เด็กเรียงความส่งครูจึงรู้เรื่องบอกแม่แจ้งตร.

ตำรวจบุกรวบคาวัดใน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เจ้าอาวาส-พระเกจิ ชื่อดัง ก่อเหตุอนาจารเด็กหญิงนักเรียนชั้นป.6 ทั้งกอดจูบ ลูบคลำ แล้วจ่ายค่าขนมด้วยเงินปิดปาก 100-200 ไปโรงเรียน ตะลึง เหยื่อสุดทนเคยเขียนเรียงความเล่าพฤติกรรมพระส่งครูขอความช่วยเหลือด้วย อีกรายไลน์เจ้าคณะผู้ปกครองลงพื้นที่ตรวจสอบเจ้าอาวาสทักไลน์จีบสีกาแถมขอยืมเงิน เหยื่อร้องศูนย์ดำรงธรรม สุดท้ายเจ้าคณะอำเภอ-เจ้าคณะตำบลเสนอปลดออกจากตำแหน่งแล้ว

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง เข้าควบคุมตัวพระสงฆ์ ซึ่งเป็น เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาญาที่ 156/2566 ข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ผู้ปกครองของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ทราบว่า เมื่อต้นเดือนพ.ค.2565-วันที่ 2 มี.ค. เด็กหญิงคนดังกล่าวถูกเจ้าอาวาสผู้ต้องหารายนี้กระทำอนาจารหลายครั้ง ทั้งกอด หอม จูบ เป็นต้น หลังก่อเหตุแล้วผู้ต้องหาจะให้ค่าขนมไปโรงเรียนจำนวนเงิน 100-200 บาท ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในวัด

ต่อมาผู้ปกครองได้พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.หางดง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จนนำไปสู่การออกหมายจับเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ด.ญ.เอ ผู้เสียหายได้เคยเขียนเรียงความเล่าพฤติกรรมของพระที่กระทำกับตัวเด็กเองส่งครูเพื่อร้องขอความช่วยเหลือมาแล้วด้วย

กระทั่งเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 23 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวเจ้าอาวาสวัดรูปนี้ ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.หางดง ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อีกกรณีอื้อฉาวในวงการผ้าเหลืองเจ้าคณะอำเภอ ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงปมเจ้าอาวาสวัดดังชุมพร ทักไลน์จีบและขอยืมเงินนักธุรกิจสาว ซึ่งนางฝน (ขอสงวนชื่อนามสกุล) อายุ 36 ปี นักธุรกิจสาว ประกอบกิจการด้านงานโยธา สำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชุมพร ออกมาเปิดเผยเรื่องราวกรณีอาจารย์คง เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ชุมพร ที่ทักแช็ตไลน์มาพูดคุยด้วยในเชิงชู้สาว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จนเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 24 มี.ค. เจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ ประกอบด้วย พระครูศรีธรรมวิเทศ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำชุมพร ในฐานะเจ้าคณะอำเภอเมืองชุมพร พร้อมด้วย พระครูปลัด ศิริโชค สิริธัมโม เจ้าอาวาสวัดปากคลอง รองเจ้าคณะอำเภอเมืองชุมพร และพระมหาสมศักดิ์ กิจฺจสาโร เจ้าอาวาสวัดพิชัยยาราม เจ้าคณะตำบลตากแดด ได้เดินทางมายังวัดแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่เจ้าอาวาสรูปดังกล่าวถูก ร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่เจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์จะเข้าพบเจ้าอาวาสวัด ได้เชิญ นางเยาวดี แดงสนิท ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร และชาวบ้าน เข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือกันเบื้องต้น พร้อมนำเอกสารหลักฐานการสนทนาระหว่างเจ้าอาวาสวัดกับหญิงสาว และ คลิปข่าว พรินต์ข้อความ และเปิดคลิปมาแสดงและแจกแจงในที่ประชุมได้ทราบ โดยทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นพฤติกรรมที่ ไม่เหมาะอย่างยิ่ง แต่ยังไม่ถึงขนาดสื่อไปทางลวนลามทางเพศ หรืออนาจาร และบ่งบอกไปสู่เรื่องเพศสัมพันธ์

ก่อนจะเข้าพบเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว ซึ่งกำลังนอนพักอยู่บนเตียง ซึ่งทางเจ้า คณะปกครองฝ่ายสงฆ์ ได้บอกกล่าวถึงวัตถุประสงค์พร้อมนำเอกสารและคลิปมาแสดงให้เห็น หลังจากที่ทางเจ้าอาวาสได้เห็นเอกสารและหลักฐานต่างๆ ก็ยอมรับสารภาพโดยสิ้นเชิง พร้อมยินดีรับผิดในการกระทำ ดังกล่าว และได้อ้างเพียงว่า ตนเองว้าเหว่ เหงา จึงได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง

เบื้องต้นเจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ ได้ว่ากล่าวและมีข้อสรุปต่อหน้าเจ้าอาวาสและผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน คือจะได้ดำเนินการเสนอเรื่องเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เนื่องจากมีพฤติกรรมล่อแหลมสุ่มเสี่ยงผิดพระธรรมวินัยและผิดจริยาพระสังฆาธิการ โดยจะทำหนังสือตามขั้นตอนเสนอให้กับคณะสงฆ์ชุดใหญ่พิจารณาอีกครั้งเพื่อถอดถอนจากเจ้าอาวาส ให้เป็นพระลูกวัด และจะคัดหาพระสงฆ์ที่เพียบพร้อมมาเป็นเจ้าอาวาสแทนต่อไป

จับคากุฏิ – ตำรวจภาค 5 นำหมายศาลเข้าจับกุมพระอธิการพรหมวัตร พหุธนานนท์ เจ้าอาวาส วัดต้นแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ กระทำอนาจารด.ญ.ชั้นป.6 กระทั่งเด็กทนไม่ไหวเขียนเรียงความส่งครูจนทราบความจริง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.

ด้านนางเยาวดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ในฐานะกรรมการวัด กล่าวว่า ส่วนตัวตอนแรกไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินมา กระทั่งมีโอกาสมาพูดคุยและสอบถามข้อเท็จจริงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่าเจ้าอาวาสเองก็ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ตนรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับสิ่งที่เจ้าอาวาสกระทำ เพราะที่ผ่านมาตนในฐานะคณะกรรมการวัดคนหนึ่งก็พร้อมสนับสนุนและคอยช่วยเหลือกับทางเจ้าอาวาสมาโดยตลอด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนในฐานะคนในพื้นที่ ท่านเองป่วยอาพาธมานานกว่า 10 ปี ไม่เคยมีพฤติกรรมในลักษณะเชิงชู้สาว หรือมีพฤติกรรมที่ผิดกฎระเบียบของทางสงฆ์ และไม่เคยมีเรื่องร้องเรียน หลังจากที่ได้มีการพูดคุยตนในฐานะผู้นำชุมชน พร้อมที่จะต้องยึดตามกฎของสงฆ์ไม่ว่าผลการพิจารณาตามระเบียบคณะสงฆ์จะออกมาอย่างไร

นางเยาวดีกล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ ดังกล่าว ตนแม้ว่าจะผิดหวัง แต่ก็เข้าใจได้ในมุมหนึ่ง หลังจากที่ยอมรับผิด ก็คือเหตุการณ์นี้ท่านไม่เคยมีโอกาสได้เจอกับหญิงรายดังกล่าวและไม่เคยมีการนัดเจอกัน ส่วนประเด็นเงินนั้น ยอมรับว่าต้องการนำมารักษาตัว ในเชิงการรักษาทางแพทย์แผนโบราณ เพราะบางครั้งท่านอยากจะมีการฝึกเดินหรือบำบัด นอกเหนือจากการรักษาทางวิทยาศาสตร์ที่ โรงพยาบาล เลยทำให้เงินในส่วนนี้จะต้องเป็นคนที่ต้องจ่าย ซึ่งตนก็เข้าใจอีกมุมหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่วัดแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร ตามที่ผู้เสียหาย ร้องเรียนไว้ พบกับพระครูรูปหนึ่ง ซึ่งเป็น เจ้าอาวาสวัด และเป็นคู่กรณีที่ทักไลน์ไปพูดคุยกับผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในสภาพเป็นผู้ป่วยติดเตียง แขนด้านซ้ายลีบ เท้าทั้งสองข้างบวม จากภาวะเส้นเลือดในสมองแตก แต่ยังสามารถพูดคุยได้อย่างคนปกติทั่วไป

เจ้าอาวาสกล่าวว่า ได้รู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อ “ฝน” มานานแล้ว ก่อนหน้านี้ฝนได้ไปบวชถือศีลที่สำนักสงฆ์ และพ่อแม่ก็สนิทกับ พระอาจารย์ ทั้งนี้ พระอาจารย์ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงกรณีที่มีการทักไลน์ไปหานางฝน แต่เป็นการพูดทีเล่นทีจริง ซึ่งยอมรับว่าระหว่างที่ทักไปคุยนั้นมีความเครียด และบางช่วงขาดสติ เพราะตนป่วยเป็นอัมพาตอยู่คนเดียวมาเป็นระยะเวลา 7 ปี บางวันก็ไม่มีข้าวกิน แม้กระทั่งพี่น้องลูกหลานที่อยู่โดยรอบวัดยังไม่เคยมาดูแล

เมื่อถามต่อว่า เรื่องที่พระอาจารย์โทร.และทักแช็ตไปยืมเงินกับผู้หญิงชื่อฝนเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เจ้าอาวาส ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เนื่องจากมีผู้หญิงหรือสีกาที่ทางพระก็คือเมียได้ส่งพัสดุซึ่งเป็นเงินดอลลาร์มาให้จากต่างประเทศโดยส่งมาเป็นพัสดุ และต้องนำเงิน 20,000 บาทเพื่อไปรับพัสดุ ตนไม่มีเงินจึงโทร.ไปยืมเงินกับผู้หญิงชื่อฝน

เจ้าอาวาสกล่าวอีกว่า และบอกกับฝนว่าหากพี่หลวงได้รับเงินพี่หลวงจะพาฝนไปให้ไกลจากชุมพรแล้วเราจะได้ไปอยู่สองคนให้มีความสุขที่สุดในบั้นปลายชีวิต ซึ่งเป็นการพูดเพื่อให้ฝนเห็นใจและยอมที่จะช่วยเหลือตน ซึ่งตนอยู่ในสภาพแบบนี้คงไม่สามารถจะทำอะไรได้อย่างที่ได้พิมพ์ไป นอกจากนี้ยังยอมรับด้วยว่า การที่ตัวเองได้กระทำพฤติกรรมดังกล่าว ก็เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากสังคมให้มาดูแลตนที่ต้องตกทุกข์ได้ยาก เป็นผู้ป่วยติดเตียงกว่า 7 ปี ไม่มีเงินทองใช้จ่าย ไม่มีใครมาดูแล โดยเห็นว่ามีข่าวพระพาสีกามาอยู่ในกุฏิแล้วถูกหมอปลามาจับจนเป็นข่าวดัง ตนก็อยากจะสร้างกระแสให้เป็นข่าวเพื่อให้สังคมให้ความสนใจและเข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

ด้านนางฝน ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนได้รู้จักกับพระรูปดังกล่าวมานานแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้พระรูปนี้ได้มาจำวัดอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใกล้กับบ้านแม่ของตน ระหว่างที่พระจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์ ตอนนั้นได้มีการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ตนก็ได้เข้าไปช่วยทางวัด ช่วยกันดูแลลูกเณร ช่วยเรื่องการทำอาหารเพราะมีลูกเณรที่ไปบวชเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร แค่คิดว่าได้ไปทำบุญ

นางฝนกล่าวต่อว่า และตอนที่บวชอยู่ที่สำนักสงฆ์ ตนกับพระรูปดังกล่าวก็รู้จักสนิทกัน เหมือนกับเราเป็นลูกศิษย์ ได้มีการพาไปทำธุระตามที่ท่านขอให้ช่วยเหลือ เพราะรถที่พาไปเป็นรถกระบะ ก็คิดว่าไม่ได้เสียหายอะไร หลังจากนั้นพระรูปดังกล่าวได้ไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งหนึ่ง เมื่อย้ายไปอยู่ในเมืองตนก็ไม่ได้ไปหาหรือพบกับพระรูปดังกล่าว มีเพียง 1 ครั้งไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลพร้อมกับพ่อของตน เพราะทราบว่าท่านอาพาธเส้นเลือดในสมองแตก จากนั้นพระก็พยายามโทร.มาและพูดคุยในเชิงชู้สาวตนก็ไม่รับสายและตั้งบล็อกสายไว้ จึงไม่สามารถติดต่อได้

“จนกระทั่งเราเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ จึงทำให้พระรูปดังกล่าวสามารถติดต่อได้อีกครั้ง ซึ่งเมื่อโทร.มาเราก็รับสายปกติ เนื่องจากไม่ทราบว่าเป็นเบอร์ของใคร หลังจากรับและทราบว่าเป็นพระรูปดังกล่าว โดยพระพยายามขอยืมเงิน 20,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปจ่ายค่าพัสดุ ซึ่งฝนตอบกลับไปว่า เงินจำนวนเยอะจะโดนมิจฉาชีพหลอกหรือเปล่า เพราะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมีหลายรูปแบบ ฝนจึงบอกไปว่าหากพัสดุมาแล้วให้บอกเดี๋ยวจะไปจ่ายเงินเอง” นางฝนกล่าว

นางฝนกล่าวอีกว่า โดยพระรูปดังกล่าวยังพยายามขอยืมเงินจากตน โดยพูดว่า “พี่หลวงพูดกับน้องตรงๆ ก็ได้ว่าจริงๆ แล้วคนที่เขาจะส่งพัสดุมาให้ซึ่งเป็นเงินดอลลาร์เขาเป็นสีกาของพี่หลวงเอง” ตนก็ถามกลับไปว่า “สีกาคือเมียเหรอ” พระรูปดังกล่าวก็ตอบว่า “ใช่เป็นเมียของพี่หลวงเอง”

นางฝนกล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นพระก็ยังบอกอีกว่าถ้าได้เงินไปให้ค่าพัสดุ 20,000 บาท แล้วเมื่อได้เงินดอลลาร์จะเอาไปขึ้นธนาคารก่อน และถ้าตนอยากได้เท่าไหร่ก็ยินดีที่จะให้ หลังจากนั้นพระพยายามส่งข้อความมาพูดถึงในช่วงที่ตนจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์และได้เจอกับตน ได้ไปไหนมาไหนกับตนว่ามี ความสุข และส่งข้อความมาบอกว่า “พี่หลวงรักน้องมาตั้งนานแล้ว”

นางฝนกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นก็พยายามทักและโทร.มาพูดคุยในทางชู้สาวกับตนอยู่เสมอ ล่าสุดก็ยังส่งมาอีกว่า “เมื่อคืนได้นอนฝันถึงว่ามีความสุขมากเลย อยากจะกอดให้ตายคาอก อยากจะจูบให้ตายคาปาก เออคิดแล้วว่ามันมีความสุขมาก” ตนก็แค่เปิดอ่านและไม่ได้มีการตอบกลับ ซึ่งเท่าที่ตนได้สอบถามลูกศิษย์ที่เคยใกล้ชิด ก็เล่าให้ฟังว่า พระรูปดังกล่าวมีพฤติกรรมเช่นนี้จริงๆ เคยมีหลานซึ่งเป็นหลานที่ห่างออกไปไม่ใช่หลานแท้ๆ ก็ถูกพระรูปนี้พูดว่า “มานอนกับพี่หลวงก่อนสักคืนสิอย่าเพิ่งกลับ”

นางฝนกล่าวด้วยว่า ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้มันไม่เหมาะสมที่จะครองผ้าเหลือง ตนจึงรวบรวมข้อมูลที่พระรูปดังกล่าวทักแช็ตมาคุยกับตน นำไปแจ้งความและร้องศูนย์ดำรงธรรม ทางศูนย์ก็เชิญสำนักพุทธฯ เข้าไปรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ก็จะต้องคุยกับเจ้าคณะจังหวัดต่อไป จากเหตุการณ์ครั้งนี้ที่ตนออกมาเปิดเผย เพราะคิดว่าพระรูปนี้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หากมีพฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรครองผ้าเหลือง ควรออกมาเป็นประชาชนคนทั่วไป จะได้ไม่สร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน