มอบตัวแล้ว4-ปฏิเสธ เหลือล่าอีก1-ยศ‘พตต.’

ศาลไม่ให้ประกัน ‘ร.ต.ท.’ รองสารวัตร ทีมตม.ฉาวอุ้มรีดชาวจีน หลังเข้ามอบตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจให้การภาคเสธทั้งยังไม่ถูกหมายจับ เลยโดนขอหมายจับตามพวกอีก 3 ใน 4 นาย โดนหมายจับไปก่อนหน้านี้ ล่าอีก 1 พ.ต.ต.ที่ยังเก็บตัวเงียบ ‘รองนพศิลป์’ เผยเรียกตัวหนุ่มชัยภูมิที่อยู่ร่วมเหตุการณ์มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรบ้าง หลังพบประวัติเคยต้องคดีรีดทรัพย์ นักธุรกิจการบิน และสนับสนุนจนท.ทำผิด ม.157 ส่วนคดีแก๊งมังกรอุ้มสาวจีนเมียนักธุรกิจ เมืองชลบุรีและพี่ชายเรียกค่าไถ่ ล่าสุดช่วยได้แล้ว ทั้งคู่ ตร.ภาค 2 ล็อกตัว 1 ในคนร้ายคาสนามบิน สุวรรณภูมิขณะเตรียมเผ่นกลับจีน

กรณีตำรวจ ตม. ก่อเหตุร่วมกันอุ้ม น.ส.นามี แซ่ลี อายุ 38 ปี หญิงชาวไทยที่เป็นล่ามภาษาจีน พร้อมนายฉี เพื่อนชายชาวจีนอีก 1 คน จากบ้านพักย่านซอยประชาสงเคราะห์ 2 แขวงดินแดง เขตดินแดง ก่อนรีดทรัพย์เป็นเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา น.ส.นามี ได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ก่อนตำรวจขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับตำรวจ 4 นาย จากนั้นตำรวจได้คุมตัว พ.ต.ต.สรวิศ อินทร์ลับ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ร.ต.ท.สุริยะ รุกขชาติ รอง สว.สืบสวน บก.ตม.1 และ ด.ต.พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ ผบ.หมู่ สืบสวน บก.ตม.1 มาสอบสวนและดำเนินคดี ขณะที่ พ.ต.ต.จิรภัทร บุญนำ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ผู้ต้องหาอีกคน ที่ร่วมก่อเหตุยังหลบหนี

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) มีหนังสือคำสั่ง กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ที่ 31 /2566 ให้ พ.ต.ต.สรวิศ อินทร์ลับ และพ.ต.ต.จิรภัทร บุญนำ สว.กก.สส. บก.ตม.1, ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด และร.ต.ท.สุริยะ รุกขชาติ รองสว.กก.สส. บก.ตม.1 และด.ต.พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ ผบ.หมู่ กก.สส. บก.ตม.1 ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลสอบสวนพิจารณา ทางวินัย หลังมีคำสั่งที่ 30/2566 แต่งตั้ง คณะกรรมการ สอบสวน พ.ต.ต.สรวิศ อินทร์ลับ พร้อมพวกรวม 5 นาย

เนื่องจากข้าราชการตำรวจดังกล่าวถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาหรือถูกฟ้องคดีอาญาในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ หรือเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ หากให้ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในหน้าที่ราชการ ต่อไป อาจเกิดความเสียหายแก่ราชการ โดยส่วนรวม อันเป็นเหตุให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ตาม กฎ ก.ตร.

ที่ สน.ดินแดง พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น. 1 เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ควบคุมตัว พ.ต.ต.สรวิศ อินทร์ลับ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ร.ต.ท.สุริยะ รุกขชาติ รอง สว.สืบสวน บก.ตม.1 และ ด.ต.พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ ผบ.หมู่ สืบสวน บก.ตม.1 มาสอบสวนหลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับเป็นผู้ร่วมก่อเหตุ อุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจชาวจีน และล่าม เพื่อไปเรียกทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว

การสอบสวนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ทั้งสามคนยังให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าเข้าไปปฏิบัติหน้าที่จริง แต่ไม่ได้เรียกรับ ผลประโยชน์จากผู้เสียหาย และบางส่วนให้การ เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งหมดยังคงมีอาการเครียดจากการถูกดำเนินคดี และขอต่อสู้คดี ในชั้นศาล โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด รองสว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 หนึ่งในผู้ที่อยู่ในชุดจับกุม และถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันก่อเหตุได้ขอเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

โดยที่พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวเอาไว้สอบสวนพร้อมกับทั้ง 3 นายก่อนหน้านี้ ในช่วงเช้าวันนี้ได้ไปขอศาลออกหมายจับ ร.ต.ท.ประวิตเพิ่มเติม และทั้งหมดจะถูกควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตฯ ฝากขังผัดแรกในช่วงบ่ายวันนี้ พร้อมกับคัดค้าน การประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ ที่รู้ช่องทางของกฎหมาย กลบเกลื่อนร่องรอยพยานหลักฐานได้เป็นอย่างดี แต่ยังสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนได้ถึงวันที่ 23 มี.ค. ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 ราย คือ พ.ต.ต.จิรภัทร บุญนำ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ขณะนี้ได้ประสานผู้บังคับบัญชาของตำรวจนายดังกล่าวช่วยประสานให้เข้ามอบตัว แต่ยังไม่มีการติดต่อประสานเข้ามา








Advertisement

พล.ต.ต.อัฎธพรกล่าวว่า ฝ่ายผู้เสียหาย ชาวจีน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. สั่งการให้ชุดสืบสวนของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประสานขอข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ และจะประสานให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความและให้ปากคำของตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับ การกรรโชกทรัพย์ หากพยานหลักฐานไปถึงจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในทุกข้อหา ส่วนความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่ยังไม่มีการแจ้ง ข้อกล่าวหานั้น เนื่องจากผู้เสียหายที่มา แจ้งความเป็นล่ามแปลภาษาที่ไม่ได้ถูกกรรโชก ทรัพย์ไป ส่วนผู้เสียหายชาวจีนที่พบว่าอาจ มีการสวมบัตรประชาชนคนไทย เป็นความผิดอีกส่วนหนึ่ง ที่หากพบมีความผิดก็จะดำเนินคดี ตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตามเมื่อคืนที่ผ่านมามีตำรวจนายที่ 5 ซึ่งยังไม่ถูกออกหมายจับคือ ร.ต.ท.ประวิตเข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้การภาคเสธ ซึ่งได้แจ้งข้อหา ร่วมกันกักขังและหน่วงเหนี่ยว/ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ/และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ตามพฤติการณ์ เช่นเดียวกับตำรวจ 3 นายก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ ยังรอเอกสารบางอย่างจากชุดสืบสวน เพื่อใช้ในการสอบสวนในบางประเด็น ซึ่งหากสอบสวน แล้วเสร็จก็จะนำตัวไปขอหมายขังต่อศาล เช่นกัน ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 ราย คือพ.ต.ต.จิรภัทร ประสานผู้บังคับบัญชาของตำรวจนายดังกล่าว ช่วยประสานให้เข้ามอบตัว แต่ยังไม่มีการติดต่อประสานเข้ามา

ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนี้ด้วยตนเอง พร้อมเปิดเผยว่า ได้เชิญตัว นายโอภาส ศรียา ชาว อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ มาสอบปากคำที่สน.ดินแดง โดยอยู่ระหว่างนำตัวชายคนนี้ จากจังหวัดชัยภูมิ จากแนวทางการสืบสวนชายคนนี้เป็นนายหน้าช่วยดำเนินการทำหนังสือ เดินทางให้ผู้เสียหายชาวจีนที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ และเป็นบุคคลที่กลับมาบอกกับผู้เสียหายว่าไม่สามารถทำหนังสือเดินทางได้ เพราะขาดเอกสารบางส่วน จึงพาผู้เสียหายและล่ามสาวชาวไทยกลับไปเอาเอกสารที่บ้าน จนเป็นเหตุให้ถูกอุ้มรีดทรัพย์ในที่สุด ต้องมีการซักถามประเด็นว่ามีส่วนรู้เห็นกับคดีอุ้มรีดทรัพย์ครั้งนี้หรือไม่ และมีส่วนเกี่ยวข้อง กับการพาคนจีนไปสวมบัตรประชาชนโดยผิดกฎหมายจริงหรือไม่

แต่เบื้องต้นจากการสอบประวัติพบว่า มีประวัติก่อคดีโชกโชน เคยก่อเหตุอุ้มรีดทรัพย์นายสุรชัย แซ่ย่าง นักธุรกิจสายการบิน ได้เงินไป 2 ล้านบาทในพื้นที่ สน.โคกคราม เมื่อเดือนก.ค. 2560 และถูกออกหมายจับ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2565 ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นฯ, และเป็นผู้สนับสนุนพนักงานเจ้าหน้าที่ ปลอมบัตรประจำตัวประชาชน

ส่วนตำรวจ 4 นายที่ควบคุมตัวไว้แล้วก่อนหน้านี้คาดว่าวันนี้จะส่งฝากขังไม่ทันจึงเลื่อนเป็นฝากขังวันพรุ่งนี้ ภายในกรอบระยะเวลาควบคุมตัว เนื่องจากต้องสอบสวนให้แล้วเสร็จในทุกประเด็น ส่วนพ.ต.ต.จิรภัทรที่ยังหลบหนี ได้สั่งการให้ระดมกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักทุกแห่งในพื้นที่จันทบุรี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี พร้อมเน้นย้ำให้พันตำรวจตรีจิรภัทรเข้ามอบตัว มิฉะนั้นตำรวจจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด

วันเดียวกันที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติ มิชอบกลาง พนักงานสอบสวน สน.ดินเเดง นำตัว ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด รองสว.กก.สส. บก.ตม.1 สตม.ก ส่งฝากขัง โดยผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหามีโทษสถานหนัก พฤติการณ์ แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อความรู้สึกและศีลธรรมอันดีของประชาชน ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ อาศัยตำแหน่ง หน้าที่การงานของตนสร้างโอกาสในการ กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ทำลาย ความน่าเชื่อถือศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม ของประเทศ หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เชื่อว่าผู้ต้องหาอาจไปยุ่งเหยิงกับพยาน หลักฐาน หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ในระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ต้องหาร่วมขบวนการอีก 3 คนที่เหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังเอาไปขยายผลในวันที่ 23 มี.ค. จึงจะนำตัวมาฝากขังต่อไป

วันเดียวกัน ที่ห้องสอบสวน สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รอง ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ ร่วมกันสอบปากคำน.ส.เซิน เหยียน อายุ 33 ปี สัญชาติจีน และนายเหยียน ซิน อายุ 45 ปี พี่ชาย เหยื่อแก๊งชาวจีนอุ้มเรียกค่าไถ่ 1 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทย 4.7 ล้านบาท รวมถึงนายหม่า หมิงชุน อายุ 33 ปี สามีของน.ส.เซิน หลังเหยื่อทั้งคู่ได้รับการปล่อยตัว และเดินเท้ากลับบ้านพักในพื้นที่ ม.7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ด้วยตนเองอย่างปลอดภัย เมื่อช่วงเวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา ในสภาพอิดโรย หิวโซ เนื้อตัวมอมแมม

การสอบปากคำมีล่ามชาวจีนคอยบริการในการแปลภาษาให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งตัวประกันทั้ง 2 คน พบว่า เริ่มมีอาการ ผ่อนคลายมากขึ้น และให้ความร่วมมือกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี โดยทีมสืบสวน นำภาพผู้ต้องสงสัยมาให้ตัวประกันชี้ตัวเพิ่มเติม อีกทั้งพยายามสอบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริง ในกรณีถูกอุ้มตัวไปเรียกค่าไถ่ ส่วนในเรื่องของการปล่อยตัวออกมา ทราบเพียงว่าปล่อยตัว ออกมาเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่รู้ว่า ถูกปล่อยตัวบริเวณใด เนื่องจาก ไม่ชำนาญพื้นที่ แต่พยายามเดินเท้ากลับมา ยังบ้านตัวเองดังกล่าว

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ออกหมายจับ 2 ใน 4 คนร้าย โดยรายแรกสามารถควบคุมตัวได้แล้ว คือ นายอู๋ ไห่หยาง อายุ 33 ปี ชาวเมืองหนานหนิง ประเทศจีน โดยจับได้ที่ท่าอากาศยานสนามบิน สุวรรณภูมิ ขณะขับรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีเทาดำ ทะเบียน 2ขศ 6709 กรุงเทพมหานคร ไปจอดที่สนามบิน แล้วเตรียมบินหนีเผ่นกลับประเทศบ้านเกิด ส่วนคนที่ 2 คือ นายเฉิน หวัง อายุ 29 ปี รายนี้หลบหนีกลับประเทศจีน ไปแล้ว โดยเดินทางด้วยเที่ยว เฮทโอ 1360 ปลายทางสนามบินเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 21 มี.ค. เวลา 12.55 น. ตำรวจไทยได้ประสานทางตำรวจสากลออกหมายจับสากล เพื่อติดตามจับกุมตัวพร้อมทั้งส่งตัวมาดำเนินคดี ในประเทศไทย

พล.ต.ต.สุรจิตเผยว่า หลังจากเกิดเหตุตำรวจ สภ.หนองปรือ ร่วมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกก.สส.บก.ภ.จว.ชลบุรี และบก.สส.บช.ภาค 2 ระดมกำลังปฏิบัติหน้าที่ในทุกด้าน ขณะนี้ ตัวประกันชาวจีนทั้ง 2 ราย กลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบปากคำ เนื่องจากตัวประกันไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ พนักงานสอบสวนและตัวประกัน จะต้องซักถามผ่านล่ามแปลภาษา เพื่อหาถึงประเด็นสาเหตุ ชนวนเหตุ ต้นเหตุของปัญหาและรายละเอียดอื่นๆ ซึ่งค่อนข้างจะต้องใช้เวลาพอสมควร

ด้าน พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ในคดีทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจหลายฝ่ายร่วมกันปฏิบัติทุกยุทธวิธี โดยมุ่งให้การช่วยเหลือเหยื่อเป็นหลักสำคัญ ในขณะเดียวกันสืบสวนสอบสวนจนทราบตัวผู้ก่อเหตุในคดีนี้ มีประมาณ 4 ราย ออกหมายจับไปแล้ว 2 ราย และสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 ราย สำหรับเหยื่อชาวจีน 2 รายนี้ เดินทางกลับมาที่บ้านพักด้วยตนเอง ในขณะที่เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายระดมกำลังออกค้นหาเหยื่อตามพิกัด กลางภูเขายายร้า ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จุดที่คาดว่าเหยื่อถูกนำตัวไปทิ้งอยู่นั้น จนพบหลักฐานต่างๆ อาทิ เชือกไนลอน ถุงขนมช็อกโกแลต และสภาพแวดล้อมตามคลิปที่ได้รับจากตัวประกันที่บ่งชี้และยืนยันว่าเป็นจุดที่คนร้ายได้นำตัวประกันมาทิ้งไว้นั้น

แต่กลับไม่พบตัวประกัน กระทั่งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัย อยู่ในบ้านพักของผู้เสียหาย ว่าพบเหยื่อชาวจีนทั้ง 2 ราย เดินเท้าเข้ามาภายในหมู่บ้านด้วยตนเอง จึงยุติการค้นหาในที่สุด ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่า เหยื่อทั้ง 2 ราย กลับมาด้วยพาหนะอะไร และอย่างไร เนื่องจากทั้ง 2 จุด มีระยะทางห่างกันกว่า 40 ก.ม.

คาสนามบิน – ตำรวจสืบสวน บช.ภาค 2 เข้าคุมตัวนายอู๋ ไห หยาง ชาวจีนวัย 33 ปี ผู้ต้องหาร่วมกับพวกอุ้มเพื่อนร่วมชาติไปเรียกค่าไถ่ที่จ.ชลบุรี ขณะเตรียมหนีออกไป ต่างประเทศ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.

ล่าสุดเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.สุรจิต นำตัวนายอู๋ ไห่หยาง ผู้ต้องหาที่โดนจับคาสนามบินมาสอบปากคำ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มอีก 2 ราย ที่เชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย

รายงานข่าวแจ้งว่า วันเดียวกันมีพลเมืองดีนำภาพจากกล้องหน้ารถมอบให้กับตำรวจ โดยภาพขณะเกิดเหตุอุ้มตัวคนจีน โดยสามารถ จับภาพขณะเกิดเหตุได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่คนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้ารถ ผู้เสียหาย จากนั้นเปิดประตูรถเหยื่อฉุดกระชาก เหยื่อทั้ง 2 คน ลงจากรถ บังคับไปนั่งเบาะหลัง คนขับ ก่อนจะขึ้นขับรถ แล้วกลับรถออกจากจุดเกิดเหตุไป โดยมีคนร้ายอีก 1 คน วิ่งมาขึ้นรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีเทาดำ ทะเบียน 2 ขศ 6709 กรุงเทพมหานคร ขับตามรถเหยื่อ ตัวประกันไปติดๆ โดยคลิปจากกล้องหน้ารถดังกล่าว ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ในการเอาผิด กับแก๊งอุ้มชาวจีนรายนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน