วิษณุ-ท็อปชี้รีบยุบโกลาหลแน่ นายกฯลุยแม่กลอง-สส.แห่รับ พปชร.ฟุ้งกระแส‘ป้อมฟีเวอร์’

‘บิ๊กตู่’ ลุยตรวจงานเมืองแม่กลอง ส.ส.ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐที่เตรียมย้ายค่าย แห่ต้อนรับคึกคัก ฉุนเกษตรกรตั้งแง่ ถ้าแก้ปัญหาได้จะเลือกเป็นนายกฯอีก 2 ปี เมินรองประธาน ‘ศุภชัย’ จี้ยุบสภา โบ้ยส.ส.เล่นเกมการเมือง ทำองค์ประชุมล่มรายวัน ‘วิษณุ’ ลั่นล่มก็ล่มไป ถ้ายุบสภาก็ยังจัดเลือกตั้งไม่ได้ เพราะยังแบ่งเขตไม่เสร็จ ‘วราวุธ’ ชี้ยุบตอนนี้โกลาหลแน่ ขออดทนรอ พปชร.ฟุ้งกระแส ‘ป้อมฟีเวอร์’ มั่นใจประชาชนขานรับนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท เพื่อไทยติวเข้มผู้สมัครเหนือ ตอนบน

‘บิ๊กตู่’เยือนแม่กลอง-ส.ส.แห่รับ
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ จากพล.ม. 2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ไปยังสนามกีฬาจังหวัดสมุทรสงคราม ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม

เวลา 11.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นรถไฟขบวนที่ 4383 ที่สถานีลาดใหญ่ ต.ลาดใหญ่ มายังสถานีรถไฟแม่กลอง บริเวณตลาดร่มหุบ เพื่อตรวจติดตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดย เจ๊โอ๋-น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เตรียมย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นำประชาชน มาต้อนรับด้วย นอกจากนี้ยังมี นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ปชป. พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม ปชป. น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พปชร. น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ อดีต ส.ส.กทม. พปชร. ที่จะลงสมัครส.ส.ในนาม รทสช.

เลิฟยู – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชูนิ้วทำสัญลักษณ์ทักทายประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ระหว่างโดยสารรถไฟไปตรวจราชการ จ.สมุทรสงคราม ปลายทางที่สถานีแม่กลอง เมื่อวันที่ 3 ก.พ.

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟแม่กลอง พล.อ.ประยุทธ์เดินโบกมือทักทาย นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และทักทายพ่อค้า แม่ค้าริมทางรถไฟทั้งสองฝั่ง ทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู กำมือไปที่หน้าอกข้างซ้ายเพื่อส่งหัวใจให้ประชาชนที่มารอต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า ดีใจที่ได้มาเจอชาวบ้านและมีความสุข ถึงตนไม่มานักท่องเที่ยวก็ตื่นเต้นและมาเยอะอยู่แล้ว วันนี้มีความสุข ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับ

เป็นที่น่าสังเกต ชาวบ้านที่มารอรับ พล.อ.ประยุทธ์บริเวณตลาดร่มหุบ บางคนสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินมีโลโก้ รทสช. พร้อมตะโกนว่า “นายกฯ สู้ๆ, รักลุงตู่, รักพีระพันธุ์, ลุงตู่อยู่ต่อ 2 ปีก็มีความหมาย”

ชาวบ้านเชียร์อยู่ต่ออีก 2 ปี
เวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์รับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา โครงข่ายระบบรถไฟเชื่อมต่อสมุทรสงคราม และรายงานสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักและระบบป้องกัน น้ำท่วมชุมชนเมืองสมุทรสงคราม อ.เมืองสมุทรสงคราม ระยะที่ 1 พร้อมตรวจเยี่ยมวิถีเศรษฐกิจชุมชนสถานีรถไฟแม่กลอง








Advertisement

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์สักการะหลวงพ่อบ้านแหลม และนมัสการพระสมุทรวชิรโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ประมาณ 20 นาที พระสมุทรวชิรโสภณ ให้พรว่า “ให้บริหารบ้านเมืองให้สำเร็จทุกประการ ทำให้ประชาชนมีความสุข ทำเพื่อชาวไทย”

ระหว่างพระสมุทรวชิรโสภณเดินมาส่ง ที่รถ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องเร่งรัดและพัฒนาการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของเมืองหลักและเมืองรอง ขอกราบพระอาจารย์ที่อวยพรให้ประสบความสำเร็จในการทำเพื่อบ้าน เพื่อเมือง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

เมื่อขึ้นรถ พล.อ.ประยุทธ์ลดกระจกลงทักทายประชาชน ที่พากันตะโกน “นายกฯ สู้ๆ” “ลุงตู่อยู่ต่ออีก 2 ปี” ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มร่า ทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูและมินิฮาร์ต กล่าวว่า สวัสดี โดยที่ชาวบ้านตะโกน “ลุงตู่แล้วมาแม่กลองอีกนะ” นายกฯ กล่าวว่า “ต้องมาแน่นอน ไม่มาก็ส่งใจมาทุกวันอยู่แล้ว”

ฉุนเกษตรกรตั้งเงื่อนไข
เวลา 13.20 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมายังวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม เพื่อ หารือแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจ สร้างมูลค่า และยกระดับรายได้ของประชาชน จ.สมุทรสงคราม รับฟังปัญหาต่างๆ ของกลุ่มเกษตรกร ทั้งเรื่องประมง ปัญหานาเกลือ ปัญหาสวนมะพร้าว และผลไม้ทั้งส้มโอและลิ้นจี่ ช่วงหนึ่งมีตัวแทนชาวสวนผลไม้ระบุว่า หากนายกฯ แก้ไขปัญหาได้ จะเลือกให้เป็นนายกฯ ต่ออีก 2 ปี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มาในนามนายกฯ ประชาชนน่ารักทุกคน การลงพื้นที่ครั้งนี้จำเป็นต้องลงมารับฟัง ความคิดเห็นเพื่อรับทราบข้อเท็จจริง และ จะรับข้อเสนอและข้อคิดเห็นทั้งหมดที่ได้ฟัง ในวันนี้ไปพิจารณาว่ายังติดขัดมีอุปสรรค ตรงไหน เพราะจำได้ว่าทุกครั้งที่ได้พูดคุย กับตัวแทน ได้สั่งการให้ดำเนินการและ ตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อขับเคลื่อนและ มอบหมายให้รองนายกฯ กำกับดูแลกว่า 50 คณะ แต่ทั้งหมดนายกฯ เป็นประธาน เพียงแต่ได้มอบหมายให้รองนายกฯ รับผิดชอบในการประชุม ส่งรายงาน และ ส่งรายงานมาให้ตนทราบ เพื่อตัดสินใจ ในการแก้ไขปัญหา

“วันนี้มารับฟังปัญหาเพิ่ม แต่ยอมรับว่ามีปัญหาเดิมอยู่บ้าง แต่จะรับไปดำเนินการพิจารณาให้เร็วที่สุด ผมเข้าใจ แต่เมื่อกี้ไม่ชอบอยู่อย่างหนึ่งคือ ที่พวกท่านพูดว่า จะยินดีให้ผมเป็นนายกฯ อีก 2 ปี หากสามารถแก้ปัญหาให้ได้ ไม่จำเป็นหรอก ไม่จำเป็น ผมต้องการทำงานให้กับประชาชนทุกคน ทุกกลุ่มอาชีพ ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ ผมเป็นนายกฯ ที่คิดถึงคนทั้งประเทศ ผมบอกได้แค่นี้แล้วกัน”

ลั่นเป็นนายกฯ ของคนทั้งปท.
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมายืนตรงนี้ด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ ต้องการทำงานเพื่อ พี่น้องทุกคนให้มีความสุขเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกับทุกคน พ่อก็ต้องรักลูก ทุกคน ต้องทำให้ทุกคนเจริญเติบโตให้ดีที่สุด ตนมีหน้าที่ตรงนี้และไม่บังอาจเป็นพ่อให้กับทุกคน แต่จะดูแลพวกเราทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ให้เจริญเติบโตให้ได้มากขึ้น ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกว่าเป็นประชาธิปไตยของทุกคน ก็คิดเอาแล้วกัน ว่าสิ่งที่พูดมานั้น ตนทำได้มากน้อยแค่ไหน อะไรที่ทำไม่ได้ ตนจะไม่พูด ตนไม่ได้มาหาเสียงจากท่านโดยเด็ดขาด

การจะเป็นประชาธิปไตยอะไรก็ตามของพวกท่าน วันนี้อาจจะพูดแรงไปนิด แต่ตนหนักใจ ในเรื่องเหล่านี้ว่าจะทำอย่างไรให้ ทุกคนมีความสุขและพอใจ เหมือนการมีลูกทั้งหมด 60 กว่าล้านคน จะทำให้ทุกคนพอใจทั้งหมดทีเดียวคงไม่ได้ แต่จะทำให้ทุกกลุ่มพอใจ อย่างน้อยจะได้ร่วมเดินตามการทำงานของรัฐบาลต่อไปในอนาคต

วันนี้ทุกคนไม่ชอบความจริง แต่ตนชอบพูดความจริง อาจจะไม่ถูกใจบ้างก็ต้องขอโทษ เพราะตนเป็นคนแบบนั้น ไม่สามารถปกปิดอะไรไว้ได้หรอก เพื่อให้มารักชอบตน ทำไม่ได้ เพราะมีปัญหากับประเทศ และระบบเงิน งบประเทศของประเทศ ความน่าเชื่อถือทางการเงินการคลัง ถ้าเราทำตรงนี้เสียหาย ทุกอย่างจะล้มหมด ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ก็แล้วกัน อาจจะฟังดูว่านายกฯ เครียดอะไรหรือเปล่า ไม่ได้โกรธใครเลย แต่เสียงมันเป็นอย่างนี้เอง บางเวลาก็ยิ้มหัวเราะได้ แต่พอ เป็นงานเป็นการก็เป็นแบบนี้คิดอยู่ตลอดเวลา เมื่อกี้ที่พวกท่านพูด ก็จดไว้ 5 หน้ากระดาษ บางอันก็ซ้ำเดิมแสดงว่าแก้ไม่ได้จริง ก็ต้องยอมรับว่าอะไรใช่ ไม่ใช่ รับปากจะไปดูแลให้

ขอโทษถ้าพูดไม่เพราะ
ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ถามว่า มีใครจะถามอะไรไหม เมื่อเช้านั่งรถไฟมาสนุกดี เห็นในรูปอยากมาตั้งนานแล้วที่ตลาดร่มหุบ ร่มบ้านของเธอ คนมาเต็มบนรถไฟ คน ต่างประเทศเต็มไปหมด เขาตื่นเต้นกับตลาดร่มหุบ และตื่นเต้นเป็น 2 เท่าที่ได้เจอนายกฯ ไทย ตนก็งงๆ เขาก็ต้อนรับตนดี ทั้งที่ไม่ รู้จักกัน แต่เขารู้ว่านี่คือนายกฯ แน่นอน ถ่ายรูปกันไป ตนขอบคุณในนามประเทศไทย และชาวสมุทรสงคราม ยินดีที่ท่านมาเที่ยวทำให้เศรษฐกิจฐานรากของเราดีขึ้น ตนไปไหนไม่เห็นมีใครรังเกียจประเทศไทย เขาชื่นชมว่าเราทำได้อย่างไรเศรษฐกิจก็ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายกฯ พูดมาถึงตรงนี้ปรากฏว่าไฟดับ พล.อ.ประยุทธ์พยายามเคาะไมโครโฟน แต่เสียงไมโครโฟนยังไม่ดัง จึงลงจากเวที มาทักทายประชาชน จังหวะนี้ไฟฟ้ากลับมาใช้ได้ตามปกติ โดย นายกฯ ใช้เวลาพูดต่ออีก 19 นาที

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินทักทายประชาชน และกล่าวว่า “เมื่อช่วงเช้าที่ไป ไหว้พระได้ขอพรให้กับคนไทยทุกคน เพื่อให้ประเทศเรียบร้อย มีความสุข ผมไม่ได้ขออะไรเพื่อตัวเองมากมาย ผมขออย่าทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน พูดกันดีๆ วันนี้ถ้าพูดไม่เพราะ ก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ถึงนายกฯ จะพูดไม่เพราะ แต่ก็มีหัวใจให้กับพวกเราทุกคน”

ซัดสภาล่ม-เกมการเมืองส.ส.
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงเชียร์ของประชาชนชาวสมุทรสงครามให้อยู่ต่อ โดยเฉพาะมีประโยคว่า 2 ปีก็มีค่า ขณะเดียวกัน มีข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์จะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ลำดับที่ 1 ของ รทสช.ด้วย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เดี๋ยวว่ากัน ก็ว่าไป นายกฯ จะตัดสินใจอีกที เรื่องของ นายกฯ อย่าตอบตอนนี้ บางเรื่องตอบทีหลังก็ได้ แต่วันนี้ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่สถานะใดก็ตาม

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เรียกร้องให้ยุบสภา หลังสภาล่มบ่อย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้ขอร้องบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลว่ามีปัญหาอยู่ตรงไหน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องปัญหากฎหมายแต่ละฉบับของใครก็รู้กันอยู่ กรุณาทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแล้วกัน ตนก็ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารของตน ไม่เคยไปก้าวก่ายอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ฉะนั้น ต่างคนต่างทำหน้าที่แล้วกัน ให้ดีที่สุด ประชาชนก็แยกแยะเอาเอง เลือกเอาเอง เลือกจะฟัง เลือกจะเชื่อกันเอาเองแล้วกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลจะทำอะไรให้เสร็จสมบูรณ์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลายอย่างเสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว อย่างเรื่องถนน ความยากจน อาชีพ สำเร็จแล้วคือพวกนี้ แต่ต้องทำต่ออีก คนที่ไม่ได้ช่วงหนึ่งจะต้องมาทำช่วงนี้ต่อ เพราะการใช้จ่ายและการบริหารประเทศของรัฐบาลเดินเป็นระยะๆ เข้าใจหรือไม่ จะกี่ปีกี่เดือนก็แล้วแต่เถอะ ต้องดูว่าที่ผ่านมามีอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง สิ่งที่สำเร็จไปแล้วพอหรือยัง ถ้ายังไม่พอต้องทำใหม่ ทำต่อ แต่อันไหนที่เป็นปัญหาคาราคาซังอยู่ต้องดึงออกมารื้อต่อ รื้อใหม่ คนเยอะความคิดก็เปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยน ฉะนั้น สิ่งไหนที่ทำแบบเดิมๆ อาจจะไม่ได้ ต้องหาวิธีการใหม่

ฝากไว้กับบรรดาส.ส.ช่วยดูในเรื่องกฎหมาย ด้วยแล้วกัน กฎหมายบางอย่างที่เราพยายามเร่งแต่ออกไม่ได้เพราะไม่เข้าใจกัน ไม่อยากให้ประเด็นกฎหมายหรือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่เสนอเข้าไปถูกเรียกว่าการเมือง แต่เป็นเรื่องของประชาชน กฎหมายทุกตัวไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นของประชาชนทั้งประเทศ

‘ท็อป’ห่วงยุบตอนนี้โกลาหล
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรค ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศุภชัยจี้พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภา เนื่องจากสภาล่มบ่อยครั้งว่า ตั้งแต่ตนอยู่การเมืองมาก็ไม่ค่อยเห็นสถานการณ์ที่รัฐบาลอยู่มายาวจนเกือบครบวาระ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก เข้าใจได้ เพราะผู้แทนแต่ละคนต้องการลงพื้นที่ให้ เต็มที่ เข้าใจทั้งสองฝ่าย

“ตอนนี้ถึงจะยุบสภาไปตามที่รองประธานสภาร้องขอจะโกลาหล อย่างที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บอกว่าการแบ่งเขตยังทำไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ คงต้องอดทนรอกันอีก ไม่เกินเดือนคงจะได้ยุบสภา และเตรียมตัวเลือกตั้งกันเต็มที่แล้ว ส่วนรัฐมนตรีก็เป็นนักการเมืองที่เข้าสู่โหมดเลือกตั้งกันทุกคนเหมือนกัน ทำให้การทำงานในสภาอาจติดขัดในช่วงเดือนก.พ.นี้ แต่ช่วงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 วันที่ 15-16 ก.พ.น่าจะครบองค์ประชุม ไม่น่าจะขาดกัน”

ผู้สื่อข่าวถามกรณีนายสุรทิน พิจารณ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) บอกมีข้อมูลนายกฯ จะยุบสภา 9 มี.ค. นายวราวุธกล่าวว่า อยู่ในวิสัยที่เป็นไปได้ เพราะพ้นก.พ.ไปแล้ว หากจะยุบสภาในวันที่ 9 หรือ 15 หรือ 20 มี.ค. เวลา 10 กว่าวันไม่ได้ต่างอะไรกัน เพราะสภาปิดสมัยประชุมแล้ว สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ต้องก่อน 22 มี.ค.แน่

ด้านนายนิกร จำนง ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ ผู้อำนวยการ ชทพ. โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผมได้ทำบันทึกเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนา ขอเสนอชื่อคุณวราวุธ ศิลปอาชา เพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศของพรรคชาติไทยพัฒนาเรื่อง คำเชิญชวนเสนอชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีของ พรรคชาติไทยพัฒนา ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566”

‘วิษณุ’ชี้องค์ประชุมล่มไม่ใช่เหตุ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีสภาล่มบ่อยครั้งรัฐบาลทำใจหรือยังว่า ไม่ได้ทำใจ อังคารที่ 7 ก.พ.นี้ จะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ปิดสมัยประชุมสภา 1 มี.ค. สภาก็อยู่ไปตามนั้น ถ้าล่มก็ไม่ต้องประชุม แต่ไม่ใช่เป็นเหตุให้ยุบสภา เพราะถ้ายุบแล้วยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ และเป็นเหตุให้นับหนึ่งในการเลือกตั้งเร็วไป จะยุ่งกันหมด ทุกพรรค และเวลานี้ไม่มีกฎหมายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องพิจารณา

โดยหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าต่อไปนี้รัฐบาลจะไม่ส่งกฎหมายใหม่เข้าสภาพิจารณาแล้ว ไม่ใช่เพราะเห็นสภาพการประชุม แต่เหลือเวลาประชุมเพียง 4 ครั้ง หากตัดสัปดาห์ที่จะมีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 จะเหลือ 3 ครั้ง และช่วง 3 ครั้งอาจต้องพิจารณาร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ที่รัฐบาลต้องออก

ต่อข้อถามว่าในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 วันที่ 15-16 ก.พ. สภายังจะทำหน้าที่ได้อยู่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ทำได้ถึงเที่ยงคืน ไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลเตรียมพร้อมที่จะตอบ หากองค์ประชุมไม่ครบแล้วไม่มีใครขอให้นับองค์ประชุมก็ไม่เป็นอะไร

ปัดวิจารณ์ลงพื้นที่แฝงหาเสียง
นายวิษณุกล่าวว่า กกต.ได้แจ้งมาว่าจะประกาศเขตเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษาได้ภายในวันที่ 28 ก.พ. หรือเร็วกว่านั้น ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อสงสัยเรื่องการสังกัดพรรคของ ส.ส.ที่จะลาออก ต้องทำก่อน 7 ก.พ.นี้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่ การนับเวลาสังกัดพรรค 90 วัน หรือ 30 วัน ให้นับจากวัน เลือกตั้ง ไม่ได้นับจากวันที่ยุบสภา สมมติเลือกตั้ง 7 พ.ค. ตามปฏิทิน กกต.กรณีอยู่ครบวาระ 23 มี.ค. ต้องสังกัดพรรค 90 วันนับจนถึงวันเลือกตั้ง คือนับถอยจาก 7 พ.ค.ลงมา แต่ถ้ายุบสภาก่อน กรณีนี้ต้องสังกัดพรรค 30 วัน นับจากวันเลือกตั้ง ดูแล้วทำท่าจะเลือก 7 พ.ค.อยู่ดี ก็จะสังกัดครบทั้งนั้น ถ้าเลือกตั้ง 7 พ.ค. นับถอยลงมา 1 เดือนคือ 7 เม.ย. ก็ครบ 30 วัน และถ้ายุบสภาตั้งแต่ มี.ค.ทำไมจะสังกัดพรรคไม่ทัน

“ที่อาจมีปัญหาคือ การสมัครรับเลือกตั้ง สมมติยุบสภา ภายใน 5 วัน กกต.ต้องออกประกาศที่สำคัญ คือ กำหนดวันเลือกตั้ง วันรับสมัครและวันปิดรับสมัคร ตามปกติจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน ซึ่งช่วงนี้ต้องสังกัดพรรคการเมืองแล้ว ดังนั้นเรื่องกรอบ 90 วันหรือ 30 วันไม่ใช่ปัญหา แม้จะมีขยักขย่อนว่าจะย้ายหรือไม่ย้ายพรรค แต่ในใจมีคิดไว้กันหมดแล้วแต่ไม่บอก” นายวิษณุกล่าว

ส่วนกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สร.) ตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพปชร. แนะนำผู้สมัคร ส.ส.ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการจ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 1 ก.พ. เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ได้ดู ไม่รู้ว่า พล.อ.ประวิตร ไปไหน ไปทำอะไร แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ตนก็ไม่รับรู้

พปชร.ฟุ้ง‘บิ๊กป้อมฟีเวอร์’
น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ โฆษกพปชร. กล่าวถึงกระแสตอบรับพล.อ.ประวิตรว่า หลัง เดินสายลงพื้นที่เปิดนโยบายเพิ่มเงิน บัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ทำให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่แสดงความชื่นชม บางคนถามว่าที่ผู้สมัครส.ส.ในเขตว่าต้องทำอย่างไรให้พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯให้ได้ เพื่อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่ผ่านมาพปชร.ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีผลงานเป็นรูปธรรม เรื่องสวัสดิการประชารัฐ การบริหารจัดการน้ำ จัดที่ดินทำกิน ปราบปรามการค้ามนุษย์ อุตสาหกรรมประมง และมีนโยบายที่รอ เปิดตัว จึงมั่นใจว่าทุกนโยบายจะถูกใจประชาชนอย่างแน่นอน

การลงพื้นที่ทำให้เห็นถึงกระแสบิ๊กป้อมฟีเวอร์ มีแต่คนมากอดและขอถ่ายรูป เชียร์ให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 เพราะเป็นคนใจดี เข้าถึงประชาชน ทำงานหนักเพื่อประชาชน พิสูจน์ได้จากผลงานที่ผ่านมา และเป็นผู้นำที่พร้อมสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามความ ขัดแย้ง เดินหน้าสร้างพลังแห่งความปรองดองและสามัคคีให้กับประเทศ

รทสช.เผย 15 ชื่อซูเปอร์บอร์ด
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้ารทสช. ให้สัมภาษณ์กรณีการแต่งตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง รทสช.ว่า เป็นการตั้งตามมติของที่ประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2566 ไม่ได้ติดใจว่าใครจะเรียกคณะกรรมการชุดนี้ว่าอย่างไร ถือเป็นเรื่องภายในพรรคที่สามารถทำได้ โดยกำหนดไว้ว่าคณะกรรมการชุดนี้จะประชุมกันสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง หรือถ้า พล.อ.ประยุทธ์ติดงานอาจจะใช้วิธีประชุมผ่านทางซูม

สำหรับรายชื่อคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง ที่ นายพีระพันธุ์ได้ลงนามตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.2566 ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน 2.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรองประธาน และมีกรรมการประกอบด้วย 3.นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี 4.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง 5.นายชัชวาลล์ คงอุดม 6.นายชุมพล กาญจนะ 7.นายวิทยา แก้วภราดัย 8.นายสุชาติ ชมกลิ่น 9.นายธนกร วังบุญคงชนะ 10.นายเสกสกล อัตถาวงศ์ 11.นายอนุชา บูรพชัยศรี 12.นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร 13.นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว 14.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ 15.นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

คณะกรรมการชุดนี้ มีอำนาจหน้าที่ 1.กำหนดแนวทางการทำงานและยุทธศาสตร์พรรค 2.เสนอแนะ แนะนำ และให้ความเห็นต่อคณะกรรมการบริหารพรรคเกี่ยวกับการดำเนินการและการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรค 3.เสนอแนะ แนะนำ และให้ความเห็นต่อหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการต่างๆ ของพรรค และสมาชิกพรรค เกี่ยวกับการดำเนินการและการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคและสมาชิกพรรค 4.ดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ

‘หนุ่มเสก’ลงปาร์ตี้ลิสต์
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสรร ชัยเจริญ หรือหนุ่มเสก นักร้องนักแสดงชื่อดังในยุค 90 ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น นายจงรักภักดี ญาณวินะโย เปิดเผยว่า ได้สมัครเป็นสมาชิกรทสช. ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เดิมตั้งใจจะลงสมัครส.ส. ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ แต่เนื่องจากพรรคมีตัวบุคคลไว้แล้ว หัวหน้าพรรค จึงบอกว่าให้ลงส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ยังไม่ได้บอกลำดับที่เท่าไหร่ เพื่อจะได้มีเวลาไปช่วยพรรคและสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะสมาชิก รทสช. เป็นนายกฯ ต่อไปได้สำเร็จ เพื่อจะนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุข พร้อมต่อต้านระบอบทักษิณที่เชื่อว่าจะทำให้ประเทศชาติกลับมาขัดแย้งอย่างแน่นอน

สำหรับคนที่ชักนำเข้าพรรคคือ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกฯ แกนนำรทสช. เนื่องจากนายเสกสกลสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้บริหารประเทศต่อไป สอดคล้องกับแนวทางของตนเองที่ยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ในการทำงาน

พท.ติวผู้สมัครเหนือตอนบน
ที่โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดโครงการสัมมนาเตรียมความพร้อมผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือตอนบน มีผู้ซึ่งประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.และทีมทำงาน เข้าร่วมงานพร้อมเพรียง

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ประธานยุทธศาสตร์ด้านการเลือกตั้ง ภาคเหนือตอนบน พท.กล่าวว่า จุดประสงค์การจัดงานครั้งนี้ เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้งให้กับว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคเหนือตอนบนทั้ง 8 จังหวัดคือ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ และน่าน ซึ่งพท.ได้ผู้ประสงค์จะลงสมัคร ส.ส.ครบถ้วนแล้วทั้งหมด 36 เขต

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้า พท. กล่าวเปิดงานสัมมนาว่า ตอนนี้พูดได้เต็มปากว่า พท.พร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นแน่นอนในเดือนพ.ค. โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ พท.ต้องการชัยชนะอย่างถล่มทลายเพื่อจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน ชูธงขายนโยบายที่ทำได้จริง โดยผู้แทนที่ใกล้ชิดประชาชนและแคนดิเดตนายกฯ ที่บริหารเป็น พร้อมนำนโยบายของพรรคไปผลักดันให้เกิดขึ้นจริง

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย พท. กล่าวว่า คพท.ไม่เคยแพ้การเลือกตั้งเพราะพท.มีหัวใจคือประชาชน จึงอยู่ในหัวใจของประชาชนตลอดมา การสร้างรายได้คือหลักคิดของ พท. เราเคยทำได้ และจะทำอีก

พบชาวน่าน – นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำผู้บริหารพรรค เปิดเวทีนำเสนอนโยบายและตอบคำถามของประชาชนในหลายประเด็น รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาฝุ่นควัน ที่ตลาดน้ำ 4,000 ปี จ.น่าน เมื่อวันที่ 3 ก.พ.

ก้าวไกลเปิดเวทีพบชาวน่าน
ที่จ.น่าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมแกนนำพรรค ร่วมจัดเวทีพบปะประชาชนจังหวัดน่าน นำเสนอนโยบายและตอบคำถามของประชาชนในหลายประเด็น

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. นำเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการของก.ก. โดยเฉพาะเรื่องเงินผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่จะปรับจาก 600 บาทต่อเดือน ให้เป็น 3,000 บาทต่อเดือน นี่คือสิ่งที่ก.ก.ได้ศึกษาไปถึงรายละเอียดว่าแหล่งรายได้ที่จะนำมาใช้ทำนโยบาย ดังกล่าวมาจากไหน และสามารถทำได้ทันที หากก.ก.ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ผลที่จะเกิดขึ้นคือพี่น้องไม่ต้องมารอลุ้นให้ได้รับเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามอายุของตัวเองอีกแล้ว ขอเพียงมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและเป็นคนไทย จะได้รับสิทธิทันที ไม่ต้องลงทะเบียนด้วย

นายพิธาตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาฝุ่น pm 2.5 ว่า เป็นปัญหาที่มีต้นตอจากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันไปตามสภาพพื้นที่ แต่การแก้ไขปัญหาไม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะโครงสร้างอำนาจที่มีปัญหา คือปัญหาฝุ่น pm 2.5 เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ แต่อธิบดีไม่สามารถไปสั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยมลพิษออกมาตรการเพื่อระงับฝุ่น pm 2.5 ได้ ที่ผ่านมามีเพียงการขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนมากมักไม่ได้รับความร่วมมือกลับมา

ดังนั้น สิ่งที่ก.ก.เล็งเห็นว่าเป็นมาตรการที่จะแก้ไขปัญหาในภาพใหญ่ คือด้านโครงสร้างอำนาจ การมีกฎหมายมารองรับให้อำนาจส่วนนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง บวกกับการเพิ่มงบประมาณให้ท้องถิ่นมากขึ้น ให้สามารถออกแบบนโยบายที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาฝุ่น pm 2.5 ในแต่ละพื้นที่ได้ด้วยตัวเอง จะช่วยให้เกิดการกระจายการแก้ปัญหาของแต่ละพื้นที่ทำได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น แม้จะเป็นปัญหาที่ยาก แต่หลายประเทศสามารถทำให้ปัญหานี้ดีขึ้นได้ และประเทศไทยต้องทำให้ดีขึ้นได้เช่นกัน

กกต.รับสมัครผอ.-กกต.เขต
วันเดียวกัน สำนักงานกกต. เปิดรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นผู้อำนวยการ เลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งและคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง เพื่อรองรับการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้น ที่กกต.จะแต่งตั้งบุคคลเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขต เลือกตั้ง เขตเลือกตั้งละ 1 คน และคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งละ 3 คน โดย กกต.กำหนดการสรรหา ด้วยการรับสมัครระหว่างวันที่ 6-10 ก.พ. ผู้ประสงค์จะเข้ารับการสรรหาต้องยื่น ใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ตามแบบใบสมัครด้วยตนเองต่อ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด

เมื่อเสร็จสิ้นการรับสมัครแล้ว หากมีผู้สมัครผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง น้อยกว่า 2 คน หรือคณะกรรมการการ เลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง น้อยกว่า 6 คน ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ดำเนินการทาบทามบุคคลจากผู้มีคุณสมบัติตามข้อ 8 และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 9 เพื่อสมัครเข้ารับการสรรหาให้ครบตามจำนวน โดยยื่นใบสมัคร แล้วแต่กรณีภายใน 3 วันนับแต่วันสิ้นสุดการรับสมัคร และตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม ประวัติ และพฤติการณ์ของผู้เข้ารับการสรรหาและผู้ที่ได้รับการทาบทามให้แล้วเสร็จภายใน 10 วันนับแต่วันปิดรับสมัคร ดูรายละเอียดการรับสมัครที่เว็บไซต์ กกต. https://www.ect.go.th/ect_th/

‘วีระ’บุกทำเนียบร้องนายกฯ
ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายวีระ สมความคิด อดีตประธานยุทธศาสตร์แผนงานต้านคอร์รัปชั่น สร. พร้อมผู้เสียหาย ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเปิดเผยพฤติกรรมคนสนิทพล.อ.ประยุทธ์

นายวีระกล่าวว่า มีผู้มาร้องเรียนถูกหลอกว่าสามารถวิ่งเต้นให้ชนะการประกวดราคาโครงการของรัฐได้เมื่อปีงบประมาณ 2563 มูลค่าเกือบ 600 ล้านบาท แต่สุดท้ายไม่ชนะการประกวดราคา เมื่อมีการทวงถามขอเงินคืนก็ไม่ได้คืนและยังถูกทำร้ายร่างกายอีก ก่อนหน้านี้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกฯ ให้ผู้ใหญ่คนหนึ่งโทรศัพท์หาตนเพื่อเคลียร์เป็นการส่วนตัว แต่ตนยืนยันว่าไม่ขอเคลียร์ส่วนตัวเพราะหากไปเคลียร์ส่วนตัวแล้วถูกอุ้มฆ่า แล้วจะทำอย่างไร จึงเลือกที่จะ มาพบนายเสกสกลที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ นายเสกสกลมีโอกาสชี้แจง นำหลักฐานมา หักล้าง

ขอเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ให้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว เพราะก่อนหน้าที่จะแต่งตั้ง นายเสกสกลเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ก็ไม่เคยเชื่อมั่นในพฤติกรรม จึงอยากถามว่าเรื่องนี้ นายกฯ จะรับผิดชอบอย่างไร ตนไม่ได้ใส่ความนายเสกสกลตามที่นายเสกสกลกล่าวหา และไม่เกี่ยวข้องหวังผลทางการเมือง และจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด ตนมีเอกสาร ภาพถ่ายและคลิปเสียงทั้งหมดที่แสดงว่า นายเสกสกลมีพฤติกรรมเรียกรับเงิน และ จะนำไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบต่อไป ยืนยันไม่เกี่ยวกับการเมือง ตนได้ลาออกจาก สร.แล้ว

ด้านนายเอก (นามสมมติ) เผยว่า ก่อน หน้านี้ตนมายื่นเรื่องศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ของรัฐบาล กรณีข้อติดขัดจากการประมูลโครงการกำจัดขยะมูลฝอยของกทม. ซึ่งได้ไปพบนายเสกสกล และรับปากจะช่วยเหลือ ตนต้องเสียเงินให้นายเสกสกลประมาณ 2 ล้านบาท ที่ผ่านมาพยายามทวงถามเงินแต่เรื่องก็เงียบ จนล่าสุดวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมาไปดักเจอนายเสกสกล แต่ถูกล็อกคอและทำร้ายร่างกายแล้วหนีมาได้ จึงออกมาร้องเรียนต่อนายวีระ เพราะเกรงเรื่องความไม่ปลอดภัย และไม่ต้องการให้ใครตกเป็นเหยื่อนายเสกสกลอีก

‘แรมโบ้’ยันบริสุทธิ์-ขู่เข้าคุกทั้งแก๊ง
เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกลแถลงข่าวชี้แจงว่าตนเองที่เป็นฝ่ายถูกขู่กรรโชกทรัพย์ โดยเรื่องนี้เกิดช่วงเดือนเม.ย.2565 เป็นช่วงเดียวกับที่ตนมีประเด็นเรื่องคลิปเสียง จึงไปแจ้งความไว้ที่สน.ดุสิตเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เรียกนายเอกลักษณ์มาให้ข้อมูล อีกทางหนึ่งมีผู้ใหญ่บอกว่าจะเคลียร์เรื่องดังกล่าว ให้ นึกว่าจะจบแต่กลับมาเล่นงานตนใน ช่วงนี้อีก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ที่สำคัญ ไม่รู้ว่านายเอกลักษณ์เสียหายอะไร ตน ไม่เคยรับอะไรมาจากนายเอกลักษณ์ เพราะนายเอกลักษณ์อ้างว่า “เฮียบุ๊ง” คือ ผู้ที่เสียหาย แต่ยืนยันตนไม่เคยรับอะไร จากเฮียบุ๊งเช่นเดียวกัน ที่สำคัญ “เฮียบุ๊ง” ก็เป็นพยานให้กับตนที่สน.ดุสิต

นายเอกลักษณ์คุกคามตนมาถึง 3 ครั้ง โดยเฉพาะช่วงตนมาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ คือตอนที่ตนไปสมัครเป็นสมาชิก รทสช. ครั้งที่ 2 คือวันที่พล.อ.ประยุทธ์เปิดตัวร่วมพรรค และครั้งที่ 3 ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ตนได้แจ้งความดำเนินคดีไว้หมด เมื่อนายเอกลักษณ์รู้ว่าตนแจ้งความไว้ก็ไป แจ้งความตนข้อหาทำร้ายร่างกายอีก 7 วัน ให้หลัง และประเด็นนี้ตนจะแจ้งความกลับแก๊งนี้ต้องเอาให้เข้าคุกให้ได้

ส่วนนายวีระตกเป็นเครื่องมือของเขาโดยไม่มีการตรวจสอบ ไม่เข้าใจว่าหวังผลทาง การเมืองดิสเครดิตตนในช่วงที่ทำงานการเมืองให้รทสช.หรือไม่ ส่วนที่อ้างว่ามีหลักฐานเป็นข้อความไลน์นั้น ยืนยันไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่ไลน์ของตน ใครจะทำขึ้นมาก็ได้ สำหรับที่ขู่เปิดคลิปเสียงนั้นตนก็มีไว้ทั้งหมด แต่ที่ยังไม่เปิดกลับ กลัวเสียรูปคดี ยืนยันตนคือผู้บริสุทธ์ 100% หลังจากนี้จะเอาแก๊งนี้เข้าคุกให้หมด

เปลี่ยนเสื้อ – คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย สวมเสื้อพรรคให้นายนาวิน คำเวียง อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ย้ายมาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่นของพรรค ที่สำนักงานพรรคไทยสร้างไทย กทม. เมื่อวันที่ 3 ก.พ.

ไม่เกี่ยวการเมือง – หนุ่มวัย 35 ปี จยย.รับจ้างวินข้างศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย เขตดอนเมือง กทม. ชี้จุดที่ปาประทัดไข่ก๊องแกล้งเพื่อนร่วมวิน แต่พลาดถูกป้ายหาเสียงเสียหาย จนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นกลุ่มการเมืองตรงข้ามก่อเหตุป่วน เมื่อวันที่ 3 ก.พ.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน