เพราะกลัวคดีแรงงานผิดกม. รับจ้างทำงานหนักในฟาร์มหมู คาด‘มลพิษ-อากาศหนาวคร่า!’ เมียร่ำไห้-เตรียมบินไปรับร่าง

‘เมียลุงบุญชู’ ร่ำไห้เร่งหาเงินไปเกาหลีใต้รับศพสามีกลับบ้าน พร้อมเปิดใจเล่าก่อนเกิดเหตุ สามีเตรียมกลับไทย 20 มี.ค. สุดท้ายก็มาไม่ถึงบ้าน หลังแรงงานไทยผู้เฒ่าวัย 67 ปีจากขอนแก่นหนีความแร้นแค้นไปขายแรงงานเสียชีวิตอนาถและเถ้าแก่ฟาร์มหมูนายจ้างกลัวความผิด ขนร่างไปทิ้งบนภูเขาเพื่ออำพรางการจ้างงานผิดกฎหมาย เบื้องต้นตำรวจจับกุมเจ้าของฟาร์มไปสอบปากคำรอดำเนินคดี สันนิษฐานว่าสาเหตุตายจากปัญหาสุขภาพ เพราะไม่พบร่องรอยถูกฆาตกรรม

วันที่ 8 มี.ค. กรณีพบศพแรงงานชาวไทยในประเทศเกาหลีใต้ ทราบชื่อต่อมาว่า นายบุญชู อายุ 67 ปี ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ก่อนตำรวจเข้าตรวจสอบฟาร์มสุกรแห่งหนึ่งในเมืองโพชอน จังหวัดคยองกี และพบศพนายบุญชูถูกนายจ้างนำไปทิ้งบนเขา ห่างจากที่พักประมาณ 200 เมตร เพื่ออำพรางการจ้างงานผิดกฎหมาย ภายหลังลักลอบทำงานที่ฟาร์มดังกล่าวมานานกว่า 10 ปี และเบื้องต้นตำรวจจับกุมเจ้าของฟาร์มไปสอบปากคำรอดำเนินคดี รวมทั้งสันนิษฐานว่าสาเหตุการเสียชีวิตของนายบุญชูมาจากปัญหาสุขภาพ และอื่นๆ อาทิ ความเป็นอยู่ที่ไม่ถูกสุขอนามัย อากาศหนาว ความชื้น แก๊สพิษจากมูลสุกร เนื่องจากผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่พบร่องรอยการฆาตกรรมนั้น

เว็บไซต์นิวส์เนเวอร์ของเกาหลีใต้ระบุ จากแรงงานชาวไทยในเมืองโพชอนซึ่งไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อว่า นายบุญชูมีภรรยาและลูกชาย 1 คน อาศัยอยู่ที่อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น ตัดสินใจเดินทางมาทำงานที่เกาหลีใต้เมื่อปี 2556 เพราะต้องการหาเงิน เนื่องจากแรงงานต่างด้าวสามารถทำรายได้ในเกาหลีใต้เกือบ 1.5 เท่าของเงินเดือนพนักงานธนาคาร แต่เพราะไม่สามารถขอวีซ่าทำงานซึ่งอนุญาตให้เฉพาะบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 39 ปี นายบุญชูจึงตัดสินใจเดินทางมาเกาหลีใต้ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และปักหลักทำงานในเมืองโพชอน ซึ่งมีคนไทยอาศัยอยู่จำนวนมาก

รายงานระบุอีกว่านายบุญชูทำรายได้เริ่มต้นเดือนละประมาณ 1.1 ล้านวอน หรือเกือบ 30,000 บาท แม้จะมีเครื่องจักรช่วยทุ่นแรง แต่การดูแลหมูหลายร้อยตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงอย่างนั้นนายบุญชูก็ทำงานได้ดีและสามารถส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานายจ้างขึ้นเงินเดือนให้นายบุญชูเป็น 1.8 ล้านวอน หรือราว 47,000 บาท โดยส่งให้ครอบครัวเป็นส่วนมากและเหลือเงินไว้ใช้ส่วนตัวเพียง 200,000 วอน หรือกว่า 5,300 บาท แหล่งข่าวแรงงานไทยกล่าวอีกว่า นายบุญชูจะออกจากฟาร์มเฉพาะเวลาส่งเงินไปให้ที่บ้านและซื้อของใช้เท่านั้น

ด้านนางยาง เจ้าของร้านค้าในละแวกใกล้ฟาร์มสุกรที่เกิดเหตุเปิดเผยว่า นายบุญชูมาที่ร้านขายของของตนเดือนละครั้งเพื่อซื้อกาแฟและบุหรี่ นอกจากนี้ ยังกล่าวด้วยว่านายบุญชูอาศัยอยู่ในพื้นที่เล้าหมู ไม่สามารถสื่อสารพูดคุยเกาหลีได้ จึงสื่อสารกับเจ้าของฟาร์มผ่านท่าทางเท่านั้น

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าภรรยาของ นายบุญชูจะเดินทางมาเกาหลีใต้เพื่อรับศพของนายบุญชูทันทีที่ได้วีซ่า ด้านหนังสือพิมพ์ จุงอังอิลโบ สอบถามไปยังสถานเอกอัครราช ทูตไทยประจำเกาหลีใต้แล้ว และเจ้าหน้าที่ระบุว่ากำลังตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

สำหรับรายละเอียดกรณีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ รายงานพบศพแรงงานไทย วัย 67 ปี ในฟาร์มหมู ถูกนำไปทิ้งเชิงเขา ตามรายงานของสถานีตำรวจโพชอน เมื่อวันที่ 6 และวันที่ 4.03.2023 คนงานไทยอายุ 67 ปี ถูกพบเสียชีวิตที่ฟาร์มหมูบนเนินเขาในยองบุก-มยอน เมืองโพชอน จุดที่พบศพอยู่บริเวณเชิงเขาห่างจากที่พักประมาณ 200 เมตร

ในวันที่ 4/03 ตำรวจได้รับแจ้งจากแรงงานไทยอีกคนว่าไม่พบเพื่อนคนไทยชื่อ นาย B (ชื่อสมมติ) ทำงานที่ฟาร์มหมูแห่งนี้มาเกือบ 10 ปี เป็นผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย

ตำรวจพบศพชายสัญชาติไทยนาย B อายุ 67 ปี บนเนินเขาใกล้กับฟาร์มหมูในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน 4/03 ตำรวจได้ออกหมายจับเจ้าของฟาร์มหมูชื่อนาย A (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจกล้องที่เกิดเหตุพบรถไถของเจ้าของฟาร์ม A กำลังเคลื่อนที่อยู่ในบริเวณนั้นคาดว่านำศพไปทิ้ง ตำรวจเชื่อว่านาย A อาจลงมือก่อเหตุเพราะกลัวว่าเขาจ้างคนเข้าเมืองผิดกฎหมายทำงาน กลัวถูกค้นพบ และกำลังสืบสวนค่าจ้างและสภาพการทำงานของฟาร์มต่างๆ

นอกจากนี้ ตำรวจยังได้สอบสวนลูกชายเจ้าของฟาร์มว่ามีส่วนร่วมในการก่อเหตุหรือไม่ ข่าวในวันที่ 7/03 ผลการชันสูตรโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติไม่พบข้อสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรมในร่างกายของแรงงานไทย องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจและกระทรวงการจ้างงานและแรงงานกำลังตรวจสอบสภาพแวดล้อมการทำงานโดยรวมและการค้างค่าจ้างของฟาร์ม

อีกประเด็นคือ ความเป็นอยู่ของแรงงาน ซึ่งนอนข้างเล้าหมูกลิ่นเหม็น ชื้น และห้องพักไม่ถูกสุขอนามัยขนาด 3 x 3 มีขยะ ผู้เสียชีวิตทำงานที่ฟาร์มนี้มา 10 ปี ดูแลหมู 1,000 ตัว กวาดล้างมูลสุกรหรือดูแลสุกรในตอนกลางคืน ทำวันละหลายชั่วโมง และผู้เสียชีวิตติดต่อทางบ้านที่ประเทศไทยบ่อย แต่ในชีวิตจริงเขาปลีกตัวอยู่คนเดียวภายในห้องนอน ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น

แรงงานไทย – จนท.เข้าตรวจสอบฟาร์มหมูในยองบุก-มยอน เมืองโพชอน ประเทศเกาหลีใต้ หลังพบศพนายบุญชู แรงงานชาวขอนแก่นวัย 67 ปี ถูกเจ้าของฟาร์มนำร่างไปทิ้งเชิงเขา (ภาพจาก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ)

ส่วนประเด็นสาเหตุการเสียชีวิต 1.ฆาตกรรม/น่าจะถูกตัดออก ผลนิติออก 7/03 ไม่มีร่องรอย, 2.ทิ้งศพ หนีความผิดจ้างแรงงานเถื่อน, 3.ความเป็นอยู่ ทำให้เสียชีวิต (อาทิ หนาว เชื้อโรค อากาศกลิ่น ไม่ถูกสุขอนามัย), 4.ค้างค่าจ้างหรือไม่? และ 5.ประเด็นอื่นๆ รอตำรวจสรุปหาสาเหตุการเสียชีวิต

ก่อนหน้านี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้โพสต์ตามหาแรงงานไทยซึ่งหายตัวไปจากฟาร์มหมู ในเขตเมืองโพชอน จังหวัดคยองกี เกาหลีใต้ โดยแรงงานคนดังกล่าวชื่อ “ลุงบุญชู” อายุ 67 ปี สูง 156 เซนติเมตร อุปนิสัยไม่ดื่ม ตั้งใจทำงานเก็บเงิน ไม่ออกไปไหน อยู่แต่โรงงาน มาอยู่ที่เกาหลีใต้ 10 ปี ไม่เคยย้ายโรงงาน ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 ใครเห็นหรือพบเจอแจ้งหน่อยนะคะ

ต่อมาได้ไลฟ์สดระบุว่า พยายามโทรศัพท์หาลุงบุญชูแต่ปิดเครื่อง เถ้าแก่ฟาร์มหมูมีอาการเมาสุราไม่ยอมให้เข้าไป บอกแต่เพียงว่า ลุงหนีไปอยู่ที่อื่นแล้ว จึงได้โทรศัพท์แจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ กระทั่งเจอลุงบุญชูนอนเสียชีวิตในสภาพสวมเสื้อผ้ากันหนาว สวมรองเท้า 1 ข้าง อีก 1 ข้างวางอยู่บนหน้าอก

วันเดียวกัน นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุลตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือกรณีการเสียชีวิตของนายบุญชู แรงงานไทยที่ทำงานในเกาหลีใต้ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนแรกของการให้ความช่วยเหลือ โดยกรมการกงสุลได้ประสานญาติในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ญาติสามารถติดต่อกับสถานทูตไทยที่กรุงโซลได้โดยตรงแล้ว ญาติอยู่ระหว่างการพิจารณาการเดินทางไปเกาหลีใต้

นายนฤชัยระบุอีกว่า ทราบว่าผู้เสียชีวิตอยู่เกาหลีใต้มานานแล้ว ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปอย่างเป็นทางการได้ว่า นายบุญชูเข้าไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างถูกหรือผิดกฎหมาย เนื่องจากโดยทั่วไปการเข้าประเทศเกาหลีใต้ถูกกฎหมายแน่นอน แต่อาจผิดวัตถุประสงค์ของการเข้าเมือง อาจลักลอบทำงานต่อ ซึ่งรายละเอียดยังไม่ทราบแน่ชัด รวมถึงสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่สามารถสรุปได้ในขณะนี้

นายนฤชัยระบุว่า แต่ไม่ว่าจะไปทำงานแบบผิดหรือถูกกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศพร้อมให้ความช่วยเหลือคนไทย แต่จะแตกต่างกันในแง่ที่หากเป็นการทำงานโดยถูกกฎหมาย จะมีหน่วยงานท้องถิ่นเกาหลีใต้ให้ความช่วยเหลือและเข้ามาดูแลด้วย รวมถึงการจ่ายค่าชดเชย

เมื่อเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับนางมะลิ ประวะเสนัง อายุ 59 ปี ที่บ้านเลขที่ 101 บ้านทางขวาง ม.11 ต.ทางขวาง อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นภรรยาของนายบุญชู ประวะเสนัง อายุ 67 ปี แรงงานไทย ที่ไปเป็นผีน้อย รับจ้างทำงานที่ฟาร์มหมูแห่งหนึ่งในเมืองโพชอน จังหวัด คยองกี ประเทศเกาหลี และเสียชีวิตในฟาร์มดังกล่าวแล้วนายจ้างนำศพไปทิ้งอำพรางคดีหนีความผิดว่าจ้างแรงงานหลบหนีเข้าเมือง

นางมะลิกล่าวว่า ก่อนจะทราบเหตุว่า นายบุญชูเสียชีวิตนั้นไม่สามารถติดต่อสามีได้ จึงประสานคนไทยในประเทศเกาหลี ให้ไปตรวจสอบที่ฟาร์มที่สามีทำงานอยู่ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ จนพบศพนายบุญชูที่เชิงเขา ใกล้ฟาร์ม และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายคิม อายุ 60 ปี เจ้าของฟาร์มไปสอบสวน จนทราบว่า นายคิมไปพบนาย บุญชูนอนเสียชีวิตในที่พัก กลัวความผิด จึงนำศพใส่รถไถไปทิ้งที่เชิงเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาทิ้งศพ

“สามีไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้กว่า 10 ปีแล้ว เพราะครอบครัวยากจน ต้องการทำงานหาเงินมาใช้หนี้ และสร้างฐานะให้ครอบครัวอยู่ดีมีความสุข แต่ไปแบบนักท่องเที่ยว และแอบทำงาน เป็นผีน้อยทำงานในฟาร์มหมูจุดเกิดเหตุ โดยในแต่ละวันสามีจะโทรศัพท์มาคุย และในแต่ละเดือนจะส่งเงินมาให้ใช้หนี้และส่งลูกชายเรียนจนจบปริญญาตรี ซึ่งขณะนี้ลูกชายเรียนจบแล้ว เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ ลูกชายช่วยพ่อหาเงินใช้หนี้จนหมดแล้ว จึงขอร้องให้พ่อกลับบ้านตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่พ่อไม่ยอมกลับ เพราะพ่อต้องการหาเงินสร้างบ้าน ซื้อวัว ควาย และหมูมาเลี้ยง” นางมะลิกล่าว

นางมะลิกล่าวต่ออีกว่า แต่ละเดือนที่สามีส่งเงินมาก็จะซื้อวัว ควาย และหมูมาเลี้ยง โดยทุกครั้งที่สามีโทรศัพท์มาคุยจะบอกว่า ทำงานสบายและมีความสุขดี ขอทำงานเก็บเงินอีกสักก้อน ก็จะเดินทางกลับบ้านในวันที่ 20 มี.ค.นี้ และก่อนที่สามีจะเดินทางกลับ ทางบ้านได้สร้างฟาร์มไว้รอเรียบร้อยแล้ว โดยสามีชอบควายเพศเมียที่ชื่อพลอยชมพูมาก ทุกครั้งที่โทรศัพท์มาจะต้องขอดูควายตัวดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ท้องใกล้คลอดแล้ว ก็คิดว่า เมื่อสามีกลับมาก็จะได้มาเลี้ยงควายน้อยที่เพิ่งคลอด

“คุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ก็เพิ่งคุยกัน และวันที่ 1 มี.ค.ได้โทร.หาสามี แต่ติดต่อไม่ได้ไปจนเลยไปอีกวันก็ติดต่อไม่ได้ ซึ่งผิดวิสัยเป็นอย่างมาก เพราะแต่ละครั้งที่โทร.ไปแม้ไม่รับสายทันทีก็จะโทร.กลับมาคุยกันตลอด แต่เมื่อติดต่อสามีไม่ได้ จึงติดต่อคนไทยในเกาหลีให้ช่วยไปดู จนได้รู้ว่าสามีเสียชีวิตแล้ว และตำรวจก็จับเจ้าของฟาร์มไปดำเนินคดีแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ครอบครัวต้องการก็คือ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือบ้าง ก็รู้อยู่ว่าสามีเป็นผีน้อย เป็นแรงงานที่แอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย แต่ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะต้องการรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว” นางมะลิกล่าว

นางมะลิกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตอนนี้มี เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศติดต่อมาพูดคุย พร้อมกับสอบถามถึงความต้องการของครอบครัว จึงแจ้งไปว่าเป็นไปได้อยากได้ศพสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่ประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีค่าใช้จ่าย 11 ล้านวอน หรือประมาณ 300,000 บาทแต่ครอบครัวไม่มีเงิน จึงคุยกันในครอบครัวว่า วันที่ 11 มี.ค. ที่จะถึงนี้ ตนและลูกชายจะเดินทางไปที่เกาหลี เพื่อนิมนต์พระสงฆ์ไทยประกอบพิธีทางศาสนา เผาศพสามีให้เสร็จสิ้น จากนั้นจึงนำเถ้ากระดูกกลับมาที่ประเทศไทย เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับสามี และยังต้องหากู้เงินไปใช้จ่ายในการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ตามขั้นตอนของกฎหมายในประเทศเกาหลี ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นเงินจำนวนเท่าใด ซึ่งในเบื้องต้นนั้น ขณะนี้ทางอำเภอแวงน้อยและผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นให้การช่วยเหลือมาเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ซึ่งจะนำเงินก้อนนี้เป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ที่จะบินไปประเทศเกาหลีในวันที่ 11 มี.ค.

ด้านนางหนูเพียร นาจันหอม อายุ 67 ปี พี่สาวของนางมะลิ กล่าวว่า คู่นี้รักกันมาก แต่ด้วยครอบครัวยากจน สามีจึงเดินทางไปที่ประเทศเกาหลีและหางานทำ ส่งเงินมาให้ภรรยาใช้หนี้และส่งลูกชายเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี เมื่อใช้หนี้หมดแล้ว ลูกเรียนจบแล้วก็ยังไม่ยอมกลับ เพราะต้องการหาเงินซื้อวัวควายและหมูมาให้ภรรยาเลี้ยง และทำฟาร์ม เพราะตั้งใจไว้ว่าเมื่อกลับจากเกาหลีจะมาทำฟาร์มวัวควายที่บ้านตัวเอง แต่ก็มา เสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งญาติพี่น้องไม่ติดใจ เพราะคิดว่าร่างกายอาจจะอ่อนแอ อากาศหนาวกระทบกับร่างกาย จนเสียชีวิตได้ ตอนนี้ขอเพียงรับศพกลับมาที่บ้าน ถ้าค่าใช้จ่ายจำนวนมากก็ให้ภรรยากับลูกไปเผาศพที่เกาหลี แล้วเอาเถ้ากระดูกกลับมาบ้าน ญาติพี่น้องจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน