ดูแลครอบคลุม การใช้ยา-ผ่าตัด

‘ทำแท้ง’เข้าระบบหลักประกันสุขภาพ สำหรับหญิงต้องการยุติตั้งครรภ์ไม่พร้อม ไม่พึงประสงค์ สปสช.ให้เป็นสิทธิประโยชน์ ป้องกันทำแท้งเถื่อน ดูแลความปลอดภัยครอบคลุม ทั้งบริการวิธีใช้ยา การผ่าตัดศัลยกรรม มีหน่วยบริการที่มีศักยภาพ ลงทะเบียนกับกรมอนามัยแล้ว 144 แห่ง กระจายครอบคลุมพื้นที่ 23 จังหวัด

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลตระหนักถึงปัญหาจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมหรือไม่พึงประสงค์ ที่ผ่านมามีหญิงตั้งครรภ์ไม่น้อยต้องประสบภาวะการยุติการตั้งครรภ์อย่างไม่ปลอดภัย นำไปสู่อันตรายและเสียชีวิต หรือความผิดปกติ หรือทุพพลภาพอย่างร้ายแรงของทารกที่จะคลอดออกมา สำนัก งานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงบรรจุบริการป้องกันการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย ให้เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ ผู้หญิงไทยทุกอายุ ทุกสิทธิการรักษา ที่จำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์จากภาวะการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม ครอบคลุมการให้บริการทั้งวิธีการใช้ยา หรือวิธีการทางศัลย กรรม โดยมีหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่มีศักยภาพ ให้บริการยุติการตั้งครรภ์ด้วยยา ซึ่งลงทะเบียนกับกรมอนามัยจำนวน 144 แห่ง ครอบคลุม 23 จังหวัด

น.ส.รัชดากล่าวว่าการขอรับหรือการให้บริการยุติการตั้งครรภ์ เป็นไปตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ที่เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2565 และมีผลบังคับเมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันประกาศ ที่กำหนดให้หญิงซึ่งมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ ยุติการตั้งครรภ์ได้โดยไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา แต่ผู้หญิงนั้นต้องได้รับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และผู้ประกอบวิชาชีพอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ รมว.สาธารณสุข ประกาศกำหนด โดยคำแนะนำแพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หญิงนั้นได้รับข้อมูลที่รอบด้านก่อนการตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์

รองโฆษกรัฐบาลกล่าวอีกว่า สปสช.ได้รวบรวมข้อมูลการบริการ เพื่อป้องกันการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งปีงบประมาณ 2565 มีหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับการดูแล 12,544 ราย และเพื่อป้องกันภาวะการตั้งครรภ์ไม่พร้อม รวมถึงปัญหาท้องไม่พร้อมในกลุ่มวัยรุ่น กองทุนบัตรทองได้จัดสิทธิประโยชน์บริการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร อาทิ การใส่ห่วงอนามัย ฝังยาคุมกำเนิดแก่ผู้หญิงหลัง ยุติการตั้งครรภ์ด้วย

น.ส.รัชดากล่าวว่าสำหรับปีงบประมาณ 2566 สปสช.เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่ร้านยา และยังขยายหน่วยบริการ โดยให้ไปรับบริการคุมกำเนิดชั่วคราวที่ร้านยา คลินิกเวชกรรม คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกพยาบาล ที่เข้าร่วมโครงการ นอกเหนือจากรับบริการที่โรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการอื่นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

อีกทั้งเพิ่มการเข้าถึงสิทธิประโยชน์สำหรับบริการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร ด้วยวิธีใส่ห่วงอนามัยและการฝังยาคุมกำเนิด จากเดิมที่ให้เฉพาะหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี และกรณีอายุมากกว่า 20 ปี เฉพาะหลังการยุติการตั้งครรภ์เท่านั้น เป็นให้สิทธิกับหญิงวัยเจริญพันธุ์ทั้งหมด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน