อ้างชวนทะเลาะ ตร.เร่งเค้นคลี่คดี

เจ้าของร้านโชห่วยเมืองเพชร ปืนดุ ชักลูกซองยาวหมายจะข่มขู่อริเก่าที่เข้ามาก่อเรื่องชวนทะเลาะวิวาท เกิดเหตุชุลมุนแย่งปืนกันขึ้น ปืนลั่นถูกเข้าที่หน้าท้องเจ็บสาหัสก่อนเสียชีวิต ส่วนตัวมือปืนก็ยืนรอมอบตัว พร้อมให้การว่าผู้ตายเข้ามาชี้หน้าโวยวายชวนหาเรื่องก่อน ต้องหยิบปืนที่เอาไว้ป้องกันตัวขึ้นมาข่มขู่ ผู้ตายไม่กลัวแถมยังเข้ามายื้อแย่ง สุดท้ายปืนลั่นถูกลูกกระสุนเข้าจนทรุด พยานก็ระบุผู้ตายมักชอบก่อกวนชวนทะเลาะไปทั่ว เพราะมีอาการป่วยทางจิตจนต้องเข้ารับการบำบัด ด้านตำรวจยันยังไม่ปักเชื่อในคำให้การของ ผู้ต้องหา จนกว่าจะตรวจสอบหลักฐาน-พยานเห็นเหตุการณ์ ก่อนสรุปผลคดีกันต่อไป

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 9 ธ.ค. ร.ต.ท. ณัฐนันท์ เพ็ชรแท้ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในร้านสะดวกซื้อ หน้าเทศบาลตำบลหัวสะพาน หมู่ 10 ต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี จึงรีบรายงานไปยังพ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี พร้อมรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ชำระสินค้า พบผู้บาดเจ็บเป็นชายสวมใส่เสื้อยืดกีฬาแขนสั้น สีดำ นุ่งกางเกงขาสั้น สีดำ ตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนลูกซองยาวเข้าที่บริเวณหน้าท้องและตามลำตัวหลายแห่ง นอนหมดสติจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ทราบชื่อคือนาย รัชพล หรือเอก ปักษาสันต์ อายุ 37 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี ที่บริเวณหน้าร้านยังพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 110 สีดำ-แดง ทะเบียน 1กง 2968 เพชรบุรี ของนายรัชพลจอดอยู่ มีพลเมืองดีกำลังเร่งช่วยปั๊มหัวใจยื้อชีวิต ก่อนที่หน่วย กู้ชีพจะเคลื่อนย้ายนำตัวส่งร.พ.พระจอมเกล้า แต่คนเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิต ในเวลาต่อมา

ส่วนตัวผู้ก่อเหตุคือนายกมล เอี่ยมอินทร์ อายุ 41 ปี เจ้าของร้าน หลังก่อเหตุแล้วก็ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นก็มี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพชรบุรีเข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งอาวุธปืน ภาพจากกล้องวงจรปิด และเก็บคราบเขม่าดินปืนในมือของนายกมลไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวผู้ต้องหากลับไปสอบสวนดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ

ปืนลั่น? – ภาพวงจรปิดนาทีนายกมล เอี่ยมอินทร์ อายุ 41 ปี เจ้าของร้านค้า หน้าเทศบาลตำบลหัวสะพาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ยื้อแย่งอาวุธปืนลูกซองกับนายรัชพล หรือเอก ปักษาสันต์ อายุ 37 ปี หนุ่มคู่อริที่เข้ามาหาเรื่อง ก่อนปืนลั่นใส่ฝ่ายหลังเสียชีวิต เมื่อค่ำวันที่ 9 ธ.ค.

สอบสวนนายกมลให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนและภรรยายืนให้บริการลูกค้าอยู่ที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน นายรัชพลขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดหน้าร้าน ก่อนเดินเข้ามาชี้หน้าโวยวาย ชวนทะเลาะวิวาท ตนเห็นท่าไม่ดีจึงให้ภรรยาหลบออกไปก่อน จากนั้นก็ก้มลงหยิบอาวุธปืนลูกซองยาวที่มีไว้ป้องกันทรัพย์สินภายในร้านออกมา เพื่อข่มขู่ให้นายรัชพลออกไปจากร้าน แต่นายรัชพลไม่กลัวกลับพุ่งเข้ามาแย่งอาวุธปืนและยังชกเข้าที่ใบหน้าตนด้วย จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุนปืนได้ลั่นขึ้นมา 1 นัด กระสุนถูกนายรัชพลล้มลง ตนจึงพยายามเข้าช่วยชีวิต โดยให้ภรรยาโทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเรียกรถพยาบาลแต่ก็ไม่ทัน ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิตนายรัชพล เพียงแค่ต้องการจะข่มขู่เท่านั้น เรื่องนี้มีชาวบ้านให้การด้วยว่า นายรัชพลนั้นมีอาการทางจิต อยู่ระหว่างบำบัดโดยการ กินยา ที่ผ่านมามีพฤติกรรมก่อกวนระรานชาวบ้านอยู่เสมออีกด้วย

ส่วนพ.ต.อ.วันชัยเปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้านี้นายกมลและ ผู้ตาย เคยมีปากเสียงถึงขั้นทะเลาะวิวาทกันมาก่อน จนถึงขั้นเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ไว้เป็นหลักฐานที่สภ.เมืองเพชรบุรี ก่อนเกิดเหตุนายรัชพลก็ขับขี่รถเข้าจอดมาที่หน้าร้าน หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เกิดมีปากเสียงกันขึ้น นายกมลจึงใช้อาวุธปืนลูกซองยาวขึ้นมาข่มขู่ แต่นายรัชพลก็ไม่กลัวและพยายามจะเข้ามาแย่ง จนทำให้ปืนลั่นถูกกระสุนปืนจนได้รับบาดเจ็บก่อนจะเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของ ผู้ต้องหา หลังจากนี้ขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด พร้อมทั้งสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ด้วย เพื่อสรุปหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

วันเดียวกัน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับทุกครอบครัวที่มีคนวิกลจริตอยู่ด้วยนั้น มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องดูเเลให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย หากว่าเกิดปล่อยคนวิกลจริตออกไปนอกบ้าน ตามกฎหมายอาญา มาตรา 373 บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดควบคุมดูแลบุคคลวิกลจริต ปล่อยปละละเลยให้บุคคลวิกลจริตนั้นออกเที่ยวไปโดยลำพัง ต้องระวังโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท คือเเค่ออกจากบ้านไปโดยลำพังก็มีโทษปรับถึง 5 พันบาท เเปลว่ากฎหมายมีเจตนาที่จะคุ้มครองคนวิกลจริตว่าอยู่ในความดูเเลของใคร ผู้นั้นก็ต้องคอยเฝ้าดูแลรับผิดชอบ อุทาหรณ์เรื่องนี้ตนของฝากข้อคิดไว้ว่า คนที่ดูแลผู้ตายซึ่งตามข่าวบอกว่าวิกลจริต ก็จะต้องรับผิดตามมาตรา 373 เพราะถ้าดูแลดีเหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้น ส่วนคนที่ทำปืนลั่นใส่คนวิกลจริตจนถึงแก่ความตาย จะต้องรับผิดฐานใดเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนให้ได้ความจริง ตนคงไม่พิจารณาจากภาพ เพราะอาจจะได้รายละเอียดไม่หมดที่จะนำไปสู่ข้อกล่าวหาว่าผิดฐานใดหรือไม่อย่างไร หากสำนวนส่งอัยการแล้วก็จะต้องให้ความเป็นธรรมตามกฎหมายต่อไป กระบวนการมันจะต้องสอบสวนให้ได้ความจริงให้ชัด ตามภาพที่เห็นมันสามารถดิ้นได้หลายด้านอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน