เกือกหัวเหล็ก อาวุธสังหาร! ฉุนจ่ายเงินช้า
จับแล้วลูกน้องโหดใช้รองเท้าหัวเหล็กเตะผู้รับเหมาก่อสร้างดับคาเท้า แล้วนำศพไปโยนทิ้งริมทางย่านบางพลี จากนั้นทำเนียนเป็นเจ้านายโพสต์ขายทรัพย์สินเอง จนขายรถจยย.ได้ 1 คัน ตร.ตามล็อก สารภาพสิ้นไส้ คับแค้นใจจ่ายค่าจ้างช้า ช่วงติดโควิดก็ไร้รายได้ แถมเมียก็เริ่มท้องแก่ จนเครียดสะสมและลงมือก่อเหตุ
จากกรณีพบศพนายมกรธวัช หรือโต้ง ก้องวัฒนพงศ์ อายุ 37 ปี ผู้รับเหมาต่อเติมบ้านและอาคาร ถูกฆาตกรรมนำศพมาหมกไว้ในป่าข้างทาง ในต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 29 ต.ค. สภ.บางแก้วเข้าตรวจสอบคาดถูกฆาตกรรมมาจากที่อื่น โดยเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน โดยผู้ตายมีที่พักเป็นห้องเช่าย่านหลังวัดหนามแดง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ขณะนายจีระศักดิ์ หรือนิว เรียนเที่ยง อายุ 20 ปี ลูกน้องคนสนิทหายตัวไป จึงไล่เรียงกล้องวงจรปิดพบนายนิวขับรถยนต์ของผู้ตายออกไป ประกอบพยานหลักฐานอื่นที่ฝ่ายสืบสวนได้มาจึงมั่นใจว่าผู้ก่อเหตุรายนี้คือนายนิว และได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมเข้าจับกุมนายนิวที่ หลบไปอยู่ห้องพักของเพื่อนย่านมีนบุรี โดยนายนิวรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง
ล่าสุดวันที่ 31 ต.ค. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.พัลภล แอร่มหล้า ผบก.สมุทรปราการ และพ.ต.อ.มงคล อ่อนแก้ว ผกก.สภ.บางแก้ว และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันคุมตัวนายจีระศักดิ์ หรือนิว มาสอบปากคำและร่วมกันแถลงข่าวปิดคดีนี้ พร้อมกับของกลางที่ติดตามยึดคืนมาได้ ประกอบด้วย รองเท้าหัวเหล็กที่ใช้สวมใส่ขณะก่อเหตุฆ่าผู้เสียชีวิตรวมถึงอุปกรณ์เครื่องช่างที่ชิงทรัพย์ไปหลังก่อเหตุ
พล.ต.ท.จิรพัฒน์กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง สาเหตุมาจากความคับแค้นใจเรื่องทำงานประกอบกับค่าแรงที่ผู้ตายจ่ายล่าช้า อีกทั้งก่อนก่อเหตุ ผู้ต้องหาติดโควิดต้องหยุดทำงานทำให้ไม่มีเงินใช้จ่าย อีกทั้งภรรยากำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนจึงเกิดความเครียดสะสม กระทั่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงแวะซื้อสุรามาดื่มจนเมาและตัดสินใจไปหา ผู้ตายที่ห้องพักเพื่อเคลียร์ปัญหาต่างๆ ด้วยความที่ผู้ต้องหาอารมณ์ร้อนพอเดินทางมาถึงจึงลงมือก่อเหตุด้วยการชกต่อยและเตะด้วยรองเท้าคอมแบตหัวเหล็กไปหลายครั้งจนายมกรธวัช หรือโต้งเสียชีวิต หลังก่อเหตุกลัวความผิดจึงนำรถยนต์ของผู้ตายใส่ศพนำมา ทิ้งข้างทาง จากนั้นย้อนกลับมานำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปจอดหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง แล้วค่อยหลบหนีออกจากพื้นที่
เตะตาย – ตำรวจสภ.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ คุมตัวนายจีระศักดิ์ หรือนิว เรียนเที่ยง ไปทำแผนในที่เกิด บุกเข้าชกต่อยทำร้ายนายมกรธวัชหรือโต้ง ก้องวัฒนพงศ์ และเตะด้วยรองเท้าหัวเหล็กจนเสียชีวิตแล้วนำศพไปทิ้ง และถูกตร.จับได้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.
พล.ต.ท.จิรพัฒน์กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหารายนี้วางแผนสร้างเรื่องราวทั้งหมดให้เปรียบเสมือนผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ด้วยการนำโทรศัพท์ของผู้ตายโพสต์ข้อความได้งานใหม่ที่จ.สงขลาและจ.สมุทรปราการ พร้อมทั้งโพสต์ขายรถจักรยานยนต์และรถยนต์ของผู้ตาย กระทั่งสามารถขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้สำเร็จ จากนั้นผู้ต้องหาจึงติดต่อภรรยาตัวเองรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุดังกล่าว ด้านภรรยาและมารดาจึงให้มอบตัวจนกระทั่งฝ่ายสืบสวนไปติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว หลังจากนี้จะขยายผลติดตามรถยนต์และ รถจักรยานยนต์ที่ขายไปตามกลับคืนมา รวมถึงขยายผลผู้ที่รับซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของผู้ตายเนื่องจากทราบว่าเป็นขบวนการรับซื้อรถผิดกฎหมายและส่งขายต่างประเทศ
นายนิวกล่าวว่า ลงมือก่อเหตุจริงคืนวันเกิดเหตุ พอมาถึงนายมกรธวัช หรือโต้งก็รีบกลับเข้าห้องพัก จึงวิ่งตามเข้าไปในห้อง จากนั้นใช้มือชกเข้าที่ขมับขวาของผู้ตายไปหนึ่งครั้งจนล้มลง ระหว่างต่อสู้กันพอตั้งหลักได้จึงตีเข่าใส่ผู้ตายไปครั้งหนึ่งจนล้มลง จากนั้นใช้เท้าที่ใส่รองเท้าหัวเหล็กเตะอัดที่ลำตัวของผู้ตายไปอีกหลายครั้งจนแน่นิ่งแล้วเตะซ้ำที่ลำคอของผู้ตายอีกหลายครั้งจนผู้ตายสลบไป ด้วยความกลัวในความผิดที่ทำไปจึงตัดสินใจนำรถกระบะของผู้ตายมาจอดเทียบหน้าห้องพักเพื่อนำร่างผู้ตายขึ้นรถ ระหว่างนั้นยอมรับว่าตนเองยังเตะซ้ำที่ก้านคอและลำตัวของ ผู้ตายอีกครั้งเพราะกลัวจะฟื้น จนแน่ใจว่า เสียชีวิต จึงนำเชือกที่อยู่ท้ายรถมามัดแขนและ ขาของผู้ตายก่อนจะนำใส่รถมาโยนทิ้งข้างทาง
นายนิวกล่าวอีกว่า หลังก่อเหตุได้นำเครื่องมือช่างที่อยู่หลังรถไปขาย รวมถึงรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปโพสต์ขาย ดังกล่าวก่อนจะติดต่อครอบครัวและกลับไปอยู่ที่บ้านกับมารดาที่ย่านฉะเชิงเทรา ต่อมาพบเป็นข่าวว่าตำรวจไปเจอศพแล้วจึงตัดสินใจบอกเล่าเรื่องทั้งหมดให้ภรรยาและมารดาฟังจนมาถูกจับกุมตัว
จากนั้นตำรวจคุมตัวนายนิว ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ โดยมีกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคุมการทำแผนอย่างใกล้ชิดเพราะหวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย คุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อเตรียมส่งฝากขังศาลจังหวัดสมุทรปราการ
