รัฐบาลทิ้งทวน แจก14.6ล.ราย

รัฐบาลทิ้งทวนเติมเงิน ‘บัตรคนจน’ ปี 2566 ครม.เห็นชอบทุ่มงบอีก9.14 พันล้าน สมทบกองทุนช่วยเหลือ มีผู้ผ่านการพิจารณา 14.6 ล้านคน จากยื่นขอจดทะเบียนเกือบ 20 ล้านคน ให้ยืนยันตัวตนตั้งแต่ 1 มี.ค. ใช้สิทธิ์วันที่ 1 เม.ย. ส่วนผู้ไม่ผ่านการพิจารณาอีก 5 ล้านคน สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ กระทรวงการคลังระบุใช้เงินปีละ 6.5 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่าครม.เห็นชอบผลตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2566 หรือบัตรคนจน มีผู้ผ่านการพิจารณา 14.59 ล้านคน ไม่ผ่านคุณสมบัติ 5.05 ล้านคน ในจำนวนที่ยื่นลงทะเบียนขอรับบัตรคนจนทั้งสิ้น 19.65 ล้านคน โดยวันที่ 1 มี.ค.นี้จะประกาศผล อย่างเป็นทางการ

นายอนุชากล่าวว่า กระทรวงการคลัง คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ปีละ 65,413.80 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายประชารัฐสวัสดิการใหม่ให้กับผู้ถือบัตรที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามโครงการแล้ว ซึ่งงบประมาณที่ดำเนินโครงการส่วนหนึ่งจะเป็นงบประมาณรายจ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นปี 2566 ดังนั้น ครม.จึงอนุมัติงบกลาง 9,140.35 ล้านบาท นำมาสมทบกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อจัดสรรให้ผู้ถือบัตรคนจน

โฆษกรัฐบาลกล่าวอีกว่า หลังประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ และเริ่มกระบวนการยืนยันตัวตนวันที่ 1 มี.ค. เริ่มใช้สิทธิ์สวัสดิการสำหรับผู้ลงทะเบียนรอบปกติวันที่ 1 เม.ย. และหากยืนยันไม่ทันวันที่ 1 มี.ค. ก็จะเลื่อนการใช้สิทธิ์ในรอบเดือนถัดไป แต่ในส่วนของเงินในเดือนแรกๆ ที่เริ่มดำเนินโครงการ คือเดือนเม.ย. หากยืนยันไม่ทัน ต้องสอบถามที่กระทรวงการคลังในฐานะเจ้าของโครงการจะย้อนหลังสิทธิ์ที่ควรจะได้ให้หรือไม่ ส่วนผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณสมบัติ 5.05 ล้านคน ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ หลังจากตรวจผลการพิจารณาวันที่ 1 มี.ค.ถึงวันที่ 1 พ.ค. และกระทรวงการคลังจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ในวันที่ 20 มิ.ย. และเริ่มใช้สิทธิ์วันที่ 1 ก.ค.

นายอนุชากล่าวว่า สำหรับประชารัฐสวัสดิการใหม่ที่จัดสรรให้แก่ผู้มีบัตร มีรายละเอียดดังนี้ คือวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้า ผู้ถือทั้งในต่างจังหวัดและกทม. วงเงิน 300 บาทต่อคนต่อเดือน, วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อเดือน, วงเงินค่าเดินทางระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน, วงเงินค่าไฟฟ้าต่างจังหวัดและกทม. 315 บาทต่อคนต่อเดือน และวงเงินค่าน้ำประปาต่างจังหวัดและกทม. 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน สำหรับโครงการปี 2565 วงเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จะได้รับเท่ากันทุกคน และเพิ่มครอบคลุมระบบขนส่งสาธารณะ 8 ประเภท เช่น รถขสมก. รถบขส. รถไฟฟ้า รถสองแถว เรือโดยสาร และขยายสิทธิ์ให้เท่าเทียมกันทุกพื้นที่

ส่วนนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่าสำหรับผู้ลงทะเบียนสมบูรณ์สามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 3 ช่องทาง 1.เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น.ทุกวัน 2.หน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา และ 3.โทรศัพท์สอบถามได้ที่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และคอลเซ็นเตอร์โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

รมว.คลังกล่าวว่า สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติต้องยืนยันตัวตนที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธ.ก.ส. ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป หากยืนยันตัวตนสมบูรณ์จะใช้สิทธิบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ในกรณีที่ยืนยันตัวตนสำเร็จตั้งแต่วันที่ 1-26 มี.ค. ส่วนยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 มี.ค. จะได้ใช้สิทธิตามที่กระทรวงการคลังกำหนด สำหรับผู้ได้รับสิทธิในปัจจุบันจะสามารถใช้สิทธิได้จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.เท่านั้น ขณะที่ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์สามารถยื่นขออุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ถึงวันที่ 1 พ.ค. ผ่าน 2 ช่องทาง 1.เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น.ทุกวัน และหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน

ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่าผู้ถือบัตรรายเดิมที่ผ่านเกณฑ์โครงการรอบใหม่ดลงเหลือ 8.76 ล้านราย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อปี มีทรัพย์สินมากขึ้น ฐานะดีขึ้น คนเหล่านี้อาจจะรู้ตัวเองว่าไม่เข้าเกณฑ์ก็เลยไม่ลงทะเบียน ส่วนกลุ่มที่ยังยากจนอยู่ และไม่ได้เข้าโครงการรอบนี้ รัฐบาลจะมีหน่วยงานแก้จนของกระทรวงมหาดไทยลงไปดูแต่ละครัวเรือนให้มีโอกาสและแข็งแรงขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้ ลดความยากจน

ผู้ไม่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์จะถูกตัดออก และจะเปิดให้ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์ปีนี้ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการได้ใหม่ในปีถัดไป จะเปิดรับลงทะเบียนใหม่ในทุกๆ ปีตามรอบเวลา โดยคณะกรรมการจะส่งรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิ์ 14.5 ล้านรายให้หน่วยงานตรวจสอบกว่า 40 หน่วยงาน หากใครมีรายได้เพิ่มขึ้น หรือไม่เข้าเกณฑ์จะถูกตัดออก และจะเปิดให้ ผู้ที่ ไม่ได้รับสิทธิ์ครั้งนี้มาลงทะเบียนใหม่ อีกครั้ง” นายสันติกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน