โพลเชียร์ชูวิทย์ จี้‘บิ๊กตู่’แก้ด่วน

เอสซีแอสเสทออกแถลง ไม่เกี่ยวทุนจีนสีเทา ทำธุรกิจโปร่งใส บ้านทุกหลังขายให้กับคนไทยและชำระผ่านธนาคาร ผู้ถือหุ้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องซื้อขายบ้านทุกกรณี เพื่อไทยก็แถลงไม่เกี่ยวตู้ห่าว ยันไม่มีการบริจาคเงินให้พรรค หรือรู้จักมักคุ้น แถมไม่ได้เป็นรัฐบาลมานานกว่า 8 ปีแล้ว มองเป็นเกมสกัดแลนด์สไลด์ช่วงใกล้เลือกตั้ง เผยอุ๊งอิ๊งที่ถูกพาดพิง ไม่ได้กังวล ย้ำให้ความร่วมมือและสนับสนุนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ฮึ่มกล่าวหามากไปอาจต้องฟ้องร้องเอาผิดทางกฎหมาย ด้านซูเปอร์โพลส่วนใหญ่สนับสนุนชูวิทย์ที่ออกมาแฉ และไม่พอใจเรื่องทุนจีนสีเทา จี้นายกฯ เร่งแก้ปัญหา

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย(พท.)แถลงว่า จากกรณีมีการตั้งข้อกล่าวหาต่อนายหาวเจ๋อตู้ หรือตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน และพวกว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย และให้ข้อมูลว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติกว้านซื้อบ้านในบางโครงการ และพยายามโยงเรื่องนี้มาบิดเบือนใส่ร้ายพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคให้เสียหายนั้น พรรคขอชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนคดีต่างๆ อยู่ในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่มีอยู่ตามกฎหมายได้อยู่แล้ว เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพรรค พรรคไม่ขัดขวางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอย้ำว่าพท.ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว และนายตู้ห่าวก็ไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย ข้อกล่าวหาที่มีต่อผู้ต้องหาก็เกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกิจในช่วงเวลาหลายปี

“ที่ผ่านมาที่พท.ไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งเป็นเวลาเกือบ 8 ปีแล้ว ดังนั้นหากจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายในช่วงเวลานี้ในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะบังคับใช้กฎหมาย และรัฐบาลสามารถไปตรวจสอบว่ามีการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายทำนองเดียวกันนี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าเบี่ยงเบนประเด็น” นายนพดลกล่าว

นายนพดลกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พยายามโยงว่าชาวต่างชาติกว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทเอสซี แอสเสท และพาดพิงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้น ตนเห็นว่าการพาดพิงและกระจายข่าวต่างๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างชัดเจน ขอเรียนว่าน.ส.แพทองธารไม่ได้รู้จักกับนายตู้ห่าว และเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายบ้านให้บุคคลใดๆ นอกจากนั้นบริษัท เอสซี แอสเสท ได้แถลงไปแล้วว่าบริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลโดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังขายให้คนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น และในการชำระค่าบ้าน ผู้ซื้อต้องชำระเงินผ่านธนาคาร ตนขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดของบุคคลกลุ่มนี้ มีบ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินที่ซื้อจากหลายโครงการ หลายบริษัท กระจายไป ไม่ใช่ซื้อจากบริษัท เอสซี แอสเสท อย่างเดียว

“ช่วงเวลานี้ ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นพรรคต่างๆ นำเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ พท.ขอเชิญชวนให้ช่วยกันนำเสนอนโยบายและหาทางออกให้ประเทศ และยุติการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอที่เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายฝ่ายอื่นด้วยความเท็จ ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ดังนั้นขอให้พวกที่พยายามตีกินหรือพยายามโยงให้พท.เสียหาย ขอให้ยุติการดำเนินการไม่เช่นนั้นเราขอสงวนสิทธิ์ปกป้องเกียรติภูมิและชื่อเสียงของพรรคในกรอบของกฎหมายต่อไป” นายนพดลกล่าว

เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการโจมตีทางการเมืองเพื่อหวังผลประโยชน์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่าตนคิดว่าการบิดเบือนมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองค่อนข้างชัดเจน พท.เป็นสถาบันทางการเมืองที่พร้อมจะต่อสู้กันตามกฎกติกาและการนำเสนอนโยบายแข่งกัน ตนคิดว่าการที่มีการบิดเบือนบุคคลต่างๆ ก็พอจะดูออกว่ามีวัตถุประสงค์ทางการเมือง แต่พท.สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็นและไม่มีอะไรที่จะซ่อนไว้

ต่อข้อถามว่าที่บอกว่าจะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายจะฟ้องหรืออย่างไร นายนพดลกล่าวว่า ปกติคนไทยทุกคนถ้าถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือถูกหมิ่นประมาทก็มีสิทธิ์ที่จะคุ้มครองสิทธิ์ของตัวเองอยู่แล้ว โดยหลักแล้วพรรคการเมืองหรือนักการเมืองไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับใครถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แต่ถ้ามีการกล่าวเท็จใส่ร้ายเกิดขึ้น อย่างต่อเนื่องเราก็เป็นบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เราก็สามารถใช้สิทธิ์ตามกฎหมายได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้คิดหรือตัดสินใจที่จะดำเนินคดีใดๆ ซึ่งหวังว่าทุกคนจะเห็นประโยชน์ของบ้านเมืองไม่ใส่ร้ายป้ายสีเราต่อ

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับน.ส.แพทองธารหรือไม่ว่ากังวลกับเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด นายนพดลกล่าวว่า ตนได้พูดคุยแล้ว น.ส.แพทองธารก็ไม่ได้กังวล เพราะเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และน.ส.แพทองธารก็ไม่ได้กระทำการใดๆ ที่ผิดกฎหมาย หรือกระทำการที่มีพิรุธ หรือไม่ชอบมาพากลแต่อย่างใด

ต่อข้อถามว่า อะไรที่ทำให้เชื่อว่าเรื่องนี้หวังผลทางการเมือง นายนพดลกล่าวว่า ช่วงนี้นางแบก นายแบก ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องและอยู่ฝ่ายความคิดเห็นทางการเมืองที่อาจจะตรงข้ามกับพรรคพท.ก็พยายามออกมากระหน่ำกัน แล้วมีอยู่ท่านหนึ่งที่ตนขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่าเรื่องตู้ห่าว จะดับแลนด์สไลด์ของพท.ตรงนี้ก็โยงการเมืองชัดเจนอยู่แล้ว

“เรื่องแลนด์สไลด์กับตู้ห่าวไม่เกี่ยวข้องกัน ผมคิดว่าเราไม่สามารถประเมินวิจารณญาณหรือความคิดของประชาชน พท.จะแลนด์สไลด์หรือไม่อยู่ที่พี่น้องประชาชน ซึ่งเราเคารพเอกสิทธิ์ที่พี่น้องประชาชนจะกาบัตรในอนาคต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตู้ห่าว” นายนพดลกล่าว

ด้านน.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม. และโฆษก พท. กล่าวว่า ถ้าสังเกตผลการสำรวจของประชาชนที่มีให้กับพรรคการเมืองหรือผู้ที่จะเสนอตนเป็น นายกฯ จะเห็นว่าพท.มาเป็นที่หนึ่ง รวมถึงบุคคลของพท.ด้วย ฉะนั้น การสร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนที่จะทำให้พท.ไม่ได้รับคะแนนเสียงใดๆ นั่นคือวิธีการของฝั่งตรงข้ามที่ต้องการดิสเครดิตเรา เราจึงมีความจำเป็นต้องให้ประชาชนได้รับทราบข่าวสารมากที่สุด และจับตาการทำงานของทุกๆ พรรคการเมือง และต้องย้ำว่าหน้าที่การตรวจสอบผู้ที่ทำผิดในประเทศไทยคือรัฐบาล และเราตรวจสอบรัฐบาลอีกชั้นหนึ่ง

นายสมบูรณ์ คุปติมนัส เลขานุการบริษัท เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ออกหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทากว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัท โดยยืนยันว่าบ้านทุกหลังในทุกโครงการขายให้เฉพาะคนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น รวมทั้งผู้ซื้อจะต้องชำระเงินผ่านธนาคาร และผู้ถือหุ้นบริษัทไม่มีหน้าที่ในการซื้อขายบ้านทุกกรณี

หนังสือดังกล่าวระบุว่า บริษัท เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข่าวเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา ตามที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทากว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทนั้น บริษัทใคร่ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า 1.บริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี โดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังในทุกโครงการขายให้เฉพาะคนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น 2.ในการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน บริษัทกำหนดให้ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินผ่านธนาคารเท่านั้น 3.ผู้ถือหุ้นบริษัทไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆ กับการซื้อขายบ้านของบริษัทในทุกกรณี

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจเรื่อง ทุนจีนกับคนไทย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Survey) เพื่อลดความคลาดเคลื่อนแก้ปัญหาแหล่งความคลาดเคลื่อนจากผู้ถามผู้ตอบและเครื่องมือวัดจำนวน 1,215 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคม พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความ เชื่อมั่น ร้อยละ 95

เมื่อถามถึงความรู้สึกของคนไทยต่อทุนจีนเถื่อนพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.4 รู้สึกแย่มากถึงมากที่สุด นึกถึงทัวร์ศูนย์เหรียญ ผับ บาร์ ศูนย์เหรียญ อาชญากรรม ยาเสพติด อิทธิพล มาเฟีย การฟอกเงิน ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย ยึดคอนโดฯ หมู่บ้านจัดสรร และที่ดินของคนไทย ในขณะที่ร้อยละ 5.6 ไม่รู้สึกแย่

ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.2 ต้องการให้ทางการจีนและทางการไทยร่วมกันเร่งจัดการทุนจีนเถื่อนด่วน ร้อยละ 89.7 เชื่อมีนักการเมือง พรรคการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลังสนับสนุนทุนจีนเถื่อน ได้รับผลประโยชน์มากถึงมากที่สุด ร้อยละ 87.7 กลัวคนไทยและประเทศไทย ถูกยึดครอง ร้อยละ 87.4 เชื่อเป็นการวางแผนของกลุ่มทุนจีนเถื่อน ร้อยละ 83.4 รู้สึกไม่ดีต่อประเทศจีนและคนจีน

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะปราบปรามทุนจีนเถื่อนผิดกฎหมายได้ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ขจัดทุนจีนเถื่อนได้แบบถอนรากถอนโคน พบว่า ร้อยละ 48.6 เชื่อมั่นมากที่สุด ร้อยละ 41.6 เชื่อมั่นมาก ร้อยละ 8.0 เชื่อมั่นปานกลาง และเพียงร้อยละ 1.8 เชื่อมั่นน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย

ที่น่าสนใจคือ เกือบร้อยละร้อยหรือร้อยละ 98.5 ชื่นชมนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้กล้าออกมาเปิดโปงทุนจีนเถื่อน ในขณะที่เพียงร้อยละ 1.5 ไม่ชื่นชม

ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ทุนจีนเถื่อนอาจจะมีผลทำให้คนไทยเกิดอคติคือรู้สึกไม่ดีต่อคนจีนและกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศจีนได้ในหลายมิติทั้งในเรื่องอาชญากรรม ยาเสพติด มาเฟีย การฟอกเงิน ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย ยึดคอนโดฯ หมู่บ้านจัดสรร และที่ดินของคนไทย และยังเชื่อว่าพรรคการเมือง นักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลังได้รับผลประโยชน์และสนับสนุนขบวนการ อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถปราบปรามทุนจีนเถื่อนผิดกฎหมาย ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ขจัดได้แบบถอนรากถอนโคน โดยเกือบร้อยละร้อยชื่นชมนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้กล้าออกมาเปิดโปงทุนจีนเถื่อนครั้งนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน