เช็กแล้วไม่มีเชื้อ คิวถกทวิภาคีอื้อ รัฐอ้างแผนป่วน คุมนศ.ใต้กักตัว ไว้ในค่ายทหาร

เอเปคกร่อยอีก ‘นายกฯ ฮุนเซน’ ตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างไปร่วมถกจี 20 ที่อินโดนีเซีย ยกเลิกมาร่วมประชุมที่กรุงเทพฯ แล้ว ด้าน ‘บิ๊กตู่’ ซึ่งอยู่ใกล้ชิด-กอดกันกลมในการประชุมอาเซียนซัมมิตที่พนมเปญ ผลตรวจหาเชื้อแล้วยังปลอดภัยดีอยู่ ด้านฝ่ายความมั่นคงใช้กฎอัยการศึกบุกคุมตัวนักศึกษารามฯ ที่นราธิวาส พาไปตรวจดีเอ็นเอแล้วส่งไปกักในค่ายทหารพรานเขาตันหยงมัส ญาติร้องอย่าใช้ความรุนแรงซ้อมทรมาน ละเมิดสิทธิมนุษยชน หวั่นกระทบการพูดคุยสันติภาพ เผยโปรแกรมจับเข่าทวิภาคีผู้นำไทยได้คิวหารือกับประธานาธิบดีสี-รองประธานาธิบดีกมลา รวมถึงประธานาธิบดีมาครง-นายกฯ ญี่ปุ่น-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์และซาอุดีอาระเบีย อ้างต้องสงสัยวางแผน-เตรียมการป่วนเวทีเอเปคที่กทม.

‘ฮุนเซน’ตรวจพบโควิดที่อินโดฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ว่า เว็บไซต์เดอะ พนมเปญโพสต์ รายงานอ้างคำพูดของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่ามีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสุดยอด จี 20 ในฐานะประธานอาเซียน

นายฮุนเซน ระบุว่า “ก่อนออกจากกัมพูชา ผมได้ตรวจโควิด-19 อยู่เสมอ และหลังออกจากประเทศ ผมได้ทดสอบหาเชื้ออย่างรวดเร็วและพบผลเป็นลบ ผมไม่รู้ว่าติดเชื้อเมื่อไหร่ แต่เมื่อมาถึงอินโดนีเซียได้ตรวจหาเชื้อ และเช้านี้ก็ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 ผมต้องยอมรับสิ่งนี้แม้ว่าจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ตาม” ผู้นำกัมพูชากล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ฮุนเซน วางแผนที่จะเข้าร่วมประชุมดินเนอร์กับประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล มาครง ในตอนเย็นของวันที่ 14 พ.ย. ที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นกิจกรรมในการเข้าประชุมสุดยอดจี 20

“เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้นำคนอื่นๆ ผมและสมาชิกทุกคนในคณะผู้แทน ได้ตัดสินใจเดินทางกลับกัมพูชา และมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้อินโดนีเซียสำหรับการประชุมสุดยอดจีน เพราะอินโดนีเซียเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนคนต่อไป” นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ นายกฯ ฮุนเซน มีกำหนดเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียน-เอเชียแปซิฟิกหรือเอเปคครั้งที่ 29 ที่ประเทศไทยในวันที่ 18 พ.ย. แต่เมื่อมีผลติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ยกเลิกการเดินทางมาแล้ว โดยนายฮุนเซนกล่าวว่าตอนนี้เขาจะยังทำงานในกัมพูชาต่อไป โดยที่การประชุมแบบตัวต่อตัวที่วางแผนไว้ทั้งหมดถูกยกเลิก

ชื่นชม – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เยี่ยมชมโครงการหนังสือสมาร์ท-สมุดรายนามผู้ผลิตผ้าไหมและผู้ประกอบการทั่วประเทศแบบดิจิทัล เพิ่มช่องทางการจำหน่ายในระบบออนไลน์ และจะมอบเป็นของที่ระลึกแก่ผู้นำ ในการประชุมเอเปค ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 พ.ย.

‘ตู่‘ระทึก-เผยใกล้ชิดกอดแนบแน่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กัมพูชา ระหว่างวันที่ 10-13 พ.ย. ได้พบและเข้าร่วมประชุมร่วมกับนายกฯ ฮุนเซน เกือบตลอดเวลา และบางช่วงกอดกันอย่างแนบแน่น

เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.ถึงความพร้อมในการจัดประชุมเอเปคในช่วงสัปดาห์นี้ ว่าเราเตรียมการพร้อมแล้ว อยากเห็นการประชุมเอเปคในประเทศไทย มีความสงบเหมือนกับที่พนมเปญและในการหารือในเวทีเอเปค

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เตรียมพร้อมรับมือการชุมนุมกลุ่มต่างๆ ในระหว่างการประชุมเอเปค อย่างไร นายดอนกล่าวว่า หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น และสิ่งที่เราเห็นที่พนมเปญถือเป็นตัวอย่างที่ดี และอยากเห็นเกิดในบ้านเรา เพราะจะสะท้อนเป็นข่าวไปทั่วโลก ส่วนประเทศที่เข้าร่วมในวงประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พนมเปญ และจะมาประชุมที่ไทยต่อ ก็ต้องการอยากเห็นประเทศไทยเป็นเช่นนั้น

เมื่อถามว่าบรรดาผู้นำประเทศที่จะมาร่วมประชุมได้สอบถามเรื่องการดูแลความปลอดภัยอย่างไร นายดอนกล่าวว่า เรื่องผู้นำตนไม่ทราบ แต่บุคคลระดับเดียวกับตน ได้สอบถามเรื่องนี้ ส่วนจะมีประเทศใดบ้างนั้น ไม่ขอพูด

เมื่อถามว่า กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนการประชุมผู้นำอาเซียน ที่พัทยาหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า คนละยุคไปแล้ว ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นถ้า ถ้าเป็นอีกครั้ง คนไทยและประเทศไทย ต้องพิจารณาตัวเองใหม่ และเราจะถูกกระทบด้วย

แก้แล้ว-ป้ายต้อนรับด่วนฉลองรัช
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพป้ายปรับเปลี่ยนข้อความ (VMS) บนทางพิเศษฉลองรัช ที่ขึ้นข้อความต้อนรับการประชุมผู้นำเอเปคแล้วมีข้อความบางคำมีตัวอักษรตกหล่นนั้น การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลพื้นที่ได้แจ้งว่า จุดที่มีตัวอักษรตกหล่นนั้นเป็นป้าย VMS แบบ Full LED ที่ติดตั้งบนทางพิเศษฉลองรัชบางป้าย และกทพ.ได้ดำเนินการแก้ไขทันทีที่ตรวจสอบพบว่าข้อความตกหล่น ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12 พ.ย. ส่วนข้อความบนป้าย VMS บนทางพิเศษอีก 7 สายทางไม่มีข้อผิดพลาดแต่อย่างใด

“กทพ.ได้ดำเนินการแก้ไขข้อความที่ตกหล่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับขออภัยที่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น และได้มีการกำชับ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอีก ดังนี้จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการแชร์ภาพข้อความที่ตกหล่น เพื่อร่วมรักษาภาพลักษณ์ที่ดีในช่วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเอเปคระหว่าง 14-19 พ.ย.นี้” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

‘ประยุทธ์’รอด-ตรวจไม่พบเชื้อ
เมื่อเวลา 12.50 น. วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลัง เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีนายกรัฐมนตรีฮุนเซนป่วยติดเชื้อโควิด-19 ว่านายกฯฮุนเซนไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม เอเปคที่ประเทศไทย เนื่องจากติดเชื้อโควิด และไม่สบาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของนายกรัฐมนตรีได้ตรวจหาเชื้อแล้วหรือยัง เนื่องจากมีความใกล้ชิดกันระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมตรวจบ่อยอยู่แล้ว ซึ่งก็ตรวจเองที่บ้านด้วย มี เจ้าหน้าที่มาตรวจให้ด้วย และวันไหนที่มีงานอะไรพิเศษก็จะมาตรวจที่ทำเนียบรัฐบาล และเวลาอยู่ที่บ้านก็ตรวจเป็นประจำ หลังจากเดินทางกลับมาจากกัมพูชาในการประชุมสุดยอดอาเซียน ก็ตรวจ และวันที่ 14 พ.ย. หลังเป็นประธานเปิดนิทรรศการนำเสนอความสำเร็จ การขับเคลื่อนวาระเศรษฐกิจ BCG ในช่วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็ได้ตรวจอีกครั้ง ก็ยังโอเคอยู่’’

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแสดงว่าในส่วนของกัมพูชาหลังจากนายกฯฮุนเซน มีอาการติดเชื้อโควิด ก็จะไม่ส่งใครมาร่วมประชุมเอเปคที่ไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องว่าจะส่งใครมา แต่ตามกติกาคือต้องเป็นตัวผู้นำจริงๆ ที่จะต้องเดินทางมา

กำชับทุกฝ่ายเข้มมาตรการป้องกัน
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเพิ่มการตรวจเข้มมาตรการการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจอยู่แล้วทั้งในส่วนของโรงแรมที่พัก รวมถึงผู้ที่เดินทางมาและชุดการแสดงต่างๆ ก็ตรวจกันอย่างละเอียดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามช่วงนี้การเดินทางก็มีบ่อยครั้งและเจอกันจำนวนมาก เพราะฉะนั้นอยากฝากเตือนพวกเราด้วยแล้วกันว่าวันนี้เรายังฉีดเข็มกระตุ้นและการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ อย่าให้เชื้อโควิดมันกลับมาอีก เพราะการท่องเที่ยวก็เริ่มเต็มคนก็เยอะ ธุรกิจก็ดีขึ้นก็ขอฝากด้วยแล้วกัน

เมื่อถามว่าในการประชุมครม.วันนี้ ได้กำชับรัฐมนตรีต่อการเป็นเจ้าภาพเอเปคอย่างไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้กำชับอะไร เป็นการติดตาม ซึ่งมีการนำเสนอมามากพอสมควรในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คือการเจรจาข้อตกลงพันธสัญญาต่างๆ ซึ่งต้องนำมาพิจารณาในครม. ให้เป็นไปตามกฎหมาย และไม่เข้ามาตรา 178 อะไรทำนองนี้ วันนี้มีประมาณ 7-8 เรื่องที่จะต้องลงนามกับผู้นำที่มา รัฐบาลก็ตกลงในที่ประชุมเอเปค ช่วงนี้จะสังเกตได้ว่าการประชุมส่วนใหญ่จะมีเรื่องวาระจรเข้ามามาก ซึ่งวาระจรก็เป็นเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ เราจะร่างขึ้นมาแล้วนำเข้าครม. แล้วนำไปปฏิบัติ มันไม่ใช่ ต้องเจรจาจากข้างล่างมาก่อน จากประเทศที่เป็นสมาชิก เมื่อต่างคนต่างเสนอมาก็จะนำมาเข้าครม.เพื่ออนุมัติในครม. ขั้นตอนเป็นอย่างนั้น

อ้างไม่มีวาระพิเศษจับเข่า‘สี จิ้นผิง’
เมื่อถามว่าการที่นายกฯ จะพบกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวาระพิเศษที่จะหารือร่วมกันหรือไม่ อย่างกรณีการท่องเที่ยวหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไม่มี ปกติก็คุยกันในห้องประชุมอยู่แล้ว และมีการพบปะทวิภาคีกับหลายประเทศ ส่วนใหญ่เป็นหลักการเดียวกัน ทำอย่างไรจะลดผล กระทบเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันในหลายๆ มิติด้วยการแสวงหาความร่วมมือร่วมกันภายใต้ธีม Open Connect Balance ซึ่งนายกฯ ก็พยายามทำอย่างนี้มาโดยตลอดในทุกเวที เราต้องสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจซึ่งกันและกัน และเอาประเด็นที่เรามีความต้องการตรงกันมาเฉลี่ยแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันเพื่อประชาชนของเราโดยรวม

เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวต่างๆ ในช่วงการประชุมเอเปค นายกฯ กล่าวว่า ขอให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และขอขอบคุณทุกคน

ดูแลเอเปค – พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ท่องเที่ยว ตรวจเยี่ยมให้โอวาทตำรวจท่องเที่ยวปฏิบัติหน้าที่สายตรวจรถยนต์-จักรยาน-รถพลังงานไฟฟ้า 2 ล้อ และอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว ดูแลการประชุมเอเปค ที่สวนลุมพินี กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.

ตร.เข้มงวดอารักขาผู้นำเอเปค
วันเดียวกัน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ในฐานะโฆษกกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจรการประชุมเอเปค 2565 เปิดเผยถึงผลการประชุมมาตรการดูแลความปลอดภัย การบริหารจัดการจราจร และสถานการณ์การข่าวว่าพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.กอ.ร่วมฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และพล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยตัวแทนกองบัญชากองทัพไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 30 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุม เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการประชุมเอเปค 2565 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยในวันนี้จะเริ่มมีการเดินทางเข้ามาของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจและ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในบางประเทศ

โฆษกตร.กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ได้สั่งการให้ขยายเวลาการลงทะเบียนของ ผู้พักอาศัยที่มีความจำเป็นต้องใช้ถนนบริเวณที่งดการใช้การจราจรกว่า 45,000 รายในพื้นที่สน.ลุมพินี และ สน.ทองหล่อ โดยเปิดให้ลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 19 พ.ย. ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ขนส่งพัสดุ ไปรษณีย์ อาหารหรือเอกสารต่างๆ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณจุดตรวจและแสดงเอกสารหลักฐานเพื่อขอเข้าพื้นที่ได้เป็นรายๆ ไป

วอนม็อบอย่าเคลื่อนย้ายมวลชน
สำหรับด้านการแจ้งการชุมนุมในพื้นที่พบว่า มีการแจ้งขอใช้สถานที่กับ กทม. ที่ลานคนเมือง เมื่อวันที่ 7 พ.ย. โดยแจ้งการชุมนุม ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย. เบื้องต้นได้ประสานขอให้ใช้พื้นที่ที่จัดไว้ให้ดังกล่าวในการชุมนุม ขอความร่วมมืออย่าเคลื่อนย้ายการชุมนุม หรือเดินขบวน เพื่อมิให้กระทบกับมาตรการรักษาความปลอดภัย และหากจะยื่นข้อเรียกร้องสามารถยื่นต่อกระทรวงการต่างประเทศ ศูนย์ดำรงธรรม โดยทางกระทรวงการต่างประเทศ จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ รับไปดำเนินการทันที เพื่อเยียวยา แก้ไขปัญหา และรับเรื่องไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

โฆษก กอ.ร่วมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่าผบ.ตร.ให้ความสำคัญกับกำลังทุกนายที่มาปฏิบัติหน้าที่ ได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาลงไปดูแลความเป็นอยู่ และสวัสดิการต่างๆ อย่างเต็มที่ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกนาย ทุกภาคส่วน พร้อมปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ขณะนี้ภาพรวมการรักษาความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งกองอำนวยการร่วมฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดีในการต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หากมีข้อมูล เบาะแส สิ่งผิดปกติ ขอให้แจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตลอดเวลา โทร.191 หรือ 1599

โชว์เอเปค – การแสดงโขนที่สยาม พิวรรธน์จัดแสดงใน พาวิลเลียนโชว์เคส งาน APEC Showcase Green Press Center ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมเอเปค ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.นี้

‘ตู่’หารือทวิภาคีเวียดนาม-ซาอุฯ-สี
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นอกจากกรอบการประชุมเอเปคในช่วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคแล้ว พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการต้อนรับผู้นำในการเยือนประเทศไทย และการหารือแบบเต็มคณะที่ทำเนียบรัฐบาล ดังนี้

วันที่ 16 พ.ย.ช่วงบ่าย มีกำหนดการต้อนรับการมาเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุก ของเวียดนาม พร้อมหารือทวิภาคี การเป็นสักขียานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงและบันทึกความเข้าใจ การแถลงข่าวร่วม และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำเวียดนามและภริยา ส่วนวันที่ 18 พ.ย.ช่วงค่ำ มีกำหนดการรับเสด็จเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย พร้อมมีการหารือทวิภาคี พิธีการแลกเปลี่ยนความตกลงและบันทึกความเข้าใจ และเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงถวายพระกระยาหารค่ำแก่มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุฯ

วันที่ 19 พ.ย.ช่วงเที่ยง นายกฯ มีกำหนดการต้อนรับการมาเยือนขอประธานา ธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน พร้อมมีการหารือทวิภาคี พิธีการแลกเปลี่ยนความตกลงและบันทึกความเข้าใจ และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้นำจีนและภริยา

จับเข่า‘มาครง-นายกออสซี่-กมลา’
นายอนุชากล่าวว่า นอกจากการหารือแบบเต็มคณะกับ 3 ประเทศนี้แล้ว นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับแขกพิเศษของรัฐบาล รวมถึงผู้นำและผู้แทนเขตเศรษฐกิจ เอเปค ที่ทำเนียบรัฐบาลเพิ่มเติม ดังนี้

วันที่ 17 พ.ย.ช่วงสาย นายกฯ มีกำหนดการหารือทวิภาคีกับนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศส พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน และช่วงเย็น พบหารือทวิภาคีกับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ณ ทำเนียบรัฐบาล และวันที่ 18 พ.ย. เวลาช่วงบ่าย มีกำหนดการหารือทวิภาคีกับนางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

วันที่ 19 พ.ย. ช่วงเช้า มีกำหนดการหารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และการหารือทวิภาคีแบบสั้นในช่วงการประชุม (Pull-aside) กับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และช่วงเย็น พบหารือทวิภาคีกับนางกมลา เดวี แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ทำเนียบรัฐบาล

“การเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคของไทย ตลอดจนการพบหารือกับผู้นำประเทศต่างๆ นี้ เป็นช่วงเวลาสำคัญของไทยที่จะแสดงบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ เป็นโอกาสให้ได้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันกับผู้นำแบบพบหน้ากัน (In person) และเป็นโอกาสให้ได้ขยายความร่วมมือกับมิตรประเทศ การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยจึงสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และคงเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในเวทีโลก” นายอนุชากล่าว

สัมมนาเอเปค – วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ร่วมกับมติชน จัดงานสัมมนาวิชาการ ‘เอเปค-ประเทศไทย 2022 : ความมุ่งหมายและความสำเร็จ’ ที่ห้องพูนศุข วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.

ราษฎรหยุดเอเปคยื่น5สถานทูต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 10.30 น. วันเดียวกัน เครือข่ายกลุ่มเคลื่อนไหว “ราษฎรหยุด APEC 2022” นำโดย แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มทะลุวัง กลุ่มศาลายาเพื่อประชาธิปไตย We Volunteer โดมปฏิวัติ เครือข่ายแรงงาน Supporter Thailand (SPT) กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group (DRG) กลุ่มทะลุแก๊ส กลุ่มคณะราษฎรยกเลิก 112 (ครย.112) คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.)

ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าวเดินทางไปยื่นหนังสือถึง 5 สถานทูต ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตแคนาดา, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อสื่อสารถึงชาติผู้เข้าร่วมการประชุม ถึงการรายงานสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยในปัจจุบัน และจุดยืนของกลุ่มต่อการประชุมเอเปคที่ประเทศไทยเป็น เจ้าภาพในห้วงสัปดาห์นี้

ชี้ใช้ 112เป็นเครื่องมือละเมิดสิทธิ
สำหรับเนื้อหาแถลงการณ์ ระบุว่า ภายหลังการเลือกตั้งนายกรัฐนตรีในปี 2562 ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ไม่ปกติ ส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร กลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯ อีกครั้ง การกลับมาของรัฐบาลเผด็จการ นำไปสู่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ ในปี 2563 ซึ่งมีข้อเรียกร้องที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1.) พลเอกประยุทธ์ และองคาพยพ ต้องลาออก 2.) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และ 3.) ปฏิรูปสถาบันให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยโดยย้ำว่า ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ไม่ใช่เพื่อการล้มล้าง แต่เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและงบประมาณ เพื่อให้สถาบันมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้

เพราะมาตรา 112 กลายมาเป็นอาวุธสำคัญของรัฐในการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจการสาธารณะ (SLAPPs) เนื่องจากการเคลื่อนไหวและการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างเปิดเผย เป็นเหตุให้นักกิจกรรมทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตย รวมถึงประชาชนทั่วไป ตกเป็นเหยื่อของการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการใช้ความรุนแรงจากรัฐในรูปแบบต่างๆ อาทิ การใช้กำลังและความรุนแรงในการเข้าสลายการชุมนุมโดยสันติของประชาชน การดำเนินคดีมาตรา 112 มาตรา 116 หรือการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผู้ต้องหาในคดีทางการเมืองเผผชิญความผิดปกติต่างๆ และไม่ได้รับสิทธิในการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรมภายใต้กฎกติการะหว่างประเทศที่รัฐไทยเป็นภาคี การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสิทธิมนุษยชน จากการสอดแนมโดยรัฐ ผ่านการใช้สปายแวร์ในเครื่องมือสื่อสาร และการติดอุปกรณ์ GPS ในยานพาหนะส่วนบุคคล เป็นต้น

อย่าสร้างชอบธรรมให้ประยุทธ์
ดังนั้น ทางกลุ่มจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในฐานะตัวแทนจากประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย จะพิจารณาถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากรัฐบาลไทยดังที่กล่าวมา และเชื่อมั่นว่า การประชุมเอเปคไม่ควรเป็นเวทีในการสร้างความชอบธรรมให้กับผู้นำที่ได้อำนาจมาจากกระบอกปืน ไม่ใช่อาณัติของประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางกลุ่มได้นัดหมายประชาชนและสื่อมวลชน ในวันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 12:00 น. เป็นต้นไป ทางกลุ่มจะรวมพลกันบริเวณแยกอโศก ก่อนเดินขบวน แต่งกายชุดแฟนซี ไปยื่นหนังสือในประเด็นเดียวกัน ต่อเหล่าผู้แทนชาติเอเปค ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการสร้างความเดือดร้อนหรือความวุ่นวายให้เกิดขึ้นต่อภาพลักษณ์ของประเทศตามที่ถูกหลายฝ่ายกล่าวหาแต่อย่างใด

อนุมัติร่างผลลัพธ์ถกรมต.เอเปค
วันที่ 15 พ.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 33 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 เน้นประเด็นสำคัญ 3 ด้าน ประกอบด้วย

1. การเปิดเสรีและการอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน ได้แก่ การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน ทบทวนการหารือเรื่องเขตการค้าเสรี FTAAP และการส่งเสริมสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา

2.การส่งเสริมความเชื่อมโยงในทุกมิติ ได้แก่ พัฒนาและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนรัฐกับเอกชน เสริมสร้างความเชื่อมโยงด้านดิจิทัล การค้าไร้กระดาษและการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การอำนวยความสะดวกการเดินทางข้ามพรมแดน ใช้ใบรับรองวัคซีนโควิด-19 อิเล็กทรอนิกส์

3.การก้าวไปสู่การเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม ได้แก่ สนับสนุนการรับมือกับความท้าทายทางสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุม ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มจำนวนสินค้าสิ่งแวดล้อมเอเปค เปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด เพิ่มศักยภาพและการมีส่วนร่วมของกลุ่มคนที่ยังไม่ได้แสดงศักยภาพ เช่น MSME สตรี ชนพื้นเมือง ส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างหลักประกันการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างเท่าเทียมในราคาที่เข้าถึงได้ พัฒนาระบบการเกษตรอัจฉริยะเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศ สร้างความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืน ส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงพื้นที่ที่ยั่งยืน เสนอให้ผู้นำเอเปครับรองเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว

ร่างเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว เป็นเอกสารผลลัพธ์ระดับผู้นำ ที่ไทยมุ่งจะผลักดันให้มีการรับรองในที่ประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 เพื่อให้ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เจริญเติบโตอย่างเข้มแข็ง สมดุล มั่นคง และยั่งยืน ผ่านความร่วมมือ 4 ด้าน ได้แก่ การจัดการกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าชเรือนกระจกเป็นศูนย์, การส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนและครอบคลุม, การอนุรักษ์ บริหารจัดการ และการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และการบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

เข้าค่ายทหาร – ครอบครัวติดต่อเข้าเยี่ยมนายรัมลี กูโน น.ศ.นักกิจกรรม ถูกฝ่ายความมั่นคงใช้กฎอัยการศึกคุมตัวจากบ้านที่อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ไปไว้ในค่ายทหาร อ้างอาจก่อเหตุช่วงประชุมเอเปคในกทม. เมื่อวันที่ 15 พ.ย.

ทหารกักน.ศ.ใต้-สงสัยป่วนเอเปค
วันที่ 15 พ.ย. สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) เป็นองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกแถลงการณ์ กรณีเจ้าหน้าที่ใช้กฎอัยการศึกควบคุมตัวนักกิจกรรมนักศึกษา กลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ้างสงสัยว่าพัวพันกับการวางแผนก่อเหตุรุนแรงในช่วงการประชุมเอเปค ที่กรุงเทพฯ ช่วงวันที่ 18-19 พ.ย.นี้

LEMPAR แถลงว่าสืบเนื่องจากที่มีการแชร์ข้อมูลในโซเชี่ยลมีเดียเกี่ยวกับความเคลือบแคลงใจต่อเจ้าหน้าที่รัฐในระดับพื้นที่ (ทหาร-ตำรวจ) ได้ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก ควบคุมนักกิจกรรมนักศึกษาสังกัดกลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากมีความสงสัยว่า อาจจะมีส่วนข้องพัวพันกับการเตรียมการวางแผนเพื่อก่อเหตุรุนแรงสร้างสถานการณ์ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัฐในช่วงที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่จะถึงนี้

สำหรับการควบคุมตัวดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 พ.ย. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายรอมลี กูโน นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และอดีตรองคณะกรรมการฝ่ายบริหารของกลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนำตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจดีเอ็นเอ จากนั้นพาไปที่ ฉก.46 เขาตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

ล่าสุด เช้าวันเดียวกัน นายตูแวดานียา ตูแวแมแง ผอ.สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR)ได้นำญาติและครอบครัวนายรอมลี กูโน ไปยังค่ายทหาร ฉก.ทหารพรานที่ 46 สถานที่ควบคุมตัว เพื่อประสานขอเข้าเยี่ยม จนกระทั่งเมื่อ 12.16 น.เจ้าหน้าที่อนุญาตเข้าพบญาติที่นั่งรอที่บริเวณศาลาอเนกประสงค์

นายตูแวดานียา เปิดเผยว่าภาพรวมของภารกิจการเยี่ยมนายรอมลี กูโน ในฐานะผู้ต้องสงสัยของรัฐ ที่เจ้าหน้าที่ได้บังคับใช้กฎหมายพิเศษเข้าควบคุมตัว จากการสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อสงสัยจากต้นทางที่เมืองหลวง ซึ่งน่าจะเป็นตำรวจสันติบาลที่สงสัยว่าน่าจะมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับการเตรียมการก่อเหตุรุนแรงสร้างสถานการณ์ในช่วงการประชุม ส่วนการจะได้รับ “อิสรภาพ” หรือไม่ เมื่อไหร่นั้น ทางผู้มีอำนาจของรัฐให้คำมั่นสัญญาหนักแน่นว่า หากไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อสงสัยดังกล่าว ก็จะ “คืนอิสรภาพ” ให้ในทันทีทันใดอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากให้กลายเป็นปัญหา “น้ำผึ้งเพียงหยดเดียว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน