จับ‘เลขาฯสาว’ร่วมพาหนีศาล

ตร.ขยายผลหา ‘คนใน’ นำกุญแจไขปลดพันธนาการ ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ผู้ต้องหาฉ้อโกงแหกหลบหนีศาล ตามจับเพิ่มอีกราย สาวเลขาฯ คนสนิท ร่วมช่วยเหลือ สอบเครียดทั้งคืน เจ้าตัวยังให้การภาคเสธ อ้างไม่มี ส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยอมรับว่ารู้จะหลบหนี เจ้าหน้าที่มั่นใจพยานหลักฐานชัดเจน แม้มีบางส่วนขัดแย้งกับคำให้การของผู้ต้องหารายแรกที่ถูกจับ

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยความคืบหน้าคดีผู้มีส่วนช่วยเหลือนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงคนดังหลบหนีศาลระหว่างถูกนำตัวมาพิจารณาคดีว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนติดตามจับกุมน.ส. นัสนันท์ คาดิวี เลขานุการคนสนิทนายประสิทธิ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในความผิดฐานผู้สนับสนุนให้ผู้ต้องขังในอำนาจของศาลหลบหนี และละเมิดอำนาจศาล ในวันที่ 26 ธ.ค. พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง

รายงานข่าวแจ้งว่าจากการสอบสวนตลอดทั้งคืน น.ส.นัสนันท์ยังคงให้การภาคเสธ อ้างไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยอมรับเป็นเลขาฯ นายประสิทธิ์ และรับรู้ว่าจะมีการหลบหนี จากคำให้การของน.ส.นัสนันท์ยังมีบางส่วนขัดแย้งกับคำให้การของนายสมประสงค์ ผู้ต้องหารายแรกที่ถูกจับ แต่เจ้าหน้าที่ไม่หนักใจ เนื่องจากมั่นใจพยานหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจน

นอกจากนี้ ตามแนวทางสืบสวนยังพบหลักฐานว่าเมื่อช่วงเช้าวันเกิดเหตุน.ส. นัสนันท์เดินทางมาศาลด้วยเช่นกัน ก่อนจะกลับออกไป พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาให้ปากคำแล้วแต่ไม่ยอมมาพบ ทั้งยังมีพฤติกรรมหลบหนี จนเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนขออำนาจศาลออกหมายจับและจับกุมตัวได้

พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (สบ 8) ปฏิบัติราชการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. มอบหมายให้ขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ฝ่ายสืบสวนเชื่อว่าน่าจะมีคนในร่วมช่วยเหลือด้วย เช่น นำกุญแจมาปลดเครื่องพันธนาการ ซึ่งทราบว่า กรมราชทัณฑ์ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงด้วยเช่นกัน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จัดเสวนา “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก เรื่องตลกร้าย (หน้าศาล) ที่ขำไม่ออก” โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์กทม. กล่าวว่า กรณีนายประสิทธิ์อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากใช้ศรัทธาเพื่อสร้างความนิยมนำไปสู่การคดโกงประชาชน เป็นการกระทำความผิดที่สั่นสะเทือนหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก จึงขอเชิญชวนประชาชนตรวจสอบ ขับเคลื่อน เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายและสังคม

ส่วนนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ตามติดคดีของนายประสิทธิ์ และช่วยเหลือผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกง กล่าวว่านายประสิทธิ์คือ นักธุรกิจที่ออกแบบธุรกิจแชร์ลูกโซ่ โดยใช้ศรัทธาภาพลักษณ์เชิงบวกหลอกลวงประชาชน อ้างอิงหน่วยงานรัฐ ข้าราชการทหาร ตำรวจ นักการเมือง เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเกิดเหตุหน่วยงานภาครัฐกลับเพิกเฉย ไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งที่กินภาษีประชาชน มีประชาชนผู้เสียหายกว่าพันครอบครัว คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่าพันล้านบาท เดือดร้อนทุกข์แสนสาหัส มองว่าโครงสร้างสังคมไทยมีปัญหา ระบบราชการต่างๆ ล่าช้า ปกป้องพวกพ้องเดียวกัน และช่วยเหลือคนมีเงิน

ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผบช.น.กล่าวว่า คดีนายประสิทธิ์สะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริง 5 ประการ 1.สะท้อนพฤติกรรมของนายประสิทธิ์ในการสร้างภาพทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดิน กองทัพ ตำรวจ เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ 2.สะท้อนถึงประชาชนตกเป็นเหยื่อของพฤติกรรมคนหลอกลวง 3.สะท้อนการทำงาน ของเจ้าหน้าที่รัฐที่หละหลวม 4.สะท้อนถึงกระบวนการยุติธรรมที่มีช่องโหว่ และ 5.สะท้อนถึงขั้นตอนในการหนีของคนร้าย เพราะกฎหมายเอื้อประโยชน์ การกระทำของนายประสิทธิ์เป็นการพิสูจน์ความยุติธรรม ความโปร่งใสของเจ้าหน้าที่ในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้หากจะตรวจสอบอย่าง จริงจัง เจ้าหน้าที่รัฐที่ดีต้องมีธรรมาภิบาล ช่วยเหลือ เคียงข้างประชาชนผู้เสียหาย มากกว่าช่วยเหลือผู้กระทำผิด อีกทั้งต้องแก้กฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่

“โดยส่วนตัวเชื่อว่ามีการช่วยเหลือ นายประสิทธิ์ในการหลบหนีอย่างเป็น กระบวนการ และวางแผนล่วงหน้ารัดกุม เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่รัฐจะไม่รู้เห็นเป็นใจ ดังนั้น การสืบสวนสอบสวนคดีนี้ว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องจึงไม่ใช่เรื่องยาก ต้องสืบสวนอย่างจริงจังตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุว่าเตรียมการหนีได้อย่างไร นอกจากเป็นคดีอาญาแล้วยังถือเป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง เพราะแอบอ้างสถาบันต่างๆ ขอฝากถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่าต้องเกาะติด หาแนวทาง ในการยึดทรัพย์ ดูเส้นทางทางการเงิน กดดันให้คืนเงินให้ผู้เสียหาย เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง” พล.ต.ต.วิชัยกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน