บิ๊กตู่ฟุ้ง-12เดือนพลิกโฉมประเทศ

‘บิ๊กตู่’ ลั่นบริหารงานยึด 3 คำ ‘ทำให้สำเร็จ’ ตั้งเป้า 12 เดือน พลิกโฉมประเทศไทย สู่อนาคตยันเป็นผู้นำต้องอดทน ไม่เสียสมาธิกับเสียงวิจารณ์ ยอมรับแข็งกร้าวทำให้ เสียเพื่อน พปชร.เปิดตัว 19 ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ มั่นใจคัมแบ๊กตั้งรัฐบาล ‘ป้อม’ ชี้ยังไม่ถึงเวลา ดีลจับมือเพื่อไทย บอกให้รอใกล้เลือกตั้ง ‘ไตรรงค์’ ทิ้ง ปชป. เผย 5 พรรคตั้งใหม่รุมจีบ ‘ทนายแม้ว’ โต้เดือด ‘ชวน’ พูดเอาดีใส่ตัว คดีฟ้องหมิ่นปมกรือเซะ-ตากใบ ‘ทนายชวน’ กรีดกลับ ไม่คิดหนีคดีเหมือน ‘ทักษิณ’ ชี้ยึดกระบวนการยุติธรรม

‘บิ๊กตู่’ลั่นยึด 3 คำ‘ทำให้สำเร็จ’
เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 27 ต.ค. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “Accelerating Thailand (พลิกโฉมประเทศไทย)” ว่าแนวทางการทำงานของตนในการ ขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า หลักการสำคัญตนสรุปได้ใน 3 คำ คือ “ทำให้สำเร็จ” (GET THINGS DONE) คือการทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเตรียมประเทศให้พร้อมสำหรับอนาคต

ตนดีใจที่จะบอกว่าวันนี้เราเดินมาได้ไกลแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับโรคระบาดร้ายแรง แต่เรายังคงสู้อยู่บนเส้นทางที่ มุ่งไปสู่เป้าหมาย ต้องขอขอบคุณความ ร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล ความใจสู้ของข้าราชการไทย ความไม่ยอมแพ้ของภาคเกษตรกรและภาคเอกชน และที่สำคัญที่สุด คือสปิริตของคนไทย ที่พร้อม ร่วมมือกัน และเต็มใจที่จะเสียสละบางอย่าง เพื่อประโยชน์ของประเทศใน วงกว้าง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ โชว์วิสัยทัศน์ผลงานที่ผ่านมากว่า 30 นาที โดยเฉพาะผลงานด้านการคมนาคมการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงสร้างพื้นฐาน ที่จะทำให้ระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพฯ อยู่ระดับเดียวกับที่โตเกียวและใกล้เคียงกับที่ลอนดอน ในเรื่องระยะทางและจำนวนสถานี

รับแข็งกร้าวเสียเพื่อน-12 เดือนฉลุย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าถ้าจะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จต้องมีความอดทนและเข้าใจเมื่อผลที่ได้อาจไม่เพอร์เฟ็กต์ แต่เพื่อให้ชิ้นงานต่างๆ เกิดขึ้นได้ หลายคนอาจเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ แต่เป็นวิธีการบริหารที่ตนเชื่อว่าสังคมจะเดินหน้าไปได้โดยไม่ทิ้งรอยแตกร้าวอย่างถาวร ระหว่างคนกลุ่มต่างๆ เมื่อทำงานสไตล์นี้อาจมีคนสงสัยว่าทำไมบางทีตนใจร้อนเกินไป หรือบางทีใจเย็นเกินไป เพราะพยายาม ผสมผสานความแข็งกร้าวเพื่อให้งาน เดินหน้ากับความยืดหยุ่นเพื่อให้หลายกลุ่มหลายฝ่ายเดินไปด้วยกันได้ หลายครั้งอาจไม่ได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ จึงต้องเรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรที่ต้องทำให้ เกิดขึ้นให้ได้ และอะไรที่ตนควรปล่อยผ่านไปก่อน

“ผมตระหนักดีว่า บางครั้งความแข็งกร้าวของผมทำให้ผมต้องเสียเพื่อน แต่เป็นสิ่งที่ผมต้องยอมแลกเพื่อจะทำสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับประเทศ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ จึงขอให้ทุกคนเข้าใจในความตั้งใจของผมที่พยายามขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ ทั้งหมดตั้งเป้าที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จเรียบร้อย ภายในไม่เกิน 12 เดือน ข้างหน้านี้และเมื่อทำสำเร็จได้ ก็เหมือนเราเร่งเครื่องผ่านเนินเขาช่วงที่ชันที่สุดไปได้ แล้วประเทศไทยจะวิ่งต่อไปข้างหน้า สู่การเป็นประเทศผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้ในที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ไม่ไขว้เขว-เสียสมาธิกับคำวิจารณ์
หน้าที่ของตนคือพยายามบริหารจัดการ ขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ที่บางครั้งอาจมีอุปสรรค มีเสียงวิจารณ์อยู่บ้าง ในมุมมองของคนภายนอกอาจเห็นว่ามีแต่เรื่องวุ่นวาย แต่ในที่สุดแล้วขอให้ดูผลลัพธ์ที่โครงการเหล่านั้นเกิดขึ้นได้จริง เสียงวิจารณ์เรื่องต่างๆ เป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตยที่แข็งแรง แต่เราไม่ควรไขว้เขวหรือเสียสมาธิไปจากเรื่องใหญ่ๆ เรื่องสำคัญของประเทศ เพราะเรารู้ว่าในที่สุดแล้วไม่มีอะไรมาทดแทนผลงานจริงได้ และ สิ่งสำคัญของประเทศก็จะไม่เกิด นั่นคือเหตุผลที่ตนเลือกใช้เวลามุ่งมั่นไปกับการทำงานใหญ่ให้ประเทศ ทำให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเตรียมประเทศเราให้พร้อมสำหรับอนาคต

ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า เราได้เดินหน้ามาจนเกือบจะถึงจุดหมายแล้ว ในการสร้างพื้นฐานที่ครบครันและครอบคลุม ที่จะเป็นฐานที่แข็งแรงของประเทศที่มีความพร้อม เพื่อให้ภาคเอกชนร่วมกันสร้างประเทศ ต่อไป ไม่ว่าเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ เราทุกคนจะร่วมกันนำพาประเทศไทยไปสู่ยุครุ่งเรือง ภายในเวลา อีกไม่นานนี้

“ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ท่ามกลางสิ่งที่ยากที่สุดในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยข่าวสารที่ผิวเผินและการใช้อารมณ์ โดยไม่โอนเอนไปตามแนวทางที่จะนำเสนอข่าวสารที่ทำลายสังคม ยั่วยุปลุกปั่น เลือกข้างหรือรุนแรง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทุกท่านทราบดีว่าเป็นการทำลายประชาธิปไตยและความถูกต้องในสังคมไปทีละน้อย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นั่งหัวโต๊ะประชุมก.ตร.
หลังเสร็จงานดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)จากนั้นเดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2565 ถือเป็นครั้งแรกที่กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ หลังรอดคดีวาระนายกฯ 8 ปี โดยก่อนหน้านี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่แทน

พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงตร.ก่อนเวลาค่อนข้างมากคือ 13.05 น. ขณะที่การประชุมกำหนด 14.00 น. ทำให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ตั้งแถวรับเหมือนทุกครั้ง ด้านพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ถึงกับต้องวิ่งเพื่อมารับให้ทัน โดยพล.อ. ประยุทธ์ ยกมือแตะแขน ผบ.ตร. พร้อมกล่าวว่า ไม่เป็นไร ก่อนทักทายสื่อมวลชน และกล่าวว่า วันนี้พูดมากเจ็บท้อง แล้วเดินขึ้นไปห้องรับรองชั้น 2 ทันที

พปชร.เปิดตัว 19 ผู้สมัครส.ส.ใต้
เมื่อเวลา 15.45 น. ที่ทำการพรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประธานยุทธศาสตร์พรรค ร่วมแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ จำนวน 19 คน จาก 10 จังหวัด ได้แก่ 1.นายสุรชัย แดงละอุ่น เขต 1 จ.ชุมพร 2.นายสมมิตร ทองเหลือ เขต 2 จ.ชุมพร 3.นายธีระศักดิ์ ปางวิรุฬห์รักษ์ เขต 3 จ.ชุมพร 4.นายพงศกร พรหมสุวรรณ เขต 1 จ.ระนอง 5.นายสุนทร รักษ์รงค์ เขต 6 จ.นครศรีธรรมราช 6.นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ เขต 2 จ.พังงา 7.นายศิวกรณ์ เอ่งฉ้วน เขต 1 จ.กระบี่ 8.นายสรวิศทชากร เลขานุกิจ เขต 2 จ.กระบี่

9.นายกิตติพงศ์ ผลประยูร เขต 1 จ.ตรัง 10.นายทวี สุระบาล เขต 2 จ.ตรัง 11.พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร เขต 3 จ.ตรัง 12.พล.ต.ต.บรรลือ ชูเวทย์ เขต 4 จ.ตรัง 13.นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ เขต 6 จ.สงขลา 14.นายสมหมาย ขวัญทองยิ้ม เขต 8 จ.สงขลา 15.นายล่องทิ้น ทิพย์แก้ว เขต 9 จ.สงขลา 16.นายอริญชัย สารอ เขต 3 จ.ปัตตานี17.นายบูรฮันธ์ สะเม๊าะ เขต 4 จ.ปัตตานี 18.นายกามิน มุชิ เขต 3 จ.ยะลา 19.นายอามินทร์ มะยูโช๊ะ เขต 2 จ.นราธิวาส

นายสันติกล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แต่ละคน ล้วนเป็นผู้มีอุดมการณ์ในการที่จะมาร่วมกับพรรคเพื่อพัฒนาภาคใต้ โดยพรรคพลังประชารัฐได้รวมผู้ที่มีอุดมการณ์เข้าไปแก้ปัญหาประชาชน บำบัดทุกข์ บำรุงสุข พัฒนาเพื่อศักยภาพของจังหวัดภาคใต้ ให้ชาวใต้อยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาภาคใต้ และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคยมีรัฐบาลและหัวหน้าพรรคใดที่สามารถ ไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับประเทศตะวันออกกลางให้เกิดความแนบแน่นและไว้ใจแบบนี้ได้ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ จะส่ง ส.ส.ภาคใต้ครบทุกเขต

มั่นใจสมัยหน้าคัมแบ๊กตั้งรบ.
ด้านนายสมศักดิ์กล่าวว่า ขอเรียกว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 19 คนว่าเป็นว่าที่ ส.ส. เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ผ่านการกลั่นกรองจากคณะทำงานและหัวหน้าพรรค รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาให้กับชาวใต้มากมาย ในพรรคพลังประชารัฐมีบุคลากรที่สามารถเหนี่ยวนำเอานโยบายของรัฐบาลและพรรคผนวกเข้าด้วยกัน ทั้งเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภาคใต้ที่ได้ผล หรือการนำปลดล็อกใบกระท่อมมาใช้ประโยชน์ เปลี่ยนใบไม้เป็นเงินให้กับประชาชน เรื่องปศุสัตว์ อาหารฮาลาล รัฐบาลนี้เข้าถึงจิตใจของชาวใต้ ตนสัมผัสมาเองแล้ว และมั่นใจว่าว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จะสามารถนำชัยชนะมาสู่พรรคพลังประชารัฐและจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าได้

“พรรคพลังประชารัฐมีจุดแข็งมาก ไม่ว่าหันทิศไหน พรรคพลังประชารัฐคือรัฐบาล ไม่มีใครเถียงว่าแกนนำหลักของการจัดตั้งรัฐบาลคือ พรรคพลังประชารัฐ ดูจากหัวหน้าพรรคของเราเป็นบุคลากรที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทั้งกับข้าราชการ ส.ส. ส.ว. และใกล้ชิดสนิทสนมผูกพันกันมากมายกับนายกฯ มั่นใจว่าเราเป็นรัฐบาลแน่นอนในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพลัง ประชารัฐด้วย ผมมั่นใจในตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่มีคุณสมบัติจะเป็น ส.ส. เราจัดตัว ผู้สมัครในเกรดที่ดีมาก” นายสมศักดิ์กล่าว

เชื่อ ‘2ป.’ เข็นพปชร.เดินได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพลังประชารัฐ ยังชูพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรามีพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ทำให้เราเดินต่อไปได้ ต่อข้อถามว่า ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และพล.ประวิตร จะอยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตอบไม่ได้ ใหญ่เกินไป เพราะเป็นเรื่องใหญ่มากเกินกว่าจะไปรู้อนาคต เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายกฯ หรือยังว่าจะมีท่าทีและตัดสินใจอย่างไรกับเรื่องนี้ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้คุย

ต่อข้อถามถึงการชูนายกฯ คนละครึ่ง จะเรียกความนิยมให้พรรคได้มากน้อยแค่ไหน นายสมศักดิ์กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปกล่าวอ้างถึงเรื่องนี้เพราะประชาชนจะสับสน ให้ถึงเวลาก่อน และยังอีกนาน เพราะถ้ารัฐบาลอยู่ครบเทอมคือวันที่ 23 มี.ค.2566 และนับจากวันนี้ยังมีเวลาอีก 5 เดือน ถ้าพูดแต่เรื่องนี้ จะไม่มีเวลาตั้งใจแก้ปัญหา เพราะไปพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ สมาชิกและผู้บริหารพรรค ก็ไม่มีสมาธิทำงานกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าเชื่อมั่นว่ารัฐบาลยังอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปคิดว่ายุบสภาหรืออะไร และยังไม่มีเรื่องอะไรที่เป็นปัญหายุบสภา หรือเสียงเราดีมาก หรือแย่มากจนไปไม่ไหว ถึงขั้นต้องยุบสภา ยังไม่ใช่ทั้ง 2 อย่าง เมื่อถามถึงกระแสข่าว ที่พรรคพลังประชารัฐจะจับมือกับพรรคเพื่อไทย (พท.) นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ

‘บิ๊กป้อม’ไม่ปิดทางจับมือเพื่อไทย
เวลา 16.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อหารือร่วมกับแกนนำพรรค นานเกือบ 1 ชั่วโมง โดยพล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามเรื่องการเปิดตัว 19 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวจับมือทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยใน การเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีเงื่อนไขสนับสนุนพล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ยังไม่ถึงเวลา” เมื่อถามว่าแสดงว่ามีการพูดคุยกันอยู่ใช่หรือไม่พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “รอให้ถึงใกล้วันเลือกตั้งก่อน”

‘ไตรรงค์’ทิ้งปชป.ขอมีลมหายใจเอง
วันเดียวกัน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันนี้ผมได้ให้เลขาฯ ส่วนตัวไปยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และทุกตำแหน่งในพรรค ผมลาออก #ทั้งๆ ที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่ผมไม่ได้รักที่ตัวตึก หรือตัวบุคคล ผมไม่เคยยึดมั่นในสิ่งลวงตาเหล่านั้น ที่ผมรักก็คือ “อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์” ที่ได้ประกาศไว้ในวันก่อตั้งพรรคเมื่อปี พ.ศ.2489 จึงได้เข้าเป็นสมาชิกมาตลอดเวลา 38 ปี

ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง อุดมการณ์ปี 2489 ทั้ง 10 ข้อ จึงต้องปรับปรุงให้เข้ายุค เข้าบริบทใหม่ๆ ของประเทศและโลก ที่สำคัญที่สุดเพื่อล้อมกรอบมิให้ผู้บริหารหรือสมาชิกแสดงท่าทีที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในอุดมการณ์ เช่น ต้องไม่มีใครมีท่าทีว่าพรรคตั้งตัว เป็นศัตรูกับทหารของชาติ ศัตรูของอุดมการณ์ต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าไม่ใช่เฉพาะเผด็จการทหาร แต่หมายรวมถึงเผด็จการรัฐสภาด้วย นโยบายต่างประเทศต้องเขียนใหม่ให้ชัดว่าเราจะเป็นมิตรกับทุกประเทศ แม้ว่าระบอบการเมืองการปกครองจะแตกต่างจากของของเราที่กำลังใช้อยู่ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ได้พูดให้สมาชิกและผู้บริหารพรรคฟังเมื่อ 19 มี.ค. ที่โรงแรม Kantary Hill เชียงใหม่ ดูเหมือนว่าพรรคได้พยายามปรับปรุงจุดยืนและท่าทีคล้ายๆ อย่างที่แนะนำไว้อยู่บ้าง แต่ยังมีพรรคอื่นอีกหลายพรรคที่มีจุดยืนด้านอุดมการณ์ที่ตรงกับใจของตน ที่อยากสนับสนุน โดยเฉพาะมีอยู่หลายพรรคที่เกิดใหม่จากคนที่ต้องออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถจะบอกใครได้ (เพราะเกรงใจกัน) แต่เมื่อไปตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาก็ได้ประกาศจุดยืนแห่งอุดมการณ์ พร้อมมีนโยบายปฏิรูปหลายประการเหล่านี้ทำให้ตนเห็นด้วยและอยากสนับสนุน

เผย 5 พรรครุมจีบ
“ผมจึง#อยากขอโอกาสมีลมหายใจเป็นของตนเองสักครั้งหนึ่งในบั้นปลายชีวิตทางการเมือง เพื่อจะได้สนับสนุนพรรคใหม่ๆ (ที่ใหม่กว่าพรรคประชาธิปัตย์) การแสดงออกจะได้สามารถทำได้อย่างเปิดเผย จะได้ไม่รู้สึกว่าผมแอบเป็นกบฏลับๆ ต่อพรรคประชาธิปัตย์เพราะผมยังรักและสนับสนุนอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ แต่ก็จะสนับสนุนพรรคอื่นๆ ทุกพรรคที่ผมเห็นด้วยกับอุดมการณ์และนโยบาย จะยินดีให้ความช่วยเหลือตามที่ถูกร้องขอโดยไม่หวังผลอะไรเป็นการตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นเพราะว่าแก่แล้ว #หมายเหตุ จนถึงปัจจุบันนี้มีพรรคใหม่ๆ มาขอคำปรึกษาไปแล้วถึง 5 พรรคครับ” นายไตรรงค์กล่าว และโพสต์ปิดท้าย #ภาพประกอบ ใส่เสื้อฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมาได้ปรากฏกระแสข่าวพิธีกรข่าวชื่อดังได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ดร.ไตรรงค์ กราบลาพระแม่ธรณี ซบพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค ก่อนที่เวลาต่อมานายไตรรงค์รวมถึงแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้ ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว พร้อมยืนยันว่านายไตรรงค์ยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องจับตาท่าทีนายไตรรงค์หลังจากนี้ว่าจะไปอยู่กับพรรคใด

ทนายทักษิณโต้เดือด‘ชวน’
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก นายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กรณีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา แถลงที่รัฐสภาหลังจาก วันที่ 25 ต.ค.2565 พนักงานอัยการนำตัว ยื่นฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2555 ได้ไปบรรยายในงานโรงเรียนการเมือง ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้พูดถึงกระบวนการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดน ภาคใต้ โดยเฉพาะเหตุการณ์กรือเซะ-ตากใบเมื่อครั้งนายทักษิณ เป็นนายกฯ ที่เกิดความผิดพลาดว่า ที่นายชวนแถลงว่า รู้ว่าคดีจะขาดอายุความในวันที่ 28 ต.ค.2565 จึงมอบให้นายราเมศ รัตนะเชวง ทนายความ ประสานตำรวจและอัยการให้ฟ้องคดีเพื่อมิให้คดีขาดอายุความ เพราะ ยึดหลักเคารพกฎหมายนั้น

คดีนายทักษิณแจ้งความเอาผิดนายชวน มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร มาตั้งแต่ ปี 2555 นับถึงเวลานี้จะเกือบ 10 ปี ต้องย้อนถามนายชวนว่าใครกันแน่ที่ทำให้คดีล่าช้า มาเป็นเวลา 10 ปี ยึดหลักเคารพกฎหมาย และอยู่ภายใต้กฎหมายอย่าง เท่าเทียมกัน พร้อมสู้คดีจริงหรือไม่

ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนมีหมายเรียกนายชวน มารับทราบข้อกล่าวหาถึง 4 ครั้ง แต่นายชวนไม่มาตามหมายเรียก เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนขอศาลออก หมายจับนายชวนไม่มารับทราบข้อกล่าวหาทำให้พนักงานสอบสวนไม่สามารถนำตัวส่งอัยการส่งฟ้องต่อศาลได้ จึงเป็นเหตุให้คดีล่าช้ามาถึงเกือบ 10 ปี ที่นายชวนอ้างว่าอีก 3 วันคดีจะขาดอายุความ จึงขอให้ตำรวจและอัยการยื่นฟ้องตนต่อศาลนั้น เอาอำนาจอะไรไปสั่งให้องค์กรตำรวจและอัยการฟ้องคดีนี้ การพูดเช่นนี้ถือว่าองค์กรตำรวจและอัยการเสียหาย ทำให้ประชาชนสับสน องค์กรตำรวจ และอัยการต้องออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่าง ท้ายนี้ฝากเป็นข้อคิดทุกคนว่าอย่าพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ผู้อื่น

‘ราเมศ’กรีดกลับไม่คิดหนีคดี
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา ทนายความของนายชวน ตอบโต้ว่า คดีนี้หลังมีการแจ้งความตำรวจได้เรียกสอบพยานหลายคน ทั้งผู้ไปฟัง นายชวนบรรยายในวันเกิดเหตุ รวมถึงพยานบุคคลคนอื่นๆ ด้วย นักกฎหมาย จะทราบดีว่าเมื่อมีใครไปแจ้งความ ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับบุคคลใด ตำรวจมีอำนาจสอบสวนตรวจหลักฐาน หาพยาน หลักฐานเบื้องต้นได้ว่าคดีจะมีมูลความผิดหรือไม่เพียงใดก่อนแจ้งข้อหา คดีนี้ก็เช่นกันที่มีการสอบพยานหลายคนในชั้นสอบสวนก่อนดำเนินการต่อ

“ผมกล่าวไว้ชัดว่าที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนมีหมายเพื่อนัดวันเวลากัน แต่เวลาไม่ตรงกัน จึงเลื่อนเวลานัดพบและเป็นเรื่องปกติในทางคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนแจ้งว่าจะนัดหมายกันใหม่ แต่ก็ไม่ได้นัดหมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระทั่งคดีได้เงียบหายไป ทุกฝ่ายคิดว่า ยุติไปแล้ว ไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนีหรือประวิงคดี ที่สำคัญ นายชวนไม่เคยคิดหนีคดีเหมือนนายทักษิณ” นายราเมศ กล่าว

ยึดกระบวนการยุติธรรม
หมายเรียกล่าสุดส่งไปที่บ้าน จ.ตรัง คือหมายเรียกลงวันที่ 22 ต.ค.2565 ให้นายชวนไปรับทราบข้อหาในวันที่ 25 ต.ค. 2565 เวลา 10.00 น. หมายเรียกถึงบ้านนายชวน 26 ต.ค.2565 เวลา 10.35 น.ออกมาก่อนคดีหมดอายุความในวันที่ 28 ต.ค.2565 และนายชวน เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้องคดี เนื่องจากตนทราบว่าคดีนี้สำนวนอยู่ที่สำนักงานอัยการแล้ว

“ที่กล่าวหานายชวน ใช้สิทธิอะไร สั่งตำรวจและอัยการนั้น ตำรวจและอัยการทราบดีถึงกระบวนการ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดได้ชี้แจงรายละเอียดครบถ้วนแล้ว และนายชวนไม่มีอำนาจไปสั่งตำรวจและอัยการแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ของแต่ละองค์กร อายุความที่เหลือ 3 วัน ถ้าคิดจะหนีคดีเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดีคงหนีไปแล้ว แต่เรื่องนี้สาระสำคัญสุดท้ายคือเข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดี ไม่เคยคิดหนีคดี ที่นายชวนให้สัมภาษณ์เป็นการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่พูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น” นายราเมศกล่าว

ถก‘ก.ตร.’ – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานประชุมก.ตร. มีวาระสำคัญเลื่อนแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองผบก.-สว. ไปเป็นวันที่ 31 ธ.ค. โดยมีพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. นำรองผบ.ตร.ร่วมประชุมพร้อมเพรียง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ต.ค.

เลื่อนตั้งรองผบก.-สว.ไป31ธ.ค.
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2565 โดยมีระเบียบวาระการประชุม 4 วาระ เรื่องที่เสนอเพื่อพิจารณา 10 เรื่อง

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกตำรวจแถลงหลังประชุมว่า กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานของอนุกรรมการก.ตร.ชุดต่างๆ ที่ก.ตร.มอบหมายให้ไปปฏิบัติ และพิจารณาการบริหารงานบุคคลให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ เช่น กระบวนการในการแต่งตั้งก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ

ส่วนเรื่องสำคัญจะขยายระยะเวลาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในระดับรองผบก.ถึงสว. ซึ่งทุกปีจะแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย. แต่ปีนี้เนื่องจากมีภารกิจการประชุมเอเปค 2022 ในเดือนพ.ย. จึงให้ขยายไปให้แล้วเสร็จภายใน 31 ธ.ค.2565 ส่วนงานบริหารงานบุคคลอื่นๆ มีการกำหนดตำแหน่งข้าราชการตำรวจตามที่หน่วยต่างๆ ได้ร้องขอมา เพราะเหตุการณ์ปัจจุบันมีสถานการณ์ และความจำเป็นที่จะต้องกำหนดตำแหน่งเพิ่มเติมให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วาระนี้จึงให้ก.ตร.เป็นผู้พิจารณา ซึ่งตำแหน่งที่กำหนดเป็นตำแหน่งที่หน่วยได้ร้องขอขึ้นมาในเรื่องศปก.ตร. และสำนักงานผบ.ตร. ในระดับผบช. ส่วนตำแหน่งรองผบช. มีตำแหน่งสำคัญที่เพิ่มขึ้นมาของ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กองบัญชาการศึกษา เป็นต้น รวมทั้งหมด 10 ตำแหน่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน