ยะเยือกถึงวันที่20ธ.ค. จังหวัดปริมณฑลด้วย

ชาวกทม.-ปริมณฑล หนาวแน่ อุตุฯ ชี้อุณหภูมิลดต่อเนื่อง 2-4 องศา ต่ำสุด 14 องศา ส่วนภาคเหนือยอดดอยเหลือ 4 องศา มีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ โคราชเย็นยะเยือกคนแก่ต้องผิงไฟรับไออุ่น ส่วนภาคใต้หลายจังหวัดอ่วมฝนถล่มไม่หยุด ทร.แจงรล.สุโขทัยแค่เอียงยังไม่อับปาง เมืองคอนน้ำทะเลหนุนท่วมบ้านเรือน สุราษฎร์ธานีห้ามเรือทุกชนิดออกจากฝั่งอ่าวไทย สงขลาจมหลายพื้นที่ ถนนเชื่อมหาดใหญ่ถูกตัดขาด

อุตุฯชี้อุณหภูมิลดฮวบถึง 20 ธ.ค.
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. น.ส. ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบนและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 9 (355/2565) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 18-20 ธ.ค. ว่า ในช่วงวันที่ 18-20 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส บริเวณพื้นราบอุณหภูมิต่ำสุด 11-18 องศาเซลเซียส ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส

สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออกรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอากาศแห้งและลมแรง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้ วันที่ 18-19 ธ.ค. ภาคใต้ : สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและอันดามันมีกำลังแรง โดยห่างฝั่งมีคลื่นสูง 2-4 ม. บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 ม. ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 20 ธ.ค. จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘นายกฯ’สั่งช่วยผู้ประสบอุทกภัย
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใย และไม่นิ่งนอนใจในปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักหลายพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน ที่จ.นครศรี ธรรมราช สงขลา จำนวนหลายจุด โดยได้ติดตามการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัย และกำชับให้ทุกหน่วยงานเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา และเยียวยา หามาตรการช่วยเหลือหลังจากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างเร่งด่วน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมกำลังเข้าช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบในเบื้องต้น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง ในลุ่มน้ำสำคัญใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.ยะลา และจ.นราธิวาส

นายธนกรกล่าวว่า นายกฯ กำชับให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเฝ้าระวัง เตรียมความพร้อมช่วยเหลือประชาชนพื้นที่เสี่ยงและการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ไปจนถึงวันที่ 20 ธ.ค.นี้ และให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งเตือนประชาชน ลดผล กระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางรัฐบาลพร้อมดูแลให้ความช่วยเหลือ เยียวยาทุกครัวเรือนอย่างรวดเร็ว ทั่วถึงและครอบคลุม และเป็นกำลังใจแก่ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในทุกระดับที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบอุทกภัย สามารถติดตามสายด่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หมายเลข 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง สื่อออนไลน์ ที่จะเป็นสื่อกลางแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน เพื่อให้ได้รับการอพยพในพื้นที่ประสบภัยและได้รับการช่วยเหลือทันที

แก้หนาว – ควาญช้างคลุมผ้าห่ม และก่อกองไฟแก้หนาว ให้พังแม่บังคำ อายุ 72 ปี และช้างแก่อีกหลายเชือก ที่บ้านพักช้างสูงวัย ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังอุณหภูมิลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 15 องศา เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.

ก่อไฟให้ช้างแก้หนาว
ควาญช้างที่บ้านพักช้างสูงวัย ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ช่วยกันนำผ้าห่มผืนใหญ่ ห่มคลุมให้กับแม่บังคำ ช้างพังวัย 72 ปี ช่วยคลายหนาวหลังจากอุณหภูมิในช่วงเช้าและค่ำลดลงกะทันหัน เช้าวันนี้เหลือเพียง 15 องศาเซลเซียสจนทำให้แม่บัวคำหนาวสั่นและแสดงอาการออกมาด้วยการสะอึกหลายครั้ง แม้ช่วงแรกๆ แม่บัวคำจะดูอึดอัดบ้างเพราะนานๆ จะได้ห่มผ้า แต่ไม่นานก็เริ่มชินและดูพอใจกับผ้าห่มผืนนี้ นอกจากนี้ยังก่อไฟหน้าโรงเลี้ยงเพิ่มความอบอุ่นให้กับช้าง ทำให้ช้างเข้ามาอยู่ใกล้กองไฟเพื่อรับไออุ่นและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น โดยช่วงอากาศหนาวต้องดูแลช้างมากเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้มีผลต่อสุขภาพ รวมทั้งต้องเตรียมสำรองฟืนไว้ให้เพียงพอสำหรับก่อไฟ เพราะบางเชือกไม่ชอบใส่เสื้อกันหนาว

โคราชหนาวจัดแค่ 15 องศา
บ้านไทรงาม ม.21 ต.ในเมือง อ.พิมาย ช่วงเช้าผู้สูงอายุหลายๆ คนพากันจับกลุ่มผิงไฟคลายหนาว เนื่องจากอุณหภูมิลดฮวบ 15 องศาเซลเซียส คนเฒ่าคนแก่ต้องออกมาก่อไฟผิงคลายหนาว เพราะเป็นพื้นที่โล่งถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ และมักมีลมแรง ซึ่งสำนักงานสาธารณสุข จ.นครราชสีมา ออกมาเตือนประชาชนให้ระวังสภาพอากาศที่หนาวเย็น อาจส่งผลให้เลือดมีความหนืด จนเกิดอาการช็อกหมดสติไปถึงขั้นเสียชีวิตได้ เพราะหัวใจทำงานหนัก และร่างกายปรับตัวตามสภาพอากาศไม่ทัน ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยง่าย ในเด็กวัยต่ำกว่า 1 ขวบ เด็กเล็กและผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงได้ ดังนั้นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรใส่เสื้อผ้ากันหนาวให้ความอบอุ่นร่างกายในช่วงระยะนี้ด้วย

ขายดี – ชาวบ้านแห่ซื้อเสื้อกันหนาวมือสอง ในราคาประหยัด ไว้สวมใส่เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย แน่นร้านจำหน่ายเสื้อผ้ามือสอง ตลาดนัดตลาดแปด อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลังอุณหภูมิลดลงอีก 3-5 องศา เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.

หลายคนไปหาเลือกซื้อเสื้อกันหนาวมือสองมาสวมใส่ เพราะสภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี เงินเฟ้อ ทำให้ค่าครองชีพสูง ประกอบกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา ในช่วงหน้าหนาว อากาศมักไม่ค่อยหนาวเย็นมากนัก ทำให้ตลาดเสื้อผ้ามือสองในช่วงนี้คึกคักตามไปด้วย อย่างเช่นที่ ตลาดนัดตลาดแปด อ.พิมาย ขายตัวละ 35-50 บาทเท่านั้น ทำให้พ่อค้าแม่ค้าเสื้อกันหนาวมือสอง พากันรับทรัพย์กันถ้วนหน้า

ประจวบฯคลื่นยักษ์ถล่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ส่งผลให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยบริเวณอ่าวประจวบคีรีขันธ์ความยาว 8 กิโลเมตร (ก.ม.) ตั้งแต่หน้ากองบิน 5 ถึงวนอุทยานเขาตาม่องล่าย อ.เมือง จ.ประจวบ คีรีขันธ์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง มีคลื่นลมแรงสูงกว่า 3 ม. ซัดเข้าหาชายฝั่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้บางจุดมีน้ำขังบนผิวการจราจร แต่ยังสามารถใช้เส้นทางสัญจรได้ตามปกติโดยใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ร้านอาหารริมหาดส่วนใหญ่ผู้ประกอบการต้องงดให้บริการชั่วคราวจนกว่าคลื่นลมจะสงบ

ส่วนเรือประมงพาณิชย์และเรือประมงพื้นบ้านในอ่าวประจวบฯ กว่า 300 ลำ ต้องนำเรือจอดหลบคลื่นลมในที่ปลอดภัยบริเวณคลองบางนางรม เชิงเขาตาม่องล่ายและเขาล้อมหมวกในกองบิน 5 เพื่อป้องกันความเสียหาย ซึ่งปัญหาคลื่นขนาดใหญ่พัดเข้าชายฝั่ง อาจมีกระทบกับเขื่อนคอนกรีตกันคลื่นด้านหน้าสวนเฉลิมพระเกียรติ ใกล้ศาลากลางจังหวัด ที่มีสภาพชำรุด แต่ยังไม่มีการซ่อมแซมเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกันคลื่นทะเลขนาดใหญ่มีผลกระทบกับโคมไฟสับปะรดบนสันเขื่อนที่มีปัญหาเสาไฟฟ้ามีสนิม และพบว่าสายไฟฟ้าชำรุด บางช่วงสายไฟฟ้าสูญหาย ทำให้ไฟส่องสว่างบางช่วงไม่สามารถใช้การได้

ชุมพรเรือประมงหยุดหาปลา
สำหรับเขตอ.สวี จ.ชุมพร ฝนตกหนัก ส่วนเขตเมืองชุมพรยังไม่มีฝน แต่มีคลื่นลมแรงโดยมีคลื่นสูงประมาณ 2-4 เมตร ทำให้เรือเล็กที่เป็นประมงพื้นบ้านนำเรือเข้าฝั่งและจอดเรือหลบคลื่นลมในที่ปลอดภัยตามร่องน้ำปากอ่าว นอกจากชาวประมงที่หยุดเรือออกหาปลาแล้ว ยังมีผู้ประกอบการร้านอาหารริมทะเลได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะที่บริเวณริมทะเลปากหาด ม.3 ต.ท่ายาง อ.เมืองชุมพร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งพักผ่อนนั่งชมบรรยากาศริมทะเล มีร้านค้า ร้านอาหารตั้งอยู่ตามแนวถนนริมทะเลลมแรงสิ่งของได้รับความเสียหาย

นครศรีฯจมบาดาล
ที่จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ทุกพื้นที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม และหลังเกิดฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หลายพื้นที่ใน จ.นครศรีธรรมราช มีระดับน้ำเพิ่มสูง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มมีน้ำท่วมขังแล้ว ส่วนในเขตเทศบาล ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชมีน้ำทะเลหนุนทำให้ระดับน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านเกือบเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงประมาณ 50-70 ซ.ม. ชาวบ้านต้องขนย้ายข้าวของไปไว้ในที่สูง เพื่อหนีน้ำ

นอกจากพื้นที่เขตเทศบาลตำบลปากนคร มีน้ำทะเลหนุนสูงแล้ว ยังมีพื้นที่เขตเทศบาลเมืองปากพนัง มีน้ำทะเลหนุนสูงเช่นกัน ขณะที่นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผวจ.นครศรีธรรมราช สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนัก และปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมก่อนหน้านี้เนื่องจากอยู่ในช่วงของฤดูมรสุม อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ จึงเตรียมความพร้อมตลอดเวลา เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที

สุราษฎร์ฯห้ามเรือออกจากฝั่ง
นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ออกประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ห้ามเรือทุกชนิดออกจากฝั่งในทุกอำเภอที่ติดชายทะเล ฝั่งอ่าวไทย รวมถึงเรือโดยสารเฟอร์รี่ ประกอบด้วย เส้นทางจากอ.เมืองไปเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ทั้งไปและกลับ, เส้นทางจากอ.ดอนสัก ไปยังเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ทั้งไปและกลับ และเส้นทางจากอ.เกาะสมุยไปยังเกาะพะงัน เกาะเต่า จ.ชุมพร ทั้งไปและกลับ รวมถึงเรือโดยสารภายในเขื่อนรัชชประภา ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 18 ธ.ค. ถึงวันที่ 19 ธ.ค. ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว

ขณะที่ชายหาดเฉวง เกาะสมุย ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตีร มีการปักธงแดงเตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำ เช่นเดียวกับทุกหาดของเกาะสมุย นักท่องเที่ยวหลายคนที่จะเข้ามาเล่นน้ำทะเลต่างผิดหวังที่ไม่ได้เล่นน้ำทะเลเพราะคลื่นสูงเกรงจะได้รับอันตราย จึงหันไปเที่ยวที่อื่นแทน หรือกลับไปที่พัก แต่บางคนมาเดินเล่นบนชายหาด ถ่ายรูปคลื่นทะเล

สงขลาเจิ่งนองหลายอำเภอ
ที่จ.สงขลา หลังจากฝนตกสะสมต่อเนื่องมาสองวัน จนถึงขณะนี้ยังไม่หยุดตก ทำให้เกิดน้ำท่วมเส้นทางในหลายอำเภอของจ.สงขลา เช่น ถนนกาญจนวนิช เส้นทางระหว่างอ.เมืองกับอ.หาดใหญ่ สายเก่า น้ำท่วมทางหลายจุด เช่น บริเวณห้าแยกเกาะ, บ้านควนหิน และบ้านบางดานรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ต้องปิดเส้นทาง และประชาสัมพันธ์ให้ผู้เดินทางเลี่ยงไปใช้ถนนลพบุรีราเมศวร์แทน และทางเทศบาลตำบลพะวงกำลังเร่งสูบน้ำออกให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังเจออุปสรรคที่มีฝนตกต่อเนื่องมาตลอด

ส่วนในอำเภออื่นก็เช่นกัน เช่นที่ อ.รัตภูมิ น้ำท่วมเส้นทางถนนยนตรการ กำธร ตั้งแต่ตัวอ.รัตภูมิมายังสี่แยกคูหารถเล็กผ่านยาก ประชาชนที่เดินทางมาจากสตูลให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางถนนเพชรเกษมสายเก่าแทน ขณะที่บ้านหนองจูด หมู่ 13 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา มีบ้านหลายหลังน้ำทะลักเข้าไปในบ้าน ความสูงประมาณ 20-50 ซ.ม. และบนถนนมีน้ำท่วมขังหลายจุด บางหลังขนของไว้ที่สูง บางหลังมีผู้สูงอายุ ก็พาขึ้นไปชั้น 2 บางหลังขนของได้เท่าที่จำเป็น

น้ำป่าทะลักพัทลุง
ที่จ.พัทลุง ฝนยังคงตกหนักครอบคลุมทุกอำเภอ โดยเฉพาะพื้นที่ริมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัดพัทลุง ท้องที่ อ.ป่าบอน อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.ศรีนครินทร์ มวลน้ำป่าที่ไหลหลากลงมาตามน้ำตกต่างๆ ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายังแรงและเพิ่มปริมาณมากขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำตกไพรวัลย์ น้ำตกมโนราห์ น้ำตกหนานสูง พื้นที่อ.กงหรา น้ำตกโตนแพรทอง อ.ศรีนครินทร์

ล่าสุดบริเวณน้ำตกไพรวัลย์ ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา น้ำป่าได้ไหลหลากลงสู่น้ำตกเป็นจำนวนมากและมีสีแดงขุ่น ไหลหลากท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา ในหลายหมู่บ้าน และไหลหลากท่วมพื้นที่ ต.ชะรัด อ.กงหรา เช่นกัน ทั้งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน บางครอบครัวขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงไม่ทันจมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่ทางตำรวจตระเวนชายแดนที่ 434 พัทลุง ลงพื้นที่บ้านน้ำใต้แดง ม.12 ต.คลองเฉลิม เพื่อช่วยขนย้ายสิ่งของให้กับชาวบ้าน ผู้ประสบภัย แต่ก็ทำได้ไม่มากเนื่องจากปริมาณน้ำท่วมขยายเป็นวงกว้าง

ส่วนพื้นที่ อ.ตะโหมด มวลน้ำจากน้ำตกหม่อมจุ้ยยังคงไหลหลากลงมาท่วมบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลต.ตะโหมด ท่วมโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งชาวบ้านต่างขนย้ายสิ่งของไว้ในที่ปลอดภัย เนื่องจากน้ำมาเร็วและแรง

เพชรเกษมก็จม
ขณะที่ทางจ.พัทลุง ออกประกาศเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง และจนถึงขณะนี้ทั่วพื้นที่ของจ.พัทลุงยังมีสภาพฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ท้องฟ้ามืดครึ้มตลอดทั้งวัน และล่าสุดที่บ้านต้นไทร ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ น้ำท่วมผิวถนนสายเพชรเกษมช่วงจ.พัทลุง-ตรัง ครึ่งเลนฝั่งเข้าตัวจ.พัทลุง โดยมีเจ้าหน้าที่แขวงการทางพัทลุง เปิดไฟเตือนคอยให้บริการเป็นระยะ คาดว่ามวลน้ำจาก อ.กงหรา อ.ตะโหมด ที่กำลังหลากท่วม จะไหลหลากลงมาสมทบในพื้นที่ลุ่มด้านล่าง ท้องที่ อ.เขาชัยสน และ อ.ป่าบอน อีกไม่เกิน 3 ชั่วโมง มวลน้ำดังกล่าวจะไหลหลากท่วมถนนเพชรเกษม ช่วงบ้านโคกยา ท้องที่ อ.เขาชัยสน และบ้านพรุพ้อ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนขับรถด้วยความระมัดระวัง

นราธิวาสน้ำท่วมพื้นที่ลุ่ม
ที่จ.นราธิวาส ซึ่งมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประกอบกับก่อนหน้านี้มีปริมาณฝนตกในพื้นที่จำนวนมากมาแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ล่าสุดในวันนี้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากมีน้ำเอ่อล้นจากแม่น้ำหลาย และน้ำป่าไหลหลากลงพื้นที่ราบลุ่ม โดยในพื้นที่ ม.4 บ้านบองอ ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีระดับน้ำเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่ม ประชาชนต่างขนย้ายข้าวของไปอยู่ในที่ปลอดภัย เส้นทางสัญจรไปมาถูกตัดขาด รถเล็กและรถจักรยานยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้

ขณะที่โครงการชลประทานจ.นราธิวาส ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำโก-ลก ฉบับที่ 10 หลังจากมีฝนตกหนักสะสม อาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ราบเชิงเขา น้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ และระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลกอาจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ช่วยระทึก – รถปิกอัพประสบอุบัติเหตุ ขณะขับอยู่บนถนนสายบ้านแหร-บ้านซาไก อ.ธารโต จ.ยะลา ซึ่งถูกน้ำกัดเซาะทรุดพังถล่ม เนื่องจากฝนถล่มหนัก โชคดีรถค้างอยู่ริมตลิ่งไม่ไหลลงลำธารเชี่ยวกราก ชาวบ้านช่วยคนขับได้หวุดหวิด เมื่อ 18 ธ.ค.

ยะลาน้ำป่าทำถนนพัง
ที่จ.ยะลา ฝนตกหนักติดต่อกันมาตั้งแต่เย็นวันที่ 17 ธ.ค. และตกลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่อ.ธารโต น้ำป่าไหลกัดเซาะถนนสายบ้านแหร-บ้านซาไก ระหว่าง ก.ม.3-4 เป็นเหตุไหล่ทางขอบถนนลาดยางถูกน้ำกัดเซาะจนถนนทรุดพังทลายลงไปในลำธาร โดยส่วนที่เป็นพื้นลาดยางทรุดหายไปจนถึงเส้นเหลืองกลางถนน เป็นระยะทางร่วม 20 ม. ระหว่างนั้นมีนายรุสดี สุเด็ง ผช.ผู้ใหญ่บ้านบูโละสนิแย หมู่ 4 ต.บ้านแหร ขับรถกระบะยี่ห้อโตโตย้าไฮลักซ์ สีบรอนซ์ ทะเบียน บธ 6700 ปัตตานี ออกสำรวจตรวจสอบสภาพน้ำในพื้นที่ผ่านเส้นทางดังกล่าว เป็นเหตุทำให้รถกระบะพุ่งตกลงไปในลำธารช่วงถนนทรุด นายรุสดีสามารถออกมาจากรถได้โดยปลอดภัย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่กู้ภ้ยเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

แจงรล.สุโขทัยไม่อับปาง
เมื่อเวลา 20.00 น. แหล่งข่าวจากกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าเรือหลวงสุโขทัยเกิดการล่มอับปางบริเวณอ่าวไทยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ถึงขั้นล่มอับปาง แต่เรือหลวงสุโขทัยเกิดการเอียง เนื่องจากคลื่นลมแรง และจอดอยู่บริเวณชายฝั่ง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะนี้กองทัพเรือกำลังส่งเรือที่อยู่ใกล้ที่สุดไปให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม หากมีความคืบหน้า ทางทีมโฆษกกองทัพเรือจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน