ระหว่างรอกม.ผ่านสภา ทำตามคำแนะนำ‘วิษณุ’อจ.ติงยังไม่รอบคอบ

‘อนุทิน’แจงเซ็นประกาศใหม่ คุม ‘ช่อดอกกัญชา’ เพื่อความรัดกุม ยอมรับนำคำแนะนำ ‘วิษณุ’ หารือก่อนออกประกาศ ไม่ให้ใช้ผิดวัตถุประสงค์แต่ปลูกแล้วหากทำการค้าต้องขออนุญาตก่อน ย้ำร้านอาหารที่ผสมกัญชาต้องแสดงเมนูชัดเจน งดเสิร์ฟหญิงตั้งครรภ์ ห้ามวางขายใบกัญชาบนพื้นถนน ขู่เอาผิดสุดประตู หมอสมิทธิ์-ฝ่ายค้านไม่เชื่อแก้ปัญหาขายให้เด็ก

กรณีพรรคฝ่ายค้านยื่นต่อศาลปกครอง เรียกร้องให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด โดยให้กลับไปอยู่ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แนะนำให้กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศควบคุม จะดีกว่าแก้ไขกฎหมาย เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ลงนามประกาศให้ช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ห้ามจำหน่าย แปรรูปเพื่อการค้า รวมถึงห้ามขายให้นักเรียน นิสิต และสตรีมีครรภ์ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12 พ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการลงนามประกาศสมุนไพรควบคุม เฉพาะช่อดอกกัญชา ว่า เข้าใจความหวังดีของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และขอบคุณที่ให้คำแนะนำ โดยคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยนำคำแนะนำดังกล่าวมาหารือ และมีมติให้ปรับปรุงประกาศสมุนไพรควบคุมฉบับวันที่ 16 มิ.ย.2565 เมื่อทุกอย่างผ่านความเห็นเรียบร้อยแล้ว ตนจึงลงนามในฐานะรมว.สาธารณสุข ทุกอย่างมีขั้นตอน ฉะนั้น รมว.สาธารณสุขคนเดียวไม่สามารถออกประกาศได้

“ระหว่างที่ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ยังอยู่ในสภา แต่ที่ผ่านมา สธ.มีกฎหมายอื่นที่ศักดิ์สิทธิ์ทัดเทียมกันออกมาควบคุมป้องกันการใช้กัญชาในทางที่ผิด แต่เพื่อให้ครอบคลุมและใช้ประโยชน์จากพืชกัญชาได้สูงสุด ก็ปรับปรุงประกาศสมุนไพรควบคุม จากคุมกัญชาทั้งต้น ก็ปรับคุมเฉพาะช่อดอกกัญชา มีข้อกำหนดว่าถ้าใครจะนำช่อดอกกัญชาไปใช้เพื่อศึกษา จำหน่ายหรือแปรรูป ให้มาขออนุญาตก่อน ห้ามจำหน่ายกับเด็ก คนท้อง นักศึกษา ห้ามขายออนไลน์ ตู้อัตโนมัติ และโฆษณา คล้ายคลึงกับเนื้อหาในร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ มีความครอบคลุมและชัดเจนที่สุด รองรับทุกข้อห่วงใย” นายอนุทินกล่าว

ต่อข้อถามการออกประกาศนี้เกิดจากการกระทุ้งของฝ่ายค้านหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ใช่ของใหม่ที่เพิ่งเกิด กฎหมายและประกาศที่ สธ.ออกไปก่อนหน้านี้ เช่น ประกาศสมุนไพรควบคุมกัญชาเป็นการคุมกัญชาทั้งต้น ห้ามเด็ก เยาวชน คนท้องและให้นมบุตรใช้ประโยชน์ ใครจะทำอะไรต้องมาขออนุญาตกับกรมการแพทย์แผนไทยฯ แต่ในทางปฏิบัติของการนำกัญชาไปใช้ประโยชน์เพื่อสุขภาพและเศรษฐกิจก็ทำได้ยาก เราจึงปรับปรุงออกประกาศฉบับใหม่คุมแค่ช่อดอก แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่จะเอาไปศึกษาวิจัยหรือ ผู้ประกอบการจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากช่อดอกกัญชาได้ เพียงแต่ต้องขออนุญาตกับกรมแพทย์แผนไทยฯ ก่อน

“ประกาศสมุนไพรควบคุมเดิมก็ห้ามเด็กและเยาวชนเข้าถึงกัญชาชัดเจน ฉะนั้นที่มีคนบอกว่ากฎหมายไม่ชัดเจน เปิดช่องให้เด็กเข้าถึงได้ แสดงว่าคนพูดรู้ไม่จริง นี่จึงเป็นคำตอบว่าประกาศนี้ไม่ได้เกิดจากการกระทุ้งของใคร เพราะทุกอย่างมีที่มา มีเหตุผลรองรับ ไม่ได้ใช้แค่ความรู้สึก แต่ใช้ข้อมูลที่เชื่อถือได้” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามถึงกรณี นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านในครั้งนี้ด้วย นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เคยรู้จักและไม่เคยทราบว่าเป็นใคร แต่ดูจากพฤติกรรมในสื่อ โซเชี่ยลเห็นได้ว่ากำลังคาดหวังอะไรบางอย่างที่ต้องนำเสนอตนเองให้ได้รับความนิยม ตนจึงไม่ให้ความสำคัญใดๆ กับคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ และเชื่อถือระบบการทำงานและการนำเสนอของอธิบดีและปลัด สธ. เป็นสำคัญ








Advertisement

นายอนุทินกล่าวด้วยว่า เช้าวันที่ 11 พ.ย. พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา และ พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ส่งข้อความถึงตนและยืนยันว่าพฤติกรรมของ นพ.สมิทธิ์ ไม่ใช่มาจากแพทยสภา เป็นพฤติกรรมส่วนตัว ตนจึงไม่จำเป็นที่จะไปต่อความยาวสาวความยืด ส่วนกรณี รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง แสดงความเป็นห่วงนพ.สมิทธิ์ที่ร่วมเฟรมกับพรรคฝ่ายค้านนั้น ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็น แต่ถ้ามองด้วยเหตุผล ไม่ใช่อคติ ทุกอย่างที่เขาแสดงความเป็นห่วงก็มีมาตรการป้องกันควบคุมอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยบอกว่าเปิดเสรีให้ทุกคนใช้กัญชาในทางที่ผิด แถมยังควบคุมการเข้าถึงในกลุ่มเยาวชนด้วย

ด้านนพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ประกาศสมุนไพรควบคุม ช่อดอกกัญชาฉบับนี้ เป็นการปรับปรุงจากฉบับเดิมที่เราคุมเข้มกัญชาทั้งต้น ทำให้การนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการแพทย์ สุขภาพและเศรษฐกิจทำได้ยาก คาดว่าหากมีพ.ร.บ.กัญชาฯ ออกมาก็จะยกเลิกประกาศฉบับเดิม แต่เมื่อขณะนี้ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ยังไม่สมบูรณ์ เราจึงต้องมีการควบคุมกัญชา พร้อมกับยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ อย่างไรก็ตาม ประกาศฉบับปรุงปรับนี้จะไม่กระทบต่อประชาชนที่ขึ้นทะเบียนปลูกกัญชาในระบบ “ปลูกกัญ” ของอย. แต่หากปลูกแล้วจะทำการค้า ต้องขออนุญาตกรมการแพทย์แผนไทยฯ

นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ส่วนอื่นของกัญชาที่นอกเหนือจากประกาศควบคุมช่อดอก เช่น ใบกัญชา กรมอนามัยได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ควบคุมสถานประกอบการ ร้านอาหารที่ใช้กัญชาเป็นส่วนผสม ต้องแสดงเมนูที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมชัดเจน มีคำแนะนำในการบริโภค กลุ่มต้องห้ามรับประทาน เช่น หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่มีประวัติแพ้ มีคำแนะนำเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ ฯลฯ หากฝ่าฝืนมีโทษตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข เจ้าพนักงานตามกฎหมาย คือ บุคลากรสังกัด สธ.ในระดับพื้นที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดำเนินการตรวจสอบเอาผิด

“นอกจากนี้กรมอนามัยยังออกคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณส่วนผสมของกัญชาในเมนูอาหารเครื่องดื่มด้วย ว่าแต่ละเมนูผสมได้กี่ใบ กรณีวางขายใบกัญชาตามท้องถนนที่เคยเป็นข่าว ก็จะมีการเอาผิดทางร้าน ฐานไม่ถูกสุขลักษณะ ดังนั้นถือว่าการควบคุมการใช้กัญชาครอบคลุมทั้งต้นอยู่แล้ว” นพ.เอกชัยกล่าว

ด้าน นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า หากเจ้าพนักงานตามกฎหมายพบการกระทำที่ฝ่าฝืนประกาศกระทรวงฯ สามารถดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งเจ้าพนักงานมีอำนาจตรวจตราเฝ้าระวัง แนะนำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงคณะกรรมการสาธารณสุขจังหวัด และคณะกรรมการสาธารณสุข กทม. ควรสนับสนุนการดำเนินงานของเจ้าพนักงานตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อสนับสนุนท้องถิ่นสร้างความเข้าใจผู้ประกอบการร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารที่มีกัญชาผสม

วันเดียวกัน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย. นายอนุทินลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยเป็นการปรับปรุงประกาศ สธ. เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 ลงวันที่ 16 มิ.ย.2565 สาระสำคัญคือควบคุมการใช้ประโยชน์จากส่วนของช่อดอกกัญชา ไม่ให้นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร โดยก่อนที่นายอนุทินจะลงนาม ได้ผ่านการเห็นชอบของคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ภายใต้พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ซึ่งรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาชน ซึ่งแสดงความกังวลต่อกรณีอาจมีการนำช่อดอกไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงควรปรับปรุงข้อกฎหมายให้ชัดเจนเข้มงวดยิ่งขึ้น คุ้มครองกลุ่มเปราะบาง ขณะเดียวกันประชาชนยังสามารถใช้ประโยชน์กัญชาในการดูแลสุขภาพได้ กัญชายังคงได้รับการส่งเสริมให้เป็นพืชสำคัญทางการแพทย์และการผลิตในภาคอุตสาหกรรม

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ประกาศฉบับใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้นับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษานี้ กำหนดให้ส่วนของช่อดอกกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ผู้ใดประสงค์จะศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 46 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 โดยผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้ ณ สถานประกอบการ และให้รายงานข้อมูลต่อนายทะเบียนตามแบบที่อธิบดีกำหนดด้วย ในส่วนของผู้รับใบอนุญาตให้ส่งออก ต้องแจ้งรายละเอียดการส่งออกต่อผู้อนุญาตเป็นรายครั้ง โดยผู้ที่ได้รับอนุญาตเพื่อศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า ตามมาตรา 46 อยู่ก่อนประกาศฉบับใหม่จะมีผลบังคับ จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศฉบับใหม่ด้วย

น.ส.ไตรศุลีกล่าวต่อว่า ประกาศฉบับใหม่ยังเพิ่มความเข้มงวดเพื่อควบคุมการจำหน่ายช่อดอกของกัญชา โดยห้ามจำหน่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร นักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา ห้ามจำหน่ายในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านที่ได้รับการรับรองตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม

“รวมถึงห้ามจำหน่ายผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้ามโฆษณาทุกช่องทางเพื่อการค้า ที่สำคัญยังห้ามจำหน่ายในวัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา, หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก, สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุกด้วย” รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ขณะที่นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ประกาศสมุนไพรควบคุม กัญชา ฉบับใหม่ เป็นการออกประกาศที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่สอดคล้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ที่ต้องเป็นการคุ้มครองพืชทั้งต้น ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชอย่างช่อดอก เนื้อหาในประกาศหลายเรื่องก็ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย และมีลักษณะเปิดช่องให้กัญชาเพื่อนันทนาการ

ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสตร์ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และกรรมการแพทยสภา ซึ่งร่วมในการฟ้องศาลปกครอง ขอให้ เพิกถอนประกาศ สธ.ฉบับปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Smith Fa Srisont สรุปว่า ขอเตือนว่าการประกาศแบบนี้ ทำให้เกิดช่องโหว่และอาจผิดหลักตามพ.ร.บ. ดังนี้

1.กรณีที่ประกาศนี้เปลี่ยนเป็นเอาเฉพาะช่อดอกเป็นสมุนไพรควบคุม ขณะที่ส่วนอื่นไม่ได้คุม กล่าวคือส่วนใบและอื่นๆ ขายหรือใช้อย่างไรก็ได้ เท่ากับว่าเด็กเข้าร้านสะดวกซื้อ ซื้อขาไก่กัญชาหรือน้ำกัญชามากินได้ เด็กซื้อใบกัญชามาสูบได้ คนขายไม่ผิด เราไม่ได้ป้องกันให้เด็กใช้กัญชาเลย ใครจะขายต้นกัญชาที่ไม่มีช่อดอกให้เด็กก็ได้

2.ประกาศนี้ออกตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 ซึ่งกำหนดว่า “สมุนไพร คือ พืช สัตว์ จุลชีพ ธาตุวัตถุ สารสกัดดั้งเดิมจากพืชหรือสัตว์ที่ใช้หรือแปรสภาพ หรือผสมหรือปรุงเป็นยาหรืออาหารเพื่อการตรวจวินิจฉัย บําบัด รักษา หรือป้องกันโรค หรือส่งเสริมสุขภาพร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์ และให้หมายความรวมถึงถิ่นกําเนิดหรือถิ่นที่อยู่ของสิ่งดังกล่าวด้วย” ถ้าตามนิยามสมุนไพร เราไม่สามารถกำหนดสิ่งใดสิ่งหนึ่งของพืชเป็นสมุนไพรได้ ดังนั้นการกำหนดแค่ช่อดอกเป็นสมุนไพรถือว่าไม่ชอบ

“สุดท้ายยังยืนยันว่า วิธีแก้ง่ายสุดคือทำตามที่ผมฟ้องศาลปกครอง กลับไปใช้ประกาศเมื่อปี 2563” ผศ.นพ.สมิทธิ์ระบุ

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับปรุงประกาศสธ. เรื่องสมุนไพรควบคุม ว่า การห้ามขายถือว่าโอเค แต่ไม่ได้เป็นมาตรการป้องกันการเสพที่ได้ผล เพราะเด็กที่เสพอาจไปปลูก หรือครอบครัวปลูกแล้วเสพเอง เขาไม่ได้ซื้อสูบแต่ปลูกเสพเองในครอบครัว ถือเป็นช่องว่างสำคัญ ถ้าจะใช้เพื่อการแพทย์จริงๆ ควรนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม แล้วเอาประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 63 มาใช้แทน ที่อนุญาตให้นำมาใช้ทางการแพทย์ได้

เมื่อถามว่านายอนุทินระบุอย่าใช้เรื่องนี้เป็นเกมการเมือง หวั่นกระทบนักลุงทุน นายสุทินกล่าวว่า เรื่องนี้การเมืองหรือไม่ข้อพิจารณาก็คือ การออกมาท้วงติงเป็นเฉพาะนักการเมืองหรือเปล่า หรือมีภาคประชาสังคมออกมาท้วงติงด้วย ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขควรเปิดใจกว้าง รับฟังมากๆ ความเห็นต่างทางสังคมเป็นเรื่องปกติ อย่าเกรี้ยวกราดและโยงเป็นการเมืองทุกเรื่องไป ส่วนที่อ้างนักลงทุนนั้น ถ้าเป็นกัญชาทางการแพทย์เขาก็ลงทุนได้เหมือนเดิม เราไม่เคยขวาง โดยให้ปลูกและส่งเสริมให้มีการสกัดเป็นเวชภัณฑ์ทางการแทพย์ แต่ถ้าส่งเสริมให้ลงทุนเพื่อเอาผลิตผลให้เสพเพื่อสันทนาการ เราไม่เห็นด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน