เมื่อวันที่ 28 ม.ค. นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่มีการตรวจวัดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองหลัก พบว่ามีค่าสูงขึ้น ซึ่งยานยนต์เป็นแหล่งกำเนิดที่สำคัญของฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซล ซึ่งตามแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการตรวจรถควันดำ ได้เพิ่มจุดตรวจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบตรวจจับ ระงับการใช้รถควันดำจนกว่าจะนำไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อป้องปรามมิให้มีรถควันดำเข้ามาในเขตเมือง

ตรวจควันดำ – กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมตรวจรถยนต์ควันดำในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เบื้องต้นสั่งห้ามใช้งานแล้วจำนวน 597 คัน เมื่อวันที่ 28 ม.ค.

ตั้งแต่เดือนต.ค. 2565-27 ม.ค. 2566 คพ. ร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) และกรุงเทพมหานคร ตรวจควันดำรถทุกประเภท (รถบรรทุก รถรับจ้างประจำทาง รถรับจ้างไม่ประจำทาง) ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รวมจำนวน 39,909 คัน เกินค่ามาตรฐานและพ่นห้ามใช้ 178 คัน โดยแยกเป็นรถบรรทุก 30,794 คัน พ่นห้ามใช้ 135 คัน รถโดยสารประจำทาง 7,528 คัน พ่นห้ามใช้ 38 คัน และรถโดยสารไม่ประจำทาง 1,587 คัน พ่นห้ามใช้ 5 คัน และผลการตรวจทั่วประเทศ ตรวจแล้ว 81,759 คัน พบควันดำ 30% ขึ้นไป พ่นห้ามใช้ 597 คัน

“รัฐจะเพิ่มความเข้มงวดเรื่องการตรวจจับควันดำ “ตรวจจับ ปรับจริง-ห้ามใช้รถควันดำ” บังคับใช้บทลงโทษสูงสุด ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ตั้งจุดตรวจสอบตรวจจับรถควันดำทุกประเภท ครอบคลุมถนนสายหลัก สายรอง ทั้งขาเข้า-ออก จำนวน 20 จุดต่อวัน ทั้งนี้จากสถานการณ์ฝุ่นละอองที่สูงขึ้น ต้องขอความร่วมมือเจ้าของยานพาหนะในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เพื่อลดมลพิษทางอากาศ เพื่อสุขภาพอนามัยของทุกคน” นายปิ่นสักก์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน