4วันตาย218ราย ถนนกลับกรุงแน่น รฟ.-รถทัวร์ก็เต็ม

สถิติ ‘เมาขับ’ แซงปี 2565 ส่งคุมประพฤติแล้ว 4.3 พันคดี ร้อยเอ็ดแชมป์ 255 คดี นนทบุรี 252 และเลย 245 คดี อธิบดีกรมคุมประพฤติชี้เทียบสถิติช่วงเวลาเดียวกันของ ปีที่แล้วที่มีเพียง 52 คดี ปี 2566 เพิ่มขึ้นถึง 2,561 คดี ศปถ.แจงยอดผู้เสียชีวิตรวม 218 ราย บาดเจ็บ 1,647 ราย เชียงรายมากสุด 12 ศพ เหนือ-อีสานแห่กลับกรุง พหลโยธิน-มิตรภาพรถแน่น เปิดเพิ่มช่องทางพิเศษเลี่ยงเมือง ระบายรถติด นายกฯ กำชับอำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางปลอดภัย เข้มตรวจรถทัวร์-รถโดยสารสาธารณะ เรือข้ามเกาะห้ามบรรทุกเกิน มีชูชีพให้ผู้โดยสารทุกคน

ย้ำเข้มขับขี่ปลอดภัยกลับกรุง
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามรายงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพฯ และจังหวัดเขตเศรษฐกิจ ทำให้มีปริมาณรถหนาแน่นในเส้นทางหลัก เส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด จึงกำชับให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รองรับประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนา พร้อมเน้นย้ำให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางกลับจากเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย ให้คุมเข้มโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุและมีผู้สูญเสียสูงสุด เข้มงวดกวดขันผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ ไม่สวมหมวกนิรภัย ขับรถเร็วบนเส้นทางสายหลักและสายรองในช่วงที่มีสถิติอุบัติเหตุสูง ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วและง่วงหลับใน รวมถึงตรวจสอบความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ และรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารในลักษณะเสี่ยงอันตราย เพื่อสร้างการสัญจรที่ปลอดภัยให้กับประชาชน และย้ำให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลให้เหลือน้อยที่สุด

ด้านน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนการโดยสารทางเรือ ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งภาคใต้ ภาคตะวันออก ที่มีนักท่องเที่ยว เดินทางจำนวนมาก ขอให้ทั้งหน่วยงานและ ผู้ประกอบการให้บริการเรือร่วมกันดูแลความปลอดภัยทั้งการไม่บรรทุกเกินน้ำหนัก การมีเสื้อชูชีพที่เพียงพอ กำชับให้ผู้โดยสารสวมชูชีพตลอดเวลาที่อยู่บนเรือ

ซิ่ง-เมาขับตายพุ่ง 218 ราย
ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีปภ. เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2566 โดย ปภ. และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 478 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 465 คน ผู้เสียชีวิต 66 ราย

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 37.03 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 33.26 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 88.02 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 79.50 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.49 ถนนใน อบต./หมู่บ้านร้อยละ 32.22 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01-01.00 น. ร้อยละ 15.69 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 23.54 มีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,887 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 55,851 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 401,164 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 59,862 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 16,696 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 16,070 ราย ขับรถเร็วเกินกำหนด 7,109 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สงขลา (27 ครั้ง) จังหวัดที่มี ผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สงขลา (31 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน สระแก้ว สุราษฎร์ธานี (จังหวัดละ 4 ราย)

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ เกิดอุบัติเหตุรวม 1,664 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,647 คน ผู้เสียชีวิตรวม 218 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 10 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (56 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สกลนคร (57 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (12 ราย) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 10 จังหวัด

นายบุญธรรมกล่าวต่อว่า วันนี้คาดว่าเส้นทางสายหลักจะมีปริมาณรถหนาแน่นตลอดทั้งวัน ศปถ.ได้กำชับให้จังหวัดสนธิกำลังอาสาสมัครอำนวยการจราจรและดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งนี้ ขอฝากเตือน รถโดยสาร รถขนส่งสาธารณะ และ ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ขับรถเร็ว ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด หยุดพักรถ ทุก 1-2 ชั่วโมง ไม่ฝืนขับรถ เมื่อมีอาการ ง่วงนอนให้จอดพักรถตามจุดบริการต่างๆ หรือสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย








Advertisement

จับเมาขับ 4 วันทะลุ 4.3 พัน
ด้านนายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สถิติคดีขับรถ ขณะเมาสุราที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ ต้อนรับ วันปีใหม่ 1 ม.ค.2566 มีจำนวน 2,666 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 2,613 คดี หรือร้อยละ 98.01 คดีขับเสพ 53 คดี หรือร้อยละ 1.99 ซึ่งสถิติยอดรวมสะสม 4 วัน ที่มีการควบคุมเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.2565-1 ม.ค.2566 มีจำนวน 4,508 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 4,300 คดี คดีขับรถประมาท 11 คดี และคดีขับเสพ 197 คดี

จังหวัดที่มีสถิติคดีขับรถขณะเมาสุรา ยอดสะสมสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ ร้อยเอ็ด 255 คดี นนทบุรี 252 และ เลย 245 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่คุมประพฤติในวันที่สี่ของช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2565 และ 2566 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา ปี 2565 มีเพียง 52 คดี ส่วนปี 2566 มีจำนวน 2,613 คดี เพิ่มขึ้นถึง 2,561 คดี

ทะเลหมอก – นักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นไปชมความสวยงามของทะเลหมอกยามเช้าบนสกายวอล์ก วัดผาตากเสื้อ ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย เก็บภาพประทับใจในวันสุดท้ายวันหยุดยาวของเทศกาลปีใหม่ เมื่อ 2 ม.ค.

เหนือกลับกรุงรถแน่น
ส่วนบรรยากาศการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ในเส้นทางต่างๆ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนที่เดินทางไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ และกลับภูมิลำเนา เริ่มทยอยเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทำให้การสัญจรกลับมาหนาแน่นในหลายจุดสำคัญ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง

บริเวณถนนสายหลัก ถนนพหลโยธิน ฝั่งขาล่องไป กทม.บริเวณ แยกบ้านฟ่อนหมู่ 2 ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นแยกสัญญาณไฟที่รถจากทั่วภาคเหนือจะมาติดขัดบริเวณนี้ยาวเกือบกิโลเมตร พบว่ามีรถสัญจรจำนวนมาก ติดต่อกันเป็นเส้นทางยาว แต่ยังคงเคลื่อนตัวได้ต่อเนื่อง

พ.ต.ท.วรเชษฐ สกิจกัน รอง ผกก.ป.สภ.เขลางค์นคร จ.ลำปาง เปิดเผยว่า เริ่มมีประชาชนสัญจรทางถนนด้วยรถยนต์ส่วนตัวกันจำนวนมากในช่วงเช้าที่ผ่านมาทำให้รถติดยาวเนื่องจากพื้นที่ สภ.เขลางค์นคร มีแยกเชื่อมต่อไปหลายจังหวัดทั้งทางภาคเหนือ ภาคอีสาน โดยเฉพาะรถที่มาจากทางภาคเหนือตอนบน จะมาชะลอตัวตรงแยกบ้านฟ่อนแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมาอำนวยการจราจรให้คล่องตัวมากที่สุด

ส่วนที่จ.พิจิตร ถนนสายหลักทางหลวงหมายเลข 117 ที่ผ่าน อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร การจราจรเริ่มหนาแน่นเช่นกัน ซึ่งแขวงทางหลวงพิจิตร ได้เพิ่มระยะเวลาสัญญาณไฟจราจรไฟเขียวในทางตรงสายหลักจาก 180 วินาที เป็น 240 วินาที และไฟเขียวด้านทางรองแค่ 120 วินาที ส่งผลให้การจราจรเคลื่อนตัวได้ดี ขณะที่บริษัทรถทัวร์ประชาชนต่างจองที่นั่งกันจนเต็มหมดไปจนถึงวันที่ 4 ม.ค.แล้ว

กลับกรุง – ยานพาหนะจากเส้นทางสายอีสาน ผ่านมาทาง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และจากภาคตะวันออก ต่างมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯ หลังสิ้นวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ ทำให้ปริมาณรถสะสมติดขัดเต็มถนนใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

มิตรภาพเปิดทางเลี่ยงเพิ่ม
ด้านบริเวณสี่แยกสะพานเดชาติวงศ์ ไปจนถึงทางแยกค่ายจิรประวัตินครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณการจราจรหนาแน่นแต่เช้า รถไม่สามารถใช้ความเร็วได้ ติดขัดชะลอตัวตามจุดทางตัด ทางแยกสัญญาณไฟจราจรเป็นระยะๆ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่แขวงการทางนครสวรรค์ ได้เตรียมแผนรับมือโดยการเปิดช่องทางการจราจรพิเศษบริเวณเชิงสะพานเดชาติวงศ์ และเปิดช่องทางการจราจรพิเศษบริเวณถนนพหลโยธินหมายเลข 1 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 331 ไว้แล้ว คาดว่าการจราจรจะหนาแน่นข้ามคืนไปถึงรุ่งเช้า

ส่วนสภาพการจราจรที่บริเวณถนนมิตรภาพ บริเวณทางต่างระดับถนนกลางเมืองตัดถนนมิตรภาพ บ้านกุดกว้าง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีปริมาณรถหนาแน่นเช่นกัน เนื่องจากเป็นจุดที่รองรับรถที่มาจากถนนเลี่ยงเมือง ขอนแก่น-กาฬสินธุ์ แล้วมาตัดบนถนนมิตรภาพ ที่มีรถของประชาชนที่เดินทางมาจาก จ.อุดรธานี และจ.หนองคาย ตำรวจทางหลวงต้องนำกรวยมาวางบนไหล่ทาง เพื่อไม่ให้รถวิ่งบนไหล่ทางซึ่งจะทำให้เกิดปัญหารถติดมากขึ้นไปอีก

พ.ต.อ.อนุรัตน์ ฉิมทิม ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า จากการสำรวจปริมาณรถตั้งแต่ จ.หนองคาย ถึง จ.ขอนแก่น พบว่าปริมาณรถเพิ่มขึ้นต่อเนื่องผ่านอ.เมือง อ.บ้านไผ่ และอ.พล จ.ขอนแก่น โดยเฉพาะอ.พล ได้เปิดช่อทางจราจรตั้งแต่ช่วงเช้า 2 แห่ง คือ หลักก.ม.ที่ 266-259 ระยะทาง 7 กิโลเมตร เพื่อระบายรถ เนื่องจากบริเวณตัวอ.พล มีสี่แยกไฟแดงถึง 3 จุด ทำให้ต้องเปิดช่องทางพิเศษ เพื่อให้รถได้ระบายอย่างคล่องตัวและลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น

กลับกรุง – ประชาชนจำนวนมากเดินทางจากต่างจังหวัดกลับเข้ากทม. เนืองแน่นสถานีรถไฟกรุงเทพฯตลอดทั้งวัน หลังไปท่องเที่ยวและเยี่ยมบ้านช่วงหยุดยาวปีใหม่ หลายคนแบกข้าวสารหอบหิ้วอาหารแห้งมาด้วย เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

รถไฟเต็ม-แห่ซื้อตั๋วยืน
ที่สถานีรถไฟ จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั๋วรถไฟถูกจองเต็มถึง 4 ม.ค. บางคน ไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้า ยอมซื้อตั๋วยืนขบวนรถเสริมเพื่อเดินทางกลับให้ทันทำงานและเรียนหนังสือ ส่วนการจัดขบวนรถจากปกติจะมีรถไฟวิ่งให้บริการทั้งไปและกลับวันละ 24 ขบวน ซึ่งจากการสำรวจพบว่าประชาชนที่เดินทางกลับ ส่วนใหญ่จะหอบหิ้วข้าวสารจากบ้านกลับไปกรุงเทพฯ ด้วย เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะยุคข้าวของราคาแพง

ว่าที่ ร้อยตรีประวิทย์ พวงสวัสดิ์ นายสถานีรถไฟบุรีรัมย์ กล่าวว่า เทศกาลปีใหม่ปีนี้ มีประชาชนมาใช้บริการรถไฟเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ มากกว่าปีที่ผ่านมาเท่าตัว โดยตั๋วรถไฟปลายทางกรุงเทพฯ ถูกจองเต็มล่วงหน้าไปจนถึงวันที่ 4 ม.ค. แล้ว ส่วนผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางช่วงนี้แต่ ไม่ได้จองตั๋วไว้ล่วงหน้าทางการรถไฟก็มีการเสริมขบวนรถไว้รองรับทั้งไปและกลับวันละ 1 ขบวน ทั้งยังมีการเสริมโบกี้ในขบวนรถปกติอีกทุกขบวนด้วย เพื่อรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางกลับให้เพียงพอและไม่ให้ตกค้างอย่างแน่นอน

ด้านจ.นครราชสีมา บริเวณชุมชนต่างๆ เช่น แยกสีดา อ.สีดา, แยกบ้านวัด อ.โนนสูง และแยกบ้านโพธิ์ อ.เมือง พบว่า มีปริมาณรถสะสมจำนวนมาก แต่รถยังเคลื่อนตัวไปได้ต่อเนื่อง

ขณะที่ถนนสาย 304 นครราชสีมา-ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกัน พบว่าประชาชนเดินทางกลับสู่ภาคตะวันออกและกรุงเทพฯ มีปริมาณรถเริ่มหนาแน่นและ เพิ่มขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา มุ่งเข้าเข้า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี สู่ภาคตะวันออก และกรุงเทพฯ หลังจากหยุดยาวติดต่อกันหลายช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา โดยมีรถมากและจะมาสะสมที่ อ.กบินทร์บุรี ส่วนถนนสาย 359 สระแก้ว-เขาหินซ้อน มุ่งหน้าเข้า.อ.พนมสารคาม และจ.ฉะเชิงเทรา แลt จ.ชลบุรี ถนนทั้ง 2 สายจะมาบรรจบกันยิ่งทำให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นและติดสะสม

กลับกรุง – ประชาชนแห่ขึ้นรถทัวร์กลับกทม.หลังสิ้นสุดวันหยุดยาวปีใหม่ แน่นขนัดสถานีขนส่งนครราชสีมา แห่งที่ 2 โดยบขส. เสริมรถจากวันละ 200 เที่ยวเป็นกว่า 400 เที่ยว ให้เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสาร เมื่อวันที่ 2 ม.ค.

รอลงเฟอร์รี่แน่นเกาะช้าง
ที่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวสับปะรด บ้านด่านใหม่ ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ตั้งแต่ช่วงสายวันเดียวกัน นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางกลับภูมิลำเนาและนำรถยนต์มารอลงเรือเฟอร์รี่ของเกาะช้างเฟอร์รี่ แต่เนื่องจากรถยนต์มีจำนวนมาก ทำให้ต้องรอคิวลงเรือเฟอร์รี่จำนวน 4 ลำที่เปิดให้บริการรับนักท่องเที่ยว โดยสามารถนำรถยนต์ลงเรือทั้ง 4 ลำได้ชั่วโมงละ 150-200 คนต่อชั่วโมง

ขณะที่มีรถยนต์ต่อคิวกันลงเรือเฟอร์รี่ กว่า 500-600 คัน และติดยาวถึงบริเวณ ปั๊มน้ำมันปตท.เกาะช้าง บ้านคลองสน โดย ผู้ประกอบการได้เปิดช่องทางการจำหน่ายตั๋วลงเรือ 2 ช่องทางและนำเรือเฟอร์รี่มาจอดเทียบทั้ง 2 ท่าเพื่อเร่งระบายรถยนต์ในท่าเรือให้เร็วที่สุด และเมื่อถึงฝั่งอำเภอแหลมงอบแล้ว จะรับรถยนต์ที่ฝั่งแหลมงอบมาทันทีโดยไม่รอให้เต็มลำก่อน

พ.ต.อ.กังวาล กังธาราทิพย์ ผกก.สภ.เกาะช้าง ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.บุญช่วย แก้วมาลัย รองผกก.ที่ดูแลด้านการจราจรนำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เกาะช้าง ประสานกับ เจ้าหน้ากู้ภัยเกาะช้างและฝ่ายปกครองอำนวยความสะดวกและดูแลให้เกิดความเรียบร้อย

พ.ต.ท.บุญช่วยกล่าวว่า วันเดียวกันน้ำทะเลขึ้นทำให้นำเรือเฟอร์รี่มารับได้ทั้ง 4 ลำ ขณะที่อีกท่าเรือหนึ่งปิดบริการชั่วคราวไปแล้ว ซึ่งทางตำรวจและอาสากู้ภัยเกาะช้างได้อำนวยความสะดวกและป้องกันไม่ให้มีการแซงคิวกัน และอาจเกิดทะเลาะกันเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2556 มีนักท่องเที่ยวกว่า 3 หมื่นคนท่องเที่ยวในอ.เกาะช้าง ซึ่งร้อยละ 70 เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศในกลุ่มยุโรป เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส และสแกนดิเนเวีย ที่หนีหนาวมาเที่ยวไทยและมุ่งมาที่เกาะช้างเป็นหลัก สร้างรายได้ให้ จ.ตราดนับพันล้านบาท

ขณะที่เส้นทางถนนเพชรเกษม ระยะ ทาง 220 กิโลเมตร ตั้งแต่ อ.บางสะพานน้อย ถึง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายสุพจน์ เสริมทรัพย์ หัวหน้าหมวดทางหลวงประจวบ คีรีขันธ์ กล่าวว่า การเดินทางช่วงปีใหม่ ปีนี้ปริมาณรถทั้งขาล่องไปภาคใต้และ ขากลับของประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่กระจุกตัว มีการทยอยเดินทางทั้งไปและกลับ ทำให้การจราจรไม่ตัดขัดเหมือนปีก่อน ประกอบกับการเฝ้าระวังในการใช้ความเร็ว ทำให้การเดินทางบนถนนสายหลักไม่มีอุบัติเหตุรุนแรง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน