เปิดคิว-ทัวร์ 13 จังหวัดพท.ปราศรัยกรุงสุดคึก
ป้อมชู‘อีสานประชารัฐ’ตร.1.3แสนคุมเลือกตั้ง

‘บิ๊กตู่’ลุยสวนลุมพินี-เยาวราช ลั่นทุ่มสุดตัวหาเสียงให้พรรค รทสช. อ้อนคนรุ่นใหม่ช่วยสนับสนุน เปิดโปรแกรมเดินสาย 13 จังหวัด นอนพักค้างคืนต่างจังหวัดครั้งแรก ที่หาดใหญ่ 29 เม.ย. บิ๊กป้อมโชว์นโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ ตั้งเป้ารวบเก้าอี้ส.ส. 133 เขต พ่วง 5 จังหวัดตะวันออก ‘สันติ’ เหน็บบางพรรคดีแต่ขอแลนด์สไลด์ แต่ไม่คิดพัฒนา ‘มาร์ค’ บุกย่านบางรัก หวังปักธง ปชป. ‘เศรษฐา’ นำทีมปราศรัยใหญ่สวนสยามปลุกแลนด์สไลด์ ประธาน กกต.ไม่หวั่น โดนร้อง ป.ป.ช.ฟันจริยธรรมร้ายแรง ปมแห่ดูงานเมืองนอก ผบ.ตร.จัดตำรวจ 1.3 แสนนายคุมเลือกตั้ง

เปิดคิว‘บิ๊กตู่’หาเสียง 13 จังหวัด
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และแคนดิเดต นายกฯของพรรค มีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียง เบื้องต้น 13 จังหวัด เริ่มจาก จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 21 เม.ย. พร้อมด้วยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค พร้อมแกนนำพรรค เดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำ เที่ยวบินขาไปสายการบินแอร์เอเชีย และเที่ยวบินขากลับสายการบินไทยสมายล์

ออกเดินทางเวลา 10.00 น. จากสนามบินดอนเมือง ถึงเชียงใหม่เวลาประมาณ 12.30 น. รับประทานอาหารกลางวันเวลา 15.00 น. เดินทางไปอ.ม่อนแจ่ม เพื่อพบปะประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ จากนั้นเวลา 17.00 น. ไปพบปะประชาชนที่ตลาดนัดศรีบุญเรือง (แม่ริม) หลังเสร็จสิ้นภารกิจพล.อ.ประยุทธ์จะรับประทาน อาหารค่ำ และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ถึงเวลาประมาณ 22.30 น. พื้นที่ดังกล่าวเป็นของ ร.อ.หญิง เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 รทสช. นอกจากนี้ จ.เชียงใหม่ยังมีผู้สมัคร ส.ส.ของรทสช.ได้แก่ นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ เขต 4 นายโสภณ โกชุม เขต 6 และนายสันติ ตันสุหัช เขต 7

ค้างคืนครั้งแรกหาดใหญ่
ส่วนวันที่ 23 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก สักการะพระพุทธชินราช วัดพระศรี รัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อเสริมสิริมงคล และสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสิน ช่วงบ่ายเดินทางไปจ.แพร่ เพื่อร่วมงานศพมารดา นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ รทสช. และลงพื้นที่จ.แพร่

สำหรับการลงพื้นที่หาเสียงในแต่ละภาค ในส่วนของภาคอีสาน เบื้องต้นวันที่ 24 เม.ย. ลงพื้นที่จ.อุดรธานี 3 จุด โดยเดินตลาดพบปะประชาชน และเปิดเวทีปราศรัยย่อย ส่วนพื้นที่ภาคใต้ เบื้องต้น วันที่ 29 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่หาเสียงจ.ตรัง โดยช่วงเช้าเดินตลาดในเมืองตรัง จากนั้นไปเปิดเวทีปราศรัยที่จ.พัทลุง และนอนค้างคืนที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เช้าวันที่ 30 เม.ย.ลงพื้นที่หาเสียงจ.สตูล ช่วงบ่ายกลับมาหาเสียงและเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะที่ภาคตะวันออกลงพื้นที่หาเสียงจ.ชลบุรี เพชรบุรี ภาคกลาง จ.นครปฐม กาญจนบุรี และปิดท้ายที่กทม. โดยจัดเวทีใหญ่ที่พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช ในวันที่ 12 พ.ค.

การจัดเวทีปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะมีการจัดทั้งเวทีขนาดใหญ่และขนาดกลางคละกันไป เช่น ภาคเหนือและอีสาน เน้นหาเสียงแบบไปร่วมกิจกรรม ทักทาย พูดคุยใกล้ชิด เดินหาเสียงในตลาดชุมชนต่างๆ และขึ้นรถแห่ ไม่เน้นจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ขณะที่ภาคใต้และกทม. พื้นที่ความหวัง จัดเต็ม ทั้งรถแห่ เวทีใหญ่ เวทีย่อย

ลางานลุยสวนลุม-เยาวราช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ได้ลาราชการ เพื่อลงพื้นที่ หาเสียงที่สวนลุมพินีและเยาวราช กทม. แต่ก่อนถึงกำหนดลงพื้นที่ปรากฏว่า เวลา 16.00 น. ที่บริเวณอาคารก่อสร้างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย ซึ่งอยู่ตรงข้ามสวนลุมพินี เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น โดยมีแผ่นเมทัลชีต หล่นลงมา 40-50 แผ่น ระหว่างนำขึ้นเชือกชักรอกเพื่อขนส่งไปยังชั้นด้านบน ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทำให้ผู้ที่เดินสัญจรไปมาบนฟุตปาธบริเวณริมถนนราชดำริ ได้รับ บาดเจ็บ 4 ราย โดย 3 รายเป็นบุคลากรภายในโรงพยาบาลจุฬาฯ และอีก 1 รายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมถึงรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ได้รับความเสียหายพังยับทั้งคัน


ลีลาตะกร้อ – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทย สร้างชาติ โชว์เตะตะกร้อกับประชาชนที่มา ออกกำลังกาย ระหว่างหาเสียงร่วมกับแกนนำพรรค และผู้สมัครส.ส.กทม. ที่สวนลุมพินี เมื่อวันที่ 20 เม.ย.

ลั่นยิ่งปรามาสยิ่งทุ่มเท
เวลา 16.45 น. ที่สวนลุมพินี พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้า พรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค ลงพื้นที่เพื่อช่วยหาเสียง ให้ น.ส.ศิรินันท์ ศิริพานิช ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตสาทร ปทุมวัน ราชเทวี นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตสัมพันธวงศ์ มีแฟนคลับให้การต้อนรับพร้อมส่งเสียงเชียร์ตลอดทาง ซึ่งครั้งนี้มีสื่อต่างประเทศให้ความสนใจมาร่วมทำข่าวจำนวนมาก

พล.อ.ประยุทธ์สวมเสื้อแจ๊กเกตสีขาวของพรรค ทักทายประชาชนที่มาออกกำลังกายในสวนลุมพินี แต่เนื่องจากเป็นช่วงเย็นทำให้มี ผู้ออกกำลังกายน้อยกว่าช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังร่วมเตะตะกร้อกับเยาวชน โดยมีนายพีระพันธุ์ และนายธนกรร่วมเล่นด้วยอย่างสนุกสนาน ส่วนใหญ่จะเตะฟาวล์และมีอาการเซ แต่มีเสียงเชียร์เป็นระยะ พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผย ด้วยว่า เล่นตั้งแต่ครั้งที่เคยเล่นหน้าทำเนียบ เมื่อก่อนนี้เล่นกับพวกทหารเป็นตะกร้อวง ก็เล่นทั้งหมดแหละ แต่ตอนนี้ทิ้งไปนาน

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ดูเหมือน รทสช. ยังเป็นรองพรรคการเมืองอื่น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ยิ่งถูกปรามาสมากก็ต้องยิ่งพยายาม เรามีหัวใจยิ่งใหญ่อยู่แล้ว เราให้กำลังใจผู้สมัคร ทุกเขต จากนี้ไปจะปรับแผนการลงพื้นที่ พบประชาชนมากกว่าการขึ้นเวทีปราศรัย เรื่องลาราชการหาเสียงถ้าจำเป็นก็ต้องลา เพื่อทุ่มเทการหาเสียงให้กับพรรค เหนื่อยแค่ไหน ก็ทำได้ ชีวิตยังให้ได้เลยเพื่อประเทศชาติ สำหรับ คนรุ่นใหม่ต้องถามว่าเขาต้องการอะไรในอนาคต และต้องดูด้วยว่าปัจจุบันอยู่ตรงไหน ซึ่งผมก็มี ความเป็นห่วงเยาวชน”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และผู้สมัครส.ส. ปั่นเรือถีบเป็ดสีเหลืองที่สวนบึงภายในสวน ลุมพินี แล้วขึ้นรถบัสไฟฟ้าอีวีไปยังถนนเยาวราช

เซ็ง‘ชูวิทย์’ทำกร่อย
เวลา 18.00 น. ที่โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งรถยนต์ไฟฟ้าอีวีมาถึง พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเดินหาเสียงที่ย่านเยาวราช ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก ร้านค้าต่างๆ ตื่นเต้นที่ได้เจอพล.อ.ประยุทธ์ และขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยพล.อ.ประยุทธ์แวะชิมร้านขนมหวานเก่าแก่อายุ 50 ปี รับประทานก๋วยเตี๋ยวชื่อดัง ยู้ลูกชิ้นปลาเยาวราช ระหว่างนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้มาดักรอพบ บริเวณหน้าร้านอาหารบะหมี่ขาวมังกรฟ้า ซึ่งทางพรรคได้จองที่นั่งไว้สำหรับมื้อเย็นของพล.อ.ประยุทธ์ แต่ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไป

นายชูวิทย์กล่าวว่า มาดักรอพบ พล.อ.ประยุทธ์ จะถามว่าเห็นด้วยกับนโยบายกัญชาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือไม่ และปล่อยให้นายอนุทินทำแบบนี้ได้อย่างไร พร้อมกล่าวเชิญชวนประชาชนให้มารับสติ๊กเกอร์การต่อต้านกัญชาเสรี และระบุว่าเยาวราชคือถิ่นบ้านเก่าของตน ยืนยันว่านโยบาย กัญชาเสรีของภท.ต้องระวังให้ดี อย่าไปบ้ากัญชา เพราะกัญชาจะมีประโยชน์ก็แค่เอาไปสกัดน้ำมันเอาไปรักษาโรคเท่านั้น

เวลา 19.10 น. เมื่อนายชูวิทย์เห็นว่ารอนานแล้ว จึงเดินมาที่ร้านยู้ลูกชิ้นปลา เพื่อพบ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมถือโทรโข่งประกาศจุดยืน กัญชาเสรี แต่ทีมรักษาความปลอดภัยของ นายหิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรค ได้กันไม่ให้นายชูวิทย์เข้าไปในร้าน ขณะที่นายหิมาลัยเข้าไปรายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ ทราบ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ที่อยู่ระหว่างรับประทานบะหมี่ลูกชิ้นปลาอย่างอร่อยต้องหยุดกิน แล้วออกจากร้านอย่างรีบร้อนเพื่อเลี่ยงเจอกับนายชูวิทย์

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายชูวิทย์มาถือว่าทำให้เสียบรรยากาศหาเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีบ้าง ต่อข้อถามว่าทำไมถึงไม่พบนายชูวิทย์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คนละงานกัน วันนี้ตนมาหาเสียง

ขณะที่นายชูวิทย์ตะโกนว่า “นี่คือบ้านของผม ผมจะมาต้อนรับบ้างไม่ได้หรืออย่างไร ทำไมต้องกันกันด้วย ก็แค่จะมาถามดีๆ ไม่เป็นไร ไว้ค่อยเจอใหม่ค่อยถาม”

หวังคนรุ่นใหม่สนับสนุน
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในตัวผู้สมัครส.ส.ของรทสช. ในพื้นที่กทม.ว่า ตนมั่นใจ 100% ผู้สมัครของตน ตนก็ต้องมั่นใจ วันนี้มาช่วยเขาหาเสียง ทราบว่าเขาเดินทุกวันอยู่แล้วในพื้นที่ แต่สิ่งสำคัญคือตนต้องเอาพรรคมาช่วยด้วย ช่วยกันทั้งส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) และตนด้วย ต้องช่วยกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงหลังผลโพลรทสช. ยังคงเป็นรอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะเราเป็นพรรคใหม่ ยินดีทั้งนั้นแหละ และหวังว่าคนรุ่นใหม่จะให้การสนับสนุน เพิ่มมากขึ้น และอยากให้มองในสิ่งที่เราได้ทำมา ทำแล้ว ทำอยู่ ได้ทำต่อไป ทุกอย่างต้องสานต่อเป็นระยะๆ พร้อมขอให้กำลังใจ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อทุกคน แม้ว่าใครจะปรามาส เท่าไหร่ก็ตาม เราต้องพยายามให้มากยิ่งขึ้น โดยจะมีการปรับแผนการลงพื้นที่มากกว่า การขึ้นเวทีปราศรัย ซึ่งไม่เกี่ยวว่าตนไม่ถนัดขึ้นเวทีปราศรัย แต่ต้องดูเรื่องเวลาและความเหมาะสม เนื่องจากตนมี 2 บทบาท โดยจะลา ราชการในช่วงเย็นเพื่อลงพื้นที่หาเสียงหากมีความจำเป็น เพราะเหลือเวลาไม่มากนัก

สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องการอนาคตอย่างไร ถ้าหากต้องการอนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน ที่ผ่านมามีอะไรดีแค่ไหน เขารู้กันหรือไม่ ตนก็ห่วงเยาวชนตอนนี้ เพราะอายุ 18 เขาเลือกตั้งกันได้แล้ว ต้องไปดูว่าการหาคะแนนเสียงกับเด็กอายุ 16 ปี หมายความว่ากระไร

เมื่อถามว่านโยบายการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทให้คนอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ของพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นการหาคะแนนเสียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่หรอก ผมมองของผมนะไม่ได้ติติงเขา มองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องมองอย่างนี้ เขาไม่มั่นใจหรือเปล่าว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ได้แค่ 2 ปี ผมคิดในแง่นี้นะ ผมต้องคิด 2 ทาง”

วันเดียวกัน รทสช. ปล่อยคลิป “แคชเลสโซซ้ายตี้” ซึ่งเป็นแคเปญหาเสียงทีมเศรษฐกิจ ที่มีสโลแกนว่า “หาเงินได้ ใช้เงินเป็น” โดยฉายภาพประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสดนานแล้ว เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทันสมัย ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำไว้ สร้างโอกาสในการทำมาหากินให้กับคนตัวเล็ก หลากหลาย อาชีพตั้งแต่ วินมอเตอร์ไซค์ อย่างน้องทิม ไรเดอร์ ไปจนถึง บังป้อม อาหารทะเล

สนามใต้ระอุ-ทัพ‘ 2ป.’แห่ทัวร์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถึงการวางโปรแกรมปราศรัยหาเสียงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้า พปชร. และแคนดิเดต นายกฯ มีกำหนดลงพื้นที่ภาคใต้ วันที่ 28 เม.ย.ที่ จ.สงขลา และวันที่ 29 เม.ย. ที่นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการเดินสาย หาเสียงของพล.อ.ประยุทธ์

นายรงค์ บุญสวยขวัญ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรี ธรรมราช เขต 1 และคณะกรรมการบริหาร พปชร. เผยว่า เบื้องต้นวันที่ 28 เม.ย. พล.อ.ประวิตรจะจัดปราศรัยใหญ่ที่ จ.สงขลา, 29 เม.ย. จัดปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยประสานขอใช้สนามหน้าเมือง ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ขณะนี้ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค คาดจะมีประชาชนมาร่วมฟังกว่า 1 หมื่นคน

โชว์นโยบาย – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงโชว์นโยบาย อีสานประชารัฐ ก่อสร้างรถไฟทางคู่บึงกาฬ-อู่ตะเภา นิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง ท่าเรือบกขนส่งสินค้า และสร้างวิทยาลัยอาชีวะ 12 แห่ง ที่พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 20 เม.ย.

‘บิ๊กป้อม’โชว์‘อีสานประชารัฐ’
ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพปชร. พร้อมด้วยพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษา หัวหน้าพรรค พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการ บริหารพรรค (กก.บห.) ดูแลภาคอีสาน นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดนโยบาย “อีสานประชารัฐ” ชูนโยบายพัฒนาภาคอีสาน ไปถึงภาคตะวันออก คือ

1.การก่อสร้าง รถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา พัฒนา 24 จังหวัดสอดรับกับโครงการอีอีซี ระยะทาง 480 ก.ม. 2.สร้างถนน 8 เลน คู่ขนาน กับทางรถไฟ 3.นิคมอุตสาหกรรมทันสมัย 6 แห่ง 6,000 โรงงาน เนื้อที่ 20,000 ไร่ เช่น สินค้าแปรรูปเกษตร รถยนต์ไฟฟ้า สร้างเงิน 4.5 ล้านล้านบาท 4.สร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมฯ ละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง ปั้นเด็กอาชีวะอีสาน ให้มีทักษะอาชีพ และ5.ท่าเรือบก 3 แห่ง ใกล้ทางรถไฟ ให้บริการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เราจะพัฒนา ภาคอีสานและภาคตะวันออกโดยสร้างรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ-ท่าเรือแหลมฉบับ -ท่าเรือมาบตาพุด-สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง พัฒนาพื้นที่ได้ 24 จังหวัด ในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการอีอีซี โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และยังเชื่อมต่อ 11 จังหวัดได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 ก.ม. โดยจะสร้างเมื่อเราได้เป็นรัฐบาล ซึ่งสำรวจเส้นทางกันมาเรียบร้อยแล้ว

“เราทำนโยบายนี้เพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ จะได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนอีสาน ที่น้ำก็มีน้อย การเกษตรมีข้อขัดข้องมาก คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ เพราะภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ” พล.อ.ประวิตรกล่าว

เรื่องงบยังไม่ได้คิด-แต่ทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำโครงการใหญ่ในภาค อีสานจะทำให้ภาคอื่นรู้สึกน้อยใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำอีสานก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป เรื่องนี้ คิดกันมาหลายปี และอย่าเพิ่งคิดว่าจะเสร็จพรุ่งนี้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่จะส่งผลต่อคะแนนเสียงของพรรค พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตนไม่ห่วง ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้นั้น ไม่ต้องห่วง แม้ยังไม่ได้คิด แต่สามารถดำเนินการได้แน่นอน

ด้านนายสันติกล่าวว่า เราจะพัฒนาอีสาน เปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก เพราะดูแต่ละพรรคการเมือง มีแต่ขอให้ชาวภาคอีสาน ทั้ง 20 จังหวัด และภาคตะวันออก 5 จังหวัด เลือกแลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใด ที่คิดว่าจะพัฒนาภาคอีสานให้พ้นความยากจน หรือนำเงินลงทุนมหาศาลไปพัฒนา มีแต่ พปชร. ที่ให้ความสำคัญกับชาวอีสาน ตลอดระยะเวลาเกิน 20 ปีภาคอีสานไม่ได้รับ การพัฒนา พปชร.จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ ที่อยู่บนสุดของอีสานวิ่งตรงลงมาผ่านภาคอีสานทางตะวันออกทั้งภาค มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน

สำหรับรถไฟทางคู่แบบใหม่ที่จะทำ จะมีรางขนาด 1.435 ม. มาตรฐานเดียวกับรถไฟความเร็วสูง จะมีการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ตลอดแนวเส้นทางรถไฟ จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 2 หมื่นไร่ 6 แห่ง กว่า 6,000 โรงงาน โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมนำสมัย นอกจากนี้ จะสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรมละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะและคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือ น้ำลึกที่ภาคตะวันออก

เหน็บพรรคดีขอแลนด์สไลด์
สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการพัฒนาโครงการนี้ โดยเฉพาะการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม จะให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นผู้ดำเนินการ โดยดึงดูดนักลงทุนมาจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายไว้ คาดว่าจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศไทย 4.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐจะเป็นผู้เวนคืนที่ดินที่ต้องใช้ในการพัฒนานิคมแต่ละนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 2 หมื่นไร่ เพื่อรองรับโรงงานประมาณ 1,000 โรงงาน แต่ละโรงงานจะใช้เงินลงทุนประมาณ 750 ล้านบาท ขณะนี้มีหลายประเทศสนใจที่จะมาตั้งนิคมอุตสาหกรรมและดึงโรงงานเข้ามาประมาณ 1,000 แห่ง อาทิ จีน และประเทศในยุโรป

“หลายสิบปีที่ผ่านมา ชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้า มีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสานเพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี จึงขอแรงใจให้เลือกพปชร. 133 เขต เพื่อให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียง ที่เลือกเราเข้าไปในสภาจะไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ ยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯ เป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดีๆได้” นายสันติกล่าว

นายไพบูลย์กล่าวว่า นโยบายดังกล่าว ได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหา ผู้สื่อข่าวถามว่าโครงการนี้ จะนำมาแข่งกับแลนด์สไลด์ หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า จะมาชนะแลนด์สไลด์ ด้านนายสันติกล่าวเสริมว่า นโยบายของเราอย่าไปใช้คำว่าแข่งกับแลนด์สไลด์ แต่นโยบายของเรามีความตั้งใจพัฒนาอีสานให้กับลูกหลานชาวอีสานมีศักยภาพ มีความสามารถ ก้าวข้ามความยากจนมั่นใจว่า ชาวอีสานจะต้องเลือก พปชร. ทั้ง 133 เขต

‘มาร์ค’บุกบางรัก-ขอปักธงปชป.
เวลา 14.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง ลงพื้นที่ย่านบางรัก กทม. ช่วยขอเสียงสนับสนุนให้ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 1 พระนคร-ป้อมปราบ-สัมพันธวงศ์-ดุสิต-บางรัก โดยเดินทักทายพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่สัญจรไปมา ตามริมถนน ฝากให้เลือกปชป.ทั้งคนทั้งพรรค

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หวังว่าประชาชน จะให้การตอบรับปชป.อีกครั้ง โดยเฉพาะ นางเจิมมาศ ที่ทำงานในพื้นที่มาอย่างยาวนาน และวันนี้ดีใจที่พี่น้องประชาชนยังเข้ามาทักทาย แสดงความผูกพันกับปชป. เชื่อว่าประชาชนจะเห็นการทำงานของนางเจิมมาศมาตลอดและจะให้การสนับสนุน ยอมรับว่าการแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้รุนแรงมากและมีหลายปัจจัย ที่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชน แต่เรายังคงเน้นย้ำในความเป็นปชป.

ด้าน น.ส.วทันยากล่าวว่า จากที่ได้ลงพื้นที่ สัมผัสได้ถึงการตอบรับที่ดีมากขึ้น และบรรยากาศที่อบอุ่นจากการต้อนรับของประชาชน กับทีมงานของปชป. การที่อดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 3 คน เป็นถึงอดีตนายกฯ 2 คน มาช่วยหาเสียงเป็นการแสดงถึงความตั้งใจของปชป. ที่เห็นถึงคุณค่าของประชาชน เห็นคุณค่าในการ ลงพื้นที่ตามวิถีของระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นจุดยืนและเจตนารมณ์ของปชป. และขอเชิญชวนให้ประชาชนติดตามการ ปราศัยใหญ่โซนฝั่งธนบุรี ของปชป.ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ ที่วงเวียนใหญ่ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่

เสียงคนกรุง – นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย รับดอกกุหลาบแดงจากประชาชนที่แห่มาฟังปราศรัยใหญ่ หาเสียงช่วยผู้สมัครส.ส.กทม. โซนตะวันออกทั้ง 10 เขต ที่ลานสวนสยาม เขตคันนายาว เมื่อวันที่ 20 เม.ย

พท.ปราศรัยใหญ่สวนสยาม
เวลา 17.30 น. ที่ลานสวนสยาม เขตคันนายาว กทม. พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัย “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ” นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแกนนำพรรค พร้อมผู้สมัครส.ส.กทม. โซนตะวันออกทั้ง 10 เขต

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โฟนอินมาปราศรัยว่า พท.พร้อมเข้ามาแก้ปัญหาที่คาราคาซังมาแล้ว 8 ปี การตั้งรัฐบาลของพท. ต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น หากไม่แลนด์สไลด์เราจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และรัฐบาลจะเป็นชุดเดิม คนกทม.ต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น กินดี อยู่ดี มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี

ด้านนายเศรษฐาปราศรัยว่า เรื่องเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่พท.เปิดไป ทุกคนออกมาพูดเพราะรู้ว่าโดนใจประชาชน กลัวว่าคนจะชอบแล้วมาเลือกพท. หลายนโยบายที่ตนพูดไป จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่กาทั้งคนทั้งพรรค ขอวิงวอนว่าวันที่ 14 พ.ค. จะเป็นวันเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเมืองไทย หวังผู้สมัครส.ส.ทั้ง 33 เขตในกทม.ของพท. จะได้รับการเลือกตั้งเข้าสภา วันที่ 14 พ.ค. กาทั้งคนทั้งพรรคให้พท. แลนด์สไลด์

ทีมการศึกษา – น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม ประธานคณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาฯ พรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัวคณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาของพรรค ปัดฝุ่นโครงการแจกแท็บเล็ต พร้อมแก้กฎหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการศึกษาไทย ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อ 20 เม.ย.

จี้‘ตู่’รับผิดชอบ-บึ้มรถ‘ประชา’
ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพท. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และผอ.ศูนย์ปฏิบัติการการเลือกตั้ง แถลงข่าวกรณีรถประชาสัมพันธ์หาเสียงของนายประชา ประสพดี ผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ เขต 7 ถูกปาระเบิดระหว่างหาเสียงเมื่อวันที่ 19 เม.ย.

นายภูมิธรรมกล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว สรุปได้ 2 ประเด็น ดังนี้ 1.การกระทำที่เกิดขึ้น เป็นการใช้อำนาจอันมิชอบ ขณะนี้อยู่ในวาระการเลือกตั้ง ภายใต้การบริหารจัดการในรัฐบาลนี้ และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกกต. ที่ต้องสืบสวนให้ชัดเจน เพราะผู้ปาระเบิด ใส่รถหาเสียงประชาสัมพันธ์ของนายประชานั้น เป็นหัวคะแนนของพรรคที่มีความเกี่ยวข้องกับพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นนายกฯ ต้องสืบให้ทราบว่า เกิดปัญหานี้ได้อย่างไร จะรับผิดชอบอย่างไร แล้วจะจัดการปัญหานี้อย่างไร ส่วนกกต.ต้องเข้ามาดูแล เพราะเข้าข่าย ผิดกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมาย เลือกตั้ง

2.มีประชาชนให้ข้อมูลกล่าวหาว่ามีการใช้อิทธิพลของรัฐ อำนาจรัฐ กลไกของรัฐไปใช้ช่วยหาคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองหนึ่งในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของตำรวจ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับผู้กำกับ ผู้การ สารวัตรให้ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้พรรคการเมืองหนึ่งได้รับชัยชนะ ในหลายเขตเลือกตั้ง เมื่อมีข่าวนี้เกิดขึ้นนายกฯ ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ควรสร้างความกระจ่าง มิฉะนั้นอาจถูกมอง ได้ว่าผู้นำของประเทศอยากสืบทอดอำนาจของตนเอง ใช้อำนาจทุกวิถีทางเพื่ออยู่ต่อ

ชี้โทษถึงจำคุก-ยุบพรรค
ด้านนายประเสริฐกล่าวว่า มีข้อสังเกต เพิ่มเติมคือ 1.สถานที่เกิดเหตุระเบิดและสถานีตำรวจอยู่ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร แต่เมื่อ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ แจ้งไปยังสถานีตำรวจ กลับใช้เวลาเดินทางมาตรวจสอบนานถึง 30 นาที ทั้งที่ควรใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น

2.ภายหลังจับกุมผู้กระทำผิด พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำผิดเบาเกินไป ไม่สมเหตุสมผล ได้แก่ ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว ทำให้เสียทรัพย์ มีความพยายามทำร้ายร่างกาย และทำให้ส่งเสียงดังอื้ออึง โดยปกตินายประชา จะนั่งไปในรถหาเสียงคันดังกล่าวด้วย หากในวันนั้นนายประชาอยู่ในรถคันดังกล่าว โดนระเบิด หลบไม่ทัน หมายถึงการประสงค์ต่อชีวิต ดังนั้นการตั้งข้อหาที่เบาเกินไป จึงดูขาดน้ำหนัก

การที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นโรคทางจิตเวช แต่ในข้อเท็จจริงผู้กระทำความผิดเคยได้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 9 เดือน ระหว่างนั้นได้ยกเอา สาเหตุอาการป่วยทางจิตมาเป็นสาเหตุอ้างต่อศาล แต่ศาลไม่รับฟัง และได้ตัดสินจำคุก ผู้ต้องหา 9 เดือน ครั้งนี้ตนกังวลว่าจะมีการยกเหตุผลทางจิตเวชขึ้นมาอีก แต่ในเมื่อมีบรรทัดฐานจากคดีการลักทรัพย์แล้ว จึงไม่ควร อ้างเหตุนี้ต่อการดำเนินคดีอีก

นายชูศักดิ์กล่าวว่า ในข้อกฎหมายสามารถตั้งข้อสังเกตหรือเอาผิดได้ 2 ประเด็น คือ 1.เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชัดเจนว่าอยู่ในช่วงเวลา ที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 แล้ว ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ต้องเข้ามาดูแลและดำเนินดคี หากสอบสวนแล้วพบผู้กระทำผิด โทษตามที่กฎหมายระบุไว้ อาจมีโทษถึงจำคุก หรือหากสอบสวนแล้วพบว่ามีพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งเสริม หรือ ทราบเรื่องแต่ไม่ห้ามปราม อาจมีผลถึงขั้น ยุบพรรคการเมืองได้

2.พฤติกรรมข้าราชการที่วางตนไม่เป็น กลางหรือ ช่วยเหลือสนับสนุนใดๆ ให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งได้ให้อำนาจ กกต.สั่งห้ามไม่ให้ข้าราชการกระทำการที่สุ่มเสี่ยงต่อการเอื้อต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หากสั่งการแล้วข้าราชการไม่เชื่อฟัง กกต. มีอำนาจเสนอย้ายข้าราชการเหล่านั้นให้ออกจากพื้นที่

กกต.พร้อมเลือกตั้งต่างแดน
ที่สำนักงานกกต. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์สู้รบที่ประเทศซูดาน และยูเครน ที่อาจกระทบ กับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรว่า จากการประสานสถานทูตไทยประจำกรุงไคโร ประเทศ อียิปต์ที่ดูแลประเทศซูดาน ได้กำหนดแผนการเลือกตั้งโดยการจัดหน่วยเลือกตั้งเคลื่อนที่ ไปบริการ แต่อาจจำเป็นต้องพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ การตัดสินใจจะอยู่ที่สถานทูตที่จัดเลือกตั้งแต่ละแห่ง เพราะอยู่ใกล้กับสถานการณ์

ส่วนยูเครนซึ่งมีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้ง 1 คน ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าสถานการณ์เข้าข่ายเคร่งเครียด แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสถานทูต โดยการเลือกตั้ง ที่นี่จะใช้วิธีการลงคะแนนทางไปรษณีย์ผ่านบริษัท DHL ซึ่ง กกต.จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย จึงไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนกรณีคนที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรแล้วต้องอพยพ กลับมาไทย คิดว่าไม่น่าจะเสียสิทธิ เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ถ้าจะป้องกันเหตุไม่ให้เสียสิทธิ จะต้องแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิก็ได้

สำหรับเรื่องการส่งบัตรเลือกตั้งกลับมายังประเทศไทยนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยการส่งบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรเมื่อปี 2562 กลับมานับไม่ทัน เรื่องนี้ได้ซักซ้อมกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว โดยกระบวนการ เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจะเริ่มตั้งแต่ 24 เม.ย.-5 พ.ค.2566 จากนั้นจะส่งบัตรล็อตแรกกลับมาถึงไทยภายใน 9 พ.ค. อาจมีบางประเทศ ที่มีล็อต 2 ล็อต 3 ให้ส่งกลับมาถึงประเทศไทยภายใน 12 พ.ค.

ก่อนส่งสถานทูตจะทำการคัดแยกบัตรของผู้ใช้สิทธิ เพื่อสะดวกในการกระจายบัตรไปนับยังภูมิลำเนาของผู้ใช้สิทธิ เมื่อส่งถึงเมืองไทยแล้ว จะมีกระบวนการติดตามตลอดการขนส่ง เมื่อบัตรมาถึงเมืองไทยจะมีเจ้าหน้าที่ ไปรับที่สนามบิน มาส่งที่ไปรษณีย์ ก่อนกระจาย ไปยังจังหวัดต่างๆ และนับคะแนนพร้อมกันในวันที่ 14 พ.ค. หลังเวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ยืนยันว่าการจัดการเลือกตั้ง นอกราชอาณาจักรมีความพร้อม 100%

ไม่หวั่นถูกร้องฟันจริยธรรม
ส่วนการเดินทางไปติดตามการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่ไม่ได้ไปในประเทศที่มีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิมาก เพราะส่วนใหญ่มีการวางระบบการใช้สิทธิดีอยู่แล้ว แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่มีปัญหา การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความลำบาก มีเจ้าหน้าที่น้อย จะได้ไม่เกิดความประหม่า ไม่สับสน ส่วนที่ กกต. ไปดูงานทั้ง 6 คนนั้น เนื่องจากมีเวลาน้อย จะไปเพียง 2-3 ประเทศไม่ได้ เราต้องการไปดู ให้ทั่วถึง

ส่วนข้อวิจารณ์เรื่องงบประมาณที่ใช้นั้น ยืนยันว่าเป็นไปตามที่ได้รับการจัดสรร ผ่านการ อนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร ผ่านการตรวจสอบ จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งจะให้ สำนักงาน กกต.จัดชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้ง ในส่วนของค่าของที่ระลึกนั้น สำนักงาน กกต. เป็นผู้ดูแล คิดว่าไม่เกิน 3,000 บาท เพราะทุกคน ทราบข้อกฎหมายดี

ในส่วนของตนได้มอบเป็นเนกไทแบรนด์ของ “จิม ทอมป์สัน” ให้กับทูตเคนยา ผ้าพันคอให้อุปทูตโมร็อกโก และมอบน้ำพริกพร้อมสมุดบันทึกเล่มเล็กให้กับเจ้าหน้าที่สถานทูตเท่านั้น จึงไม่กังวลที่มีการยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการกระทำตามหน้าที่

แก้เศรษฐกิจ – คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เข้าหารือกับนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำเสนอนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่หอการค้าไทย เมื่อวันที่ 20 เม.ย.

ทีมเฮ้ง – นายสุชาติ ชมกลิ่น รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นำทีมผู้สมัครส.ส. ชลบุรี ทั้ง 10 เขต เปิดเวทีปราศรัยครั้งแรก ชูสโลแกนทำความรู้จักทีมเฮ้ง ชลบุรีครบทุกคน ที่อาคารโดม อบต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อค่ำวันที่ 20 เม.ย.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน