อ้างไม่ได้บีบบังคับ ซัด‘ทอม’สมยอม ตร.พบพิรุธเพียบ สัญญา3คนผัวเมีย

‘เสี่ย’ให้การตร.คดี 3 คน ผัวเมีย ยันไม่ได้บังคับสาวหล่อมีเพศสัมพันธ์ อ้างเหยื่อสมยอมเพราะไม่ต้องการให้รถโดนยึด ระบุแอบติดต่อกับเมียของตนมานาน 5-6 ปี จนครอบครัวมีปัญหาถึงขั้นจดทะเบียนหย่าร้าง ต้องยอมปล่อยให้ไปอยู่ด้วยกัน สุดท้ายไปไม่รอดต้องกลับมาเป็นครอบครัวกันอีก แต่ก็ยังแอบคบซ้อน ก่อนให้มาอยู่ด้วยกันสามคนผัวเมีย ที่ผ่านมาให้เกียรติมาตลอด ช่วงหลังสาวหล่อมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป กระทั่งเกิดเป็นข่าว จนท.เผยปมพิรุธหนังสือสัญญา มีบางประเด็นขัดแย้งคำให้การผู้เสียหาย

จากกรณีน.ส.เอ (นามสมมติ) สาวหล่อ อายุ 32 ปี เข้าแจ้งความกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) หลังถูกคู่สามีภรรยา เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ชื่อดังแห่งหนึ่งที่จ.ชลบุรี บังคับข่มขืนให้อยู่กินร่วมกันฉันสามีภรรยาแบบ 3 คนผัวเมีย แลกกับการใช้หนี้ 5 แสนบาท หากไม่ทำจะถูกฟ้องร้องเรียกเงิน 10 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพนักงานสอบสวนบก.ปคม. ติดต่อไปหาสองสามีภรรยาดังกล่าว ทั้งคู่ก็ตอบรับให้ความ ร่วมมือทันที ก่อนจะรีบเดินทางมายัง กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 พ.ย. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมกับชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่ถูกกล่าวหา

จากการสอบสวน นายเอก (นามสมมติ) เจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ ให้การว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้บังคับน.ส.เอ ผู้เสียหาย แต่เป็นเรื่องของการสมยอม เรื่องเริ่มขึ้นจากทางสาวหล่อแอบคบหาเชิงชู้สาวกับภรรยาของตนเป็นระยะเวลากว่า 5-6 ปี จนทำให้ครอบครัวเกิดปัญหา ถึงขั้นเคยจดทะเบียนหย่าร้าง ก่อนที่ภรรยาของตนจะหนีไปใช้ชีวิตร่วมกันสองคน แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับตนเหมือนเดิม

นายเอกให้การต่อว่า แต่หลังจากกลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วนั้น ปรากฏว่าน.ส.เอยังคงแอบติดต่อหาภรรยาของตนเช่นเดิม จึงเรียกมาพูดคุยเพื่อขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่ก็ไม่เป็นผล อีกทั้งเวลาที่น.ส.เอติดต่อมาหาภรรยาของตนมักทำทีเล่าปัญหาชีวิตเดือดร้อนเรื่องเงินให้ฟัง เพื่อจะขอหยิบยืม จนภรรยาของตนที่ยังคงมีความผูกพันและห่วงใยยอมโอนเงินให้เรื่อยมา รวมเป็นเงินกว่า 5 แสนบาท เมื่อตนทราบเรื่องว่ามีการโอนเงินให้กัน จึงเรียกมาพูดคุยเพื่อขอให้คืนเงิน แต่น.ส.เออ้างว่าไม่มีเงินคืนให้ ตนจึงยื่นข้อเสนอให้เอารถยนต์มาค้ำประกันหนี้ หรือไม่ก็ย้ายมาอยู่ร่วมกัน 3 คนผัวเมีย เพราะมองว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ครอบครัวคงต้องแตกร้าวอีกรอบ ก่อนที่น.ส.เอจะตัดสินใจเลือกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับตนและภรรยา 3 คนผัวเมีย เพื่อที่จะเก็บรถยนต์ส่วนตัวไว้ รวมถึงยังขอให้ทำหนังสือสัญญาข้อตกลงขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้มาฟ้องร้องในภายหลัง จึงอยากชี้แจงส่วนนี้ด้วยว่าไม่มีการบังคับแต่อย่างใด

“ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน 3 คนผัวเมีย ยืนยันว่าผมให้ความรักและให้เกียรติน.ส.เอเหมือนเป็นภรรยาอีกคนหนึ่ง พาไปเที่ยวต่างประเทศ ดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ใช้ชีวิตเหมือนผัวเมียทั่วๆ ไป และมีแผนจะปลูกบ้านให้ รวมถึงวางรากฐานอาชีพหาธุรกิจให้ทำ ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข กระทั่งระยะหลังน.ส.เอเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป พยายามตีตัวออกห่าง ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุใด จนมาเกิดเรื่องตามที่เป็นข่าว” นายเอกกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า จากคำให้การ ดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อ เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่ขัดแย้งกับ คำให้การของผู้เสียหาย โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับหนังสือสัญญา ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าอีกฝั่งเป็นคนจัดทำขึ้น และมีอีกหลายประเด็นที่ต้องพิสูจน์ทราบว่าสุดท้ายแล้วข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร ทางพล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. จึงสั่งการให้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมา เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และตรวจสอบว่ามีเรื่องที่ผิดกฎหมายหรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินคดีต่อไป








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน