เชียงใหม่ที่1โลก เมืองอากาศแย่

ฝนถล่มกรุงตามพยากรณ์ น้ำท่วมขัง 9 ถนนหลัก การจราจรเป็นอัมพาตแต่เช้าตรู่ เขตวัฒนา-ลาดกระบังอ่วมสุด ผู้ว่าฯ ชัชชาติระดมหน่วยเบสต์เร่งระบายท่วมขัง อุตุฯ ย้ำ กทม.จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง บางแห่ง อุณหภูมิลดลง 1-2 องศา เชียงใหม่แซงขึ้นที่ 1 โลกแล้ว เมืองคุณภาพอากาศย่ำแย่ วัดได้ 191 มคก./ลบ.ม. จากตอนเช้าอยู่ที่ 2 จังหวัดระดมถกจี้มาตรการห้ามเผาเด็ดขาดตั้งแต่ 15 ก.พ.-30 เม.ย. ทั่วเมืองหมอกควันคลุม มองไม่เห็นดอยสุเทพแล้ว ทั่วประเทศ ฝุ่นพิษเกินมาตรฐาน 33 พื้นที่ จิสด้าเผยพบ จุดฮอตสปอตในไทย 1,957 จุด เจอมากสุดในป่าอนุรักษ์ นายกฯ วอนลดเผา 89 วัน ฝ่าฝืน มีโทษ หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ปรับแผน งัดมาตรการเข้มข้นขึ้น

ฝนถล่มกรุง-รถติดหนึบ
เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 15 ก.พ. ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝนในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยในเวลา 05.00 น. มีฝนปานกลาง ที่ อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ก่อนเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ เกิดฝนเล็กน้อยเขตหนองจอก

จากนั้นเวลา 07.00 น. มีฝนตกหนักในพื้นที่ เขตบางซื่อ บางพลัด ดุสิต จตุจักร พญาไท ดินเเดง ห้วยขวาง วังทองหลาง บางกะปิ พระนครชั้นใน วัฒนา คลองเตย พระโขนง บางนา สาทร บางคอเเหลม ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ จอมทอง ธนบุรี ภาษีเจริญ บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางเเค หนองเเขม บางบอน บางขุนเทียน เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก เเนวโน้มคงที่ ปริมาณฝนสูงสุดเขตวัฒนา 83 มิลลิเมตร (ม.ม.) รองลงมา เขตลาดกระบัง 74.5 ม.ม. และเขตบางนา 74 ม.ม. ส่งผลให้การจราจรเกือบทุกพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลติดขัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากฝนเทกระหน่ำลงมาเกือบทุกพื้นที่ โดยมีน้ำท่วมขัง 9 จุด ดังนี้

ตรวจท่วม – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ออกติดตามสถานการณ์ น้ำท่วมและการระบายน้ำในพื้นที่ย่านอุดมสุข เขตบางนา กทม. หลังเกิดฝนตกหนักตั้งแต่เช้าตรู่จนเกิดน้ำท่วมขังหลายจุด เมื่อวันที่ 15 ก.พ.

9 ถนนหลักน้ำท่วมขัง
1.ซอยปรีดีพนมยงค์ 19-25 ถนนสุขุมวิท 71 เขตวัฒนา 2.แยกศรีอุดม ขาเข้า ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เขตประเวศ 3.แยกศรีอุดม ขาออก ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เขตประเวศ 4.อุโมงค์ลอดแยกพระราม 9 ถนนถาวรธวัช เขตสวนหลวง 5.แยกเทียมร่วมมิตร ถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดง 6.หน้าโรงเรียนศรีอยุธยา ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี 7.ช่วงถนนเพชรบุรี ถนนบรรทัดทอง เขตราชเทวี 8.ธนาคารกรุงไทย ถนนพัฒนาการ เขตสวนหลวง และ 9.ช่วง ซอยสุขุมวิท 46 ถนนพระราม 4 เขตคลองเตย

นายสุราษฎร์ เจริญชัยสกุล ผอ.สำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า สำนักการระบายน้ำ (สนน.) ได้เร่งลดระดับน้ำตามคูคลองต่างๆ ให้อยู่ในระดับต่ำ จัดเจ้าหน้าที่หน่วยเร่งด่วน (BEST) ให้ความช่วยเหลือประชาชน

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือน ช่วงวันที่ 16-17 ก.พ. กทม.จะมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา สูงสุด 30-33 องศา ขณะที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เชียงใหม่พุ่งที่ 1โลกอากาศแย่
วันเดียวกัน เวลา 16.00 น. เว็บไซต์ https:// www.iqair.com จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดการเมืองที่มีมลพิษแย่ที่สุดของโลก US AQI พบว่า จ.เชียงใหม่ คุณภาพอากาศขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ของโลก เมืองที่คุณภาพแย่ที่สุด 191 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) แซงเมืองการาจี ประเทศปากีสถาน ที่อยู่อันดับ 2 วัดได้ 183 มคก./ลบ.ม. จากที่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้า เมืองเชียงใหม่ยังอยู่ในอันดับ 2 ของโลก โดยวัดค่าได้ที่ 179 มคก.

ขณะที่ พื้นที่ อ.ฮอด อ.จอมทอง อ.เชียงดาว และอ.เวียงแหง ยังคงมีไฟป่าเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดย air4thai.com ระบุว่า เวลา 09.00 น. มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก พีเอ็ม 2.5 ทำสถติเพิ่มพุ่งขึ้นสูง โดยที่อ.ฮอด วัดได้ 213 มคก./ลบ.ม. และอ.เชียงดาว วัดได้ 264 มคก./ลบ.ม. แนวโน้มค่าฝุ่นจะเริ่มเพิ่มมากขึ้นในช่วงสาย เนื่องจากมีความกดอากาศจากสภาพอากาศหนาวเย็น ทำให้ไม่มีลมพัดเข้าการไหลเวียนของลมไม่มีช่วยพัดสลาย

ด้านศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กจังหวัดเชียงใหม่ ยังรับการรายงานจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) รายงานจุดความร้อน (Hotspot) วันเดียวกันรอบเช้า จ.เชียงใหม่ พบจุดความร้อน จำนวน 107 จุด ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 73 จุด พบมากสุด อ.จอมทอง 32 จุด รองลงมา อ.เชียงดาว 14 จุด และอ.ฮอด 9 จุด

ส่วนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 33 จุด พบจุดฮอตสปอตมากสุดที่อ.แม่แจ่ม 6 จุด รองลงมา อ.ฮอด 5 จุด และอ.แม่แตง 5 จุด และพบในพื้นที่ชุมชนและอื่นๆ อ.พร้าว 1 จุด

ผวจ.เข้มห้ามเผาถึง30เม.ย.
ที่ห้องปฏิบัติการศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก พีเอ็ม 2.5 จ.เชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผวจ.เชียงใหม่ เข้าร่วมประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นพีเอ็ม 2.5 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ที่ประชุมได้รายงานจุดความร้อน ปี 2566 ตั้งแต่ห้วงวันที่ 1 ม.ค.-14 ก.พ. พบจุดความร้อนทั้งหมด 2,390 จุด ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวน ซึ่งขณะนี้พื้นที่ ที่มีสถานการณ์รุนแรงคือพื้นที่สายใต้และ สายเหนือ ได้แก่ อ.ฮอด อ.จอมทอง และ อ.เชียงดาว ส่งผลให้มีค่าคุณภาพอากาศของจังหวัด เกินค่ามาตรฐาน 50 มคก./ลบ.ม. จำนวน 30 วัน สูงสุดอยู่ที่ 196 มคก./ลบ.ม. โดยทางพื้นที่รายงานว่า ส่วนใหญ่เกิดจากความเข้าใจผิดของประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในแนวเขตชายแดนเกี่ยวกับการประกาศห้ามเผาเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.-30 เม.ย. ทำให้ชาวบ้านต้องรีบเผาเพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตรก่อนเริ่มบังคับใช้ ทำให้มีจุดความร้อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปสร้างความเข้าใจร่วมกับประชาชนแล้ว

เล็งปิดป่าหากคุมเผาไม่ได้
นายชัชวาลย์ได้เน้นย้ำในที่ประชุม ให้ทุกอำเภอเพิ่มความเข้มข้นในการออกลาดตระเวนให้มากขึ้นกว่าเดิม มีการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่อย่างจริงจัง หากยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้จะมีการประกาศปิดป่าเป็นมาตรการต่อไป ซึ่งหากเกินศักยภาพของอำเภอขอให้ประสานมายังจังหวัดเพื่อขอรับการสนับสนุนช่วยเหลือด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพทั่วทั้งตัวเมืองเชียงใหม่วันเดียวกัน ถูกปกคลุมหนาทึบด้วยฝุ่นควันอย่างรุนแรงและขุ่นมัวกว่าหลายวันที่ผ่านมาอย่างชัดเจน จนไม่สามารถมองเห็นยอดดอยสุเทพจากระยะไกลได้เหมือนช่วงปกติ ตรฐาน 4-5 เท่าตัว

ฝุ่นพิษทำลำปางป่วยเพิ่ม10%
ด้านนพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.-14 ก.พ. จ.ลำปาง มีค่าปริมาณฝุ่นพีเอ็ม 2.5 สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันที่ 15 ก.พ. วัดได้ถึง 185 มคก./ลบ.ม. และมีแนวโน้มสูงเพิ่มขึ้น สสจ.ลำปาง ได้เฝ้าระวังผู้ป่วยกลุ่มโรคที่มีผลกระทบ 4 กลุ่มโรค ประกอบด้วย โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคตา และโรคผิวหนัง พบว่า ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 12 ก.พ. พบจำนวนผู้ป่วยนอกที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคที่เฝ้าระวัง จำนวน 3,958 ครั้ง และปี 2566 ในช่วงเวลาเดียวกัน พบผู้ป่วยจำนวน 4,206 ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.27 พบผู้ป่วยมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.52 และกลุ่มโรคทางตา เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.52 ส่วนกลุ่มโรคผิวหนัง และโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด พบจำนวนลดลง ร้อยละ 11.43 และ 4.38 ตามลำดับ โดยช่วง 7 วันที่ผ่านมา อัตราการป่วยทางเดินหายใจ ระคายเคืองต่อเยื่อบุ เพิ่มขึ้นมาร้อยละ 10 แล้ว ขอร่วมกันสร้างจิตสำนึก ร่วมมือกันไม่เผาด้วย

ทั่วปท.ฝุ่นพิษลาม 33 พื้นที่
ด้านจิสด้า เผยจุดความร้อนเมื่อวันที่ 14 ก.พ. โดยประเทศไทย พบ 1,957 จุด พบมากสุดในป่าอนุรักษ์ พื้นที่จ.ตาก เยอะสุด 310 จุด จ.เชียงใหม่ 289 จุด จ.กาญจนบุรี 211 จุด ตามลำดับ ส่วนใหญ่พบจุดความร้อนสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 930 จุด ป่าสงวนแห่งชาติ 712 จุด พื้นที่เกษตร 116 จุด พื้นที่เขต ส.ป.ก. 112 จุด ชุมชนและอื่นๆ 79 จุด และริมทางหลวง 8 จุด โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ จ.ตาก 310 จุด จ.เชียงใหม่ 289 จุด จ.กาญจนบุรี 211 จุด โดยจุดความร้อนยังคงกระจายตัวอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือที่มีปริมาณจุดความร้อนมากกว่า ภาคอื่นๆ คาดว่าน่าจะเกิดจากการเตรียมพื้นที่เพื่อการเกษตร หรือการเข้าไปหาของป่า

ขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมายังคงเป็นอันดับหนึ่งสูงถึง 2,368 จุด สปป.ลาว 1,190 จุด, เวียดนาม 197 จุด, กัมพูชา 158 จุด และมาเลเซีย 18 จุด

วันเดียวกัน กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ทั่วประเทศ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่พบพีเอ็ม 2.5 พบค่าระหว่าง 7-264 มคก./ลบ.ม. โดยพบพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานรวม 33 พื้นที่

ภาคเหนือ ตรวจวัดค่าฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ระหว่าง 46-264 มคก./ลบ.ม. พบเกินมาตรฐาน 29 พื้นที่ ได้แก่ จ.เชียงใหม่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว มีค่าฝุ่นสูงสุดที่ 264 มคก./ลบ.ม., ต.ช้างเผือก, ต.ศรีภูมิ, ต.สุเทพ อ.เมือง, ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม, ต.หางดง อ.ฮอด, จ.ลำปาง ต.พระบาท อ.เมือง, ต.สบป้าด, ต.บ้านดง, ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ, จ.เชียงราย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย, ต.เวียง อ.เมือง, ต.เวียง อ.เชียงของ, จ.แม่ฮ่องสอน ต.จองคำ อ.เมือง, ต.เวียงใต้ อ.ปาย, ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง, จ.น่าน ต.ในเวียง อ.เมือง, จ.ลำพูน ต.บ้านกลาง อ.เมือง, ต.ลี้ อ.ลี้, ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ, จ.แพร่ ต.นาจักร อ.เมือง, จ.พะเยา ต.บ้านต๋อม อ.เมือง, จ.ตาก ต.แม่ปะ อ.แม่สอด, ต.น้ำรึม อ.เมือง, จ.พิษณุโลก ต.ในเมือง อ.เมือง, จ.อุตรดิตถ์ ต.ท่าอิฐ อ.เมือง, จ.กำแพงเพชร ต.ในเมือง อ.เมือง, จ.สุโขทัย ต.ธานี อ.เมือง, และจ.อุทัยธานี ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง

17 จว.เหนือยังหนักถึง 22 ก.พ.
นอกจากนี้ยังพบ 15 พื้นที่มีค่าฝุ่นพีเอ็ม 10 เกินมาตรฐาน ได้แก่ จ.ลำปาง ต.พระบาท อ.เมือง, ต.สบป้าด, ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ, จ.ลำพูน ต.บ้านกลาง อ.เมือง, ต.ลี้ อ.ลี้, จ.พะเยา ต.บ้านต๋อม อ.เมือง, จ.เชียงราย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย, ต.เวียง อ.เชียงของ, จ.ตาก ต.แม่ปะ อ.แม่สอด, จ.พิษณุโลก ต.ในเมือง อ.เมือง, จ.กำแพงเพชร ต.ในเมือง อ.เมือง, จ.สุโขทัย ต.ธานี อ.เมือง, และ จ.เชียงใหม่ ต.หางดง อ.ฮอด, ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว และต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม

ด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดค่าฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ได้ระหว่าง 24-56 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐาน 2 พื้นที่ ได้แก่ จ.เลย ต.กุดป่อง อ.เมือง และจ.หนองคาย ต.มีชัย อ.เมือง

ภาคกลาง ตรวจวัดค่าฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ได้ระหว่าง 25-121 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐาน 1 พื้นที่ จ.สระบุรี บริเวณต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ

ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตรวจวัด ค่าฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ได้ระหว่าง 16-78 มคก./ลบ.ม. เกินมาตรฐาน 1 พื้นที่ กรุงเทพฯ บริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน ขณะที่ภาคตะวันออก และภาคใต้ ค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่

กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง คพ. คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยช่วงวันที่ 18-20 ก.พ. อาจมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงได้ในบางพื้นที่ และพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มที่ควรเฝ้าระวังบริเวณภาคเหนือตอนบน ในช่วงวันที่ 16-22 ก.พ. ประชาชน ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

นายกฯจี้แจงเชิงรุกงดเผา
ที่รัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าช่วงที่มีสถานการณ์หมอกควันหรืออากาศ กดทับ อย่าเพิ่งเผา เพราะการเผาปริมาณมาก พบว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้น มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในจังหวัดภาคเหนือ ส่วนผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเต็มที่

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ห่วงกังวลค่าฝุ่นพีเอ็ม 2.5 พุ่งสูง กระทบต่อสุขภาพประชาชน

“นายกฯ สั่งการให้ใช้ทุกมาตรการเพื่อลดจำนวนการเกิดไฟป่า และขอความร่วมมือทุกพื้นที่งดการเผาทุกกรณี 89 วัน ระหว่างวันที่ 1 ก.พ.-30 เม.ย. หากฝ่าฝืนมีโทษ พร้อมได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานเร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างความเข้าใจ และขอความร่วมมือประชาชน โดยหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ขอให้พร้อมปรับแผน และมาตรการให้ เข้มงวดขึ้นอย่างทันท่วงที” นายอนุชากล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน