ปวีณาพาแม่เหยื่อดูจุดเผยเด็กหญิงร้องขัดขืน แต่ไร้เงาคนช่วยเหลือ ตร.หาตัวถ่ายคลิป-แชร์เอาผิดพรบ.คอมพ์ด้วย ผอ.รร.ยันไม่ไดไล่ดญ.

ตร.เรียกสอบรุ่นพี่สาวม.3 ปมเป็นนกต่อ ลวงน้องม.2 ไปเป็นเหยื่อ 5 เด็กชาย เผยดำเนินคดีชำเรา 3 ราย ร่วมโทรมหญิง อีก 2 เร่งสอบหาตัวคนแพร่คลิป เอาผิดตามพ.ร.บ.คอมพ์อีกคดี ปวีณาเปิดคลิปเสียง เหยื่อกรีดร้องขัดขืน แต่ไม่มีคนมาช่วย ตั้งข้อสังเกตถึงรุ่นพี่สาวหายไปไหน ผอ.ร.ร.ยันไม่ได้ไล่เหยื่อออกจากโรงเรียน แค่แนะนำหาที่เรียนใหม่เพื่อเยียวยาจิตใจ

จากกรณีกลุ่มนักเรียนชาย 5 คน ร่วมกันรุมโทรมเพื่อนนักเรียนหญิงชั้นม.2 อายุ 14 ปี ในป่าอ้อยห่างจากโรงเรียนประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังถ่ายคลิปขณะก่อเหตุไปเผยแพร่ในโลกโซเชี่ยลเมื่อวันที่ 9 ม.ค. โดยผู้ปกครองเด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อเข้าแจ้งความไว้ที่สภ.หนองโสน อ.สามง่าม จ.พิจิตร นอกจากนั้นยังเดินทางเข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาหงสกุลตามข่าวที่เสนอไปแล้ว

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 24 ม.ค. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยแม่เหยื่อเด็กนักเรียนหญิง ม.2 ผู้เสียหาย ประสานพล.ต.ต.กำธร จันที ผบก.ภ.พิจิตร พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 หรือผู้การไซเบอร์ 4 ได้เดินทางมาที่สภ.หนองโสน จ.พิจิตร

นางปวีณาเชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการประชุมร่วมกัน โดยมีพ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม รอง ผบก.ภ.จ.พิษณุโลก, พ.ต.อ.สุเมธ เงินบำรุง ผกก.สภ.หนองโสน, นางปิยนาฎ เสงี่ยมศักดิ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พิจิตร และนายภัคสรร กาลือ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พิจิตร

พร้อมกันนี้นางปวีณาได้มอบหลักฐานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นคลิปเสียงขณะเกิดเหตุ ซึ่งเด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อกรีดร้องพยายามดิ้นรนขัดขืน พร้อมตั้งข้อสังเกตเด็กหญิง รุ่นพี่ ม.3 ที่พาไปในป่า เป็นแฟน 1 ใน 5 เด็กชายที่ก่อเหตุ อาจจะมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ เพราะขณะเกิดเหตุหลบไปนั่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ตามคำให้การของเด็กหญิง ผู้เสียหาย แต่ทำไมไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องและเข้ามาช่วยเหลือ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนหาข้อเท็จจริงและดำเนินการตาม ขั้นตอนกฎหมาย

จุดเกิดเหตุ – นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พาแม่ของน.ร.หญิงม.2 เหยื่อ 5 น.ร.ชายเพื่อนร่วมชั้น ชี้จุดรุมโทรมในป่าอ้อยด้านหลังโรงเรียน ขณะที่ตำรวจ จ่อแจ้งข้อหาน.ร.หญิงม.3 นางนกต่อ และน.ร.คนถ่ายคลิป เมื่อวันที่ 24 ม.ค.

จากนั้นเดินทางไปดูพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่บริเวณป่าอ้อย ด้านหลังโรงเรียนห่างไปประมาณ 1-2 กิโลเมตร และพาไปดูจุดริมน้ำที่รุ่นพี่ผู้หญิงนั่งคอยอยู่ ซึ่งผู้เสียหายตะโกนร้องเรียกให้ช่วย แต่รุ่นพี่อ้างว่าไม่ได้ยินเสียง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร โดยทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ และจะดำเนินการสอบผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกับสหวิชาชีพต่อไป








Advertisement

นางปวีณากล่าวว่า เคสนี้เป็นเรื่องที่เลวร้ายและน่าสงสารนักเรียนหญิงที่ถูกกระทำซ้ำซาก ถูกรุมโทรมถ่ายคลิป และนำมาเผยแพร่ในโซเชี่ยล โดยมูลนิธิปวีณาฯ ได้ดำเนินการช่วยเหลือแล้ว และดำเนินการตามกระบวนการต่างๆ ประกอบด้วย 1.ทีม ตร.ไซเบอร์ติดตามลบคลิปในโซเชี่ยลให้รวดเร็ว 2.สภ.หนองโสน สรุปการดำเนินคดีให้เป็นธรรมให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษตามกฎหมาย 3.กระทรวงศึกษาธิการให้เด็กนักเรียนหญิงเข้าเรียนต่อโรงเรียนเดิมตามความประสงค์ 4.พมจ.และบ้านพักเด็กฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เข้าดูแลฟื้นฟูสภาพจิตนักเรียนหญิงผู้เสียหาย และลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียนชาย 5 คนที่ก่อเหตุเพื่อปรับพฤติกรรม 5.มูลนิธิปวีณาฯ จะประสานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ให้ผู้เสียหายได้รับเงินเยียวยา 6.โดยมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีนี้ร่วมกับทุกหน่วยงานอย่างใกล้ชิดต่อไป

พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม รองผบก.ภ. พิษณุโลก ในฐานะโฆษกบก.ภ.พิษณุโลก ระบุว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะการมีข้อมูลของคลิปอนาจาร อยู่ในครอบครอง หรือเผยแพร่ มีความผิด ตามกฎหมายอาญา ซึ่งขอให้ผู้ที่คลิปลบออก และห้ามเผยแพร่

พ.ต.อ.สุเมธ เงินบำรุง ผกก.สภ.หนองโสน กล่าวว่า ขณะนี้ได้เรียกนักเรียนชายมาแจ้งข้อกล่าวหาครบแล้ว 5 คน โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ามีการดำเนินการร่วมกระทำชำเรา 3 คน และอีก 2 คน ช่วยกันจับเหยื่อได้แจ้งข้อหาร่วมกันกันโทรมหญิง ส่วนนักเรียนหญิงที่มีข่าวเป็นนกต่อนั้น ต้องสอบสวนโดยละเอียดต่อหน้าสหวิชาชีพ ที่นัดสอบสวนที่สำนักงานอัยการจังหวัดพิจิตร ในวันที่ 25 ม.ค.นี้อีกครั้ง แล้วจะดูว่ามีความเกี่ยวพันต่อคดีหรือไม่ สำหรับนักเรียนชายที่ถ่ายคลิป จะต้องสอบสวนว่าใครเป็นผู้นำภาพเข้าไปเผยแพร่ในโซเชี่ยล ก็จะถูกแจ้งข้อหานำเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วย

ด้านนายพีรพงศ์ หมอนทอง ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า กรณีมีข่าวว่าทางโรงเรียนไม่ยอมให้นักเรียนหญิงที่ถูกกระทำเรียนที่โรงเรียนนั้น ทางโรงเรียนยืนยันว่าไม่เคยไล่นักเรียนผู้เสียหายไปเรียนที่อื่น แต่ทางโรงเรียนแนะนำว่าให้ไปเรียนที่อื่นก่อน เพื่อเยียวยาสภาพจิตใจ เนื่องจากหากเรียนในโรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ในชุมชนเกรงว่าจะเกิดปัญหาบูลลี่กันในหมู่เพื่อนนักเรียนและอาจจะเกิดปัญหาอื่นตามมา โดยหากเวลาผ่านไปสถานการณ์ดีขึ้น นักเรียนอาจจะกลับมาเรียนในระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 ก็ได้ ซึ่งทางโรงเรียนได้แนะให้เป็นทางเลือกเท่านั้น ส่วนนักเรียนชายทั้ง 5 คนได้ให้ผู้ปกครองไปหาที่เรียนใหม่แล้ว เนื่องจากตามระเบียบไม่สามารถไล่นักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในระดับการศึกษาภาคบังคับออกได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน