เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายวิรัช แสนเดช อายุ 51 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านถนนหัก ต.ปะคำ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า น.ส.สุภารัตน์ พินิจ อายุ 33 ปี ลูกสาวของตนซึ่งปัจจุบันเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ได้รับหมายเรียกระบุว่าลูกสาวตกเป็นผู้ต้องหา “ร่วมกันเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลและยังไม่ได้ออกรางวัลในราคาเกินกว่าราคาที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล” จึงอยากให้ตรวจสอบและขอความเป็นธรรม เพราะลูกสาวไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกออกหมายเรียก เพราะไม่เคยขายสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่กลับโดนหมายเรียกผู้ต้องหาไปพบพนักงานสอบสวน ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

ร้องทุกข์ – น.ส.สุภารัตน์ พินิจ พร้อมด้วยครอบครัวเปิดบ้านที่บ้านถนนหัก ต.ปะคำ อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ร้องทุกข์ถูกแจ้งข้อหา ‘ร่วมกันเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลและยังไม่ได้ออกรางวัลในราคาเกินกว่าราคาที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล’ โดยหมายเรียกมาสอบสวนถึงสโมสรตำรวจ กทม. ทั้งที่ไม่เคยขายสลากใดๆ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.

น.ส.สุภารัตน์ กล่าวยืนยันว่า ตนและคนในครอบครัวไม่มีใครขายสลากกินแบ่งรัฐบาล และตนเลี้ยงลูกอยู่บ้านตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ไปไหนเลย แต่พอได้รับหมายเรียกตกเป็นผู้ต้องหาขายสลากเกินราคาก็ตกใจมาก ตอนที่ได้หมายเรียกครั้งที่ 1 ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นหมายจริงหรือไม่ แต่พอได้รับหมายเรียกครั้งที่ 2 จึงนำหมายดังกล่าวไปสอบถามที่สภ.ปะคำ ทางตำรวจก็ยืนยันว่าเป็นหมายเรียกจริง ตนจึงขอลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน แต่ตำรวจไม่ให้ลง แต่แนะนำให้ไปพบพนักงานสอบสวนที่ออกหมายเรียก เพราะหากไม่ไปพบตำรวจอาจจะถูกออกหมายจับได้ ยอมรับว่าเครียดมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กลัวจะถูกดำเนินคดี ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกออกหมายเรียก คาดว่าน่าจะเป็นการออกหมายผิดพลาด หรืออาจจะมีมิจฉาชีพแอบเอาชื่อตนไปใช้ ทำให้ตนต้องกลายเป็นแพะ อยากให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วย

นายวุฒิ บุญทีฆ์ ผู้ใหญ่บ้านถนนหัก กล่าวว่า เท่าที่ตนรู้ ไม่เคยเห็นน.ส.สภารัตน์ทำอาชีพขายลอตเตอรี่เลย อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย เพราะหากไม่ได้ทำผิดจริงแล้วถูกออกหมายเรียกตกเป็นผู้ต้องหาแบบนี้ ก็ทำให้คนได้รับความเสียหาย ทั้งต้องเสียเวลา เสียเงินเดินทางไปที่กรุงเทพฯ อีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน