บิ๊กป้อมฟิตขึ้นรถไฟไปโคราช
ร่อนจดหมายฉบับ10-โวผลงาน
แก้สูตรเลือกตั้ง-ข้ามขัดแย้ง
เศรษฐาเขินนั่งเก้าอี้ทักษิณ-ปู
เย้ยพปชร.-รทสช.แค่เรือเล็ก

‘บิ๊กตู่’ ไม่สนผลโพล เวียนหัวตัวเลขเปลี่ยน ทุกวัน ยกทัพรทสช.ขึ้นเชียงใหม่ ชิมข้าวซอยร้านดัง จับเข่าคุยชาวม่อนแจ่ม ด้าน ‘บิ๊กป้อม’ ออกจดหมายฉบับ 10 โวแก้รธน.สูตรเลือกตั้ง เป็นผลงานก้าวข้ามความขัดแย้ง นำทีมพปชร.นั่งรถไฟขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่โคราชวันนี้ ‘เศรษฐา’ เยือนหนองคาย-เลย ร่วมวงสภากาแฟชาวบ้านเรียก ‘ท่านนายกฯ’ แซวนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับ ‘แม้ว-ปู’ เย้ยพปชร.-รทสช.แค่เรือเล็ก อย่าริมาลอยข้างๆ เรือใหญ่อย่างพท. ศาลปกครองสูงสุดสั่งป.ป.ช.เปิดเผยรายงานไต่สวนคดีนาฬิกาป้อม ภายใน 15 วัน

‘ตู่’ทำบุญ-บวงสรวงศาลหลักเมือง
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึก เป็นประธานการประกอบพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองและพิธีสงฆ์ รวมทั้งพิธีบวงสรวงสังเวยตามพิธีพราหมณ์ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาองค์พระหลักเมือง ประจำปี 2566 ครบรอบ 241 ปี มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ. สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วม โดยนิมนต์สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมพระสงฆ์ 9 รูป ประกอบพิธีทางศาสนาพุทธ ซึ่งใช้บทสวดมงคลสูตร 38

พล.อ.ประยุทธ์เข้าสักการะพระพุทธรูปบนหอพระพุทธรูป ถวายพวงมาลัย ใส่บาตรประจำวันเกิด จากนั้นทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมืองภายในอาคารศาลหลักเมือง ถวาย ผ้าตาดและถวายพวงมาลัย ก่อนสักการะเทพารักษ์ทั้ง 5 บนอาคารเทพารักษ์ เติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด (วันเสาร์) และเติมที่ตะเกียงสะเดาะเคราะห์ จุดธูปเทียนบนโต๊ะบวงสรวง ปักธูปหางที่เครื่องบวงสรวง เสร็จแล้วโหรหลวงอ่านโองการบวงสรวงองค์พระหลักเมือง

ช่วงหนึ่งระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ปักธูปหางเครื่องบวงสรวงถึงบริเวณหัวหมูไม่สามารถปักธูปลงได้ ต้องพยายามถึง 4 ครั้ง สุดท้ายต้องเปลี่ยนปักธูปหางในหูหมูซึ่งเป็นส่วนที่อ่อนที่สุดถึงสามารถปักธูปลงได้ ทำให้ผู้ที่ร่วมพิธีหลายคนวิจารณ์ตามความเชื่อว่าทำอะไรคงไม่หมูอีกต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ขอให้บ้านเมืองสงบปลอดภัย วันนี้ขอให้ทำความดี ทำดี จิตใจดี มันก็จบ ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไปป่วนระหว่างลงพื้นที่เยาวราช เมื่อวันที่ 20 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่ได้ป่วนอะไรกันหรอก ผมไปของผม ท่านก็ไปของท่าน มันจะเกี่ยวอะไรกันล่ะ” ต่อข้อถามว่าวันนี้พล.อ. ประยุทธ์ดูหน้านิ่งๆ ขอให้ยิ้มหน่อย พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่าอากาศมันร้อน เมื่อถามว่าวันนี้วันดีต้องยิ้ม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ฉันก็ยิ้มอยู่ทุกวันแหละ เว้นคนทำให้มันไม่ดี”

ลุยหาเสียงเชียงใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ ลาราชการตลอดทั้งวันเพื่อลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.เชียงใหม่ โดยเวลา 10.00 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้ารทสช. นายอนุชา บูรพชัยศรี ผู้บริหารพรรค พร้อมคณะ สวมเสื้อยืดสีน้ำเงินซึ่งมีโลโก้ของพรรค ด้านหลังมีหมายเลข 22 เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ระหว่างอยู่บนเครื่องบินมีผู้โดยสารมาขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย

เวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางถึงจ.เชียงใหม่ ได้เข้าไปไหว้พระที่วัดยางกวง อ.เมืองและสักการะอนุสาวรีย์พญามังรายมหาราชเพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นนางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 นำ ผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ รทสช.ทั้ง 10 เขตเลือกตั้งรดน้ำขอพรแบบล้านนา เนื่องในเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา พร้อมอวยพรให้ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหลังการเลือกตั้ง ด้านพล.อ. ประยุทธ์กล่าวอวยพรให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ มีกำลังกายกำลังใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป

กิ๋นข้าวซอย – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกฯ พรรครทสช. แวะกินข้าวซอยร้านลุงประกิจหนึ่งในเมนูที่นำไปเสิร์ฟผู้นำนานาชาติ ช่วงประชุมเอเปค 2022 ระหว่างนำทีมลุยหาเสียงในจ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.

เดินตลาด-พ่อค้าแม่ค้ากรี๊ด
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ นายพีระพันธุ์ และนายชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา ผู้สมัครส.ส. เชียงใหม่ เขต 1 เบอร์ 9 เดินพบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่ตลาดก้อม บริเวณวัดยางกวง เพื่อขอเสียงสนับสนุนเลือกผู้สมัครของพรรคเบอร์ 9 และเลือกพรรคเบอร์ 22 โดยพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจ่ายตลาดให้ความสนใจเข้ามาจับมือและขอถ่ายรูปกับพล.อ. ประยุทธ์อย่างคึกคัก เสร็จแล้วแวะชิมข้าวซอยร้านลุงประกิจ ร้านดั้งเดิมเก่าแก่ของเชียงใหม่ และเป็นหนึ่งในเมนูที่นำไปเสิร์ฟผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ปี 2022

ช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศถามพล.อ.ประยุทธ์ว่า 8 ปีมีกระแสที่ต้องการให้นายกฯ ออกไป และเลือกตั้งครั้งนี้มีกระแสข่าวว่านายกฯ ไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำไมถึงไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถาม โดยมี สีหน้านิ่งๆ ในลักษณะสะกดอารมณ์ เมื่อ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าประชาชนอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำไมพล.อ.ประยุทธ์จึงไม่ให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์จึงตอบสั้นๆ ว่า election (อยู่ที่การเลือกตั้ง)

ขณะที่นายชินภัสร์ตอบคำถามแทนว่า การเลือกตั้งคือโอกาสของการเปลี่ยนแปลง

พบชาวม่อนแจ่ม-ฝนตกชุ่มฉ่ำ
เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางถึงสวนอีเดน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พบปะชาวม่อนแจ่ม เพื่อรับฟังปัญหาเรื่องที่ดินทำกินและการถือครองสิทธิที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 11 พ.ค.2542 และปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยมีประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์เผ่าม้งและลีซู แต่งชุดประจำเผ่าต้อนรับ พร้อมกองเชียร์ ชูป้าย “กาเบอร์ 22 รวมไทยสร้างชาติ” และ “รักลงตู่ กาเบอร์ 22” เมื่อมาถึงเกิดฝนตก พล.อ.ประยุทธ์สอบถามชาวม่อนแจ่มว่า “ก่อนผมมา มีฝนตกหรือไม่” ได้คำตอบว่า “ไม่มี” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่อมยิ้ม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับกลุ่มชาติพันธุ์เผ่าม้งและลีซูว่า ตนมาในอีกบทบาทหนึ่ง วันนี้พูดอะไรต้องระวังที่สุด เพราะเป็นช่วงหาเสียง และหลายคนในที่นี้เห็นตนหน้าตาดุในโทรทัศน์ตอนเช้า ตอนกลางคืนโมโหอะไรตลอด ปกติตนเป็นคนอารมณ์ดีไม่ใช่อะไรหรอก ถ้าไม่มีคนยั่วอารมณ์ตนมาก ก็ไม่โมโห บางทีงานเยอะ ติดโน่น ติดนี่ ติดอะไรนักหนา

ตนต้องดูแลทั้งหมด 21 กระทรวง ข้าราชการ 2 ล้านกว่าคน ต้องกำกับดูแลในส่วนนโยบายที่ทำมาแล้ว ทำต่อ มีอะไรใหม่ ต้องทำเพิ่ม เรียกว่าทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ บวกพลัสใหม่เพิ่มเข้าไปด้วย ให้ทุกคนอยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้น เพราะการจะสร้างบ้านหลังหนึ่งฐานต้องแน่น แข็งแรง หลังจากนั้นต้องทำเสา ทำโครงสร้างหลังคาและผนัง ฉะนั้นประเทศ ไทยต้องโตแบบนี้ โตจากข้างล่าง ข้างบนหลังคา ให้อบอุ่นปลอดภัยทุกคน อยู่ในร่มเงาฐานดีแน่น ประเทศไทยต้องเป็นแบบนี้

“เราทะเลาะกันไม่ได้ ทะเลาะกันเองไปกันใหญ่ บ้านเมืองแตกสาแหรกขาด ถ้าแตกกันจะอยู่ยังไง จะหวังอะไรจากใครได้อีก ถ้าไม่หวังจากสิ่งที่ทำไปแล้ว ทุกอย่างต้องกำเนิด มีเกิดขึ้นมาและถึงจะทำต่อไปได้ ยอมรับว่าหลายอย่างดีขึ้นมาก พอดีขึ้นมากปัญหาก็ตามมา ปัญหาเดิมลด ปัญหาใหม่มา โลกปัจจุบันเป็นแบบนี้ เราจะอยู่แบบเดิมไม่ได้ จะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งไม่ได้อีกแล้ว การจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องเปลี่ยนแปลงบนพื้นฐานความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่ใช่วุ่นวายไปทั้งหมด มันทำอะไรไม่ได้เลย มีตัวอย่างมาแล้วให้เห็น ขอให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ไม่สนโพล-เปลี่ยนทุกวัน
วันนี้แก้หลายเรื่องและรับหมดปัญหาที่ดินในวันนี้ ซึ่งปัญหาที่ดินนโยบายของพรรคและนโยบายของรัฐบาลก็มี วันนี้จึงมาอยู่พรรคนี้ เพราะคิดตรงกันจะได้ทำอะไรต่อ ตนถามว่าเคยมีรัฐมนตรี อดีตนายกฯมานั่งตรงนี้ไหม วันหน้าไม่รู้จะมีอีกหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ตน ไม่รู้นะ ถ้าตนมาได้ก็มา ถ้ามาได้ตนทำให้หมดทุกอย่าง วันนี้ต้องมองดูประเทศอื่น โพลไม่ต้องฟังมาก เวียนหัว ไม่ต้องไปฟังมาก เปลี่ยน ทุกวัน วันนี้อยู่ที่ใจต่อใจถึงกันหรือเปล่า

“ปัจจุบันกำลังไล่แก้ปัญหาทั้งประเทศ ตอนนี้แนวคิดคือ ใครเป็นเจ้าของที่ดินแน่นอนและหาวิธีการอยู่ร่วมกัน รัฐบาลที่ทำมา 8 ปี ทำมาแล้ว จะเห็นได้ว่าไม่เคยมีใครทำเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องยาก แต่รัฐบาลภายใต้การนำของผมก็พยายามทำ อาจจะต้องใช้เวลา ถ้าหากได้เป็นรัฐบาลอีกก็จะทำต่อไป เพราะที่ดินที่มีปัญหามีอยู่ทั่วประเทศ ผมให้นโยบายไป คือหาวิธีที่ดีที่สุดที่ไม่ทำให้คนเดือดร้อน ผมทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของ แผ่นดิน นี่คือที่ดินที่เกิด ที่อยู่ ที่กิน ที่ตาย ช่วยกันรักษาที่ดินแผ่นนี้ไว้ แผ่นดินทองอย่าทำให้แตกแยก ถ้าเรามีหลักคิดของเราบ้านเมืองก็จะไปได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาตลาดนัดศรีบุญเรือง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พบปะประชาชนที่มารอต้อนรับและเดินชมตลาดพร้อมทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง โดยมีพ่อค้าแม่ค้าและคนมาจ่ายตลาดขอถ่ายรูปด้วยจำนวนมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก หลังเสร็จสิ้นภารกิจพล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับถึงกทม.ประมาณ 22.30 น.

สำหรับวันที่ 23 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่จ.พิษณุโลก สักการะพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อเสริมสิริมงคล และสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสิน ช่วงบ่าย เดินทางไปจ.แพร่ เพื่อร่วมงานศพมารดา นาง ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) รทสช. และลงพื้นที่จ.แพร่

‘บิ๊กป้อม’โวผลงานสูตรเลือกตั้ง
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ว่า ตอนนี้การหาเสียงเริ่มโจมตีกันรุนแรงมากขึ้น ระดับผู้นำพรรคเล่นงานคนที่คิดต่างด้วยท่าทีก้าวร้าว ขับไล่ไสส่งให้ไปจากแผ่นดินไทย ขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่ประกาศกร้าวตัดขาดที่จะร่วมมือกับอีกฝ่าย ที่ตนขอให้ทุกคนทุกฝ่ายร่วมมือกัน ไม่ใช่พูดเอาเท่หรือสร้างจุดขาย แต่รู้สึกและคิดจริงๆ ว่าการเมืองเดินหน้าต่อไปไม่ได้ หากไม่ก้าวข้ามความขัดแย้ง

ตนทำเรื่อง “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” มาก่อนหน้านี้แล้ว ย้อนไปช่วงรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญจากบัตรใบเดียวเป็นสองใบ และแก้ตัวหารคะแนน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จาก 500 เป็น 100 ช่วงนั้นเกิดความขัดแย้งรุนแรง พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเห็นไปทางเดียวกับ ส.ว. ไม่เอาด้วยเพราะมองไม่เห็นว่าแก้แล้วพรรครัฐบาลจะมีโอกาสชนะฝ่ายค้านที่เป็นพรรคใหญ่ได้อย่างไร ขณะที่บางพรรคโจมตี ส.ว. สร้างความเกลียดชังต่อกันรุนแรง

“ตอนนั้นผมเป็นผู้นำ พปชร.มีแรงกดดันมากมายทั้งในและนอกพรรค แม้แต่ผู้นำในทำเนียบรัฐบาลก็ส่งสัญญาณผ่านคนใกล้ชิดว่าต้องกลับเป็นบัตรใบเดียว และปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 เพื่อความได้เปรียบของพรรคร่วมรัฐบาล ตัดโอกาสที่จะชนะของฝ่ายค้านที่เป็นพรรคใหญ่ เป็นผมเองที่เห็นว่าจะใช้อำนาจทำแบบนั้นไม่ได้ ถึงเวลาต้องจัดการให้การเมืองเดินหน้าโดยยึดหลักการประชาธิปไตย”

ลั่นไม่ได้เป็นเผด็จการจำแลง
ตอนนั้นแม้แต่ใน พปชร.ยังมีแค่ไม่กี่คนที่เข้าใจในแนวทางแบบที่ตนเชื่อว่า “ต้องยืนหยัดในหลักประชาธิปไตย แต่ด้วยความเข้าใจในอนุรักษนิยม” ไปค้นข้อมูลดูได้จะเห็นว่าแม้แต่นายกฯ ตู่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังถูกมองว่าไม่เอาด้วยกับการแก้ไขบัตรเลือกตั้ง ช่วงนั้นนักการเมืองสายตรงนายกฯ ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านชัดเจน เป็นภารกิจที่ยากทีเดียวในการพูดคุยหาทางก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าในหลักการประชาธิปไตยโดย “ฟากอนุรักษ นิยม” ให้ความร่วมมือ ทั้งที่ถูกโจมตีหนักจาก “ฝ่ายเสรีนิยม” แต่ “ผมทำได้”

“แม้วันนี้จะมีคนโจมตีว่าผมเป็นเผด็จการจำแลง ผมอาจอธิบายจิตวิญญาณประชา ธิปไตยในตัวผมยังไม่ชัด ซึ่งเป็นหน้าที่ต้องอธิบายต่อไป วันนี้ประเทศเรายังไม่มีคำตอบอื่น นอกจากทำให้อนุรักษนิยมซึ่งเป็นแก่นของความเป็นชาติ อยู่ด้วยและร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาไปด้วยเสรีนิยม ที่มีความคล่องตัว และได้รับการสนับสนุนจากนานาประเทศมากกว่า ซึ่งผมเชื่อว่าผมทำได้และผมต้องเป็นคนทำ เพียงแต่น่ากังวลอย่างยิ่งเมื่อการหาเสียงที่มุ่งแต่ชัยชนะ โจมตีกันรุนแรง ถึงขั้นขับไสไล่ส่งไม่ให้อยู่ร่วมชาติ เกิดขึ้นอีกแล้ว ทั้งที่ทุกเรื่องมีวิธีการแก้ไข” พล.อ.ประวิตรกล่าว

นั่งรถไฟปราศรัยใหญ่โคราชคึก
ที่ลานไทยมุง ตลาดเซฟวันโคราช จ.นครราชสีมา ตลาดกลางคืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นายเกษม ศุภรานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 1 พปชร. เบอร์ 7 ลง พื้นที่ตรวจความพร้อมการตั้งเวทีปราศรัย ที่จะมีขึ้นเย็นวันที่ 22 เม.ย. พบคนงานกำลังติดตั้งโครงเหล็กหลังเวที เพื่อติดตั้งจอ LED ยักษ์ และเครื่องเสียง รวมทั้งจัดวางเก้าอี้ 25,000 ตัว จัดมุมให้ผู้มาฟังการปราศรัยได้เห็นหน้า พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพปชร.และแคนดิเดต นายกฯ ขณะขึ้นเวทีได้ทั่วถึง

นายเกษม อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่ เผยว่า กำหนดการเวลา 07.10 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะเดินทางด้วยขบวนรถไฟ ขบวนรถเร็วที่ 135 กรุงเทพอภิวัฒน์-อุบลราชธานี โดยเสริมโบกี้พิเศษถึงสถานีรถไฟนครราชสีมา ประมาณเวลา 12.30 น. ระหว่างเดินทางขบวนรถจอดรับ-ส่งผู้โดยสารตามสถานีอำเภอ จะใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยจากบนรถไฟและมีพี่น้องประชาชนมารอให้กำลังใจ

ส่วนการปราศรัยบนเวทีที่ตลาดเซฟวันโคราช เริ่มเวลา 16.30 น. ชมวีดิทัศน์นโยบายพรรคและคณะผู้บริหาร นำโดย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม แนะนำผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมาทั้ง 16 เขต ปิดท้ายด้วย พล.อ.ประวิตร ปราศรัยเป็นคนสุดท้าย

ปชป.โต้จม.ประวิตรฉบับ 9
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ดูแลกทม. กล่าวถึงบทความในจดหมายฉบับที่ 9 ของ พล.อ. ประวิตร เรื่องจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ที่เขียนลงในเฟซบุ๊กเมื่อ 19 เม.ย. พาดพิงถึงปชป.ว่า “หัวหน้าพรรค คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศไม่ยอมให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อ แต่พอถึงเวลาจัดตั้งรัฐบาล ปชป.เข้าร่วมโดยหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่ให้คุณอภิสิทธิ์ลาออกไป โดยมีประโยชน์ของประชาชนมากมายมาอ้าง” ว่า ข้อความที่ พล.อ.ประวิตรเขียนนี้ยังคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะในความเป็นจริงนายอภิสิทธิ์ได้ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคตั้งแต่กลางคืนวันที่ 24 มี.ค.2562 หลังจากทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่าเรามีจำนวนส.ส. ที่ได้รับเลือกตั้งน้อยกว่าเดิม เป็นการแสดงสปิริตความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น

ส่วนการเข้าร่วมรัฐบาลของปชป.ในครั้งนั้น เกิดขึ้นหลังจากมีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ชุดใหม่ และมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2562 จากนั้นได้ประชุมกก.บห.และส.ส.ของพรรค เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2562 มีมติเห็นชอบให้เข้าร่วมรัฐบาลด้วยเสียงข้างมาก 61 คะแนน และเห็นว่าไม่ร่วมรัฐบาล 16 คะแนน

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค ในคืนที่ทราบผลการเลือกตั้งนั้น ปชป.ยังไม่มีหัวหน้าพรรคคนใหม่ กระทั่งเวลาผ่านไปถึง 2 เดือน จึงได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ และผ่านไปเกือบ 3 เดือน ปชป.จึงมีมติร่วมรัฐบาล จึงไม่ใช่เรื่องที่มีหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้วจึงมาบอกให้นายอภิสิทธิ์ลาออก เพื่อที่ปชป.จะได้เข้าร่วมรัฐบาล ดังนั้น ปชป.จึงหวังว่า พล.อ.ประวิตรจะเข้าใจความจริงถึงสาเหตุที่นายอภิสิทธิ์ลาออกจากหัวหน้าพรรค และเข้าใจบริบทของการเข้าร่วมรัฐบาลของปชป. เมื่อปี 2562 ได้มากขึ้น

สภากาแฟ – นายเศรษฐา ทวีสิน พร้อมแกนนำเพื่อไทย ร่วมสภากาแฟที่ตลาดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย โดยชาวบ้านระบุว่านั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับที่ 2 พี่น้องอดีตนายกฯ ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ เคยมานั่งแล้ว เมื่อวันที่ 21 เม.ย.

‘เศรษฐา’เขิน-ปชช.เรียกนายกฯ
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ตลาดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดต นายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธาน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และนายพานทองแท้ ชินวัตร ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร หาเสียง บรรดาแม่ค้าในตลาดต่างตะโกนเรียกนายเศรษฐา “ท่านนายกฯ” เป็นระยะ บางส่วนกล่าวชื่นชมว่า “นั่งอยู่ในดวงใจมานานแล้ว” นายเศรษฐากล่าวตอบว่า “เขินครับ เขินมาก”

นายเศรษฐาและคณะร่วมวงสภากาแฟ นั่งดื่มโอเลี้ยงกับชาวบ้านในตลาด มีชาวบ้านแซวว่า “คนที่เป็นนายกฯ ต้องนั่งโต๊ะนี้ทุกคน สมัยนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เคยนั่งตรงนี้ ตอนนี้นายกฯ เศรษฐามานั่งตรงนี้แล้ว”

ต่อมาเวลา 09.40 น. ที่ลานตลาดหน้าโรงแรมราชาโฮเทล แอนด์ รีสอร์ท อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายเศรษฐานำเปิดปราศรัยว่า หากพท.เป็นรัฐบาลจะทำให้รายได้โตขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี พร้อมไปเปิดตลาดใหม่ในต่างประเทศ ปุ๋ยอินทรีย์จะราคาถูกลง จะบริหารจัดการยาเสพติดให้หมดไปภายใน 1 ปี เปลี่ยนผู้เสพเป็น ผู้ป่วย เรื่องยึดทรัพย์เป็นเรื่องสำคัญสุด เราจะแก้ไขกฎหมายให้แข็งแกร่ง แล้วจับให้หมดสิ้นแผ่นดินไทย ถ้านายกฯ มาจากพท. ตนจะเป็นเจ้าภาพเอง นั่งหัวโต๊ะแล้วบริหารจัดการยาเสพติดให้หมดสิ้นซากไปจากพี่น้องประชาชน

คิดฮอด – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย วิดีโอคอลฝากความคิดฮอด ระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ อีกคนของพรรค เปิดเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครส.ส.ที่ริมแม่น้ำโขง จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 21 เม.ย.

‘อิ๊ง’ลั่นรถไฟเร็วสูงมาแน่
เวลา 11.30 น. นายเศรษฐา พร้อมคณะมาปราศรัยใหญ่เวทีที่ 2 ที่ริมโขงบ้านสะเงียว ต.กวนวัน อ.เมือง จ.หนองคาย ช่วยผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย ทั้ง 3 เขตหาเสียง ได้แก่ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เขต 1 เบอร์ 6 น.ส.ชนก จันทาทอง เขต 2 เบอร์ 9 และ นายเอกธนัช อินทร์รอด เขต 3 เบอร์ 4

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พท. และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยผ่านระบบซูมว่า สวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่รักทุกคนเด้อ คิดฮอดกันบ่ ทางนี้คิดฮอดหลายแท้ หวังว่าจะได้เจอพี่น้องอีก คราวก่อนได้ไปหนองคายมาแล้ว รอบหน้าไปอีกครั้งหวังว่าจะได้เป็นรัฐบาลพท.แล้ว อีสานคือบ้านของ พท. อุ่นใจเพราะพี่น้องต้อนรับเราดีทุกรอบ หนองคายมี 3 เขต ขอแลนด์สไลด์ทั้ง 3 เขตเข้าไปแก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้อง ถ้าเราเป็นรัฐบาลชาวอีสานทำงานเหนื่อยน้อยลง แต่มีตังค์มากขึ้น ส่วนรถไฟความเร็วสูงวางแผนไว้ตั้งแต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าพท.เป็นรัฐบาล เราจะทำให้เกิดขึ้นอีกครั้ง

นายเศรษฐาปราศรัยว่า มีคนพูดว่าภาคอีสานคือบ้านหลังใหญ่ที่สุดของพท. ตนไม่เข้าใจความรู้สึกถ่องแท้กระทั่งได้มาเหยียบที่นี่ด้วยตัวเอง จึงได้รู้ว่าความรักที่พี่น้องมีให้มันมากขนาดไหน ตนขอวิงวอน อ้อนวอน ให้คำมั่นสัญญาว่าพวกเราทุกคนจะไม่ทำให้ ทุกท่านผิดหวัง เราจะอุทิศเวลาทั้งหมดที่มีอยู่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ดูแลจิตใจของชาวหนองคายทุกคน ขอความกรุณาว่าวันที่ 14 พ.ค. เราต้องการให้ผู้สมัคร ส.ส.หนองคายทั้ง 3 เขต เข้าไปรับใช้พี่น้องอย่างเต็มที่ ขอให้กาพท.ทั้งคนทั้งพรรค

‘เสี่ยนิด’เมินคลิปล้อเลียน-แซะป้อม
นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์กรณีที่รทสช. ทำคลิปล้อเลียนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า ก็ดี ช่วยกันขยายความเรื่องนโยบายเรา แสดงว่ามันคงต้องโดน ไม่เป็นไร ไม่คิดอะไรมากมาย รทสช.ไม่ใช่ศัตรูของตน แต่ตนย้ำหลายรอบแล้วว่าศัตรูของตน คือความยากลำบากของพี่น้องประชาชน ความไม่เสมอภาค ความ ไม่เท่าเทียม เรื่องอื่นตนไม่สนใจจริงๆไม่ขอ คอมเมนต์ เรื่องการหาเสียงด้วยวิธีนี้ วิธีใครวิธีมัน ไม่ได้ใส่ใจเลย หากเขาคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้องก็ทำไป เราเคารพวิธีการทำงานของทุกคน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพปชร.โชว์นโยบายอีสานพลังประชารัฐ ประกาศแลนด์สไลด์ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนคิดว่านโยบายที่พท.ออกไปเพียงพอแล้ว ส่วนพปชร.จะพูด จะทำอะไร เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคนอีสานจะรู้ทันและฉลาดพอ เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง เราตั้งใจเดินหน้าต่อไป ต่อข้อถามกรณี พล.อ.ประวิตร ออกจดหมายฉบับที่ 10 ระบุว่าการเลือกตั้งที่ได้เป็นบัตร 2 ใบ เพราะตัวเองมีคอนเน็กชั่น นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบ คิดว่าการออกบัตรเลือกตั้ง 2 ใบผ่านการพิจารณาของสภา เป็นไปตามกลไกของประชาธิปไตย ตนไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลัง เบื้องหน้า แต่ตนดูแค่ระบบที่ทำให้บัตร 2 ใบออกมาได้ว่าระบบต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ต่อข้อถามว่าการที่พล.อ.ประวิตรออกจดหมายเช่นนี้ เป็นการตัดความเชื่อมั่นของ พท.หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบ หัวใจของพท.ยึดโยงประชาชนเป็นหลัก เราไม่เอารัฐประหาร เราเป็นเหยื่อของการทำรัฐประหารอย่างไม่ถูกต้อง ก็ไปดูเอาเองแล้วกันว่าใครทำรัฐประหาร เป็นเรื่องที่ประชาชนตัดสินเองได้ เมื่อถามว่าพล.อ.ประวิตรระบุในจดหมายแต่ละฉบับถึงเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า “ออกมาฉบับเดียวก็พอแล้ว เพราะเหมือนกันทุกฉบับไม่เป็นไรครับ ท่านชอบเขียนก็รับฟัง เราเป็นมิตร วิธีการที่พปชร.หาเสียง เราก็รับฟังด้วยความเคารพ”

เย้ยพปชร.-รทสช.แค่เรือเล็ก
เวลา 16.00 น. ที่ลานกีฬากลางเชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย นายเศรษฐาปราศรัยช่วยผู้สมัครหาเสียงว่า ตอนหนึ่งถึงปัญหาค่าไฟที่มีราคาแพงว่า อากาศร้อนเจอบิลค่าไฟก็หนาวแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลต่างก็บอกว่าถ้าได้กลับมาจะแก้ปัญหาให้ แต่เหตุใดวันนี้เป็นรัฐบาลอยู่ ทำไมยังไม่ทำ ถ้าเกิดว่าทำได้จริงทำไมไม่ทำตั้งแต่วันนี้ ตนคิดว่าพวกท่านไม่มีโอกาสได้กลับเข้ามาอีกแล้ว จากนี้เป็นหน้าที่ของพท. เพราะปัญหาของพี่น้องประชาชนต้องทำทันที อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ความเดือดร้อนของประชาชนอยู่ในหัวใจของพรรค พท.ทุกคน

ต่อมาเวลา 18.30 น. เป็นเวทีปราศรัยจุดที่ 4 เวทีสุดท้ายของวัน ที่สนามกีฬา ร.ร.บ้านวังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลย นายเศรษฐาปราศรัยว่า มีคำถามตลอดเวลาว่าพท.จะไปร่วมกับพปชร.และรทสช.หรือเปล่า เราพูดหลายหน ว่าพรรค พท.ตั้งใจเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ไม่ต้องการร่วมกับพปชร. และรทสช. ขอให้พี่น้องชาวเลยร่วมเป็นสักขีพยานว่าเราไม่ร่วมกับสองพรรคนี้ เพราะสองพรรคนี้มีส่วนร่วมในการทำรัฐประหาร ปล้นอำนาจอธิปไตยจากประชาชน พท.เป็นเรือใหญ่ พรรคพวกนี้เป็นเรือเล็กพายอยู่ข้างๆ ดังนั้นไม่ต้องมาอยู่ใกล้กัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่ร่วมกันแน่นอน

กกต.ชี้นโยบายลวง-ยุบพรรคได้
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณี 70 พรรคการเมืองส่งรายละเอียดนโยบายหาเสียงตามมาตรา 57 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ต่อกกต.แล้วว่า หลังจากนี้สำนักงานกกต.ต้องศึกษาว่าทั้ง 70 พรรคที่เสนอมามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรโดยเร็ว ทราบว่าสัปดาห์หน้าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมกกต. ตามมาตรา 57 ระบุหากเห็นว่าข้อมูลที่พรรคส่งมายังไม่ครบถ้วน จะให้โอกาสส่งข้อมูลเพิ่มมาอีกครั้ง แต่หากส่งไม่ครบภายในระยะที่กำหนดจะปรับวันละ 1 หมื่นบาท แต่ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท

ถ้าผลออกมานโยบายหาเสียงไม่ถูกต้อง ถือว่าเข้าข่ายความผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 73 (5) หลอกลวงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรค เป็นเหตุให้นำไปสู่การพิจารณายุบพรรคได้ตามกฎหมาย การพิจารณาเกี่ยวกับการกระทำ ความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กกต.สามารถตรวจสอบได้เลยเนื่องจากกฎหมายกำหนดว่ากกต.พบความปรากฏ หรือจะรับเรื่องร้องเรียนก็ได้

“หลักการพิจารณานโยบายพรรคการเมืองมีอยู่ 3 ข้อคือ 1.ระบุวงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงิน 2.ระบุความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย 3.ระบุผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย เรื่องนี้ต้องใช้องค์ความรู้หลายๆ ด้าน อาจใช้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้วย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และมีความจำเป็น จะวินิจฉัยไปโดยไม่ได้ดูภาพกว้าง หรือฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญคง ไม่ได้” นายอิทธิพรกล่าว

แจงส่งผู้แทนสังเกตการณ์
วันเดียวกัน สำนักงานกกต. ชี้แจงว่าตามที่ได้มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งส.ส. ในวันที่ 14 พ.ค. โดยพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครประสงค์จะส่งผู้แทนเพื่อสังเกตการณ์การออกเสียงลงคะแนน หรือการนับคะแนน ให้ยื่นหนังสือขอแต่งตั้งผู้แทนของตนต่อกกต.ประจำเขตเลือกตั้ง ภายในวันที่ 28 เม.ย. โดยให้แต่งตั้งเพื่อประจำที่เลือกตั้ง ที่เลือกตั้งกลาง หรือสถานที่นับคะแนนบัตรเลือกตั้ง ได้ แห่งละ 1 คน โดยผู้แทนพรรคการเมืองต้องอยู่ในที่ ซึ่งจัดไว้ ณ ที่เลือกตั้ง ที่เลือกตั้งกลาง หรือสถานที่นับคะแนนบัตรเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี ซึ่งสามารถมองเห็นการปฏิบัติงานได้

โดยห้ามไม่ให้กระทำ หรือกล่าวโต้ตอบกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง(กปน.) กรรมการประจำที่เลือกตั้งกลาง กรรมการนับคะแนนบัตรเลือกตั้ง หรือระหว่างกันเอง หรือบันทึกภาพการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ หรือการออกเสียงลงคะแนน ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง และต้องปฏิบัติตามที่กปน. กรรมการประจำที่เลือกตั้งกลาง หรือกรรมการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งกำหนด

หากมีการฝ่าฝืน ให้กปน. กรรมการประจำที่เลือกตั้งกลาง หรือกรรมการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งตักเตือน หากยังฝ่าฝืนอีกให้มีอำนาจสั่งให้ผู้แทนพรรคการเมืองออกไปจากที่เลือกตั้ง ที่เลือกตั้งกลาง หรือสถานที่นับคะแนนบัตรเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี โดยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่ง และให้บันทึกไว้ในรายงานเหตุการณ์ประจำที่เลือกตั้ง

ศาลสั่งปปช.เปิดคดีนาฬิกาป้อม
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ศาลปกครองกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และคณะ กรรมการป.ป.ช. เปิดเผยรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรทราบ กรณีไม่แสดงว่ามีนาฬิกาข้อมือและแหวนประดับหลายรายการของ ป.ป.ช. รวมทั้งความคิดเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทุกคนที่รับผิดชอบในการไต่สวนดังกล่าว และรายงานการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ให้แก่ นายวีระ สมความคิด ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา

ศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผลว่า เมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารฯ ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวตามคำขอของนายวีระ และมีผลผูกพันให้สำนักงาน ป.ป.ช. และ ป.ป.ช.ต้องปฏิบัติ ตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ดังนั้น การที่สำนักงาน ป.ป.ช. และป.ป.ช.ไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแก่นายวีระ จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เเลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า หากศาลปกครองส่งคำวินิจฉัย อย่างเป็นทางการมาให้สำนักงานป.ป.ช.แล้ว จะต้องสรุปเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะ กรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณา ว่าศาลปกครองมีคำพิพากษาอย่างไร ให้เปิดเผยอย่างไร ส่วนจะเปิดเผยหรือไม่ถือเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการป.ป.ช. เราจะเปิดโดยอัตโนมัติไม่ได้ แต่โดยปกติหากศาลปกครองมีคำพิพากษาถึงที่สุด ป.ป.ช.ก็ปฏิบัติตามเพราะถือว่าศาลเป็นคนบอกให้เปิด ฉะนั้น อะไรที่จะเกิดขึ้นศาลปกครองก็ต้องรับผิดชอบไป ไม่เกี่ยวกับป.ป.ช.

บุกแปดริ้ว – นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ขึ้นรถแห่เดินสายปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.ในจ.ฉะเชิงเทรา ท่ามกลางชาวบ้านมาฟังนโยบายจำนวนมาก เมื่อวันที่ 21 เม.ย.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน