ถือทรัพย์สินให้ ขอ‘หมายแดง’จับคนหลบหนี

บิ๊กโจ๊กสั่งลุยต่อ ปราบปรามทุนจีนสีเทา ประสานความร่วมมือสถานทูตจีนด้วย ขอหมายค้นอีก 30 จุด ตรวจสอบทรัพย์สินรวมทั้งคนไทยที่เป็นนอมินีด้วย ส่วนคนทำผิดหากอยู่ในไทยต้องจับทันที แต่หากหลบหนีไปต่างประเทศได้ประสานตำรวจสากลออกหมายแดงติดตามตัว ขณะที่สตม.แถลงผลกวาดล้างอาชญากร รับการประชุมเอเปค คดีใหญ่ได้แก่นายทุนจีน สวมบัตรประชาชนไทย เร่งตรวจสอบคฤหาสน์ที่ปทุมธานี พร้อมจับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน เร่งผลักดัน ออกนอกประเทศ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 13 พ.ย. ที่สโมสร ตำรวจ ถนนวิภาวดีฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 เดินทางมาประชุม ติดตามความคืบหน้าคดีกลุ่มชาวจีนลงทุนทำธุรกิจนอมินี ในประเทศไทย โดยมีคณะทำงานสืบสวนสอบสวนเข้าร่วมประชุม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เรียกประชุมทั้งฝ่ายสืบสวนของ ตร.และ บช.น. เกี่ยวกับ เรื่องทุนจีนทั้งหมด รวมถึงที่นำยาเสพติดเข้ามาในประเทศ เราจะไม่ได้มองคนจีนทั้งหมดเป็นอาชญากร ซึ่งปรึกษาหารือกับเอกอัครราชทูตจีน ซึ่งในประเทศจีนเอง ก็มีการปราบปรามในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มทุนสีเทาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมี 2 สัญชาติ ซึ่งต่างกับคนจีนที่มีสัญชาติเดียว จึงทำให้เห็นว่าส่อไปในทางที่จะเข้ามาทำเรื่องไม่ดีและไม่อยากกลับประเทศจริง โดยวันนี้จะเอาข้อมูลทั้งหมดมาบูรณาการร่วมกันทั้งเส้นทางการเงิน ความเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่น และในเรื่องสำนวนการสอบสวน คาดวันนี้น่าจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น และจะมีการออกหมายจับให้ครบในเรื่องคดี ของกลุ่มทุนจีน ได้มีการเร่งรัดให้ดำเนินการ ให้เรียบร้อยภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ ใครที่อยู่ เมืองไทยจะต้องจับให้หมด รวมถึงคนไทยที่ให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งใดก็ตาม ถ้าพยานหลักฐานไปถึงใครก็จะดำเนินคดี ในส่วนคนจีนที่หลบหนีไปแล้วก็จะขออนุมัติหมายจับจากอินเตอร์โพลหรือหมายแดงเพื่อประกาศสืบจับไปทั่วโลก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า ล่าสุด ขอหมายค้นทั้งหมด 30 จุด เพื่อไล่ ตรวจสอบ เช่นรถเป็นของใคร ซื้อที่ไหน อาวุธปืนเป็นของใคร ซึ่งคนไทยที่มีชื่อ เป็นเจ้าของจะต้องเอาตัวมาสอบทั้งหมด เพราะฉะนั้นการที่ค้นคอนโดฯ และตามตึกต่างๆ จะเห็นได้ว่าคนจีนเหล่านี้มีการซื้อหมด ทั้งฟลอร์ มีการตรวจยึดได้ทรัพย์สินต่างๆ และนำมารวบรวมไว้ในข้อมูลเดียวทั้งหมด การทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องเป็นไปด้วยความละเอียดเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกลุ่มทุนจีนเหล่านี้ เป็นกลุ่มที่มีกำลังเงินสูง เราจะดำเนินคดีเราต้องรอบคอบ รัดกุมชัดเจนแน่นอนการสู้กับคนรวยก็จะยากกว่า การสู้กับกลุ่มคนที่มีฐานะด้อยกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลัวถูกฟ้อง แต่เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วไม่หลุด ทั้งนี้ขอเวลาในการประชุมรวบรวม ข้อมูลเพื่อให้เกิดความชัดเจน

ยึดรถหรู – ตำรวจ สตม.แถลงกวาดล้างแก๊งคนจีนเข้ามาก่ออาชญากรรมในไทย พร้อมยึดรถยนต์เฟอร์รารี่ สีแดง รุ่น 488 GTB ทะเบียน กต 488 กทม. ของนายจาง ชาวไต้หวัน หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจอดอยู่ในห้างย่านปทุมวันมาตรวจสอบ ที่บช.สตม. เมื่อวันที่ 13 พ.ย.

ก่อนหน้านี้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมืองทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ก่อนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในช่วงวันที่ 10 ต.ค.-12 พ.ย.65 โดยมี เป้าหมายหลัก เป็นคนต่างด้าวที่กระทำความผิดตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง

สามารถจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนด อนุญาต 785 ราย จับกุมคนต่างด้าวหลบหนี เข้าเมือง 1,249 ราย ดำเนินการประชาสัมพันธ์ การแจ้งที่พักอาศัยตามมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ในพื้นที่ กทม. 2,723 แห่ง และมีผลการเปรียบเทียบปรับ กรณีเจ้าบ้านหรือผู้ครอบครองเคหสถานไม่แจ้งที่พักอาศัยกรณีรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยตาม ม.38 จำนวน 587 ราย/สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยบก.ตม.2 ปฏิเสธ คนต่างด้าวในการขอเข้ามาในราชอาณาจักร ไทย 2,453 ราย

โดยมีคดีที่น่าสนใจ คือการขยายผล จากผับชาวจีนย่านเอกมัย จับกุมนายเซา เซียนโป อายุ 33 ปี นายทุนจีนรายใหญ่ พบเบาะแสว่าสวมบัตรประชาชนไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.125/2565 ลง 20 เม.ย. 64 ข้อหา แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ต่อเจ้าพนักงาน เป็นผู้สนับสนุนในการขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทยฯ และขยายผล นำหมายค้นศาลอาญาเข้าค้นอาคารพาณิชย์ ย่านสุทธิสาร ถนนวิภาวดีรังสิต เขตพญาไท กรุงเทพฯ ตรวจยึดของกลาง จำนวนหลายรายการ อาทิ ชุดเครื่องแบบทหารพร้อมติดป้ายชื่อของผู้ต้องหา รถยนต์ 2 คัน หนังสือ เดินทาง 3 เล่ม

จากการสืบสวนก่อนจับกุม พบว่า ผู้ต้องหามักใช้รถติดธงประจำประเทศไทยและจีน คล้ายกับรถของสถานทูต และยังมี รถนำขบวนอีก 1 คัน คาดว่าเป็นทะเบียนรถปกติ ไม่ใช่รถของสถานทูตแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าเป็นการพยายามทำให้ดูเหมือนรถของสถานทูตเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมนายศตวรรษ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติไทย คนขับรถของนายเซา

ต่อมาขยายผลขอหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าตรวจค้นบ้านนายเซา ในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จับกุมผู้ต้องหา ชาวไทย 2 ราย ในข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี มาตรา 203 พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560

จากการตรวจค้นบ้านพักนายเซา เซียนโป พบช่องทางลับ เชื่อได้อาจจะนำหลักฐานสำคัญบางส่วนออกไปในช่องทางนั้น ส่วนโลโก้ตราสัญลักษณ์สมาคมพ่อค้าไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ที่ติดอยู่หน้าบ้าน จากการตรวจสอบพบว่าสมาคมดังกล่าวจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ความเกี่ยวข้องระหว่างผู้ต้องหา และทาง สมาคมนั้นในลักษณะเอกสารยังไม่ปรากฏ แต่ในทางพฤตินัยผู้ต้องหาอยู่ในลักษณะของที่ปรึกษาของสมาคม

จากการสืบสวนพบว่ามีผู้มีเป้าหมาย ที่เกี่ยวข้องหลายรายแต่อยู่ระหว่างการขยายผล ส่วนกรณีสมาคมดังกล่าว สัปดาห์หน้าจะเรียกผู้ที่เกี่ยวเข้ามาสอบข้อเท็จจริง

นอกจากนี้ร่วมกับตำรวจจีนจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายแดงของอินเตอร์โพล 2 ราย ประกอบด้วย 1.นายหลี่ สัญชาติจีน อายุ 27 ปี ซึ่งมีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีหมายอินเตอร์โพล (RED NOTICE) แล้วได้หลบหนีมาอยู่ในราชอาณาจักรไทย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนผ่าน แอพพลิเคชั่นหลอกให้ร่วมลงทุน ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. ผลักดันออกนอกราชอาณาจักร 2.นายฮู (นามสมมติ) สัญชาติจีน อายุ 40 ปี มีข้อหาในการกระทำผิดคือ ครอบครองสิ่งของต้องห้าม และปลอมเอกสาร จึงเพิกถอน การอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักร และผลักดัน ออกนอกราชอาณาจักร

นอกจากนี้จับกุมนายจาง สัญชาติไต้หวัน หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทำงานในประเทศ ฟิลิปปินส์ โดยสืบสวนจากรถเฟอร์รารี่ สีแดง รุ่น 488 จีทีบี หลังตรวจสอบทะเบียน พบถูกระงับใช้ 3 ปีก่อน จึงให้เจ้าของ มาแสดงตน พบว่านายจาง ใช้หนังสือเดินทาง กัมพูชา ตรวจสอบจากระบบไบโอเมตริกซ์ พบใช้หนังสือเดินทาง 2 เล่ม ประสานไต้หวันทราบมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม จึงผลักดันออกราชอาณาจักร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน