ชี้พิรุธรู้โดนหลอก-แต่เงียบ อดีตรองนายกฟ้องฉ้อโกง กล่าวหากิ๊กรวมผัว-พ่อแม่ ลวงสู่ขอ-ทวงสินสอด20ล.

โต้ขบวนการตบทรัพย์ ‘ทนายตั้ม’ ชี้พิรุธรู้ว่าตัวเองโดนหลอกเหตุใดไม่มาให้ข่าวแต่แรก กลับรอให้มีภาพหลุดมาก่อน จี้เอาหลักฐานมายืนยันไม่ว่าจะเป็นสักขีพยานหรือรูปพิธีสู่ขอ หลังลูกความนักธุรกิจหนุ่มแฉฟ้องหย่าเมีย เพราะอดีตรองนายกฯ ‘ย’ ลอบเป็นชู้กับฝ่ายหญิง จนถูกนักการเมืองคนดังแจ้งจับฉ้อโกงทั้งเมีย ตัวลูกความ และพ่อแม่ฝ่ายหญิง ลวงสู่ขอสูญเงินไป 20 ล้าน

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 ม.ค. นายษิทรา หรือตั้ม เบี้ยบังเกิด ทนายความ เปิดเผยกรณีอดีตรองนายกฯ ‘ย’ แอบมีสัมพันธ์กับภรรยาของสามีรายหนึ่ง ซึ่งกำลังมีการฟ้องหย่าว่า ล่าสุดมีกระแสข่าวที่ตำรวจ สน. บางยี่ขันขออนุมัติศาลอาญาตลิ่งชันออก หมายจับ น.ส.ธัญวรินทร์ หญิงคนสนิท นายจิรวุฒิ สามี นายพงษ์อนันต์ และนางธัญวัลย์ ครอบครัวฝ่ายหญิงในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เพื่อเรียกสินสอดคืนจากหญิงสาวและครอบครัว

กรณีนี้ทั้งสามีที่เป็นลูกความตนเอง รวมถึงภรรยากับแม่ไปให้การกับตำรวจแล้ว แต่คนพ่อไม่ได้ไปให้การ เพราะมีหมายจับคดีเช็คติดตัวอยู่ หากไปพบตำรวจโดนจับได้ทันที ซึ่งการแจ้งความดังกล่าวนั้นเป็นความต้องการที่อดีตรองนายกฯ อยากให้ภาพปรากฏบนสื่อตามนี้ ภายหลังคดีสั่งฟ้องในวัน 13 ม.ค.นี้ จะทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้กับสามีที่เป็นลูกความ โดยให้อดีตรองนายกฯ มาให้การด้วยว่า เคยรู้จักหรือพบกับลูกความหรือไม่ ส่วนกรณีที่อ้างว่าถูกหลอกเอาทรัพย์สินไป 7 รายการนั้น ขณะเกิดเหตุมีใครอยู่บ้าง พ่อแม่และลูกความเกี่ยวข้องอย่างไร

ต่อมาคือข้ออ้างเรื่องการสู่ขอฝ่ายหญิงนั้น อดีตรองนายกฯ ไปกับใคร มีสักขีพยานและหลักฐานขณะทำพิธีหรือไม่ ท้ายสุดคือทรัพย์สินมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทนั้น นำไปให้ฝ่ายหญิงเมื่อใด ลูกความตนอยู่ด้วยหรือไม่ กรณีทำพิธีสู่ขอนั้น ต้องมีภาพหลักฐาน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มี เป็นการสร้างเรื่องเพื่อหาเหตุเอาเงินคืน ตำรวจต้องไปสืบหาเส้นทางการเงิน 20 ล้านบาทที่อ้างว่าให้ฝ่ายหญิงไปด้วย และตั้งข้อสังเกตว่า หากอดีตรองนายกฯ รู้ว่าตัวเองโดนหลอก เหตุใดไม่มาให้ข่าวแต่แรก กลับรอให้มีภาพหลุดมาก่อน นอกจากนี้ หลังการแถลงข่าวครั้งแรก ยังมีผู้ประสานมาหาว่าต้องการให้จบเรื่องนี้ด้วย

“อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อมั่นในลูกความตัวเองเพราะมีหลักฐานชัดเจนทั้งหมด จากนี้ผมเตรียมดำเนินคดีกลับอดีตรองนายกฯ ฐานแจ้งความเท็จ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง พร้อมจะให้การช่วยเหลือลูกความในคดีฉ้อโกงที่ถูกแจ้งความ เรื่องนี้ไม่ใช่กระบวนการตบทรัพย์ เพราะมีการฟ้องร้องตั้งแต่แรก หากเป็นการตบทรัพย์ ต้องมีการต่อรองเพื่อไม่ให้เป็นข่าว ซึ่งฝั่งผมฟ้องร้องอย่างเงียบๆ มาตลอด กระทั่งเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยจึงต้องออกมาเป็นข่าว เนื่องจากฝ่ายสามีซึ่งเป็นนักธุรกิจถูกคุกคามจนต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ซึ่งลูกความตนไม่มีลูกกับภรรยา คู่กรณี ตอนนี้ได้แยกกันอยู่ ส่วนขั้นตอนการฟ้องหย่ากำลังดำเนินการ” ทนายตั้มกล่าว

โต้ตบทรัพย์ – ทนายตั้ม-ษิทราให้สัมภาษณ์ตอบโต้ปมรองนายกฯ ‘ย’ แจ้งจับกิ๊กสาว โดยยืนยันไม่ใช่กระบวนการตบทรัพย์ พร้อมขอหลักฐานที่กล่าวหาลูกความ ร่วมกับครอบครัวฉ้อโกง 20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ม.ค.

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้โลกออนไลน์มีการเผยแพร่เอกสารแจ้งความคืบหน้าคดีการสอบสวน (สรุปสำนวนส่งอัยการ) ที่ สว.สอบสวน สน.บางยี่ขัน แจ้งไปยังอดีตรองนายกฯ ‘ย’ ในฐานะผู้เสียหาย ที่แจ้งความเอาผิดหญิงสาวและสามีฐานร่วมกันฉ้อโกง รายละเอียดในเอกสารแจ้งความคืบหน้าคดี ระบุว่า ตามที่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับน.ส. ธัญวรินทร์ นายจิรวุฒิ นางธัญวัลย์ และนายพงษ์อนันต์ ในข้อร่วมกันฉ้อโกง และพนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว ตามคดีอาญาที่ 546/2565








Advertisement

ขอแจ้งความคืบหน้าผลการดำเนินงานของพนักงานสอบสวนว่า ขณะนี้ได้สรุปสำนวนการสอบสวนสั่งฟ้องน.ส.ธัญวรินทร์ นาย จิรวุฒิ นางธัญวัลย์ และนายพงษ์อนันต์ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยในส่วนนายพงษ์อนันต์พนักงานสอบสวนขออนุมัติศาลอาญาตลิ่งชันออกหมายจับ และศาลอนุมัติหมายจับแล้ว ตามหมายจับที่ จ.4/2566 ลงวันที่ 5 ม.ค.66 และส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้พนักงานอัยการอาญาตลิ่งชัน 2 แล้วใน วันที่ 10 ม.ค. ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคดีในชั้นอัยการและศาล โดยตอนนี้ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามจับกุม นายพงษ์อนันต์ผู้ต้องหาตามหมายจับ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และติดตามการนัดพิจารณาคดีในชั้นอัยการและในชั้นศาลต่อไป

สำหรับคดีนี้อดีตรองนายกฯ ‘ย’ แจ้งความเอาผิดน.ส.ธัญวรินทร์ สาวคนสนิท นาย จิรวุฒิ สามีของหญิงสาว นางธัญวัลย์ แม่ของหญิงสาว และนายพงษ์อนันต์ พ่อของ หญิงสาว ฐานร่วมกันฉ้อโกง เพื่อเรียกสินสอดคืนจากหญิงสาวและครอบครัว โดยก่อนหน้านี้อดีตรองนายกฯ ‘ย’ พาหญิงสาวคนดังกล่าวไปไหนมาไหนแบบเปิดเผย พร้อมแนะนำหญิงสาวคนนี้กับใครต่อใครว่าได้ไปสู่ขอหญิงสาวคนนี้กับพ่อแม่มาแล้ว ทำให้อดีตรองนายกฯ ‘ย’ แจ้งความเอาผิดทั้งหมด เพื่อเรียกทรัพย์สินและสินสอดคืนทั้งหมด

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน นำคำร้องขอผัดฟ้องคดีที่พนักงานสอบสวน มีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง น.ส. ธ., นาย จ. กับนาย ก. และนาง ข. (มารดาและบิดาของน.ส. ธ.) เป็นผู้ต้องหาที่ 1-4 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ประกอบ 83 มายื่นต่อศาล

คำร้องผัดฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า นาย ย. (นามสมมติ-อดีตรองนายกฯ) ผู้กล่าวหา ให้การว่าก่อนเกิดเหตุ รู้จักกับน.ส. ธ. ผู้ต้องหาที่ 1 และคบหากัน จากนั้นมอบทรัพย์สินให้จำนวนมาก โดยผู้ต้องหา ที่ 3 และที่ 4 (บิดามารดาน.ส. ธ.) ร่วมกันหลอกลวง ผู้กล่าวหา เมื่อได้ทรัพย์สินไปแล้ว ผู้ต้องหาทั้งหมดหลบหน้าผู้กล่าวหาไป ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาเมื่อตรวจสอบภายหลังพบว่า นาย จ. ผู้ต้องหาที่ 2 จดทะเบียนสมรสและ อยู่กินกับผู้ต้องหาที่ 1 อยู่ และทรัพย์สินที่ ผู้กล่าวหามอบให้ทั้งหมดอยู่กับผู้ต้องหาที่ 1-4

หลังรับคำร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 4 และผู้ต้องหาที่ 1-3 มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 ได้รับหมายเรียกแล้ว แต่หลบหนี ไปจึงขออนุญาตศาลออกหมายจับ ซึ่งศาลได้ไต่สวนคำร้องแล้วอนุญาตออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 4

โดยพนักงานสอบสวนออกหมายเรียก ผู้ต้องหามาเพื่อยื่นฟ้องต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาตลิ่งชัน โดยผู้ต้องหาที่ 1-3 เดินทางมาศาล พร้อมให้การปฏิเสธตาม ขั้นตอนจึงต้องยื่นผัดฟ้องต่อศาล ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ผัดฟ้องมีกำหนด 6 วัน ตั้งเเต่วันที่ 10-15 ม.ค. ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 ไม่มา ศาล พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตออก หมายจับผู้ต้องหาที่ 4 ผู้ต้องหาที่ 1-3 ให้การปฏิเสธและได้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนจึงนำตัวผู้ต้องหาที่ 1-3 มายื่นผัดฟ้องมีกำหนด 6 วัน ตั้งแต่ 10-15 ม.ค.นี้ (โทษคดีศาลแขวงไม่เกิน 3 ปี ผัดฟ้องได้ 5 ครั้ง ครั้งละ 6 วัน) ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตผัดฟ้อง

จากนั้นพนักงานสอบสวนนำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาตลิ่งชันเพื่อพิจารณามีคำสั่งต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน