‘บิ๊กป้อม’ยันไม่รู้-ไม่แน่’ยุบสภา’หลังเอเปกมั้ยอู๊ดด้าปลื้มมาดามเดียร์

กกต.ได้ฤกษ์ออกกฎเหล็ก 180 วัน เริ่มวันแรก 24 กย.นี้ ยันเตรียมพร้อมจัดเลือกตั้งทุกรูปแบบ ไม่ว่ายุบสภา หรือกฎหมายลูกสะดุด ‘บิ๊กป้อม’ เมินไทม์ไลน์เลือกตั้ง 7 พ.ค.66 ชี้เป็นเรื่องอนาคต ปัดไม่รู้ แต่ก็ไม่แน่ มียุบสภาหลังเอเปกเดือนพ.ย.หรือไม่ ‘วิษณุ’ เตือนรัฐมนตรีสวมหมวกสองใบ ระวังกติกาหาเสียง เพื่อไทยโวยรมช.คมนาคมเตรียมแจกถุงยังชีพ ถามเจตนาบริสุทธิ์หรือไม่ ภูมิใจไทยสัญจรขอนแก่น ‘อนุทิน’ ลั่นวางเป้าเป็นพรรคต้นขั้วการเมือง ‘จุรินทร์’ ชื่นชม ‘มาดามเดียร์’ คนรุ่นใหม่ ปชป. มีศักยภาพ ศาลฎีกานักการเมืองสั่งจำคุก 16 เดือน ไม่รอลงอาญา ‘นริศร ทองธิราช’ อดีตส.ส.เพื่อไทย คดีเสียบบัตรแทนกัน

กกต.พีอาร์เลือกตั้งปี 66
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ในพระอุปถัมภ์ฯ ซอยพหลโยธิน 24 กทม. สำนักงานคณะกรรมการการ เลือกตั้ง (กกต.) โดยสำนักประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์การให้บริการ สายด่วน 1444 “ทุกคำถาม มีคำตอบ ทุกคำตอบ เราติดตามด้วยความใส่ใจ” ประกอบด้วยโทรศัพท์ 10 คู่สาย ให้บริการติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น รวมทั้งข่าวสารต่างๆ ของสำนักงาน กกต.

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ประธานในพิธี กล่าวว่า ภารกิจนี้ จะเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งในปี 2566 ที่สภาผู้แทนราษฎรจะครบวาระ เพื่อสื่อสารให้บริการตอบคำถาม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ

สำหรับกิจกรรมมีการเผยแพร่วีดิทัศน์ประชาสัมพันธ์สำนักงาน กกต. ร่วมเล่นเกม ถาม-ตอบปัญหา ให้รางวัล และทดลอง ใช้เครื่องลงคะแนน จากนั้นเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์สายด่วน 1444 บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ศูนย์การค้า ยูเนี่ยนมอลล์ ซอยลาดพร้าว 1 และชุมชนซอยพหลโยธิน 24

นอกจากการให้บริการสายด่วน 1444 ในวันและเวลาราชการ มีช่องทางการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของ กกต.อีกหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์ เฟซบุ๊กแฟนเพจสำนักงานกกต. ยูทูบ ECT Thailand และแอพพลิเคชั่น “Smart Vote” อำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในการสืบค้นข้อมูล เกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส. และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และแอพพลิเคชั่น “ตาสับปะรด” เพื่อใช้ในการติดตามสถานการณ์และ ป้องปรามการทุจริตเลือกตั้ง

ลั่นเตรียมแผนรับ‘ยุบสภา’ด้วย
ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยคำร้องเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ…. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่…) พ.ศ…..หรือกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 21 ก.ย. จะกระทบไทม์ไลน์เตรียมจัดเลือกตั้งของ กกต.หรือไม่ ที่กำหนดเลือกตั้งวันที่ 7 พ.ค. 2566 กรณีสภาอยู่ครบวาระในวันที่ 23 มี.ค. 2566

นายแสวงกล่าวว่า เอกสารเตรียมแผนการเลือกตั้งที่มีการเผยแพร่ออกมา เป็นการกำหนดการทำงานของสำนักงาน กกต. ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ การทำงานเลือกตั้งจะมีกิจกรรมซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่าแต่ละกิจกรรมใช้เวลาเท่าไร เราทำเป็นปกติอยู่แล้ว การทำงานดังกล่าวเป็นการนับจากการครบวาระ ก็เตรียมความพร้อมเพื่อศักยภาพในการจัดการเลือกตั้ง ส่วนความกังวลว่าจะยุบสภาก่อนกฎหมายลูกประกาศใช้ สำนักงาน กกต.ศึกษากฎหมายอยู่ แต่จะพูดช่วงนี้ไม่ได้ เชื่อว่าทุกเรื่องย่อมมีทางออก หวังว่าทุกอย่างคงจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย








Advertisement

เมื่อถามกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ประธาน กกต.ชี้แจงตามประเด็นที่ศาลกำหนด และจัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องคำร้องวินิจฉัยร่างพ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. นายแสวงกล่าวว่า กกต.พร้อมชี้แจง แต่ต้องรอศาลส่งเอกสาร ซึ่งจะมีการระบุถึงคำถามมาก่อน ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว และ กกต.พร้อมชี้แจงกลับไปภายในระยะเวลาที่กำหนด

จ่อคลอดกฎเหล็ก 180 วัน
นายแสวงกล่าวว่า ส่วนกรณีกกต.เตรียมประกาศหลักเกณฑ์ให้พรรคการเมืองทราบและปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมในช่วง 180 วันที่สภาผู้แทนราษฎรจะหมดวาระ ซึ่งจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.2565 ว่า วิธีหาเสียงมีกำหนดในระเบียบ กกต.อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณี 180 วัน กรณีสภาอยู่ไม่ครบวาระหรือยุบสภา คือมาตรฐานแบบเดียวกัน เพียงแต่เลือกตั้งครั้งนี้อาจแตกต่างออกไปเพราะมีกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับรอประกาศใช้ ทำให้เงื่อนไขการหาเสียงบางอย่างยังไม่เกิดขึ้น เช่น หน่วยเลือกตั้ง เขตเลือกตั้ง ต้องรอกฎหมายฉบับใหม่ ทำให้ฐานของผู้สมัครและพรรคการเมืองที่จะนำไปใช้หาเสียงยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ สำนักงาน กกต.จะเสนอร่างประกาศดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณาก่อนแจ้งให้พรรคการเมืองทราบในวันที่ 23 ก.ย. เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้เกิดความชัดเจนในการ หาเสียง

ส่วนข้อกังวลที่พรรคการเมืองกลัวว่าช่วง 180 วัน อะไรทำได้ทำไม่ได้บ้างนั้น นายแสวงกล่าวว่า ตัวระเบียบมีกำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งพรรคการเมืองเคยใช้แล้ว แต่สิ่งที่ต่างออกมาคือระยะเวลาที่มากขึ้น แต่ก่อนมี พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง กรณีไม่ครบวาระจะใช้เวลาหาเสียงประมาณ 30 วัน แต่ครั้งนี้ 180 วัน หรือ 6 เดือน มีกิจกรรมที่พรรคจะหยุดไม่ได้ เช่น การประชุมใหญ่ การทำไพรมารีโหวต การทำกิจกรรมทางการเมืองตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกกต.จะชี้แจงให้รับทราบในการประชุมชี้แจงพรรคการเมืองวันที่ 23 ก.ย.นี้ เพราะเวลา 6 เดือน หาเสียงทอดยาวมาก ต้องดูองค์ประกอบว่าจะเข้าข่ายการหาเสียงการเลือกตั้งหรือไม่

‘ป้อม’เมินไทม์ไลน์-ยุบสภาไม่แน่
เวลา 09.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เลี่ยงจะกล่าวกรณีไทม์ไลน์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่ออกมา ว่า ช้าหรือเร็วเกินไป แล้วเป็นการแสดงว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ โดยพล.อ.ประวิตร ส่ายหน้า ตอบเพียงว่า “เป็นเรื่องของอนาคต” ต่อข้อถามว่าวางโรดแม็ปอย่างไรในปีหน้าเพื่อเตรียมเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้องห่วง เขาวางแผนกันแล้ว พรรคใครพรรคมัน เขาก็ดูแลอยู่

ผู้สื่อข่าวเมื่อถามว่าวันนี้ถือว่าสถานการณ์เปลี่ยนหรือไม่ เพราะเคยบอกว่าหลังประชุม เอเปกรัฐบาลมีโอกาสจะยุบสภา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมไม่รู้ ยังไม่แน่ ก็ต้องดูสถานการณ์นะครับ เอาเรื่องอื่นดีกว่าครับ การเมืองพอแล้ว การเมืองไม่มีอะไร มีแต่การคาดการณ์ทั้งนั้น” เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมเลือกตั้งใช่หรือไม่ ซึ่งกกต.ได้ประกาศไทม์ไลน์ เลือกตั้งแล้ว พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ว่าไทม์ไลน์จะเกิดขึ้นตามนั้นหรือเปล่า

‘วิษณุ’ไม่ได้กลิ่นเปลี่ยนแปลง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการมองบรรยากาศบ้านเมืองเวลานี้ว่า ไม่มีอะไรแตกต่างเท่าไร บ้านเมืองตอนนี้ ก็ฝนตก เปียก น้ำท่วม รถติด ยืนยันว่าในเรื่องทางการเมืองไม่ได้มีอะไรแตกต่าง และส่วนตัวไม่ได้กลิ่นอะไรทางการเมือง เพราะสวมใส่หน้ากากทุกวัน และคิดว่าไม่มีอะไรในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ยังไม่ได้กลิ่น

ผู้สื่อข่าวถามว่าในวันที่ 30 ก.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยการดำรงตำแหน่ง นายกฯ 8 ปี หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากตำแหน่งยังสามารถรักษาการนายกฯ และยุบสภาได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ในทางทฤษฎีได้ ในรัฐธรรมนูญมาตรา 169 บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่ากรณีที่นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง นายกฯ ต้องรักษาการ แต่ในทางปฏิบัติตนเคยบอกแล้วว่าไม่สมควร เชื่อว่าความควรไม่ควรทุกคนก็รู้อยู่ เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ต้องเป็นคนตัดสินใจเองใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ใช่ครับ”

ส่วนกกต.ออกไทม์ไลน์เลือกตั้ง กฎหมายกำหนดให้ต้องประกาศ 180 วันก่อนที่จะสภาจะสิ้นสุดวาระลง วันนี้กกต.ทำเป็นซีนาริโอ (จำลองสถานการณ์) 2 แบบ คือ ถ้าอยู่ไปจนถึงวันที่ 23 มี.ค.2566 ต้องเตรียมการว่าต้องทำอะไร อย่างไร ซึ่งต้องส่งสัญญาณให้รัฐบาลรู้ บางอย่างรัฐบาลทำ บางอย่างกกต.ทำ แต่ถ้ายุบสภาก่อน กกต.ก็ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องรู้ว่าถ้ายุบสภาเมื่อไรจะต้องทำอะไร

ต่อจากนั้น กกต.จะได้รับลูกไปทำอะไรต่อบ้าง เพราะถ้ามีการยุบสภาก็ต้องเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน แต่ถ้าหากสภาอยู่จนครบวาระให้จัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน กฎหมายถึงได้กำหนดไว้ว่าให้อยู่จนครบเทอมในวันที่ 23 มี.ค.2566 ก็น่าจะจัดการเลือกตั้งได้ประมาณวันที่ 7 พ.ค.2566 ซึ่งเป็นการกำหนดมา ทุกรูปแบบ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ในอดีตทุกครั้งที่ผ่านมาก็ทำเช่นนี้

เตือนรมต.สวมหมวกสองใบ
นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนที่มีข่าวเตือนว่าเหลือเวลาอีกประมาณ 180 วัน แต่ละพรรคต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ถือเป็นความรอบคอบที่ กกต.ต้องเตือน ที่ผ่านมาไม่ได้เตือนเพราะมีกฎหมายเลือกตั้งอยู่แล้ว ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม แต่เนื่องจากขณะนี้กฎหมายเลือกตั้งอยู่ระหว่างการแก้ไข

วันนี้ถือว่าอยู่ระหว่างเก่าและใหม่ กกต.จึงจำเป็นต้องออกคู่มือเตือนไว้ก่อน หากระเบียบบังคับใช้ ในส่วนของรัฐบาล ถ้าทำในฐานะรัฐมนตรีถือว่าเป็นการทำในหน้าที่ แต่ถ้าคนคนเดียวสวมหมวก 2 ใบซ้อนกัน ต้องระมัดระวังหน่อย เวลาจะทำอะไรก็ต้องทำให้ กกต.สามารถแยกออกได้ว่าทำในฐานะอะไร

“ผมเห็นร่างคร่าวๆ แล้ว ว่าแจกเงินอะไรต่ออะไรทำไม่ได้ ซึ่งห้ามเฉพาะผู้สมัคร และพรรคการเมือง ถ้าเป็นรัฐมนตรีไม่เป็นไร แต่ถ้าอนาคตรัฐมนตรีจะไปเป็นผู้สมัคร ก็ต้องใช้ความระมัดระวัง เดี๋ยวแยกไม่ออก จะเกิดการฟ้องร้องกันเสียเปล่า และถ้าวันนี้ กกต.ส่งประกาศมา แล้วลงในราชกิจจานุเบกษาจะมีการแจ้งรายละเอียดให้ครม.ทราบในวันอังคารที่ 27 ก.ย.” นายวิษณุกล่าว

‘พรเพชร’ขอศาลวินิจฉัยกม.ลูกไว
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับ คำร้องตีความร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งรับไว้พิจารณา ก็เป็นไปตามความคาดหมาย ศาลรัฐธรรมนูญจะให้ส่งหลักฐานและเอกสารที่ไปสนับสนุนเหตุผลโดยให้เวลา 15 วัน จากนั้น คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมเพื่อพิจารณา หากเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอแล้วจะยุติการรับฟังพยานหลักฐาน ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยอีก 15 วัน รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 1 เดือน อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยเร็ว และขออย่าไปตั้งประเด็นอื่นขึ้นมา ศาลรัฐธรรมนูญจะได้วินิจฉัยได้เร็วขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีการยุบสภาก่อน จะทำให้กฎหมายลูกไม่แล้วเสร็จหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ขออย่าไปคาดเดาเช่นนั้น ตอนนี้ถ้าไม่มีการยุบสภา เป็นเรื่องที่สมมติฐานไม่ได้ ได้แต่คิดไปว่า ถ้ายุบสภาเร็ว ก็ต้องเลือกตั้งเร็วภายในที่รัฐธรรมนูญกำหนด เชื่อว่าประมาณ 1 เดือน เป็นกรอบการพิจารณากฎหมายจะแล้วเสร็จ และไปใช้ในการเลือกตั้งได้

‘นิกร’มั่นใจกม.เลือกตั้งไร้ปัญหา
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) อดีตเลขานุการกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ. … ให้สัมภาษณ์ว่าตนกังวลในประเด็นร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ศาลสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องทำความเห็นเป็นหนังสือพร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญไม่ระบุแบบเฉพาะเจาะจงว่าหมายถึงบุคคลใด

เบื้องต้นเชื่อว่าจะมีฝั่งผู้ที่ยื่นคำร้อง คือ ส.ว. 77 คน นำโดยพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว. ที่มีหน้าที่ต้องทำเอกสารชี้แจง ขณะที่อีกฝั่งที่เกี่ยวข้องนั้น เชื่อว่าคือรัฐสภา แต่เมื่อศาลไม่ระบุเจาะจงว่าคือใครอาจจะทำให้เป็นปัญหา เพราะหากตีความว่าหมายถึงกมธ. ที่มีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เป็นประธาน หรือตนในฐานะเลขานุการ อาจทำไม่ได้เพราะกมธ.ชุดดังกล่าวหมดหน้าที่แล้ว เป็นต้น

ส่วน ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ร้อง คือ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ และประธานกกต.ชี้แจงนั้น เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะเนื้อหาของร่างพ.ร.ป.เลือกตั้งนั้น เป็นฉบับเดียวกับที่ กกต. เสนอให้ครม. นำส่งให้รัฐสภาพิจารณาโดยไม่มีการแก้ไขแม้แต่ประเด็นเดียว อย่างไรก็ตาม ตนมองถึงเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวเพราะเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ กำหนดให้เป็นหน้าที่ และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญต้องรับไว้วินิจฉัยเมื่อมีสมาชิกรัฐสภาเข้าชื่อร้องขอไม่ใช่ประเด็นว่ามีปัญหาหรือไม่

พท.โวย‘อธิรัฐ’แจกถุงยังชีพ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี กกต.แจ้งเตือนกรอบเวลา 180 วัน ก่อนครบอายุสภา 23 มี.ค.2566 ว่า ระหว่างที่ กกต.เตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์ ว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้างนั้น มีส.ส.และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ของพรรคร้องเรียนเข้ามาที่พรรค เพื่อให้ส่งเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบกิจกรรมการลงพื้นที่แจกของน้ำท่วมและโควิด-19 ของบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลหลายกรณี เช่น กรณีของนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม มีข่าวว่าทางส่วนราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.สีดา จ.นครราชสีมา ออกหนังสือสั่งการไปยังส่วนราชการต่างๆ ลักษณะสั่งการให้ข้าราชการตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก เกณฑ์คนมาต้อนรับและแจกถุงยังชีพ 5,000 ชุดใน วันที่ 24 ก.ย.

ถ้าถุงยังชีพที่นำมาแจกนั้นจัดซื้อด้วยเงินส่วนตัวของรัฐมนตรี ผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าเป็นถุงยังชีพจากเงินงบประมาณถือเป็นการทุจริตหรือไม่ การกระทำการดังกล่าวจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.ย. สามารถทำได้หรือไม่ เป็นการเอาเปรียบกันทางการเมืองอย่างชัดเจนหรือไม่ เพราะอ.สีดาแม้จะเคยมีน้ำท่วมก็มีเพียงตำบลเดียว และเกิดน้ำท่วมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ตั้งแต่ ก.ค.ที่ผ่านมา แต่จะนำของมาแจกก.ย. และกระจายแจกทั้งอำเภอ ถือเป็นการหวังผลหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่ การเร่งแจกของในช่วงคาบลูกคาบดอก เจตนาบริสุทธิ์หรือไม่ เชื่อว่าสังคมตัดสินได้ จึงขอให้ กกต.เร่งดำเนินการวินิจฉัย

เปิดตัว‘มาดามเดียร์’รุ่นใหม่ปชป.
เมื่อเวลา 10.09 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำ อาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่กทม. นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และผอ.เลือกตั้งส.ส.พรรค ‘ดร.เอ้’ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาทันสมัย พร้อม ส.ส. ส.ก. อดีตผู้สมัคร ส.ก. ร่วมต้อนรับ ‘มาดามเดียร์’ น.ส.วทันยา บุนนาค อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ามาสมัครสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ

นายจุรินทร์พาน.ส.วทันยา สักการะองค์พระแม่ธรณีบีบมวยผม จากนั้นมอบบัตรสมาชิกพรรคตลอดชีพให้ ก่อนที่ทั้งสองจะร่วมกันแถลงข่าว โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า น.ส.วทันยา เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพคนหนึ่งของประเทศ ถือเป็นดาวเด่นคนหนึ่งของสภา จึงเป็นเกียรติที่มีโอกาสต้อนรับมาร่วมงานและอุดมการณ์กับพรรค ที่สำคัญจะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ทีม กทม. โดยจะมาช่วยงานภาพรวมด้านอื่นด้วย มาร่วมขับเคลื่อนร่วมกับนายองอาจ และนายสุชัชวีร์ เพื่อร่วมทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเสียงสนับสนุนที่มากขึ้นในพื้นที่กทม. และ น.ส.วทันยาแสดงความจำนงจะลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ส่วนจะอยู่ลำดับที่เท่าไร เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พิจารณาต่อไป

“เราทำงานเป็นทีม นายองอาจ ยังคงเป็นหัวหน้าทีมหาเสียงในกทม. ร่วมกับนายนิพนธ์ ที่ต้องรับผิดชอบสนาม กทม. มีดร.เอ้ เป็นกำลังสำคัญอีกคน ยิ่งได้คนรุ่นใหม่อย่างมาดามเดียร์ มาร่วมด้วย ทำให้การขับเคลื่อนในกทม.แข็งแกร่งและมีพลังขึ้น พวกเราทุกคนจะจับมือกันทำงาน ผมจะเป็นหลักให้อีกคน”นายจุรินทร์กล่าว

ลงปาร์ตี้ลิสต์-พปชร.ฟุ้งกำเนิดจากเรา
ด้าน น.ส.วทันยากล่าวว่า วันนี้เป็นก้าวย่างสำคัญในชีวิตในการตัดสินใจเล่นการเมือง เหตุผลที่เลือกพรรคนี้เพราะความเป็นสถาบันของพรรคตลอด 76 ปี พรรคเติบโตเคียงข้างสังคมไทยและเป็นที่พึ่งของประชาชน เป็นพรรคที่เห็นว่าสมาชิกมีความอิสระทางความคิด ที่สำคัญไม่มีใครเป็นเจ้าของพรรคนี้

การเข้ามาพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ต้องการนำแนวคิดนโยบายเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศหลายด้าน ดังนั้น ขอลงสมัครส.ส. บัญชีรายชื่อ เพื่อจะได้มีเวลาโฟกัสขับเคลื่อนนโยบายอย่างเต็มที่ แต่ขึ้นอยู่กับพรรคพิจารณาให้ลงสมัครส.ส.แบบไหนจึงจะเหมาะสม ใช้เวลาตัดสินใจประมาณ 1 เดือน เพราะลาออกจากพรรคพลังประชารัฐอย่างกะทันหัน ส่วนจะมีส.ส.พรรคพลังประชารัฐตามมาอยู่ด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้พูดคุยกัน ขอให้เป็นการตัดสินใจของเพื่อนส.ส. ส่วนหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตนยังให้ความเคารพนับถือเช่นเดิม ไม่มีปัญหาอะไรติดใจ ในแง่มิตรภาพเป็นคนละเรื่องกับบริบทและการทำงาน

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่มีการจับตาเรื่องสื่อของครอบครัว น.ส.วทันยากล่าวว่า ไม่ได้กังวล เพราะการถือหุ้นในสื่อมวลชน ตนและครอบครัวได้เคลียร์ให้ชัดเจนไปแล้ว และได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง ตั้งแต่ก่อน วันแรกที่สมัครเข้าพรรคพลังประชารัฐ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนน.ส.วทันยา อยู่กับตนก็ดูแลเป็นอย่างดี แม้จะย้ายไปอยู่พรรคอื่น ถือว่ากำเนิดจากพรรคเรา ดังนั้นพรรคเราก็ต้องดี ถือว่าเขาโอเค ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีส.ส.พรรคอื่นย้ายเข้ามาอยู่พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่รู้ สื่อรู้หรือไม่ ตนไม่ทราบ

‘หนู’ลั่นภท.วางเป้าต้นขั้วการเมือง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตพรรคภายหลังกระแสข่าวลือเรื่องความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาล ปมร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ… ว่า เมื่อสภาบอกให้กลับไปแก้ก็ต้องแก้ แม้จะมีเรื่องให้สงสัยแต่ก็เล่นตามกติกา สำหรับพรรคภูมิใจไทยขณะนี้มีความพร้อมเลือกตั้งอยู่แล้ว เพราะไม่ได้เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง การเตรียมพร้อมจึงสำคัญมาก เป้าหมายของพรรครอบนี้คือทำให้ดีกว่าเดิม เรามองไปถึงการเป็นพรรคหลักของขั้วการเมือง โดยใช้นโยบายนำ เชื่อมั่นว่าเรามีของดี ทำได้ ไม่ขายฝัน ที่สำคัญคือ ความเอาจริง ความตั้งใจ ที่ผ่านมาก็ทำได้ลุล่วงในหลายนโยบาย จะเสร็จช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่เราจะไม่ยอมปล่อยมือ

“เราอยากเป็นต้นขั้วการเมือง อันนี้คือเป้าหมาย แต่ต้องดูว่าถึงเวลาจะได้รับความไว้วางใจขนาดไหน การเป็นต้นขั้วการเมือง เป็นพรรคหลักของขั้วการเมือง ถ้าเป็นรัฐบาลจะสามารถผลักดันนโยบายได้มากขึ้น แรงผลักดันสูงกว่า หรือถ้าเป็นฝ่ายค้านการตรวจสอบก็มีความเข้มข้นขึ้น การทำงานเพื่อประชาชนจะมาผ่อนเครื่องกันไม่ได้ เหมือนเวลาลงพื้นที่หาเสียงเราก็ลุยเต็มสูบ ส่วนหลังเลือกตั้งจะจับมือกับใครก็ต้องเอานโยบายไปคุย ถ้าอีกฝ่ายมีเงื่อนไขที่เรารับไม่ได้จริงๆ ถึงฝ่ายนั้นจะเป็นรัฐบาลเราก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน”นายอนุทินกล่าว

นำทัพสัญจรขอนแก่น
ที่ จ.ขอนแก่น นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ผู้แสดงความประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. เขต 4 ขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุทิน และผู้บริหารพรรค ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เข้าร่วมงาน “ภูมิใจไทยสัญจร ครั้งที่ 5 จ.ขอนแก่น” ที่ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวันที่ 23 ก.ย. โดยช่วงเช้ารัฐมนตรี และ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย กว่า 80 คน จะแยกย้ายลงพื้นที่ตามจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้ เพื่อติดตามการพัฒนาพื้นที่ และรับฟังปัญหาในพื้นที่ นำมาแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

“นายอนุทินจะไปดูสภาพปัญหา การก่อสร้าง ร.พ.ขอนแก่น แห่งที่ 2 เนื่องจากร.พ.ขอนแก่นแห่งแรกในตัวเมือง ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น ทำให้มีปัญหาการให้บริการ จึงจะสร้างร.พ.ขอนแก่น แห่งที่ 2 แต่ติดปัญหาเรื่องพื้นที่สาธารณ ประโยชน์ ที่ต้องเปลี่ยนแปลงเป็นที่ราชพัสดุก่อน เพื่อเบิกจ่ายงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ได้ ปัจจุบันมีอาคารผู้ป่วยนอก 2 อาคารที่ได้รับเงินจากการบริจาค ไม่สามารถนำงบประมาณแผ่นดินมาใช้ได้ ประชาชนจึงต้องการให้แก้ปัญหาตรงนี้” นายเอกราชกล่าว

ส่วนช่วงเวลา 15.00 น. นายอนุทิน ผู้บริหารพรรค ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จะไปที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก ม.ขอนแก่น เพื่อพบกับประชาชน 6,000 คน เพื่อร่วมประชุม “ภูมิใจไทยสัญจร ครั้งที่ 5” จะมีประชาชนมานำเสนอปัญหา และความต้องการในพื้นที่ เพื่อให้แก้ไขปัญหาให้ต่อไป

ชำแหละ – นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาฯ พรรคสร้างอนาคตไทย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค เปิดแถลงชำแหละค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซแพง สินค้าราคาพุ่ง พร้อมเสนอนโยบายรื้อโครงสร้างพลังงาน ไม่อุ้มกลุ่มทุน ที่ทำการพรรคสร้างอนาคตไทย เมื่อวันที่ 22 ก.ย.

‘อุตตม’เชื่อมียุบสภาแน่
ที่พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) นาย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมหลัง กกต.ประกาศโรดแม็ปเลือกตั้ง 7 พ.ค. 2566 กรณีสภาอยู่ครบวาระว่า เป็นการเตรียมการของ กกต.ตามหน้าที่ ถ้าสภาอยู่ครบวาระ ส่วนพรรคการเมืองต้องดูว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง จะครบวาระหรือมียุบสภา สามารถเกิดได้เหมือนกัน ในทางการเมืองประกาศ กกต.อาจมองได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณไปสู่โหมดการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยเตรียมพร้อมเต็มที่ไว้ก่อนอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวคิดว่ามีความเป็นเป็นไปได้ที่จะยุบสภาก่อน เพราะการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าคาดหวังพื้นที่ภาคใต้อย่างไร เพราะทุกพรรคตั้งเป้าเจาะภาคใต้ นายอุตตมกล่าวว่า เราให้ความสำคัญกับพื้นที่ใต้อย่างมาก พรรคได้ไปจัดสัมมนาครั้งแรกที่อันดามัน คือ จ.ภูเก็ต และอาจไปซ้ำ แม้ภาคใต้จะต่อสู้กันรุนแรงแต่มั่นใจเพราะทำงานมานานพอสมควร และเชื่อว่าเรามีโอกาส ต่อข้อถามว่าคาดหวังจะได้ส.ส.ภาคใต้ถึง 30 ที่นั่งหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า เราทำงานเต็มที่ เชื่อว่าจะเป็นตามเป้าที่วางไว้ และจะไปทุกพื้นที่ไม่เฉพาะภาคใต้ ช่วงต้น ต.ค.นี้จะลง พื้นที่อีสาน

เมื่อถามว่าหลังจากเปิดตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานพรรค กระแสของพรรคเป็นอย่างไร นายอุตตมกล่าวว่า กระแสดี ทั้งการลงพื้นที่ภาคใต้และกทม. ส่วนนายสมคิดจะลงพื้นที่อื่นๆ ด้วยหรือไม่ ขณะนี้ได้จัดแผนไว้แล้ว หากมีการสัมมนานายสมคิดจะร่วมลงพื้นที่ไปด้วย โดยจะดูเป็นงานๆ ไป

ก้าวไกลโวพร้อมเปลี่ยนปท.
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคมีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ทั้งตามกรอบเวลาที่ กกต.กำหนด และกรณียุบสภา สิ่งที่จะเป็นอุปสรรคสำหรับทุกพรรคคือการออกกฎเกณฑ์ของ กกต.กรณี 180 วัน คาดว่าจะเป็นการกำหนดกรอบอย่างกว้าง แต่จะส่งผลต่อการทำหน้าที่ของผู้สมัครในเขตต่างๆ ในการจัดกิจกรรม

ส่วนการวินิจฉัยวาระนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าผลอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ อาจกลับมาในฐานะนายกฯ รักษาการ ซึ่งยังคงมีอำนาจยุบสภา ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าอาจยุบสภาก่อนกำหนด พรรคมีแผนสำหรับทุกกรณีอยู่แล้ว รวมถึงการเตรียมผู้สมัคร การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนประเทศ กระบวนการคัดสรร ผู้สมัครของพรรคมีเป้าหมายเพื่อให้ ส.ส. เป็นตัวแทนแห่งความเปลี่ยนแปลง

“พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นรัฐบาล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมเป็นนายกฯ ในอนาคตอันใกล้นี้เราจะนำเสนอชุดนโยบายต่างๆ ออกมา ทั้งนโยบายที่มุ่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่เสนอมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ และชุดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ทั้งการเมือง สังคม และเศรษฐกิจในขณะนี้” นายพิจารณ์กล่าว

รทสช.หวังกวาดเก้าอี้สุราษฎร์
ที่จ.สุราษฎร์ธานี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมจัดตั้งสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติ เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.สุราษฎร์ธานี ว่า การเดินทางมาเปิดสาขาพรรครวมไทยสร้างชาติในวันนี้ ไม่ได้คิดว่าจะมาเจาะไข่แดงพรรคใด แต่อยากนำเสนอการเมืองรูปแบบใหม่ให้กับประชาชน ซึ่งไม่ได้ทำเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้เท่านั้น แต่ทำงานในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ในสาขาจังหวัดอื่นจะทยอยเปิดตามความพร้อมตามแนวทางของพรรคคือ “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง”

ในส่วนพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี พรรคได้ผู้สนับสนุนจากนักการเมืองท้องถิ่น นำโดยนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกอบจ.สุราษฎร์ธานีและสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) สุราษฎร์ธานี เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มั่นใจว่านโยบายพรรคจะได้รับการสื่อสารไปยังประชาชนได้มากขึ้น ซึ่งการที่ได้นายก อบจ. มาร่วมงานด้วย ประเด็นสำคัญคือตั้งใจจะทำให้เป็นพรรคการเมืองที่ทำงานต่อสู้เพื่อประชาชนจริงๆ ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าตั้งเป้าส.ส.ไว้มากน้อยแค่ไหน นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พรรคหวังว่าจะได้เก้าอี้มากพอสมควร ต้องการได้ที่นั่งใน จ.สุราษฎร์ธานีทั้ง 6 เขตเดิม และ 1 เขตใหม่ และจะพยายามส่งให้ครบทุกเขตทั่วประเทศ ต่อข้อถามว่าได้พูดคุยกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พูดคุย แต่ไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นเรื่องงาน และไม่ได้พบกันตั้งแต่พักงานไป ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จะมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตอบแทนไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาเห็นท่านให้สัมภาษณ์ว่าอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ คงต้องถามก่อน

จำคุกสส.เสียบบัตรแทนกัน
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.36/2562 ที่อัยการสูงสุด โจทก์ ยื่นฟ้อง นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เสียบบัตรเเทนกัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ย. และ 11 ก.ย.2556 เวลากลางวัน มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาวาระสอง พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข เพิ่มเติม จําเลยนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นบัตรจริงของจำเลยและของสมาชิกรัฐสภา รายอื่นหลายใบเสียบเข้าในเครื่องออกเสียงลงคะแนนและกดปุ่มเพื่อแสดงตนและลงมติ

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยตามที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์เป็นเหตุการณ์ตามฟ้อง แม้ต่อมา คสช.มีประกาศให้รัฐธรรมนูญปี 2550 สิ้นสุดลง ยกเว้นหมวด 2 แต่หาได้มีผลลบล้างว่าไม่มีการกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิด 2 กรรม พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91

องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากให้ลงโทษจําคุกกระทงละ 1 ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 16 เดือน พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดใดๆ มาก่อน ก็ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษแก่จําเลยได้

นอกจากนี้ อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง นางสมหญิง บัวบุตร ส.ส.อำนาจเจริญ พรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 12 คน เป็นจําเลย ตามคดีหมายเลขดำ ที่ อม.18/2565 กรณีฮั้วประมูลปรับปรุงสนามฟุตซอล ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเขตพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ระหว่างเดือน พ.ย.2554 ถึง ม.ค.2556 จําเลยทั้ง 12 มาศาล และได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ จะนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ต่อไป

เที่ยวปีนัง – นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองอดีตนายกฯ นั่งรถสามล้อท่องเที่ยวเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย ถ่ายรูปตามจุดเช็กอินต่างๆ ช็อปปิ้ง รับประทานอาหาร และหาซื้อขนมโบราณ มีชาวมาเลย์มาขอถ่ายรูปด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน