ซุกปืน‘หว่างขา’ลวงการ์ด หนีกันโกลาหล-บาดเจ็บ6 ยอดอุบัติเหตุแซงปี 65 ทั่วปท.6วันตาย 236ศพ ‘เมาขับ’พุ่งเฉียด7พันคดี

ตร.เร่งล่าตัว 2 แก๊งโจ๋ยกพวกป่วน รัวยิงสนั่นสงกรานต์อาร์ซีเอ ท่ามกลางนักท่องเที่ยวเนืองแน่นจนบาดเจ็บ 6 ราย แตกตื่นหนีตายโกลาหล รวบตัวได้ทันควัน 2 ราย ซุกปืนในกกน. แต่ปฏิเสธ อ้างเพื่อนคนยิงหนีไปแล้ว เร่งไล่วงจรปิดตามล่าตัวทั้งในกทม.และตจว ชี้เป็นแก๊งฝั่งธนฯ ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีให้เด็ดขาด ศปถ.แจง 6 วันตายเซ่นสงกรานต์ 236 ราย เจ็บ 2 พันกว่าคน ย้ำทุกจังหวัดคุมเข้ม เมาไม่ขับ-ซิ่ง-ง่วงหลับในขากลับเข้ากรุง คุมประพฤติจับเมาขับลิ่วทะลุ 6.7 พันคดี หรือ 96% ของเหตุทั้งหมด กทม.ตายมากสุด

6 วันสงกรานต์ดับ 236
เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ เฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำ วันที่ 16 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่หกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 263 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 36 ราย ผู้บาดเจ็บ 268 คน

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 39.16 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 23.95 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.39 ส่วนใหญ่เกิดบนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 42.21 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 29.66 บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางตรง ร้อยละ 81.37 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01-01.00 น. ร้อยละ 9.87 ผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 22.37

จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี 13 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ชุมพร 15 คน ขณะที่กรุงเทพมหานคร มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 5 ราย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,857 จุด เจ้าหน้าที่ ปฏิบัติงาน 54,238 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 322,570 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 48,067 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 14,177 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 13,127 ราย

สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน วันที่ 11-16 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุรวม 2,008 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 236 ราย ผู้บาดเจ็บ 2,005 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ น่าน 62 ครั้ง ขณะที่กรุงเทพมหานคร มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด 20 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ น่าน 63 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตลดเหลือ 2 จังหวัด

ยอดอุบัติเหตุ-เจ็บเพิ่ม
นายโชตินรินทร์กล่าวต่อว่า วันเดียวกันประชาชนบางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับ ศปถ.ได้กำชับจังหวัดดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางอย่างต่อเนื่อง โดยบริหารจัดการจราจรในเส้นทางสายหลัก เส้นทางเชื่อมต่อถนนสายหลักที่ มุ่งสู่กรุงเทพฯ และถนนที่มีระยะทางยาว พร้อมคุมเข้มการขับรถเร็วและป้องกันอุบัติเหตุจากการหลับใน รวมถึงขับเคลื่อนมาตรการลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่เสี่ยง และอำเภอที่มีผู้เสียชีวิตอย่างเข้มข้น มุ่งลดพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะดื่มแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และไม่สวมหมวกนิรภัยควบคู่กับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนในกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีปภ. เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงวันที่ 11-16 เม.ย.พบว่า จำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และจำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตลดลง ศปถ.จึงได้ประสานจังหวัดวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและสภาพปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความปลอดภัยทางถนน เพื่อชี้เป้าแนวทางแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

จับเมาขับ 6.7 พันคดี
ด้านนายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึงสถิติคดีที่ศาล สั่งคุมความประพฤติ วันที่ 16 เม.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 843 คดี จำแนกเป็นคดีขับรถขณะ เมาสุรา 836 คดี และคดีขับเสพ 7 คดี สำหรับยอดรวมสะสม 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-16 เม.ย.2566 มีจำนวน 6,959 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 6,705 คดี หรือร้อยละ 96.35 คดีขับรถประมาท 23 คดี หรือร้อยละ 0.33 คดีขับซิ่ง 1 คดี หรือร้อยละ 0.01 และคดีขับเสพ 230 คดี หรือร้อยละ 3.31 หากเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่คุมประพฤติ ในวันที่ 6 ของ 7 วันอันตราย ปีพ.ศ.2565 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 1,145 คดี ปีพ.ศ.2566 มีจำนวน 836 คดี ลดลง 309 คดี หรือร้อยละ 23.98 ทั้งนี้ กรุงเทพ มหานคร มีสถิติคดีเมาแล้วขับสะสมสูงสุด 435 คดี รองลงมา นนทบุรี 333 คดี และร้อยเอ็ด 331 คดี

ในส่วนของการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ พร้อมด้วยอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ จำนวน 370 คน ร่วมปฏิบัติงานประจำจุด จำนวน 32 จุด พร้อมกันนี้ยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในการเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

นั่งขนส่งทางราง 5.4 ล.-ต่ำเป้า
ขณะที่นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 11-16 เม.ย. มีประชาชนใช้บริการระบบรางรวม 5,408,895 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 148,843 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการ 2.68% โดยที่ประมาณการ 6 วัน 5,557,738 คน-เที่ยว แบ่งเป็นรถไฟ 503,167 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้า 5,054,571 คน-เที่ยว ประกอบด้วย รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีผู้ใช้บริการรวม 412,655 คน-เที่ยว แบ่งเป็นผู้โดยสาร เชิงพาณิชย์ 184,302 คน-เที่ยว และผู้โดยสารเชิงสังคม 228,353 คน-เที่ยว โดยมีผู้โดยสารขาออกสะสม 211,164 คน-เที่ยว และขาเข้า 201,491 คน-เที่ยว ซึ่งพบว่า สายใต้มี ผู้ใช้บริการมากสุดถึง 132,620 คน-เที่ยว (ขาออก 67,639 คน-เที่ยว และขาเข้า 64,981 คน-เที่ยว)

นายพิเชฐกล่าวต่อว่า รองลงมาคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ 115,280 คน-เที่ยว (ขาออก 58,904 คน-เที่ยว และขาเข้า 56,376 คน-เที่ยว) สายเหนือ 80,686 คน-เที่ยว (ขาออก 42,238 คน-เที่ยว ขาเข้า 38,448 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 51,323 คน-เที่ยว (ขาออก 25,562 คน-เที่ยว ขาเข้า 25,761 คน-เที่ยว) และสายมหาชัย/แม่กลอง 32,746 คน-เที่ยว (ขาออก 16,821 คน-เที่ยว ขาเข้า 15,925 คน-เที่ยว) และระบบรถไฟฟ้าใน เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (รวมรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) สะสม 6 วัน มีผู้ใช้บริการแล้ว 4,996,240 คน-เที่ยว ประกอบด้วย แอร์พอร์ตเรียลลิงก์ 277,660 คน-เที่ยว สาย สีแดง 85,713 คน-เที่ยว สายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) 140,805 คน-เที่ยว สายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) 1,336,400 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าบีทีเอส (สีเขียวและสีทอง) 3,155,662 คน-เที่ยว

มือบอนปารถไฟที่บางปะอิน
นายพิเชฐกล่าวว่า วันที่ 16 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่หกของวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2566 มีประชาชนมาใช้บริการระบบราง รวมจำนวน 670,682 คน-เที่ยว ลดลงจากวันที่ 15 เม.ย. จำนวน 178,141 คน-เที่ยว หรือลดลง 20.99% และต่ำกว่าประมาณการ 44,521 คน-เที่ยว จากที่ประมาณการวันที่ 16 เม.ย. จำนวน 715,203 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการ 6.22% แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของรฟท. จำนวน 66,964 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลและรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) จำนวน 603,718 คน-เที่ยว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.รถไฟระหว่างเมืองของ รฟท. ให้บริการรวม 218 ขบวน รวมขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร 2 ขบวนคือ ขบวน 6 เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ และขบวน 934 อุบลราชธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ มีผู้โดยสาร 1,044 คน มีผู้ใช้บริการจำนวน 66,964 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 28,040 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการ 29.51% (ประมาณการ 95,004 คน-เที่ยว) แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 32,568 คน-เที่ยว และเชิงสังคม 34,396 คน-เที่ยว โดยมีผู้โดยสารขาออกจำนวน 27,992 คน-เที่ยว และผู้โดยสารขาเข้า 38,972 คน-เที่ยว โดยพบว่า สายตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 20,779 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 9,501 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 10,229 คน-เที่ยว) รองลงมาคือสายใต้มีผู้ใช้บริการ 17,256 คน-เที่ยว (ผู้โดยสาร ขาออก 7,385 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 13,394 คน-เที่ยว) สายเหนือ 13,867 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 5,649 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 8,218 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 7,719 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 2,923 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 4,796 คน-เที่ยว) และสาย แม่กลองและมหาชัย 4,209 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 2,201 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 2,008 คน-เที่ยว)

2.ระบบรถไฟฟ้า ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารวม 2,104 เที่ยว มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 603,718 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 16,481 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 2.66 (ประมาณการ 620,199 คน-เที่ยว) ประกอบด้วย รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ให้บริการ 174 เที่ยว จำนวน 36,277 คน-เที่ยว รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 230 เที่ยว จำนวน 11,449 คน-เที่ยว (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลต่อสายสีแดงฟรี 2 คน) รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) 216 เที่ยว จำนวน 16,522 คน-เที่ยว รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) 250 เที่ยว จำนวน 157,906 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าบีทีเอส (สีเขียวและ สีทอง) ให้บริการรวม 1,234 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 381,564 คน- เที่ยว (สายสีเขียว 375,234 คน-เที่ยว และสายสีทอง 6,330 คน-เที่ยว)

สำหรับด้านความปลอดภัย นายพิเชฐ กล่าวว่า มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟ 1 ครั้ง โดยขบวนรถชานเมืองที่ 301 (กรุงเทพฯ-ลพบุรี) ขณะทำขบวนรถอยู่ระหว่างสถานีบางปะอิน-สถานีบ้านโพ หลักกิโลเมตรที่ 58-59 พื้นที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้ก่อเหตุอยู่ข้างทางรถไฟใช้ก้อนหิน ขว้างปาใส่ขบวนรถ ถูกรถโบกี้ชั้น 3 คันที่ 2 จากทางด้านรถจักรทำการ เป็นเหตุให้กระจกหน้าต่างบานที่ 8 แตกเสียหาย ผู้โดยสารที่ เดินทางมากับขบวนรถไม่ได้รับอันตราย นายสถานีรถไฟบางปะอินได้แจ้งความ ไว้กับ สภ. บางปะอิน

พ่วงโบกี้เพิ่มรับกลับกรุง
นายพิเชฐกล่าวว่า คาดว่าวันที่ 17 เม.ย. จะมีผู้ใช้บริการหนาแน่น กรมได้เตรียมพร้อมรองรับประชาชนเที่ยวกลับต่างจังหวัด ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 โดยด้านการอำนวยความสะดวก ได้ประสาน รฟท.พ่วงตู้เพิ่มไปกับเส้นทางที่มีผู้โดยสารหนาแน่น รวมทั้งจัดขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร จำนวน 3 ขบวน (ขบวน 934 อุบลราชธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 962 ศิลาอาสน์-กรุงเทพอภิวัฒน์ และขบวน 936 อุดรธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์) และรฟท. จัดเตรียมรถเข็นให้บริการที่บริเวณชานชาลาขาเข้าและชั้นล่างของสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อรองรับประชาชนที่มีสัมภาระจำนวนมาก/น้ำหนักมากด้วย พร้อมทั้งจัดรถชัตเติลบัสให้บริการฟรีระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์- สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) และประสาน ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้า พิจารณาเพิ่มความถี่ในช่วงเย็นของวันที่ 17 เม.ย. และ ช่วงเช้าของวันที่ 17-18 เม.ย. เพื่อรองรับการ เดินทางของประชาชน

ส่วนบรรยากาศการสืบสานประเพณีสงกรานต์ ที่วัดสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี (หรือวัดหลวงปู่อี๋) นายณรงค์ บุญบรรเจิดศรี นายกเทศมนตรีเมืองสัตหีบ พร้อมด้วย นายไชยเทพ บุญเลิศ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอสัตหีบ พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผกก.สภ. สัตหีบ ผู้นำชุมชน ได้นำประชาชนชาวสัตหีบ ร่วมกันอัญเชิญรูปหล่อพระครูวรเวทมุนี หรือหลวงพ่ออี๋ พระเกจิอาจารย์ดังภาคตะวันออก อดีตเจ้าอาวาสวัดสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในวิหารหลวงพ่อ ออกมาให้ประชาชนร่วมรดน้ำขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล และพระสงฆ์สามเณร เนื่องในวันสงกรานต์ ประจำปี 2566 โดยมีประชาชนในพื้นที่ สัตหีบและพื้นที่ใกล้เคียงร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก

วันไหล – ประชาชนและนักท่องเที่ยวเล่นสาดน้ำสงกรานต์วันไหลสัตหีบ จ.ชลบุรี บรรยากาศชุ่มฉ่ำสนุกสนาน ขณะที่เทศบาลอัญเชิญรูปหล่อหลวงพ่ออี๋ พระเกจิดังภาคตะวันออก แห่รอบเมืองให้สรงน้ำขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 17 เม.ย.

สัตหีบสรงน้ำหลวงปู่อี๋
นายณรงค์กล่าวว่า การสรงน้ำหลวงพ่ออี๋ พระเกจิอาจารย์ดังภาคตะวันออก อันเป็น พระเกจิคู่บ้านคู่เมืองที่เคารพสักการะ และการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ จะนำมาซึ่งความสามัคคี รักใคร่และปรองดองกัน

ส่วนที่วัดไพรสณฑ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง นายสกนธ์ กรกฎ นายอำเภอปลวกแดง จ.ระยอง เป็นประธานพิธีเปิดงานสืบสานประเพณีวันสงกรานต์ ประจำปี 2566 ซึ่ง จัดขึ้นโดยเทศบาลตำบลบ้านปลวกแดง และองค์การบริหารส่วนตำบลปลวกแดง

นายสกนธ์กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลสงกรานต์ เป็นการสืบสานประเพณี วันไหลปลวกแดง ที่มีการจัดสืบสานกันมา โดยมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย มีการเดินขบวนแห่หลวงพ่อโพธิ์ การแข่งขันก่อพระเจดีย์ทราย การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน โดยมีส่วนราชการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานสภาวัฒนธรรม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนมาร่วมงาน

ระยองแห่หลวงพ่อโพธิ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพิธีภายในวัด ได้อัญเชิญหลวงพ่อโพธิ์ พระพุทธรูปเก่าแก่ของ อ.ปลวกแดง ไปตามท้องถนนรอบตลาดปลวกแดง เพื่อให้ประชาชนที่ยืนรอจนเต็มทั้งสองฝั่งถนนได้สรงน้ำหลวงพ่อโพธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ยังมีประชาชนนำถังน้ำขึ้นหลังรถตามขบวนแห่จนยาวหลายกิโลเมตร สาดน้ำเล่นสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน จนทั้งเมืองชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ ทำให้การจราจรติดขัดทั้งเมือง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปลวกแดง คอยอำนวยความสะดวก โดยใช้เวลาแห่ หลวงพ่อโพธิ์กว่า 5 ชั่วโมง ขบวนได้แห่กลับเข้าวัดไพรสณห์ จุดเริ่มต้นขบวน

สงกรานต์ RCA – จนท.ตรวจจุดเกิดเหตุ 2 กลุ่มวัยรุ่นตีกันแล้วยิงปืนรัวลงพื้นกว่าสิบนัด กระสุนแฉลบ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 6 ราย กลางคอนเสิร์ตสงกรานต์อาร์ซีเอ แหล่งบันเทิงดังกลางกรุง ตามจับผู้ก่อเหตุมาได้เบื้องต้น 2 ราย เมื่อวันที่ 17 เม.ย.

ยิงสนั่นคอนเสิร์ตRCA-เจ็บ 6
ก่อนหน้านี้ เวลา 01.00 น. วันเดียวกัน ตำรวจ สน.มักกะสัน รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธปืนยิงมีผู้บาดเจ็บหลายราย บริเวณลานกลางสถานบันเทิงอาร์ซีเอ ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กทม. จึงประสานกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู รุดที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ทางเข้าสถานบันเทิงอาร์ซีเอ ฝั่งถนนพระราม 9 ซึ่งใช้เป็นพื้นที่จัดคอนเสิร์ตเทศกาลสงกรานต์ พบสิ่งของถังน้ำ ขวดสุรากระจายเกลื่อนพื้น และยังพบปลอกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดตกอยู่จำนวนกว่า 10 ปลอก

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถูกกระสุนปืนจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย 1.นายณัฐนนท์ อายุ 25 ปี กระสุนฝังอยู่ในขา 2.นายฐิติพล อายุ 28 ปี กระสุนฝังอยู่ในเท้า รักษาตัวอยู่ ร.พ.เพชรเวช 3.น.ส.จิราพร อายุ 26 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อมือซ้าย 1 แผล รักษาตัวอยู่ ร.พ.ปิยะเวท 4.นายโอบนิธิ อายุ 26 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณเท้า 3 แผล รักษาตัวอยู่ ร.พ.กรุงเทพ 5.นายธนัทเดช อายุ 37 ปีได้รับบาดเจ็บบริเวณขา 1 แผล และ6.นายธนสิทธิ์ อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บกระสุนเฉียดใต้คาง 1 แผล รักษาตัวอยู่ ร.พ.คามิลเลี่ยน

จากการสอบถามกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เห็นผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาหา วัยรุ่นชายที่มาเที่ยว ก่อนมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ชักอาวุธปืน ไม่ทราบขนาดยิงสาดลงพื้นกว่า 10 นัด ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย

รวบ 2 หนุ่มได้ทันควัน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ทันที จำนวน 2 คน พร้อมของกลาง อาวุธปืน 2 กระบอกคือ นายณัฐนนท์ หรือหวาน อายุ 42 ปี เจ้าของปืนบาเรสต้า ขนาด 2 นิ้ว และกระสุน .32 อีก 5 นัด อยู่ในซองบรรจุกระสุนปืนพร้อมใช้งาน เหน็บอยู่ที่กางเกงด้านหน้า และนายณัทพล หรืออาร์ม อายุ 19 ปี พกปืนซิกก์ พี365 และกระสุน 9 ม.ม. 5 นัดอยู่ในซองบรรจุกระสุนปืนพร้อมใช้งาน เหน็บอยู่ที่กางเกงด้านหน้าเช่นกัน แต่ทั้งสองให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิง และให้การพาดพิงว่า นายวุฒิ และนายไวท์ ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกัน นำปืนมาด้วยอีกคนละกระบอก แต่หลบหนีไปแล้ว จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งสน.มักะสัน

ต่อมา พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา เบื้องต้นทั้งสองคนมีความผิดในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และผิดพ.ร.บ.อาวุธปืน โดยให้การว่า รู้จักกันและนัดกันมาเที่ยวที่สถานบันเทิงดังกล่าว แต่เมื่อมาถึง ก็เจอกับคู่อริ และได้มีปากเสียงและชกต่อยกัน ก่อนจะเกิดเหตุ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนยิง โดยผู้บาดเจ็บที่ถูกกระสุนปืน มีจำนวน 6 คน ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นเพียง นักท่องเที่ยวแล้วถูกลูกหลงเท่านั้น ไม่ได้รู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุและกลุ่มคู่อริ

พ.ต.อ.ศักยะกล่าวต่อว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังไล่กล้องวงจรปิด ในช่วงก่อนและระหว่างเกิดเหตุ เพื่อดูว่าเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น แต่ละฝ่ายมีกันกี่คน โดยได้กล้องวงจรปิดหน้าร้านแล้ว เหลือกล้องภายในร้าน ทำให้ทราบว่า ทั้งสองกลุ่มรวมกันแล้วมีประมาณ 10 คน และตำรวจพยายามติดต่อกับเจ้าของร้าน แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ เพราะต้องเรียกมาสอบปากคำถึงมาตรการการตรวจอาวุธปืนของนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้บริการ

ส่วนเมื่อถามว่า ผู้ต้องหานำอาวุธเข้าไป ในร้านได้อย่างไรนั้น พ.ต.อ.ศักยะกล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ซุกซ่อนแอบนำเข้าไป ทั้งที่มีการตรวจอาวุธและตรวจร่างกายก่อนเข้าไปในร้าน จากการตรวจสอบอาวุธปืนของกลางทั้ง 2 กระบอก พบว่ามีทะเบียน แต่ไม่ตรงกับชื่อของผู้ต้องหา ซึ่งตำรวจกำลังขยายผลไปยังเจ้าของอาวุธปืน รวมถึงขยายผลไปถึงกลุ่ม ผู้ก่อเหตุและฝ่ายคู่อริ คาดว่า 1-2 วันนี้จะได้ตัวทั้งหมด จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พบว่า นายณัฐนนท์มีประวัติเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดในพื้นที่ สน. ดินแดง และนายณัฐพล มีประวัติเกี่ยวข้องกับการลักทรัพย์ในพื้นที่จ.ชลบุรี

แก๊งฝั่งธนฯ-ซุกปืนในกกน.
จากนั้น เวลา 13.20 น. ที่สน.มักกะสัน พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนี้ พร้อมเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทราบว่าทางการ์ดและเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ก่อเหตุได้ 2 รายจึงนำตัวมาสอบสวนขยายผลพร้อมกับได้ลงพื้นที่และให้ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่พฐ.ลงเก็บคราบเขม่าดินปืน จนข้อมูลจะเริ่มปรากฏ ส่วนอาวุธที่ลักลอบนำเข้าไปในงานได้นั้นผู้ต้องหาให้การว่าเป็นการซุกไว้ที่หว่างขา (กางเกงใน) เนื่องจากการตรวจค้นจะค้นเฉพาะการตบที่เอว ซึ่งตัวผู้ต้องหาให้การว่า ได้มากับกลุ่มเพื่อน เบื้องต้นทราบตัวละครทั้งหมดแล้ว เป็นกลุ่มอยู่ฝั่งธนบุรีทั้งหมด และเชื่อว่าอาวุธจะมีมากกว่านี้ โดยทางพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. กำชับว่าให้ดำเนินคดีทั้งหมดอย่างเด็ดขาด จึงสั่งให้ชุดสืบสวนติดตามตัว โดยใช้กำลัง ทั้งสืบบก.น.1 และสืบบช.น. ร่วมกันติดตามตัวในหลายที่และหลายจังหวัด

พล.ต.ต.อัฎธพรกล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่เก็บพยานหลักฐาน ทั้งจุดยิง ปลอกกระสุนที่ตก เจอทั้งหัวกระสุน และสอบถามผู้บาดเจ็บที่มีคู่กรณีบางส่วน และบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องและถูกลูกหลง ทั้งนี้ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การผู้ต้องหา โดยรวมจากการซักถามพยานถือว่าได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก และจะเรียกผู้จัดงานสงกรานต์ผับดังกล่าวเข้ามาสอบปากคำเพื่อหาผู้เกี่ยวข้องต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน