เขื่อนเร่งระบาย-สามโคกอ่วม กรมชลสั่งผันน้ำออกอ่าวไทย‘อีสาน-เหนือ’ฉ่ำควันหลงโนรู

ถึงนนท์แล้ว ท่วมทันที 250 หลัง เหตุเจ้าพระยาทะลัก หลังเขื่อนไม่ลดอัตราการระบายน้ำยังอยู่ที่ 3,106 ลบ.ม./ วินาที พร้อมน้ำทะเลหนุน เทศบาล เร่งช่วยเหลือชาวบ้าน สิงห์บุรีก็วุ่น ชาวบ้านต้องอาศัยนอนในรถตู้ หลังไม่มีหน่วยงานช่วยเหลือ ป่าโมก อ่างทอง น้ำทะลักตี 3 ท่วม 100 หลัง เร่งอพยพ ด้านสามโคก ปทุมฯ ก็วุ่น พระต้องนั่งเรือบิณบาต ขณะที่กรมชลประทานสั่งเร่งระบายน้ำลงอ่าวไทยเร็วที่สุด

ปภ.สรุปสถานการณ์น้ำท่วม
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันตก ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับผลกระทบจากสถานการณ์พายุโนรู ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยในช่วงวันที่ 28 ก.ย. -2 ต.ค.เกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ 22 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พะเยา เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ มุกดาหาร สระบุรี ชัยนาท สระแก้ว ปราจีนบุรี และพังงา รวม 83 อำเภอ 197 ตำบล 572 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,249 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายผู้สูญหาย 2 ราย

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 17 จังหวัด 72 อำเภอ 178 ตำบล 548 หมู่บ้าน

ขณะที่สถานการณ์มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย เมื่อช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และน้ำในแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขามีปริมาณมาก ยังคงทำให้มีสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ตาก พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ปทุมธานี และสิงห์บุรี รวม 17 อำเภอ 132 ตำบล 685 หมู่บ้าน ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ปภ.โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่และให้การดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง และจะได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ต่อไป

บิ๊กเด่นสั่งตร.เร่งช่วยปชช.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สั่งให้ทุกพื้นที่ ทั้งตำรวจพื้นที่ ตำรวจทางหลวง ตำรวจน้ำ ตชด. รวมกว่า 4,600 นาย ปฏิบัติการช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ จ.อ่างทอง ชัยภูมิ ศรีสะเกษ พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง ป้องกันภัยจังหวัด และกรมทางหลวง ในเรื่องถนนหนทาง พร้อมตำรวจ ตชด.คอยติดตามข่าวสารเพื่อช่วยเหลือประชาชน ตามพื้นที่เสี่ยงจากน้ำป่าไหลหลากตามแนวภูเขา

จุดใดมีน้ำท่วมขังให้จัดตำรวจจราจรอำนวยความสะดวก และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ไขปัญหา รวมทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ สำรวจเครื่องหมายจราจร ระบบไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนในพื้นที่ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ ตลอดจนเตรียมแผนเผชิญเหตุและชุดเคลื่อนที่เร็วไว้แก้ไขปัญหากรณีมีรถจอดเสียหรือเกิดอุบัติเหตุกีดขวางการจราจร ให้เตรียมแผนการเคลื่อนย้ายรถและการเข้าไปแก้ไขสถานการณ์เพื่ออำนวยการจราจรที่จุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลข 191 และ 1599 หรือ ตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ช.ม.

เชียงใหม่ยังเสี่ยง 5 จุด
สำหรับสถานการณ์น้ำที่ จ.เชียงใหม่ มีรายงานว่ามีพื้นที่เสี่ยง 5 จุดด้วยกัน คือ จุดที่ 1. ระดับลำน้ำแม่เหียะ ต.แม่เหียะ อ.เมือง ขณะนี้อยู่ระหว่างเฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลมาจาก ดอย สุเทพ-ปุย ทำให้ลำน้ำอยู่ในระดับสูงเกือบล้นขอบตลิ่ง คาดการณ์ว่าหากฝนไม่ตกหนักอีก ลำน้ำแม่เหียะยังสามารถระบายน้ำได้ทัน ทั้งนี้แจ้งเทศบาลนำกระสอบทรายปิดกั้นจุดเสี่ยงตามขอบสะพานและบริเวณข้างลำน้ำเพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนหมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ แล้ว

2.ต.สุเทพ อ.เมือง เกิดจุดเสี่ยงน้ำท่วมที่รอยต่อระหว่างหมู่บ้านแกรนด์วิว หมู่ที่ 10 ตำบลแม่เหียะ และ หมู่บ้านช่างทองหมู่ที่ 7 ต.สุเทพ ถนนหลังสนามบินเชียงใหม่ น้ำล้นคลองชลประทานเข้าท่วมถนนบางส่วนได้เข้าท่วมในพื้นที่ในเขตสนามบินเชียงใหม่ สาเหตุเกิดจากชลประทานระบายน้ำเต็มอัตรา ทำให้ระดับน้ำสูงและล้นตลิ่ง ประสานเทศบาลตำบลสุเทพ และ เทศบาลเมืองแม่เหียะ เฝ้าระวังระดับน้ำที่อาจสูงขึ้นในช่วงฝนตกอย่างต่อเนื่องได้อีก และประสานสำนักชลประทานอัตราการระบายน้ำลงเพื่อให้น้ำไม่ล้นตลิ่ง และช่วงเวลาประมาณ 11.20 น. รับแจ้งเหตุ ดินสไลด์บนดอยสุเทพช่วงทางขึ้นโค้งขุนกัน ก่อนถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ ปิดกั้นเส้นทางสัญจร จึงได้ประสานทางเทศบาลร่วมกับแขวงทางหลวงเข้าซ่อมแซมถนน ซึ่งขณะนี้รถยนต์สามารถกลับมาสัญจรได้ 1 เลน

3.สี่แยกต้นพะยอม เกิดน้ำท่วมขังบริเวณ สี่แยกจึงต้องประสานจราจรช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดเส้นทาง 4.หมู่บ้านธนาวัลย์ ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เกิดน้ำท่วมขังบ้านประชาชน ฝ่ายปกครองท้องที่ได้เร่ง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำออก และ 5.สี่แยกภูคำและหมู่ที่ 1 บ้านช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก

น้ำป่าทะลักแพร่-เร่งอพยพ
ที่จ.แพร่ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ 4 ตำบล 10 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 3, 5, 10 ต.แม่จั๊วะ อ.เด่นชัย มีน้ำป่าไหลหลากเข้าพื้นที่ประชาชนได้รับผลกระทบ ประมาณ 30 หลังคาเรือน หมู่ที่ 2, 4, 8 ต.แม่เกิ๋ง อ.วังชิ้น มีน้ำป่าไหลหลากเข้าพื้นที่ ยังไม่มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ ที่บ้านหมู่ 4 ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ เวลา 06.00 น. มีน้ำป่าไหลหลากเข้าพื้นที่ประชาชนได้รับผลกระทบ 1 หลังคาเรือน พื้นที่ทางการเกษตรอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย

ขณะที่เจ้าหน้าที่อ่างแม่คำปอง ต.น้ำเลา อ.ร้องกวาง แจ้งพี่น้องทั้ง 2 ฝั่งของลำน้ำแม่คำปอง เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ให้เก็บข้าวของไว้ที่สูงแล้ว

พระโกศัยเจติยารักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัดแพร่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุช่อแฮพระอารามหลวง ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนบ้านไร่หลวงเจริญพรว่า เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจาก ผอ.โรงเรียนบ้านไร่หลวง อ.วังชิ้น ว่าร.ร.บ้านไร่หลวง ได้รับความเสียหายจากพายุโนรู ทำให้ฝนตกหนักส่งผลให้เกิดความเสียหายบริเวณหลังคาของอาคารพุทธรักษาซึ่งเป็นอาคารเรียนแบบสปช. 103/26 ซึ่งทางโรงเรียนก่อสร้างเมื่อปี 2561 และใช้เป็นห้องเรียนประจำสำหรับการจัดการเรียนการสอนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 เบื้องต้นทางโรงเรียนได้รายงานสถานการณ์ไปยังต้นสังกัดเพื่อให้ทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องต้นแล้ว

แม่น้ำวังล้น-ท่วมวัดที่ตาก
ที่อ.สามเงา จ.ตาก ระดับน้ำในแม่น้ำวัง มีปริมาณสูงกว่า 10 เมตร ยังไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร บ้านเรือนราษฎร ตลอดจนวัด เดือดร้อนถ้วนหน้า มีพื้นที่ประสบภัยทั้งหมด 2 อำเภอ 4 ตำบล 28 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 1,388 ครัวเรือน 3,247 คน เส้นทางคมนาคมเสียหาย 8 สาย และพื้นที่ทางการเกษตรด้านพืช 4,250 ไร่ ด้านการประมง 11 ไร่ 2 งาน

โดยเฉพาะที่วัดยางโองน้ำ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก ที่อยู่ติดแม่น้ำวัง น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบริเวณ สูงกว่า 1 เมตร ทั้งโบสถ์ วิหาร ศาลาวัดถูกน้ำท่วม พระสงฆ์สวดมนต์ทำวัดไม่ได้เพราะวิหารน้ำท่วมสูง ออกบิณฑบาตด้วยความยากลำบาก จะต้องเดินลุยน้ำบิณฑบาต บางวันฝนตกหนักก็ออกบิณฑบาตไม่ได้ต้องฉันมาม่าแทน รับกิจนิมนต์ตามบ้านต้องเดินลุยน้ำ บ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมแล้วอย่างน้อย กว่า 200 หลังคาเรือนที่ได้รับความเดือดร้อน การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ชาวบ้านต้องช่วยกันขนกระสอบทรายเสริมรอบวัด และตลอดแนวตลิ่งริมแม่น้ำวังไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมในวัด ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำวัง แต่ระดับน้ำก็ยังไม่มีทีท่าจะลดลง เนื่องจากยังมีฝนตกลงมาติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกันแม่น้ำวังจากจังหวัดลำปางยังคงไหลมาสมทบอย่างต่อเนื่อง คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาสมทบอีกภายใน 1-2 สัปดาห์ระดับน้ำก็คงลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ

ช่วยระทึก – จนท.ระดมช่วยเหลือนักวิ่งเทรลกว่า 30 คนที่ติดน้ำป่า ระหว่างการแข่งขันวิ่งปลุกภูกระดึง ในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย กลับออกมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อคืนวันที่ 1 ต.ค. ต่อช่วงเช้าวันที่ 2 ต.ค.

เลยช่วยระทึกนักวิ่งเทรล
ที่จ.เลย ช่วงดึกของคืนวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา นายอิทธิพล สมุทรทอง นักวิ่ง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อขอความช่วยเหลือจาก เจ้าหน้าที่ เนื่องจากประสบเหตุน้ำป่าไหลแรงมาก ขณะวิ่งอยู่ในรายการ อัลตราเทรล ภูกระดึง เวกอัพ รัน 2022 วิ่งปลุกภูกระดึง ปี 4 ซึ่งจัดแข่งขันในวันที่ 1-2 ต.ค.

โดยมีข้อความระบุว่า ผมต้องการความช่วยเหลือ ขณะนี้ติดน้ำป่า ข้ามออกไปไม่ได้ วิธีการช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่เดินย้อนจาก เส้นชัยขึ้นมาประมาณหนึ่งกิโล เพื่อขึงเชือกให้ข้ามน้ำได้น้ำแรงมากอยู่ด้วยกันสองคน ต่อมาเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลืออย่างปลอดภัย

ล่าสุดนายอดิสร เหมทานนท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เผยว่า ในช่วงคืนของวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา บนอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำบนลำห้วยได้เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นช่วงเวลาที่นักวิ่งก็ยังวิ่งกันอยู่ และก็มี นักวิ่งติดอยู่ที่ห้วยไม่สามารถข้ามลำห้วยได้ เพราะน้ำมาแรง หลังจากรับแจ้งเราจัดชุดของศูนย์ปฏิบัติการบริการช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ร่วมกับมูลนิธิสว่างคีรีธรรม กู้ภัยกู้ชีพภูกระดึงได้จัดชุดเข้าไปช่วยเหลือ ปรากฏว่าช่วงที่ฝนหยุดตก ในช่วงประมาณ 4 ทุ่ม น้ำในลำห้วยได้ลดลง ทำให้สามารถช่วยนักวิ่งข้ามลำห้วยมาได้

โดยใช้เวลาช่วยเหลือเราได้รับแจ้งเวลาประมาณ 2 ทุ่ม เราช่วยเหลือออกมาได้ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ คือนักวิ่งที่วิ่งอยู่ปล่อยตัวออกวิ่งตั้งแต่ตอนเช้า ส่วนใหญ่จะเป็นนักวิ่งระยะ 100 ก.ม.และ 50 ก.ม. ส่วนใหญ่จะเป็นนักวิ่งระยะไกล มีนักวิ่งที่ติดประมาณ 30 คน เป็นช่วงที่กำลังวิ่งกันอยู่ ซึ่งเป็นเส้นทางใกล้จะถึงเส้นชัยแล้ว ห่างจากจุดถึงเส้นชัยประมาณ 1 ก.ม. ซึ่งเราได้จัดชุดที่เข้าไปแล้วก็ชุดที่มี เจ้าหน้าที่ได้ประจุดต่างๆ ตามเส้นทางวิ่ง เคลียร์เส้นทางตามลำห้วย คาดว่าจะมีนักวิ่งติดอยู่ ซึ่งช่วยเหลือมาได้ปลอดภัยทั้งหมด

เพชรบูรณ์อ่วม-หล่มสักจม
ที่จ.เพชรบูรณ์ น้ำยังท่วมในพื้นที่ อ.หนองไผ่ อ.บึงสามพัน อ.วิเชียรบุรี และ อ.ศรีเทพ เป็นน้ำที่ฝนตกสะสมและตกค้างทางด้านฝั่งทิศตะวันตก ทำให้น้ำไหลข้ามถนนหมายเลข 21 การบริหารจัดการน้ำ ณ เวลานี้ ทางชลประทานเพชรบูรณ์พยายามจะลดผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำให้มากที่สุด

ส่วนพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ได้แก่ อ.หล่มเก่าและ อ.หล่มสัก เนื่องจากรับมวลน้ำมาจากพื้นที่ต้นน้ำและมีฝนตกสะสมในพื้นที่ รวมทั้งอ่างห้วยขอนแก่นน้ำล้นสปิลเวย์ทำให้ต้องมีการระบายน้ำ ทำให้ระดับน้ำในแม่ป่าสักที่ไหลผ่าน อ.หล่มสัก สูงกว่าตลิ่งและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ริมแม่น้ำ ซึ่งพื้นที่น้ำท่วมก็ยังคงเป็นพื้นที่เดิมที่เคยถูกน้ำท่วม และปัจจุบันทางอ่างห้วยขอนแก่นก็ชะลอการระบายทางช่องทางปกติ เหลือแค่น้ำล้นออกทางสปิลเวย์ เพื่อลดผลกระทบภาวะน้ำท่วม ปัจจุบันได้รับรายงานว่าระดับน้ำแม่น้ำป่าสักที่ตาดกลอยลดลงแล้ว โดยมวลน้ำก้อนนี้ก็คงมาพอกที่ อ.หล่มสัก

ขณะที่สถานการณ์ที่ อ.หล่มสัก แม่น้ำป่าสัก ยังคงเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและเส้นทางจราจร โดยช่วงเช้าที่ผ่านมาระดับเริ่มทรงตัว โดยพื้นที่ถูกน้ำท่วมหนักได้แก่ ต.ตาลเดี่ยว น้ำท่วมถนนศรีสะอาด-บ้านใหม่ และบริเวณสี่แยกร่องไผ่ ถนนหล่มสัก-บ้านติ้ว ส่วนเทศบาลเมืองหล่มสัก น้ำเข้าท่วมชุมชนริมแม่น้ำป่าสัก อาทิ ชุมชนวัดทุ่งจันทร์สมุทร, ชุมชนท่ากกโพธิ์, ชุมชนบ้านไร่ ฯลฯ โดยเทศบาลมีการวางแนวสกัดกั้นน้ำเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อสูบระบายน้ำจากท่อระบายน้ำออกจากพื้นที่

ผวาพนังน้ำพองใกล้ขาด
นายสุเทพ มณีโชติ รอง ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นายชินกร แก่นคง นายอำเภอน้ำพอง ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น หลังจากที่เขื่อนอุบลรัตน์ เพิ่มการระบายน้ำสูงสุดวันนี้ที่ 34 ล้านลบ.ม. ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนแล้ว 10 ตำบล จากทั้งหมด 12 ตำบล

ขณะที่ บ.ท่ากระเสริม ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจช่วยกันบรรจุกระสอบทราย เพื่อกั้นลำน้ำพอง ซึ่งเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมวลน้ำพองเริ่มกัดเซาะพนังดินขยายวงกว้างและกัดเซาะพนังจากขนาดกว้าง 3 เมตร เหลือเพียง 30 ซ.ม. ทั้งนี้หากพนังกั้นน้ำพองขาด มวลน้ำจะไหลเข้าท่วม บ.ท่ากระเสริม จำนวน 300 หลังคาเรือนทันที ชาวบ้านจึงต้องระดมสรรพกำลังเร่งบรรจุกระสอบทรายกว่า 2,000 ใบ ทำเป็นคันกั้นน้ำสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร ระยะทางกว่า 200 เมตร พร้อมกับใช้รถแบ๊กโฮมาทำคันดินเสริมป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมบ้าน

ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ ล่าสุด 2,403.48 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น ร้อยละ 98.86 ของความจุเขื่อน โดยเมื่อวานมีน้ำไหลเข้าเขื่อน 102.29 ล้าน ลบ.ม.เขื่อนสามารถรับน้ำได้อีก 27.82 ล้าน ลบ.ม.”

ที่อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กำลังถูกน้ำท่วมหลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยที่วัดป่าสวนสงฆ์ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมอย่างหนัก เนื่องจากว่าการเกิดสถานการณ์น้ำท่วมทำให้ไฟฟ้าดับ ส่งผลให้วัดป่าสวนสงฆ์ ไม่สามารถที่จะใช้เครื่องสูบน้ำภายในวัดได้ ทำให้พระสงฆ์สามเณรขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้อย่างหนัก

พิมายท่วม-เร่งสูบน้ำช่วย
ที่จ.นครราชสีมา ที่ตลาดสดพิมายเมืองใหม่ ม.14 ต.ในเมือง อ.พิมาย มีมวลน้ำจากลำน้ำจักราช ลำเชียงไกร และลำน้ำมูน ไหลเอ่อเข้ามาท่วมบริเวณตลาดสดพิมายเมืองใหม่อย่างรวดเร็ว และมีปริมาณสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยระดับน้ำล่าสุด สูงกว่า 30-40 ซ.ม. พ่อค้าแม่ค้าต้องเร่งเก็บข้าวของขึ้นที่สูงหนีน้ำ ทำให้ต้องลุยน้ำค้าขายกันอย่างลำบาก โดยเฉพาะร้านจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างและเครื่องใช้ในครัวเรือน ซึ่งวัสดุหลายชิ้นมีขนาดใหญ่ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปหนีน้ำไปไว้ที่อื่นได้ จึงต้องยอมปล่อยให้แช่น้ำได้รับความเสียหาย

ขณะที่บางจุดจะมีกำแพงปูนกั้นน้ำเอาไว้ ไม่ให้ทะลักเข้าร้าน ทำข้าวของเสียหาย เนื่องจากสภาพพื้นที่บริเวณนี้ จะเป็นแอ่งกระทะเมื่อมีฝนตกสะสมมวลน้ำจึงมักจะท่วมขัง และมีน้ำจากที่สูงไหลหลากเข้ามาสมทบ ทำให้ประสบปัญหาน้ำท่วมขังเป็นประจำ ส่วนประชาชนต้องมาจับจ่ายซื้อของในตลาดกันอย่างทุลักทุเล บางคนขี่จักรยานยนต์ บางคนไม่มีรถก็ต้องเดินลุยน้ำเข้ามาซื้อสินค้า ได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้า

นอกจากนี้ลำน้ำจักราชไหลเข้าท่วมที่ว่าการอำเภอพิมาย สภ.พิมาย หอสมุดอำเภอพิมาย สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาพิมาย องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาสาขาพิมาย และบ้านพักราชการตำรวจ ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 20-30 ซ.ม. โดยเฉพาะทางเข้าสถานีตำรวจภูธรพิมาย ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 60-70 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถวิ่งเข้าออกได้ เช่นเดียวกันกับปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ไหลท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ติดกับลำน้ำจักราชและลำน้ำมูน ปริมาณน้ำท่วมสูงกว่า ชาวบ้านต้องเร่งช่วยกันก่อกระสอบทราย ป้องกันไม่ให้ปริมาณน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของตนเอง

ช่วยนักท่องเที่ยวจีนตกลำตะคอง
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอพิมาย ยังคงน่าเป็นห่วงมาก เพราะพื้นที่อำเภอพิมายเป็นพื้นที่รับน้ำหลายสาย โดยรับน้ำจากลำน้ำมูนใน อ.เฉลิมพระเกียรติ ที่ไหลมาจากเขื่อนลำพระเพลิงใน อ.ปักธงชัย รับน้ำจากลำเชียงไกร ในอ.โนนไทยบางส่วน ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางศูนย์ส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ เขื่อนพิมายยังคงเดินเครื่องผลักดันน้ำอย่างต่อเนื่อง 20 เครื่อง เพื่อเร่งผลักดันน้ำที่อยู่เหนือเขื่อนพิมายออก ลงสู่ลำน้ำมูนท้ายเขื่อนพิมายอย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งป้องกันพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ไม่ให้เกิดน้ำท่วม ส่งผลให้โบราณวัตถุและศิลปวัตถุต่างๆ เสียหาย

นอกจากนี้ปริมาณน้ำฝนสะสม ทำให้น้ำในลำน้ำมาศเพิ่มสูงขึ้น กระทบพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะคอกปศุสัตว์ริมน้ำ ที่น้ำท่วมสูงภายในคอกสัตว์เลี้ยง ต้องต่อแพข้ามลำน้ำขนสัตว์เลี้ยง หมู แพะ วัว ควาย ไปยังฝั่งตรงข้าม โดยการช่วยเหลือเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยวและเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลา

ขณะที่ลำมาศล้นตลิ่งเข้าท่วมรอบวัดบ้านหัวทะมวง ต.งิ้ว อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา สูงประมาณ 1.20 เมตร กุฏิพระ อาคารหอฉัน ศาลาอเนกประสงค์ ท่วมทั้งหมด พระสงฆ์ทั้ง 5 รูปต้องใช้ศาลาการเปรียญเป็นที่จำพรรษาก่อนชั่วคราว เบื้องต้นองค์การบริหารส่วนตำบลงิ้วนำเรือติดตั้งเครื่องยนต์เพื่อเป็นพาหนะใช้พาพระสงฆ์เข้าและออกจากวัด ถ้าสถานการณ์น้ำยังเพิ่มระดับสูงขึ้นต้องนิมนต์พระสงฆ์ไปจำพรรษาที่อื่นก่อนชั่วคราว

ขณะที่เมื่อเวลา 23.30 น. ของวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา กู้ภัยสว่างวิชาปากช่อง รับแจ้งบุคคลพลัดตกลงไปในลำน้ำลำตะคอง ช่วงบริเวณร้านอาหารริเวอร์เคิร์ฟ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงเร่งช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติได้สำเร็จ

จากการสอบถามเพื่อนชาวจีนของผู้ประสบเหตุ ทราบเบื้องต้นว่า เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมากันหลายคน เดินทางมากับรถตู้ 2 คัน ทานอาหารเลี้ยงฉลองกันที่ร้านสักพัก ผู้ประสบเหตุ ขอตัวเดินออกไปสูบบุหรี่ที่บริเวณระเบียงของร้านซึ่งอยู่ติดกับลำตะคองไม่ถึง 5 เมตร แล้วน่าจะลื่นตกลงไปในลำตะคองที่มีน้ำไหลเชี่ยวโดยไม่มีใครเห็น และต่อมาเพื่อนชาวจีนที่มาด้วยกันเห็นว่าหายไปนาน ไม่กลับไปในร้านสักที จึงพากันออกตามหาทั่วบริเวณ จนมาพบตัวนักท่องเที่ยวราย ดังกล่าว ปีนขึ้นไปนั่งอยู่คอของตอม่อสะพานขาว ทางร้านจึงรีบแจ้งกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ

ลุยน้ำ – หน่วยกู้ภัยฮุก 31 โคราช ระดมช่วยกู้รถยนต์ที่พยายามขับฝ่ากระแสน้ำที่เชี่ยวกรากเพื่อข้ามสะพานบ้านโนนคอย ต.หนองพลวง อ.จักราช จ.นครราชสีมา ก่อนจะช่วยไว้ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

น้ำแรงซัดรถยนต์ตกถนน
ที่ อ.จักราช มีปริมาณฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีมวลน้ำฝนสะสมไหลเข้าท่วมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 ถนนเพชรมาตุคลา (สายอ.เฉลิมพระเกียรติ-อ.จักราช) ระหว่าง ก.ม.33+900-34+100 ฝั่งขาเข้า จ.นครราชสีมา หน้าปั๊มน้ำมันปตท.ก่อนเข้าเมืองจักราช มีน้ำท่วมขังผิวทางจราจร 2 ช่องทาง มีระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร ทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้

ปริมาณน้ำยังได้ไหลหลากท่วมนาข้าวและโรงงานในเขตสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนสาขานครราชสีมา ทางอำเภอ ภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งกู้ภัยต้องเข้าช่วยเหลืออพยพคนงาน และผู้ประสบภัยกันจ้าละหวั่น

กู้ภัยฮุก 31 โคราช จุดจักราช ยังได้รับแจ้งจากร.พ.จักราช เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 ต.ค.ว่า มีรถยนต์พยายามจะขับฝ่ากระแสน้ำ เพื่อข้ามสะพานบริเวณสะพานบ้านโนนคอย ต.หนองพลวง อ.จักราช แต่สู้กระแสน้ำไม่ไหว ทำให้ควบคุมรถไม่ได้ และเครื่องยนต์ดับ รถตกถนนลอยตามกระแสน้ำไป ทีมกู้ภัยฮุก31 จุดจักราช จึงประสานชุดเฉพาะกิจฮุก 31 และทีมกู้ภัยทางน้ำที่อยู่ระหว่างช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง เข้าช่วยเหลือเป็นกรณีเร่งด่วน เพราะกระแสน้ำค่อนข้างแรง โชคดีที่กู้ภัยสามารถเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที ซึ่งผู้ขับขี่ยังมีอาการตกใจแต่ว่าปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอันตราย ส่วนรถที่จมน้ำไปกว่าครึ่งคัน กู้ภัยได้ใช้รถยกสูงลากจูงขึ้นมาจากบริเวณริมถนนตรงจุดที่มีน้ำหลากได้เป็นที่เรียบร้อย

ท่วมร.พ. – มวลน้ำจากเทือกเขาภูแลนคาไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะหน้าร.พ.ชัยภูมิ ระดับสูง 40-80 ซ.ม. ชาวบ้านกว่า 3 หมื่นคนเดือดร้อน เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

ชัยภูมิท่วมเมือง-หนักสุดใน 50 ปี
ที่จ.ชัยภูมิ อิทธิพลพายุโนรู ทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องบนเทือกเขาภูแลนคา และเขตรอยต่อ อ.หนองบัวแดง และอีกหลายๆ อำเภอจนทำให้สถานการณ์น้ำป่าทะลักจากเทือกเขาภูแลนคา เกิดน้ำหลากล้นสันเขื่อนลำปะทาวมาต่อเนื่องทะลักทุกทิศทางเข้าท่วมตัวเมืองโซนเศรษฐกิจย่านกลางเมืองชัยภูมิ ตลอดทั้งคืนรวมถึงมีฝนตกลงมาในช่วงค่ำอีก ทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นทั้งขยายวงกว้างท่วมสูงขึ้นส่งผลกระทบ เกิดน้ำท่วมขังสูงในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ 25 ชุมชน ชาวบ้านได้รับผลกระทบและเดือดร้อนหนัก

ทั้งยังคงมีมวลน้ำป่าที่กำลังไหลลงมาจากอ่างเก็บน้ำลำประทาว และห้วยยางบ่าเข้าสมทบอีก ซึ่งจะทำให้มีมวลน้ำมหาศาล เข้าท่วมพื้นที่ อ.เมือง และเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิต่อเนื่อง ทำให้ขณะนี้ในเขตเทศบาล ถนนทุกสายจมอยู่ใต้น้ำ ระดับน้ำท่วมสูง 40-80 ซ.ม.ในพื้นที่ลุ่มต่ำ รถเล็กไม่สามารถขับผ่านไปได้ ถนนหลายสายย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองชัยภูมิถูกน้ำท่วม ศูนย์ราชการหลายหน่วยงานถูกน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะถนนจาก 5 แยกโนนไฮ-อนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล หน้าโรงพยาบาลชัยภูมิ หน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ และตลาดสดเทศบาล น้ำเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ซึ่งในขณะนี้การเดินทางต้องใช้เรือในการเดินทาง

โดยน้ำท่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 มีผู้เดือดร้อนแล้วประมาณกว่า 2,500 ครอบครัว ประชากรกว่า 30,000 คน ซึ่งชั้นล่างอาศัยอยู่ไม่ได้แล้ว ตามพื้นที่หมู่บ้านต่างๆ น้ำป่ายังหลากท่วมสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ที่ถือว่าหนักสุดอีกรอบกว่า 50 ปี ชาวบ้านต้องอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของตัวบ้าน รอคอยความช่วยเหลือ มีประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนถูกตัดขาดเข้าออกชุมชนไม่ได้ เทศบาลเมืองชัยภูมิต้องตั้งโรงครัว นำข้าวกล่องไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านได้กินข้าว มีน้ำสะอาดดื่มวันละ 3 มื้อ

จ.ชัยภูมิ ประกาศเป็นพื้นที่เขตภัยพิบัติน้ำท่วมอีก 5 อำเภอ คืออ.จัตุรัส อ.บำเหน็จณรงค์ อ.บ้านเขว้า อ.หนองบัวระเหว อ.เนินสง่า หลังจากก่อนหน้าที่อ.เมือง และอ.คอนสวรรค์ ประกาศเป็นเขตพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว รวมทั้งหมด 7 อำเภอ

นอกจากนี้มีรายงานมีรถกระบะขับฝ่าน้ำท่วมตกหลุมขนาดใหญ่จากงานก่อสร้างท่อระบายน้ำในตัวเมืองชัยภูมิ เสียหาย 1 คัน ส่วนที่อ.บ้านเขว้า บริเวณถนนเส้นบ้านหางเรียง-ป่าไม้แดง มีคนขับรถกระบะที่ขับฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวไม่พ้นถูกกระแสน้ำซัดตกลงทุ่งนา และช่วยชีวิตคนขับและญาติไว้ได้

ที่จ.อุตรดิตถ์ เกิดน้ำป่าไหลหลากลงสู่ลำห้วยคูคลองต่างๆ อย่างรวดเร็วเพิ่มระดับความสูง จนเอ่อล้นทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.ลับแล อ.พิชัย อ.ทองแสนขัน และ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์

ทั้งนี้ อ.ท่าปลา เป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในรอบ 10 ปี น้ำป่าที่ไหลลงสู่คลองสิงห์ด้วยความรวดเร็ว เชี่ยวกราด ทะลักท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน 6 ตำบล กว่า 1000 หลังคา ชาวบ้านต่างเร่งอพยพ ผู้สูงอายุ เด็ก สัตว์เลี้ยง รถยนต์ และสิ่งของเท่าที่จำเป็นมารวมไว้บริเวณถนนกลางหมู่บ้าน และพื้นที่สูงพ้นน้ำ เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว สูงกว่า 3 เมตร หากเป็นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมมิดหลังคาบ้านชั้นเดียว

วารินฯยังอ่วมน้ำมูนยังสูง
ที่จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยขะยุง อ.วารินชำราบ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จ.อุบลราชธานี ปิดกั้นเส้นทางและชี้แจงผู้ใช้เส้นทางบนทางหลวงหมายเลข 226 ช่วง ก.ม.ที่ 313-324 เชื่อมระหว่าง อ.วารินชำราบไปอ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังจังหวัดอีสานตอนล่าง และเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ไม่สามารถใช้เส้นทาง ดังกล่าวได้ยาวกว่า 1 กิโลเมตร เนื่องจากน้ำจากลำห้วยขะยุงที่เป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูน ถูกแม่น้ำมูนที่ล้นตลิ่งดันกลับจนน้ำไหลท่วมเส้นทางดังกล่าวสูงกว่า 70 เซนติเมตรรถทุกชนิดไม่สามารถแล่นผ่านได้

ขณะมีบ้านเรือนกว่า 200 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วม โดยระดับน้ำมีความสูงกว่า 1 เมตรขึ้นไป รวมทั้งมีกระแสน้ำไหลแรง ต้องอพยพชาวบ้านให้ออกมาพักอยู่บนถนนสาย 226 ในจุดที่น้ำยังท่วมไม่ถึงชั่วคราว ชาวบ้านต้องขนข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งข้าวเปลือก ที่เป็นพันธุ์ข้าวไว้ปลูกฤดูกาลหน้าออกมาป้องกันความเสียหาย

โดยแม่น้ำมูนที่ไหลผ่าน อ.วารินชำราบ และ อ.เมืองอุบลราชธานี มีระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวาน 28 เซนติเมตร ทำให้น้ำไหลท่วมถนนบายพาสเส้นหาดคูเดื่อไปห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ต้องปิดการจราจรฝั่งขาเข้าจากอำเภอวารินชำราบมาอำเภอเมืองแบบเด็ดขาด เนื่องจากมีระดับน้ำสูงรถเล็กแล่นผ่านไม่ได้

พร้อมเตรียมรถทหารออกมาบริการประชาชน นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการไปทำงาน เรียนหนังสือ บางแห่งมีการสั่งปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3-7 ต.ค. เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนแล้ว

พ.ต.อ.บุรภัช บุรีภักดี ผกก.สภ.ห้วยขะยุง เผยว่า ระดับน้ำเริ่มไหลเข้าท่วมถนนและระดับน้ำได้สูงขึ้นเรื่อยๆ จึงทำป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งเส้นทางเลี่ยง โดยให้กลับรถไปใช้เส้นทางวารินชำราบ-อ.สำโรง ต่อไปยังอ.กันทรารมย์ หรืออีกเส้นทางคือ ไปทางเขื่อนหัวนา มุ่งหน้า อ.กันทรารมย์ ซึ่งยังไม่ถูกน้ำไหลท่วม

พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้เส้นทางที่จะเดินออกจาก จ.อุบลราชธานี ไปยังจังหวัด ใกล้เคียง หรือเดินทางมาจากต่างจังหวัด เข้ามายังจ.อุบลราชธานี ให้ตรวจสอบเส้นทางก่อน เพราะการจราจรอาจติดขัด และมีน้ำไหลท่วมถนน เนื่องจากแม่น้ำมูนยังสูงขึ้นต่อเนื่อง

ที่จ.บุรีรัมย์ มวลน้ำเหนือจากจังหวัดนครราชสีมาไหลมาสมทบลงแม่น้ำมูน ส่งผลให้ปริมาณน้ำมูนที่ไหลผ่าน อ.สตึก หนุนขึ้นต่อเนื่องวันละกว่า 10 เซนติเมตร เอ่อล้นตลิ่งหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ถนนในหมู่บ้าน และบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ ต.นิคมเป็นวงกว้างถึง 6 หมู่บ้าน 47 หลังคาเรือน หลายหลังที่ระดับน้ำท่วมสูงจนไม่สามารถอยู่ได้ต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติชั่วคราว

จากการสำรวจมีบ้านเรือนราษฎรที่ถูกน้ำท่วมตัวบ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน 47 หลังคาเรือน บางส่วนย้ายไปอยู่อาศัยบ้านญาติชั่วคราวแล้ว แต่บางหลังยังประสงค์ที่จะอาศัยอยู่ในบ้านที่น้ำท่วมไปก่อน จนกว่าน้ำจะท่วมสูงถึงขั้นวิกฤตไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ถึงจะอพยพ ซึ่งเบื้องต้นทาง อบต.นำเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์มาไว้ให้บริการรับ-ส่งชาวบ้านที่บ้านโคกกล่อง

สิงห์บุรีชาวบ้านไร้ที่นอน
ที่จ.สิงห์บุรี น้ำไหลข้ามถนนสาย 309 สิงห์บุรี-อ่างทองตั้งแต่บริเวณสามแยกพิกุลทอง ไปถึงด้านหน้าวัดปราสาท ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร มวลน้ำไหลข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนอีกฝั่งถนนก่อนจะไหลลงทุ่งพิกุลทองต่อไป โดยการจัดการบริหารงานในพื้นที่ หลังจากพนังดินกั้นน้ำพังลงในพื้นที่หมู่ที่ 5 องค์การบริหารส่วนตำบลโรงช้างนำกระสอบทรายมากั้นน้ำในพื้นที่ด้านเหนือของหมู่ที่ 5 ไม่ให้น้ำไหลเข้าพื้นที่ตำบลโรงช้าง ส่วนทางด้านทิศใต้มีการนำดินและหินคลุกมาก่อเป็นพนังดินชั่วคราว เพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบล พระงาม ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่พัก บางคนต้องอาศัยนอนในรถตู้บ้าง รถจักรยานยนต์พ่วงข้างบ้าง นอกจากนี้ในคืนที่ผ่านมา มีฝนตกลงมา ทำให้ได้รับความลำบากเพิ่มขึ้นอีก ข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขนย้ายออกมาไว้ริมถนน ถูกน้ำฝนได้รับความเสียหาย

จ.ลพบุรี เกิดมวลน้ำขนาดใหญ่ได้ไหลหลากเข้าท่วมถนนสาย ลพบุรี-วังม่วง และไหลบ่าข้ามถนนไปท่วมพหลโยธินขาเข้า และขาออกตัวเมืองลพบุรี เป็นระลอกที่ 3 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้รถเล็กสัญจรผ่านไปมาได้อย่างลำบาก โดยเฉพาะถนนสายลพบุรี-วังม่วง ตั้งแต่บริเวณสี่แยกไฟแดงนิคมสร้างตนเองไปจนถึงประตู 2 โรงงาน มินีแบ และถนนเส้นเลี่ยงเมืองลพบุรี บริเวณสามแยกไทวัสดุ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ประกอบด้วย ตำบลนิคมสร้างตนเอง ตำบลท่าศาลา ตำบลกกโก ได้มีน้ำป่าที่ไหลมาตามคลองระบายน้ำและล้นตลิ่ง ออกมาท่วมผิวการจราจร ระยะทางยาวกว่า 800 เมตร ระดับน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร และยังได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าบริเวณริมถนน ได้รับความเสียหายชาวบ้านต้องเร่งนำกระสอบทรายมาวางเรียงไว้บริเวณหน้าบ้าน เพื่อป้อง กันน้ำไหลหลากเข้าไปภายในตัวบ้าน

ที่หน้าว่าการอำเภอป่าโมกหลังเก่า ต.บางปลากด อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เกิดน้ำเจ้าพระยาไหลทะลักเข้าท่วมชุมชนเมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. กว่า 100 หลังคาเรือน มวลน้ำเพิ่มปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างขนย้ายทรัพย์สินออกจากตัวบ้านไปไว้ที่สูงและบางส่วนได้ขนยายสิ่งของมายังริมถนน พบรถยนต์จมน้ำ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยลากจูงขึ้นมาไว้ที่ริมถนน และกระแสน้ำยังขยายวงกว้างเอ่อล้น ข้ามถนนสาย 309 สายอ่างทอง-อยุธยา เป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอป่าโมกไปจนถึงสี่แยกไฟแดงป่าโมก

ทะลักท่วม – น้ำที่ระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ไหลผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้น้ำจากแม่น้ำน้อยเอ่อท่วมชุมชนธรรมสิทธิ์เสนา ฝั่งตรงข้ามกับตลาดบ้านแพน ต.บ้านแพน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านต้องขนข้าวของหนีวุ่น เมื่อ 2 ต.ค.

จับตาเขื่อนเจ้าพระยาไม่ลดระบาย
ที่ตลาดบ้านแพน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ มีร้านค้า โรงเรียน สถานที่ราชการ สถานีขนส่ง อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย พบระดับน้ำเพิ่มสูงอีก 10 ซ.ม. ทางเทศบาลเมืองเสนา ต้องเสริมแนวคันดินกั้นน้ำจากแนวเขื่อน พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ สูบน้ำออกตลอดเวลา

ชาวบ้านในชุมชนธรรมสิทธิ์เสนาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาดบ้านแพน ต.บ้านแพน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำจากแม่น้ำน้อยล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ถนนทางเข้าหมู่บ้าน ต้องนำรถยนต์รถจักรยานยนต์มาจอดเอาไว้บนสะพาน เจ้าหน้าที่ของเทศบาลได้ทำสะพานไม้เข้าออกชุมชน หลายคนต้องเดินลุยน้ำเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร บางส่วนใช้เรือในการสัญจร

นอกจากนี้ใน ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา จ.พระ นครศรีอยุธยา ถูกน้ำจากแม่น้ำน้อยล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนสูงกว่า 2 เมตร

ส่วนที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก เขื่อนพระราม 6 อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มการระบายน้ำที่ 733.45 ลบ.ม./วินาทีลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน ส่งผลทำให้ใน อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง อ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 10-20 ซ.ม.

โดยพบว่าที่วัดเกาะแก้วเกษฎาราม ต.บ่อโพง อ.นครหลวง และชุมชนที่ติดกับแม่น้ำป่าสัก ระดับเพิ่มสูงขึ้นล้นตลิ่งเข้าท่วมชุมชนบ้านเรือนประชาชนอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตะวันตก ต.ท้ายเกาะ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำ และเป็นพื้นที่รับน้ำต่อจาก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีระดับเพิ่มสูงขึ้นกว่า 50 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออกโดยระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางกรมชลประทานเพิ่มอัตราระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลให้น้ำเข้าท่วมวัดและโรงเรียนซึ่งอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ โดยทาง อบต.ท้ายเกาะ นำกระสอบทรายวางกันพื้นที่บางส่วน ซึ่งวัดท้ายเกาะเป็นวัดของชุมชนชาวมอญในพื้นที่มีน้ำท่วมสูงกว่า 70 เซนติเมตร ทั้งเจดีย์มอญ พระอุโบสถถูก น้ำท่วมพระเณรต้องใช้เรือเพื่อออกมาบิณฑบาต ส่วนโรงเรียนวัดท้ายเกาะก็ถูกน้ำท่วมในบริเวณโรงเรียนทั้งหมด อาคารเรียนทุกอาคารถูกน้ำท่วม

ล่าสุดปริมาณน้ำไหลผ่านที่บางไทรเฉลี่ย 3,106 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ท่าเรือเฉลิมพระเกียรติ เทศบาลเมืองปทุมธานี เวลา 09.00 น. ระดับ +2.32 ม.รทก. คาดว่าจะขึ้นสูงสุดบริเวณจุดท่าเรือ (น้ำขึ้น-น้ำลง) เวลา 21.00 น.-เที่ยงคืนที่ระดับประมาณ 2.65 ม.รทก.

ท่วมนนท์ – เจ้าหน้าที่เทศบาลนครนนทบุรี ชาวบ้าน และพระสงฆ์วัดน้อยนอก ร่วมกันวางกระสอบทรายป้องกันน้ำทะเลหนุนล้นคันกั้นน้ำเข้าท่วมชุมชนวัดน้อยนอก เชิงสะพานพระนั่งเกล้า ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

นนท์ท่วมแล้ว 250 หลัง
ที่ชุมชนวัดน้อยนอก เชิงสะพานพระนั่งเกล้า ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี นายสุรชาติ กันนิ่ม สมาชิกสภาเทศบาลนครนนทบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนนทบุรีและประชาชนร่วมกับพระสงฆ์วัดน้อยนอก ร่วมกันกรอกกระสอบทรายและวางแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วม หลังจากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ขึ้นสูงเข้าท่วมบ้านเรือนในชุมชน 250 หลังคาเรือนบางช่วงบ้านริมแม่น้ำ น้ำสูงถึง 50 เซนติเมตร

นายสุรชาติกล่าวว่า ชุมชนวัดน้อยนอกติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาน้ำจะท่วมเป็นประจำเมื่อน้ำทะเลหนุนเนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำจะท่วมเป็นช่วงน้ำขึ้นน้ำลงก็แห้ง แต่วันนี้น้ำขึ้นเร็วมากจนถึงขณะนี้น้ำยังไม่ลง เทศบาลจึงได้นำทรายและกระสอบทรายมาเพื่อวางแนวป้องกันและจะเร่งสูบน้ำออก พร้อมทั้งสร้างสะพานไม้ชั่วคราวให้ประชาชนได้เดินสะดวก

นายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวว่าเนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงสั่งให้ส่วนการโยธา สำนักช่าง เข้าช่วยเหลือประชาชน โดยเสริมแนวกระสอบทรายและ ทำสะพานไม้ให้ประชาชนที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม อาทิ บริเวณซอยวัดสลักเหนือ, ซอยมติชน ด้านในและทำสะพานทางเดิน, บ่อท่อระบายน้ำ วัดโพธิ์ทองบน, ทำสะพานทางเดินชั่วคราว บริเวณซอยหลังพระนอน วัดกู้ทำสะพานทางเดินซอยมติชนด้านใน, ทำสะพาน ซ.วัดโพธิ์ทองบนและลงหินคลุก ทำทางข้าม คันกั้นน้ำบริเวณซอยวัดโพธิ์ บ้านอ้อย รวมทั้งเฝ้าระวังแนวป้องกันน้ำท่วม ตลอดเวลา

ท่วมวัด – น้ำระบายจากเขื่อนเจ้าพระยาเอ่อท่วมวัดท้ายเกาะ ต.ท้ายเกาะ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ทั้งเจดีย์มอญ พระอุโบสถ และโรงเรียนท้ายเกาะจมน้ำ ระดับสูง 70 ซ.ม. พระต้องพายเรือบิณฑบาต เมื่อวันที่ 2 ต.ค.

กรมชลฯ เร่งระบายลงอ่าวไทย
ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเจ้าเจ็ด- บางยี่หน จ.พระนครศรีอยุธยา นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยนายเอนก ก้านสังวอน ผอ.สำนักเครื่องจักรกล ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผอ.สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา นายชุติมันต์ สกุลพราหมณ์ ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 11 นายยงยส เนียมทรัพย์ รองผอ.สำนักงานชลประทานที่ 11 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่และการเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำเพิ่มเติมในช่วงฤดูน้ำหลากนี้

นายประพิศเปิดเผยว่า กรมชลประทานใช้ระบบชลประทานในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกในการบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลอ่าวไทยให้เร็วที่สุด โดยให้โครงการชลประทานในพื้นที่รับช่วงต่อการระบายน้ำให้สอดคล้องกัน โดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นหลัก และได้สั่งการให้สำนักเครื่องจักรกลเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมบริเวณประตูระบายน้ำตามแนวคลองเจ้าเจ็ด-บางยี่หน คลองพระยาบรรลือ และคลอง พระพิมล พร้อมกำชับให้ดำเนินการกำจัด ผักตบชวาและสิ่งกีดขวางทางน้ำตลอดเส้นทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและเปิดทางให้น้ำไหลได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้ได้รับผลกระทบจากฤดูน้ำหลากให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำ ให้ทุกโครงการชลประทานสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง

พบเพิ่ม 47 องค์พระเจดีย์ถล่ม
จากกรณีเจดีย์วัดศรีสุพรรณ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ถล่มจากพิษพายุโนรู เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากฝนตกหนักไหลเข้าไปในเจดีย์ตามรอยร้าวและความชื้นในตัวเจดีย์ไม่สามารถระเหยออกมาได้นั้น

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. พระครูพิทักษ์ สุทฺธลีโล เจ้าอาวาสวัดศรีสุพรรณ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมศิลป์เข้ารื้อถอนซากเจดีย์ส่วนบนที่เหลือลงมาเพื่อความปลอดภัย โดยใช้รถแบ๊กโฮรื้อ เริ่มจากดึงส่วนบนให้ร่วงมาทางด้านที่ไม่ถูกอาคารได้จนสำเร็จ จากการตรวจสอบหลังรื้อซากเจดีย์ส่วนบนลงมา พบวัตถุมงคลเป็นพระพุทธรูปทั้งเก่าและใหม่ขนาดต่างๆ 47 องค์ หลังจากเอาส่วนบนซากเจดีย์ลงมาแล้ว ได้กั้นสังกะสีและตาข่ายเหล็ก ทำทางเดินรอบซากเจดีย์ ให้เป็นสัดส่วนและห้ามบุคคลทั่วไปเข้าใกล้เพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันคัดแยกส่วนดินอิฐโบราณ ดินเก่า ดินใหม่ เป็นสัดส่วน เพื่อให้ผู้ที่สนใจนำไปบูชาหรือนำไปเป็นมวลสารในการทำวัตถุมงคลต่อไป โดยวัดจะนำอิฐและดินโบราณที่คัดแล้วนำมาเป็นมวลสารในการสร้างเจดีย์ใหม่ต่อไป ส่วนเจดีย์ใหม่จะเป็นเจดีย์เงินหรือไม่นั้นต้องประชุมกันหลายหน่วยงานและมีมติเห็นพ้องต้องกันก่อน เพื่อให้ถูกต้องชัดเจน และป้องกันไม่ให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ขณะนี้พบวัตถุมงคลอย่างอื่นเพิ่มอีกเรื่อยๆ โดยกรมศิลป์เข้ามาตรวจสอบและขึ้นทะเบียน ก่อนมอบให้วัดนำไปเก็บรักษาต่อไป

พระครูพิทักษ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องนักท่องเที่ยวมากระทำการไม่เหมาะสมในวัดนั้นวัดได้แจ้งให้คณะกรรมการวัดทำป้ายข้อความเพิ่มเติมห้ามกระทำการไม่เหมาะสมในวัดอย่างเด็ดขาดแล้ว และแจ้งไกด์มัคคุเทศก์ แจ้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เข้าใจแล้ว ส่วนตำรวจท่องเที่ยวจะเข้ามาดำเนินการให้นักท่องเที่ยวดังกล่าวมาขอโทษชาวพุทธและวัด ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ตำรวจท่องเที่ยวไม่นิ่งนอนใจ เมื่อมีข่าวปรากฏในทางไม่เหมาะสม ก็รีบเข้ามาดำเนินการ

ด้านพ.ต.ท.มกรา ศรีสกุลพิสุทธิ์ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ กล่าวว่า สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวประสานงานกับเจ้าอาวาสวัดศรีสุพรรณ และประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อติดตามตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่กระทำการไม่เหมาะสมในวัดศรีสุพรรณ เพื่อให้มาขอโทษทางโซเชี่ยล จากการตรวจสอบพฤติกรรมแล้วนักท่องเที่ยวนั้นถ่ายคลิปในช่วงกระทำไม่ เหมาะสม โดยใช้พระอุโบสถเงินเป็นฉากหลังแล้วนำลงสตอรี่เผยแพร่ในโลกโซเชี่ยล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน