รวบครบ3ล้วนญาติพี่น้อง ฉุนยักยอกตังค์-รุมตียิงซ้ำ ลากร่างอำพรางทิ้งปืนลงน้ำ สอบเค้นรับสิ้น-ตั้งข้อหาหนัก

ตามรวบได้แล้ว 3 คนร้ายฆ่าฝังดินหนุ่มบัวใหญ่ อึ้งมีเด็กชายอายุ 15 ปี ร่วมกับรุ่นพี่อายุ 22 กับ 25 ปีลงมือด้วย หลังก่อเหตุหนีไปอยู่บ้านญาติที่ชัยภูมิ ตำรวจกดดันหนักจนยอมมอบตัว ทั้งหมดรับสารภาพ 9 ธ.ค.วันก่อเหตุ ออกไปยิงหนูนาแล้วนั่งดื่มเหล้ากัน ทวงเงินซื้อยาบ้ามาเสพ 1.7 พันบาท แต่ผู้ตายกลับซื้อเพียง 400 บาท อ้างใช้เงินหมดไปแล้ว จึงโมโหรุมใช้ไม้กระหน่ำตี ยิงปืนปากกาใส่ จ้วงแทงไม่ยั้งจนสิ้นใจ กลัวคนมาเห็นจึงช่วยกันลากร่างไปขุดหลุมฝังกลางทุ่งนา อำพรางคดี แล้วโยนปืนปากกาทิ้งใน สระน้ำที่อยู่ห่างออกไป 3 ก.ม. ตำรวจนำทีมกู้ภัยงมพบปืน เร่งรวบรวมพยาน หลักฐาน แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ยิง-มีอาวุธปืนเถื่อน และฝังซ่อนเร้นย้ายทำลายศพอำพรางคดี

จากเหตุสะเทือนขวัญฆ่าฝังดิน นาย วิราช สงนอก อายุ 39 ปี อาชีพชาวไร่ อยู่บ้านหนองปรือพัฒนา หมู่ 16 ต.โคกกระเบื้อง อ.บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา หลังหายออกจากบ้านไปนาน 3 วัน ก่อนพบกลายเป็นศพ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. สภาพร่างถูกกลบฝังอยู่กลางทุ่งนาในพื้นที่ ต.หนองบัวสะอาด อ.บัวใหญ่ รองเท้าโผล่ชี้อยู่ข้างกระท่อม ถูกตีที่ศีรษะ และถูกแทงยับที่ใบหน้า สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายออกมายิงหนูนา และตั้งวงดื่มเหล้ากับเพื่อน 3-4 คน คาดเกิดทะเลาะวิวาทกันถึงขั้นรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ก่อนนำศพมาฝังอำพรางคดี ตามข่าวที่เสนอมานั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. พ.ต.อ.ธัชพล ส่องแสง ผกก.สภ.บัวใหญ่ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนสภ.บัวใหญ่ ได้สืบสวนจนทราบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ และเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้แล้ว เป็นชาย 3 รายคือ นายสุเทพ จันทร์น้อย หรือ เทพ อายุ 25 ปี, นายธีรภัทร เศษภักดี หรือ นนท์ อายุ 22 ปี และนายเอ (นาม สมสมติ) เยาวชนอายุ 15 ปี โดยคนร้ายทั้ง 3 ราย เป็นเพื่อนที่รู้จักกันดี และอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันกับผู้ตาย โดยนายเอ หลังก่อเหตุได้หนีไปอยู่บ้านญาติในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ แต่หลังจากถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนักจึงให้ญาติติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวใหญ่

พ.ต.อ.ธัชพลกล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เมื่อคืนวันที่ 9 ธ.ค. ทั้งหมดนั่งดื่มสุราร่วมกันกับผู้ตายในกระท่อมใกล้กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันก่อนออกไปยิงหนูนากัน โดยระหว่างนั่งดื่มสุราคนร้ายทั้ง 3 คน สอบถามถึงเงินที่ได้ให้นายวิราชไปจำนวน 1,700 บาท เพื่อไปซื้อยาบ้ามาเสพกัน แต่กลับซื้อมาแค่เพียง 400 บาท ทั้งหมดจึงทวงถามหาเงินที่เหลือจากการซื้อยาบ้า แต่นายวิราชบอกว่าเอาเงินที่เหลือไปใช้หมดแล้ว จากนั้นจึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ด้วยความโมโห ทั้ง 3 คนจึงเข้ารุมทำร้ายใช้ไม้ทุบตีนายวิราช ก่อนที่นายสุเทพจะใช้อาวุธปืนปากกาที่พกมาด้วย ยิงใส่นายวิราชที่ลำตัว 1 นัด ขณะที่นายธีรภัทรใช้มีดปลายแหลมแทงไม่ยั้งถึง 8 แผลจนนายวิราชสิ้นใจในที่สุด

ฆ่าฝังดิน – ตำรวจคุมตัว 3 ผู้ต้องหาไปค้นหาปืนปากกาที่ใช้ก่อเหตุฆ่านายวิราช สงนอก แล้วนำศพไปฝังดินกลางทุ่งนา บ้านหนองปรือพัฒนา อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา สอบสวนพบปม ผู้ตายอมเงินซื้อยาบ้า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.

พ.ต.อ.ธัชพลกล่าวต่อว่า หลังจากก่อเหตุแล้ว คนร้ายได้ทิ้งมีดไว้ใกล้จุดเกิดเหตุ ทั้งหมดรู้สึกตกใจมาก จะหลบหนีไปเฉยๆ ก็กลัวคนจะมาเห็นศพ จึงพากันลากศพนายวิราชไปฝังดินไว้บริเวณทุ่งนา ห่างจากกระท่อมที่ก่อเหตุ 100 เมตร แล้วแยกย้ายกันหลบหนีไป โดยนายสุเทพได้นำอาวุธปืนปากกาไปทิ้งในสระน้ำ พื้นที่หมู่บ้านกระพี้ ต.หนองบัวสะอาด ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุ 3 กิโลเมตร เช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนาย สุเทพไปค้นหาอาวุธปืนปากกาในสระน้ำดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำหน่วยกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา ลงค้นหาอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง จึงงมพบปืนปากกาที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำไปเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควรและฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายกับกลุ่มผู้ต้องหาต่อไป

ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สภ.บัวใหญ่ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมาสอบปากคำเพิ่มเติม ขณะที่กำลังสอบปากคำผู้ต้องหา ได้มีนางบู่ เศษภักดี อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นยายของนาย สุเทพ หนึ่งในผู้ต้องหา เดินทางมาเยี่ยมหลานชายด้วยความเศร้าใจ โดยนางบู่ เผยว่า นายสุเทพหลานชายนั้น อาศัยอยู่บ้านคนเดียว และเป็นคนชอบดื่มสุราเป็นประจำ หลังเกิดเหตุตนเองไม่รู้อะไรเลย เพราะไปเลี้ยงควายอยู่กลางทุ่งนา ซึ่งเมื่อช่วงเย็นวันเกิดเหตุ ตนยังแวะมากินข้าวพูดคุยกันตามปกติ โดยหลานชายก็พูดออกมาว่าไปทะเลาะกับเพื่อนมา จากปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ จึงได้ลงมือทำร้ายเพื่อนจนเสียชีวิต ซึ่งก็คิดว่าหลานคงพูดทีเล่นทีจริง ไม่คิดว่าจะทำจริงๆ มารู้อีกทีจากข่าวจึงรู้สึกตกใจมาก เพราะหลานชายกับผู้ตายก็รู้จักกันในฐานะเป็นญาติกัน ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ แต่เมื่อหลานก่อเหตุเช่นนี้แล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน