พระราม 4 เขตคลองเตย 10.หน้าธนาคารกรุงไทย ถ.พัฒนาการ เขตสวนหลวง

11.ซ.รามคำแหง 1-5 ถ.รามคำแหง เขตสวนหลวง 12.วังสวนผักกาด ถ.ศรีอยุธยา เขตพญาไท 13.หน้าร.ร.สันติราษฎร์ ถ.ศรีอยุธยา เขตราชเทวี 14.หน้ากรมปศุสัตว์ ถ.พญาไท เขตราชเทวี 15.ถ.สุขุมวิท-คลองแสนแสบ ถ.สุขุมวิท 71 เขตวัฒนา 16.ปากซ.สุขุมวิท 39-ซ.พร้อมศรี ถ.สุขุมวิท เขตวัฒนา 17.ปากซ.สุขุมวิท 26-ถ.พระรามที่ 4 ถ.สุขุมวิท เขตวัฒนา 18.ซ.ชิโนทัย-สะพานข้ามคลองแสนแสบ ถ.สุขุมวิท 21 (อโศก) เขตวัฒนา 19.ซ.ชิโนทัย ถ.สุขุมวิท 21 (อโศก) เขตวัฒนา และ 20.คลองเจ้าคุณสิงห์ ถ.ลาดพร้าว เขตวังทองหลาง

ส่วนระดับน้ำแนวคันกั้นน้ำด้านตะวันออกวันนี้ ที่ประตูระบายน้ำคลองสอง (สายใต้) (ระดับวิกฤต +1.80) เวลา 07.00 น. ระดับ +1.83 ม.รทก. ระดับวิกฤต-ประตูระบายน้ำแสนแสบ (มีนบุรี) (ระดับวิกฤต +0.90) เวลา 07.00 น. ระดับ +1.16 ม.รทก. ระดับวิกฤต-ประตูระบายน้ำลาดกระบัง (ระดับวิกฤต +0.60) เวลา 07.00 น. ระดับ +0.76 ม.รทก. ระดับวิกฤต

ระทึกเก๋งจมใต้คอนโดฯ
จากกรณีเพจสายไหมต้องรอด ไลฟ์สดเหตุการณ์น้ำท่วมลานจอดรถชั้นใต้ดิน คอนโด มิเนียมแห่งหนึ่งริมถนนเทพรักษ์ ย่านสะพานใหม่ กรุงเทพฯ ซึ่งมีรถหลายคันจมอยู่ใต้น้ำ ต่อมาสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และทีมงานเข้าตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้พักอาศัยในคอนโดฯ ดังกล่าว เบื้องต้นพบว่ามีรถจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด 3 คัน เป็นรถเบนซ์ 2 คันและรถฮอนด้า แอคคอร์ด 1 คัน โดยรถเบนซ์คันหนึ่งเป็นรถป้ายแดงที่ประกันหมดอายุ

นายเอกภพเผยว่า จากการเข้าไปสำรวจล่าสุด ระดับน้ำยังสูงเกือบมิดหลังคารถ แม้จะลดลงมาจากเมื่อคืนประมาณ 60 เซนติเมตร จึงประสานนำเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่องจากหน่วยดับเพลิง เข้ามาเพื่อเตรียมสูบน้ำออกในช่วงบ่ายวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการสูบน้ำก็จะแห้งหมด

ด้าน น.ส.พิชามุญช์ วัชรศิริภัสร ประธานกรรมการคอนโดมิเนียม กล่าวว่า เมื่อคืนฝนที่ตกหนัก ทำให้น้ำหลากเข้าท่วมพื้นผิวการจราจรก่อนจะเอ่อเข้ามาภายในคอนโดมิเนียม ซึ่งไม่ถึง 10 นาที น้ำก็ท่วมเต็มอาคารจอดรถชั้นใต้ดิน แม้จะรีบแจ้งลูกบ้านแล้วก็ไม่ทัน เพราะตอนนั้นน้ำท่วมสูงถึงระดับประตู ทำให้รถไม่สามารถสตาร์ตออกไปได้แล้ว เป็นเหตุให้รถ 3 คันถูกน้ำท่วมทันที ยืนยันว่าตัวอาคารมีระบบสูบน้ำอยู่ แต่ด้วยปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างหนัก ทำให้เครื่องสูบไม่สามารถทำงานได้ทัน ประกอบกับน้ำด้านหน้าคอนโดมิเนียม มีการก่อสร้างสะพานข้ามแยก ทำให้เวลามีฝนตกหนัก น้ำท่วมมักท่วมขังผิวการจราจรเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนตัวจึงเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมเป็นเพราะการก่อสร้างดังกล่าว จึงอยากวิงวอนขอความเห็นใจจากหน่วยงานที่ไม่อยากให้มองว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล หรือพื้นที่ของภาครัฐ อยากให้เร่งเข้ามาแก้ไขปัญหา

น.ส.พิชามุญช์กล่าวอีกว่า สำหรับเจ้าของรถซึ่งเป็นผู้เสียหาย คอนโดฯ ได้พูดคุยเบื้องต้นแล้ว พบว่ารถยนต์คันเบนซ์ป้ายแดง ประกันหมดอายุ แต่คอนโดฯ จะหาวิธีเยียวยาเบื้องต้น เนื่องจากทางคอนโดมิเนียมทำประกันเอาไว้ ต้องไปตรวจสอบว่าครอบ คลุมเรื่องของน้ำท่วมรถยนต์ด้วยหรือไม่

จมทั้งคัน – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ตรวจสอบการสูบน้ำออกจากลานจอดรถชั้นใต้ดินคอนโดมิเนียม ย่านถนนเทพรักษ์ เขตบางเขน หลังน้ำท่วมหนัก รถยนต์จมน้ำหลายคัน โดยจะสูบลงคลองลำผักชี คลองลาดพร้าว เมื่อ 11 ก.ย.

ชัชชาติไม่เชื่อถูกวางยา
ต่อมา นายชัชชาติเข้าตรวจสอบความคืบหน้าการสูบน้ำออกจากลานจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดมิเนียมบนถนนเทพรักษ์ ย่านสะพานใหม่ โดยนายชัชชาติเผยว่า เหตุการณ์นี้มีน้ำเอ่อล้นจากคลองในพื้นที่แล้วไหลลงมาในลานจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดฯ แห่งนี้ เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอันตราย โดยได้ประสานให้ ปภ.เข้ามาเร่งสูบน้ำออกพร้อมผลักดันลงคลองลาดพร้าว เพราะคลองลำผักชีมีน้ำเต็ม ซึ่งหลังจากนี้ หากน้ำแห้งลงก็ต้องดูว่าโครงการก่อสร้างในบริเวณนี้ ส่งผลให้ท่ออุดตันหรือไม่ และ จะต้องทำระบบระบายน้ำให้ดีขึ้น

สำหรับน้ำท่วมครั้งนี้ มีข้อจำกัดเรื่องน้ำล้นคลอง ต้องใช้เวลาสักระยะ คาดว่าภายใน 1-2 เดือนจะแก้ไขปัญหาได้ โดยจะผันเส้นทางการระบายน้ำที่ไม่เคยใช้มาก่อน แต่บางแห่งจะไม่มีเส้นทางผันน้ำ เช่น คลองประเวศ

นายชัชชาติกล่าวว่า สาเหตุที่ไม่สามารถเปิดประตูระบายน้ำของ กทม.ได้ทุกจุด เพราะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงสูง เกรงน้ำจะทะลักเข้ามา จึงต้องใช้วิธีสูบน้ำออกเท่านั้น ซึ่งหากน้ำในคลองลด ภาพรวมจะดีขึ้น โดยในคลองลำผักชี ยังมีผัดตบชวากีดขวางทางน้ำ ซึ่งได้ประสานทหารเข้ามาให้ความช่วยเหลือขุดลอกคูคลอง

กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ระบุว่าตัวเองถูกวางยา นายชัชชาติเผยว่า ไม่มีเรื่องวางยาแล้วแต่มุมมองของคน ตัวเองมองแง่บวก และอยู่หน้างานก็เห็นว่าทุกหน่วยงานร่วมมือกันดี แต่ก็ต้องรับฟัง ยอมรับว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เข้ามาในสมอง มองว่าปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้เป็นเรื่องทางกายภาพ เพราะฝนตกรถติด ยืนยันว่าไม่ได้สร้างความหวังที่เกินความเป็นจริง และยอมรับว่าไม่อาจซื้อปั๊มระบายน้ำได้ภายในเร็วๆ นี้ อีกทั้งอุโมงค์ระบายน้ำไม่อาจแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ทั้งหมด เพราะน้ำยังไปไม่ถึงคลอง ตอนนี้ที่มีน้ำท่วมจะเป็นถนนย่อย แต่ถนนหลักไม่ค่อยมีแล้ว

“ฝากขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง ส่วนการเยียวยาผู้เสียหาย กำลังร่วมกันตรวจสอบกับนิติบุคคลว่าจะมีแนวทางช่วยเหลือใดได้บ้าง ซึ่งทราบว่าคอนโดมิเนียมแห่งนี้ได้ทำประกันภัยอยู่แล้ว” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

ต้องใช้เรือ – สภาพน้ำท่วมสูงในซอยลาดกระบัง 52 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กทม. หลังฝนตกหนักติดต่อหลายวัน ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะสัญจร ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสูบน้ำออก เมื่อวันที่ 11 ก.ย.

ร่มเกล้าอ่วม-หมู่บ้านท่วมหนัก
ที่หมู่บ้านพูนสินธานี 3 ซอยเคหะร่มเกล้า 64 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เกิดน้ำท่วมอย่างหนักทั่วทุกพื้นที่ มีความลึกระดับข้อเท้าสูงสุดบริเวณกลางหน้าแข้งถึงหัวเข่า ส่งผลให้รถเล็กผ่านได้ยาก และมีรถจยย.หลายคันดับระหว่างทาง เนื่องจากช่วงคืนที่ผ่านมาฝนได้ตกหนักนานหลายชั่วโมง ประกอบกับหมู่บ้านแห่งนี้เป็นพื้นที่ต่ำอยู่ติดลำคลองทำให้น้ำท่วมอย่างรวดเร็ว แม้ว่าตลอดวันนี้จะยังไม่มีฝนตกลงมา แต่ระดับน้ำกลับไม่ลดลงหรือลดลงช้า ยังท่วมทุกพื้นที่หมู่บ้าน รวมถึงบริเวณโดยรอบในชุมชนเคหะร่มเกล้า และเขตลาดกระบัง

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดเผยว่า ทางหมู่บ้านต้องใช้กระสอบทรายปิดทางเข้าออก 1 ช่องทางให้รถสลับกันเข้าออกเพื่อกั้นน้ำที่จะเข้ามาเพิ่ม แล้วเร่งสูบน้ำตลอด 24 ช.ม. หวังจะลดปริมาณน้ำเพื่อเตรียมรับมือฝนที่กำลังจะตกอีกครั้งในคืนวันนี้ ขณะที่ทางเขตได้นำรถมาคอยให้บริการรับส่งคนเข้าออกหมู่บ้านอีกด้วย

ปูเสียดายแผนบริหารจัดการน้ำ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า จากที่ดิฉันได้ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศในประเทศไทย เห็นว่าปีนี้เป็นปีที่ฝนตกมาก ทำให้มีปริมาณน้ำมาก แม้อาจจะไม่เท่าปี 2554 แต่ก็อดห่วง พี่น้องเกษตรกรไม่ได้ค่ะ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง เพราะพบว่ามีการปล่อยให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่นา ทำให้ผลผลิตข้าวของชาวนาได้รับความเสียหาย ทั้งๆ ที่ควรระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังพร่องอยู่

ขณะที่น้ำจากทุ่งรังสิตกำลังเข้ามาใกล้กรุงเทพฯ รัฐบาลต้องวางแผนระบายน้ำออกไปยังแม่น้ำบางปะกงและเจ้าพระยาแต่เนิ่นๆ เพราะในสมัยรัฐบาลดิฉัน ได้สร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ไว้แล้วทั้งฝั่งตะวันตก และทางตอนใต้ของคลองรังสิต รวมทั้ง รัฐบาลต้องประสานความร่วมมือกับ กทม. ให้สามารถระบายน้ำตามคลองหลักได้อย่างสะดวก

มาถึงวันนี้ ดิฉันยังอดเสียดายโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบที่เคยวางแผนมิได้ หากวันนั้นได้มีโอกาสเดินหน้านโยบาย วันนี้ปัญหาเช่นนี้คงไม่เกิด อย่างไรก็ตามดิฉันขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถเร่งจัดการน้ำได้ทันท่วงทีเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและชาวกทม. ด้วยค่ะ

แจ้งวัฒนะถนนยุบ-รถติดหนัก
ที่จ.นนทบุรี จากกรณีถนนแจ้งวัฒนะยุบตัวมีความกว้าง 2 เมตร ยาว 5 เมตร ลึก 2 เมตร บริเวณหน้าร้านเฮลล์แลนด์ เชิงสะพานข้ามแยกเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ ฝั่ง ขาเข้า ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เกิดขึ้นเมื่อช่วง 04.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากเกร็ด เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง จ.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่บริษัทซิโน-ไทย จำกัด นำเจ้าหน้าที่เร่งซ่อมถนนบริเวณจุดยุบตัว เพื่อให้ทันการเปิดใช้งานในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการจราจรอย่างหนัก

ตรวจสอบพื้นที่พบด้านในเป็นโพรงขนาดใหญ่ มีขนาดการยุบตัว ความกว้าง 2 เมตร ยาว 5 เมตร ลึก 2 เมตร แต่เนื่องจากด้านในเป็นโพรง เจ้าหน้าที่บริษัทซิโน-ไทยนำรถแบ๊กโฮขุดนำดินที่เหลวออกและเปิดช่องให้กว้างขึ้น จากนั้นนำรถบรรทุกขนทรายถม หินคลุก เข้าไปแทนที่ ก่อนที่จะนำคอนกรีตชนิดแห้งเร็วลงทับเพื่อเปิดการจราจรชั่วคราวก่อน โดยจะให้แล้วเสร็จภายในเวลา 18.00 น. วันนี้

สำหรับทางด้านการจราจรเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากเกร็ด พบว่าจะเหตุดังกล่าวทำให้การจราจรถนนแจ้งวัฒนะช่วงขาเข้าก่อนขึ้นทางด่วน ไปจนถึงห้าแยกปากเกร็ด เกิดการจราจรติดสะสม เคลื่อนตัวช้า จึงเร่งวางแผนการจราจรโดยจะเปิดช่องทางฝั่งขาออก 1 ช่องทาง เพื่อให้รถในช่องทางขาเข้าเบี่ยงไปใช้เส้นทางที่เปิดสวนเลน ประชาสัมพันธ์ประชาชนที่จะเดินทางมาในขณะนี้ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางหากไม่จำเป็น

นายสุวิชช์ รอดภัย ผอ.แขวงทางหลวงนนทบุรี กล่าวว่า พื้นที่บนถนนแห่งนี้อยู่ในความดูแลของแขวงทางหลวงจังหวัดนนทบุรี ซึ่งต่อมาได้มอบให้กับทางบริษัทซิโน-ไทย ใช้ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู สาเหตุที่ทำให้หลุดขนาดใหญ่นั้น มาจากการขุดเจาะร้อยสายไฟฟ้าที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ต่อมาเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่ จนทำให้ชั้นทรายใต้ถนนไหลตามน้ำออกไปจนเกิดการยุบตัวของพื้นผิวถนนและกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ โดยเมื่อวานนี้หลังได้รับแจ้งเหตุทางโครงการได้นำแผ่นเหล็กมาปิดทับไว้ชั่วคราวก่อนเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย จนกระทั่งเมื่อช่วงเวลาประมาณ ตี 4 ของเช้าวันนี้ ทางแขวงทางหลวงจังหวัดนนทบุรีจึงได้รับแจ้งถนนบริเวณจุดดังกล่าวเกิดการยุบตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ รถยนต์ไม่สามารถผ่านได้ จึงต้องปิดการจราจรไปหนึ่งเลนเพื่อปรับปรุงซ่อมแซม

ดินทรุด – สภาพถนนมุ่งหน้าวัดขุนสมุทรจีน หมู่ 9 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ทรุดตัวเป็นแนวยาวกว่า 200 เมตร หลังเกิดฝนตกหลายวัน ชาวบ้านนับร้อยครอบครัวไม่สามารถสัญจรได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข เมื่อ 11 ก.ย.

พระสมุทรเจดีย์ถนนทรุด
ที่จ.สมุทรปราการ นายสนธยา แตงอุไร นายก อบต.แหลมฟ้าผ่า ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งจากลูกบ้านและเจ้าอาวาสวัดขุนสมุทรจีนว่า ถนนสายขุนสมุทรจีน ตั้งอยู่หมู่ 9 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ เกิดการทรุดตัวเป็นแนวยาวกว่า 200 เมตร รถยนต์สัญจรไปมาอย่างยากลำบาก

จุดเกิดเหตุแยกจากถนนสุขสวัสดิ์ประมาณ 10 กิโลเมตรเลี้ยวซ้ายเข้าถนนขุนสมุทรจีน ไปประมาณ 3 กิโลเมตร ด้านขวามือพบเป็นเส้นทางถนนลูกรังแดง มุ่งหน้าเข้าวัดขุนสมุทรจีน มีความกว้าง 10 เมตร ยาว 2 กิโลเมตร พบถนนเกิดการทรุดตัวลึกประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร รถขนาดใหญ่ไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้อย่างสะดวก ขณะที่ชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือน และวัดขุนสมุทรจีนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ซึ่งมีประชาชนที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาช่วยเหลือพร้อมนำน้ำดื่มและเครื่องใช้พร้อมอาหารแห้งมาถวายพระ และเจ้าอาวาสที่ต้องขับรถสามล้อมารอรับบริเวณกลางถนน เนื่องจากประชาชนที่จะเดินทางต่อเข้าไปยังวัดขุนสมุทรจีนไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้

นายสนธยากล่าวว่า ถนนสายนี้กำลังก่อสร้างโดยแขวงทางหลวงชนบทสมุทร ปราการ เป็นโครงการขยายการก่อสร้างเพื่อเชื่อมโยงถนนสายหลักและสายรองสายขุนสมุทรจีน โดยก่อสร้างมานานกว่า 3 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ถนนทรุดตัวเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักลงมาในพื้นที่ทุกวัน ทำให้ดินที่ก่อสร้างถนนเกิดการอุ้มน้ำไว้นานและมีปริมาณเป็นจำนวนมาก อีกทั้งบริเวณ 2 ฝั่งของถนนเป็นวังกุ้งวังปลาของชาวบ้าน จึงทำให้ถนนเกิดการเคลื่อนตัวจนสไลด์พังเสียหาย เบื้องต้นประสานให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ช่างโยธาของอบต.แหลมฟ้าผ่านำแผงเหล็กมากั้นเป็นแนวทางยาวตลอดบริเวณจุดที่ดินสไลด์พร้อมติดสายธงคละสีเพื่อแสดงจุดเกิดเหตุให้ผู้เดินทางและชาวบ้านได้สังเกตพร้อมติดป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ

จมตลาด – แม่น้ำสายเอ่อทะลักท่วมตลาดสายลมจอย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ชาวบ้านต้องขนสินค้าหนีน้ำอลหม่านกลางดึก หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จนท.เร่งระบายน้ำออก พร้อมนำข้าวกล่องไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย เมื่อ 11 ก.ย.

น้ำทะลักจมแม่สายอีก
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในภูมิภาค ที่จ.เชียงราย ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องตามพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ทำให้น้ำในแม่น้ำสาย เอ่อล้นเข้าท่วมทั้งฝั่ง อ.แม่สาย โดยระดับน้ำใต้สะพานข้ามลำน้ำสายวัดได้ลึกมากกว่า 4.90 เมตร และทะลักเข้าท่วมถนนใต้สะพานและตลาดสายลมจอย ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต่างขนสินค้าหนีน้ำในช่วงกลางดึก โดยน้ำเข้าท่วมชุมชนหัวฝาย ชุมชนเกาะทราย นอกจากนี้ในพื้นที่บ้านผาแตก ในเขตเทศบาลตำบลเวียงพางคำ ได้ถูกน้ำที่ไหลลงมาจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือของดอยนางนอน เข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านหลายหลังคาเรือน

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้า ช่วยเหลือชาวบ้านในการขนย้ายสิ่งของไปไว้บนพื้นที่สูงกันตั้งแต่กลางดึก แม้ว่าน้ำจะยังไม่เข้าท่วมมาลึกในฝั่งไทยเหมือนเหตุการณ์วันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้าระดับน้ำค่อยๆ ลดลง แต่บรรยากาศยังครึ้มฟ้าครึ้มฝนทำให้เจ้าหน้าที่ได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยรองรับบริเวณหน้าด่านพรมแดนเพื่อรองรับเอาไว้แล้ว

ด้าน นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่สาย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหายของชาวบ้าน พร้อมทั้งนำข้าวกล่องส่งให้กับผู้ประสบภัย และได้เร่งให้เจ้าหน้าที่นำรถดับเพลิงเข้าทำความสะอาดถนน และร้านค้าบริเวณตลาดสายลมจอย เพื่อให้กลับสู่สภาพปกติ

เชียงใหม่-ลำพูนน้ำล้น
ที่จ.เชียงใหม่ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำแม่หาด อ.ดอยเต่า เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ลำน้ำสาธารณะเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตร เจ้าหน้าที่สำรวจจุดเสี่ยงขุดลอกรางน้ำ จัดเตรียมกระสอบทรายทำทำนบกั้นน้ำ และติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้รับแจ้งเหตุต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนราษฎร ม.3 ต.ดอยเต่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ความเสียหายเบื้องต้น โรงครัว 1 หลัง และกำแพงเสียหาย อบต.ดอยเต่า และกำนันตำบลดอยเต่า ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจิตอาสาในระดับพื้นที่ ดำเนินการเคลียร์พื้นที่ให้เส้นทางคมนาคมสัญจรได้ตามปกติแล้ว

ที่อ.ดอยหล่อ จากกรณีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ อ.สะเมิง อ.แม่วาง และ อ.ดอยหล่อ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อ.ดอยหล่อ หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 6 ต.ดอยหล่อ หมู่ที่ 3 และ หมู่ที่ 4 ต.สันติสุข โดยเฉพาะหมู่ที่ 4 บ้านสบอาว ได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากพื้นที่ติดลำน้ำขาน นายอำเภอดอยหล่อได้สั่งการให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แจ้งเตือนราษฎรเก็บของไว้บนที่สูง ทางเทศบาลตำบลสันติสุขเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว

ที่จ.ลำพูน ฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 10 ก.ย. จนถึงเช้าวันที่ 11 ก.ย. ส่งผลให้แม่น้ำทา เป็นแม่น้ำสายหลักของจ.ลำพูน เอ่อล้นท่วมสูง ชาวบ้าน หมู่ 1 หลังตลาดป่าซาง อ.ป่าซาง พากันแตกตื่นหวั่นจะถูกน้ำท่วมบ้าน บางบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับลำน้ำต้องพากันอพยพขนข้าวของขึ้นเก็บไว้ที่สูง ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลป่าซาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันนำเอากระสอบทรายบรรจุทรายกั้นน้ำเพื่อให้ไหลเข้าบ้าน แต่น้ำก็ไหลออกรูของถนนสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นน้ำป่าจึงไหลท่วมอย่างรวดเร็ว

ถนนขาด – กระแสน้ำซัดตัดขาดถนนบ้านวังเงิน หมู่ 8 ต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น หลังฝนตกหนักตลอดคืน ชาวบ้านต้องนำกระสอบทรายมาวางเพื่อให้ชาวบ้านสามารถสัญจรไปมาได้ เมื่อ 11 ก.ย.

ขอนแก่นท่วมแล้ว 4 อำเภอ
ที่จ.ขอนแก่น บ้านวังเงิน ม.8 ต.ศรีบุญเรือง อ.ชนบท จุดที่ถูกน้ำท่วมและน้ำกัดเซาะถนน รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ พบว่ามีน้ำท่วมสองข้างทางที่เป็นทุ่งนาเป็นบริเวณกว้างและไหลแรง โดยน้ำไหลจากทางทิศเหนือลงไปยังทิศใต้ เป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร และถนนขาด อบต.ศรีบุญเรือง นำกระสอบทรายและสะพานเหล็กมาวางในจุดที่ถนนขาด ให้ชาวบ้านเดินข้ามไปมาได้

นอกจากนี้ยังพบว่าที่บริเวณข้างถนนด้านหน้าโรงเรียน มีรถยนต์และรถจักรยาน ยนต์จอดอยู่จำนวนมาก เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วม ก่อนเดินลุยน้ำข้ามกลับเข้าไปในหมู่บ้าน

นายภูวัตนันทน์ จันที อายุ 45 ปี ผอ. โรงเรียนบ้านวังเวินกุดหล่ม กล่าวว่า โรงเรียนมีนักเรียนทั้งหมด 138 คน แจ้งกับผู้ปกครองว่าหากลูกหลานมาโรงเรียนไม่ได้ ก็ไม่ต้องมา หรือถ้าผู้ปกครองไม่สะดวกที่จะมาส่งลูกหลานก็ไม่ต้องมา เพราะทางโรงเรียนเตรียมการเรียนการสอนไว้ให้แล้ว โดยครูจะเข้ามาสอนและมาส่งใบงานให้นักเรียนที่บ้าน เนื่องจากปริมาณน้ำสูงขึ้นและไหลแรง กลัวว่าเมื่อผู้ปกครองและนักเรียนพาลูกหลานเดินลุยน้ำมาเรียนจะไม่ปลอดภัย ส่วนนักเรียนที่อยู่บ้านกุดหล่ม ก็ยังต้องมาเรียนตามปกติ เพราะไม่ได้ติดขัดในเรื่องของสถานการณ์น้ำท่วม ตอนนี้โรงเรียนต้องช่วยชาวบ้านดูแลในเรื่องความปลอดภัยของนักเรียน และทรัพย์สินของชาวบ้านที่เป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สามารถนำมาจอดฝากไว้ที่โรงเรียนได้ ส่วนในโรงเรียนมีน้ำไหลเข้ามา แต่ยังไม่มีปริมาณมากและยังไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังทำการเรียนการสอนตามปกติ ครูก็สับเปลี่ยนกันเข้าเวร ซึ่งจะทำการเรียนการสอนทั้งที่โรงเรียนและที่บ้านเช่นนี้จนกว่าน้ำจะแห้ง

ทางด้าน นางพรเพ็ญ ชลไพร ผู้ใหญ่บ้าน บ้านวังเวิน กล่าวว่า น้ำเอ่อมาท่วมในพื้นที่กว่า 2 สัปดาห์แล้ว แต่ไม่ได้ท่วมถนนซึ่งมวลน้ำที่ท่วมถนนในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นมวลน้ำที่ไหลจากอ.มัญจาคีรีและแวงใหญ่ ไหลผ่านหมู่บ้านไปลงแก่งละว้า ซึ่งหมู่บ้านเป็นพื้นที่ต่ำ

ขณะที่จังหวัดขอนแก่นพบ 4 อำเภอประกอบด้วย อำเภอบ้านไผ่ อำเภอแวงใหญ่ อำเภอชนบท และอำเภอหนองสองห้อง กำลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะน้ำที่ท่วมขังในโรงพยาบาลแวงใหญ่ สถานการณ์เริ่มคลี่คลายหลังปภ.เขต 6 นำเครื่องสูบน้ำมาช่วยสูบน้ำ ออกจากโรงพยาบาล ส่วนที่อำเภอหนองสองห้องระดับน้ำทรงตัวเจ้าหน้าที่ ปภ.เขต 6 ได้เพิ่มเครื่องสูบน้ำระยะไกล เข้าช่วยสูบน้ำออกจากพื้นที่

จมมิด – น้ำจากลำน้ำสายเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนบ้านท่าสวรรค์ ต.ท่าสวรรค์ อ.นาด้วง จ.เลย กว่า 300 หลังคาเรือน หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อ.นาด้วง ตลอดคืนที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่ง ช่วยเหลือ เมื่อ 11 ก.ย.

เลยน้ำป่าทะลักจม 300 หลัง
ที่จ.นครราชสีมา พื้นที่บ้านสระธรรมขันธ์-บ้านบุ ต.จอหอ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา มีน้ำท่วมขังบนถนนโยธาธิการ บ้านสระธรรมขันธ์-บ้านบุ ต.จอหอ ระดับน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร มาตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย. โดยนายอานนท์ เถื่อนนก อายุ 42 ปี ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยว่า บริเวณนี้จะเกิดปัญหาน้ำท่วมขังเป็นประจำ ไม่ว่าจะมีฝนตกหนักมากหรือตกน้อย น้ำจะท่วมขังสูงทำให้ชาวบ้านในพื้นที่และประชาชนที่สัญจรผ่านเดินทางลำบาก รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ เพราะระดับจะสูงมาก รถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่รถเก๋งก็จอดเสีย เจอแบบนี้มาตลอด ทั้งๆ ที่เป็นถนนหลักเข้าหมู่บ้านในหลายตำบล และหลายโครงการหมู่บ้านจัดสรร แต่กลับต้องเดือดร้อนเป็นประจำ ซึ่งตนคิดว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากสภาพชุมชนที่ขยายตัว มีโครงการก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ไปกีดขวางทางน้ำไหล ประกอบกับสระธรรมขันธ์ ที่เสมือนเป็นแก้มลิงเก็บกักน้ำดิบผลิตประปา ในช่วงหน้าฝนนี้ น้ำก็ล้นสระ ไม่สามารถรองรับน้ำได้อีก ชาวบ้านในละแวกนี้จึงต้องเจอปัญหาน้ำท่วมขังแบบเต็มๆ

ที่จ.เลย ฝนตกตลอดคืนติดต่อกัน 2 วัน ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำเลย ที่อ.ภูหลวง ไหล เข้ามาในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองเลย บริเวณรอบหมู่บ้านที่อยู่ต่ำริมแม่น้ำเลย ได้แก่บ้านติดต่อ บ้านล่าง และอีกหลายหมู่บ้านใน ต.ชัยพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเลย ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งช่วยเหลือ หน่วยกู้ภัยได้นำกระสอบทรายไปให้ผู้ที่เดือดร้อน โดยระดับในแม่น้ำเลยสูง 10.30 เมตร ใกล้ถึงระดับวิกฤตที่ระดับ 11.00 เมตร

ด้านนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าฯ เลยสั่งการไปยังทุกอำเภอที่มีพื้นที่น้ำท่วมให้เข้าไปดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดเลยนั้นระดับน้ำจะไหลผ่านมาไวไปไว ซึ่งทุกพื้นที่มีโอกาสเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำเอ่อท่วมได้ พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ตรวจสอบพื้นที่ที่อาจจะมีน้ำป่าไหลหลากพื้นน้ำเอ่อ และให้เข้าไปดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งในระหว่างนี้อาจจะมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่ ต.ท่าสวรรค์ อ.นาด้วง จ.เลย มีปริมาณฝนตกที่ 102 ม.ม. น้ำป่าเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน กว่า 300 หลังคาเรือน น้ำป่าจากภูเขารอบหมู่บ้าน ไหลเข้าท่วมบ้านอย่างรวดเร็ว ประกอบกับฝนที่ตกลงมาแล้ว 2 วัน กระแสน้ำก็ไหลเชี่ยว ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารช่าง นพค.23 กับผู้นำชุมชน นั่งเรือเข้าช่วยเหลือทารก 3 เดือนออกจากบ้าน ขณะที่ระดับน้ำสูงถึงระดับหน้าอก โดย จุดที่ลึกที่สุดจะเป็นโซนหลังโรงเรียนบ้านท่าสวรรค์ ซึ่งอยู่ติดกับลำน้ำสวย ที่บ้านบางหลัง ระดับน้ำความสูงถึง 1.5-2 เมตร

สระแก้วก็ท่วมเมือง
ล่าสุด ระดับน้ำยังสูง ซึ่งเป็นน้ำที่ไหลมาจาก อ.ภูหลวง มีต้นน้ำเลยที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง และเดินทางกว่า 30 กิโลเมตร ร่วม 3 อ.ภูหลวง อ.วังสะพุง อ.เมือง ไหลลงที่อ.เชียงคาน ลงแม่น้ำโขง สำหรับพื้นที่เขตเทศบาลเมืองเลย และเขตตำบลชัยพฤกษ์ อำเภอเมืองเลย ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นในหลายๆ จุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่ม เป็นจุดรวมน้ำ และอยู่ติดกับแม่น้ำเลย จึงทำให้น้ำเอ่อล้นสูงยังไม่มีท่าทีจะลด แต่ในช่วง 2-3 ชั่วโมงที่ผ่านมาไม่มีฝนตกในพื้นที่ต้นน้ำ แต่ยังต้องจับตาและเฝ้าระวัง เพราะยังมีเมฆและกลุ่มฝนเป็นจำนวนมากตลอดเวลา

ที่จ.สระแก้ว น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมถนนสุวรรณศร ทางหลวงหมายเลข 33 ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรสายหลักระหว่าง จ.สระแก้ว ไปยัง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี บริเวณด้านหน้าสำนักงานขนส่ง จ.สระแก้ว และบริษัท แลคตาซอย จำกัด ทั้งขาเข้าและขาออก ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นช่วงๆ รถเล็กเคลื่อนตัวไปได้ด้วยความลำบาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบท และเจ้าหน้าที่กู้ภัย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจัดกำลังอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และให้รถเล็กวิ่งได้เฉพาะช่วงกลางถนนเท่านั้น

นอกจากนี้สถานการณ์น้ำในพื้นที่ ม.2 ม.3 ม.6 ม.7 ม.11 ต.สระขวัญ น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนข้างคลองพระสะทึง และถนนภายในหมู่บ้านแก่งสีเสียด ไม่สามารถสัญจรได้ โดยระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ พื้นที่ ม.8 บ้านลัดกะสัง ต.สระแก้ว และชุมชนย่อยลัดกะสัง ปริมาณน้ำในคลองยังคงมีระดับสูงขึ้นท่วมพื้นที่ทางการเกษตร และพื้นที่บ้านเรือนประมาณ 5 หลังคา โดยระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถนนภายในหมู่บ้านบางส่วนไม่สามารถสัญจรได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน