เมื่อวันที่ 15 ต.ค. นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังจากคิกออฟฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มเด็กเล็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ขวบ เมื่อวันที่ 12 ต.ค. แต่ด้วยสัปดาห์นี้เป็นช่วงวันหยุดยาว ทำให้จำนวนการฉีดกำลังทยอยเพิ่มเข้าในระบบ ปัจจุบันก็ฉีดได้หลายร้อยโดสแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีตัวเลขที่เป็นทางการ ขณะเดียวกันยังไม่มีรายงานอาการแพ้รุนแรง หรือภาวะแทรกซ้อนที่กังวล เช่น ไข้สูง ชัก หรือกล้ามเนื้อ หัวใจอักเสบ เป็นต้น ส่วนใหญ่เด็กจะร้องไห้ตอนฉีดวัคซีน เกิดบวมบริเวณที่ปักเข็ม ซึ่งการฉีดวัคซีนเด็กเล็กในต่างประเทศเป็นหลายล้านโดสก็ยังไม่พบปัญหาอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ปกครองยังกังวลภาวะแทรกซ้อน นพ.โสภณกล่าวว่า ตอนที่เริ่มฉีด ในเด็กโต แนะนำว่าให้สังเกตอาการ 7 วันหลังรับวัคซีน โดยงดทำกิจกรรมออกกำลังกาย ที่ต้องใช้แรงเยอะ หากเด็กมีอาการเหนื่อย กินข้าวไม่ค่อยได้ ให้รีบพามาพบแพทย์ ทั้งนี้ข้อมูลจากต่างประเทศ พบว่า อาการแทรกซ้อนในเด็กเล็กเกิดได้น้อยกว่าเด็กโต อย่างกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการฉีดวัคซีนไม่ได้เกิดขึ้นง่าย เมื่อเทียบกับกลุ่มเด็กที่ติดโควิดแต่ไม่ได้รับวัคซีน เด็กติดเชื้ออาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบร่วมกับการอักเสบทั่วร่างกาย มีโอกาสรุนแรงเสียชีวิตได้ง่าย ซึ่งเราเคยเจอในช่วงเดลตาระบาด ดังนั้น การฉีดวัคซีนคุ้มค่ากว่าการเสี่ยงให้ติดเชื้อโดยธรรมชาติ

“ช่วงปลายปี คือธ.ค.2565 ถึง ม.ค.2566 น่าจะมีการระบาดในต่างประเทศ ตอนนี้เริ่มเห็นข้อมูลในยุโรป สิงคโปร์ ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น การฉีดวัคซีนเด็กเล็กที่เป็นกลุ่มเดียว ที่ยังไม่ได้ รับวัคซีน และป้องกันตนเองได้น้อยกว่ากลุ่มอื่นจึงมีความสำคัญ กรมควบคุมโรคจะพยายามเร่งฉีดให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยให้ได้เท่ากับเด็กโต คือ เข็มแรกฉีดได้ 2 ใน 3 และเข็ม 2 ประมาณครึ่งหนึ่ง แต่เด็กโตฉีดที่โรงเรียนได้ เด็กเล็กบางคนก็ยังอยู่ในศูนย์เด็กเล็ก จึงต้องขอความร่วมมือผู้ปกครองพามารับวัคซีน ยิ่งให้วัคซีนครบทุกกลุ่มวัย ก็จะทำให้ประเทศปลอดภัยมากขึ้น” นพ.โสภณกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน